โดนรถเฉี่ยวที่เวียดนาม

เรื่องนี้แค่อยากเล่าไว้เป็นอุทธาหรณ์กับเพื่อนๆนะครับ ว่าความซวยมันไม่เข้าใครออกใคร จะเกิดที่ไหน เมื่อไหร่ไม่ใครรู้เลย อย่างเราซวยหนักหน่อย เพราะไปเกิดถึงเวียดนามโน่น
ด้วยความที่เวียดนามนั้นวุ่นวายไม่ได้ต่างจากบ้านเราเลย คนก็เยอะ รถก็แยะ โดยเฉพาะรถมอไซค์ ที่เยอะมากๆ หยั่งกะเด็กแว้นซ์ครองเมือง แต่ละคันก็ขับรถเร็วเหลือเกิน ก็เลยทำให้เกิดเรื่องขึ้น คือเราถูกรถมอไซค์เฉี่ยว (เอ๊ะ! ทำไมเหมือนบ้านเราเลย) สรุปก็คือเจ็บไปตามระเบียบ ดีนะแข้งขาไม่หัก แต่ก็ถลอกเยอะอยู่ ความซวยยังไม่จบเพราะไอรถคันนั้นขับหนีไปหยั่งกะจรวด ตามตัวไม่เจอ เราก็ต้องไปหาหมอเองหน่ะสิ ไปก็ลำบาก ไปถึงก็กว่าจะคุยกับเค้ารู้เรื่องยิ่งลำบากกว่าเดิมอีก หมอเค้าก็พูดภาษาเค้า เราก็พยายามพูดอังกฤษ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องตั้งนาน ไหนจะเรื่องค่าหมอค่ายาอีก เราก็ต้องจ่ายเองหน่ะสิ แล้วไปหาหมอเมืองนอก มันถูกซะที่ไหนล่ะ เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ เจ็บใจค่ารักษาบานเลย
อันนี้แค่มาเล่าให้กันฟังว่า ใครจะไปรู้อ่ะเนอะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้ายังไงก็ตัวเตรียมตัวเตรียมใจเตรียมอะไรให้พร้อมๆละกัน เพราะบางอย่างอาจจะมาเซอร์ไพรส์แบบนี้ก็ได้ อย่างไอตอนซื้อตั๋ว มันก็ถามนะว่าจะซื้อประกันสายการบินเปล่า มั่นใจไง ติ๊กออก เลยเป็นไงล่ะ ได้เลือดกันไป ถ้าติ๊กไว้อย่างน้อยก็คงช่วยไรได้บ้างแหละ นี่เข้าเนื้อเลย เที่ยวก็ไม่ได้เที่ยว ตังค์ก็จ่ายเอง อะไรจะซวยขนาดน้านนน

ความคิดเห็นที่ 1
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ และขอให้เดินทางครั้งต่อๆ ไปอย่างราบรื่นค่ะ

ที่จริงการข้ามถนน เดินถนนในเวียตนามไม่ว่าเมืองไหนๆ ไม่ยากนะคะ ถ้ารู้จังหวะ
การข้ามถนนในเวียตนามง่ายกว่าข้ามถนนที่เมืองไทย หรือ ศรีลังกา หรือจีน หรือ อินเดียค่ะ

ที่เวียตนามรถมอเตอร์ไซค์เยอะก็จริง แต่การข้ามถนนเป็นไปอย่างง่ายดาย ด้วยระบบวัดใจ รถหลบคน คนหลบรถ
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปค่ะ

คนเวียตนาม ไม่ชอบทำอะไรเอ้อระเหย ไม่โอ้เอ้ค่ะ เพราะเขาต้องทำมาหากินตัวเป็นเกลียว ปากกัดteenถีบ
เป็นเรื่องปกติมาก ถ้าจะพบว่าคนเวียตนามมากมาย มีงานมากกว่า 2 งานขึ้นไป กลางวันทำงาน เย็นทำอีกงาน
หรือค่ำทำอีกงานค่ะ เพราะฉนั้นชีวิตของเขาเร่งรีบค่ะ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 1