ที่เยอรมันที่เค้าผลิตรถเบ้นนี่ เค้าขายเท่าไหร่ครับ เป็นรถคลาสไหน

ของบ้านเราขาย หลายล้าน ประเทศผู้ผลิตเลยเค้าซื้อกันได้ราคาเท่าไหร่ครับ ถ้าซื้อถูก หมายถึงเป็นรถของพนักงานธรรมดาๆทั่วๆไปใช่ไหมครับ

ความคิดเห็นที่ 1
รถที่เยอรมันนีราคาไม่สูงเท่าเมืองไทย เพราะเรื่องภาษีนำเข้าค่ะ
หลายคนนิยมซื้อรถมือสองที่ใช้มาซักสองปี สภาพยังแจ๋ว ไมล์ยังไม่มาก แต่ราคาถูกกว่ามือหนึ่งมากมาย

แน่นอนค่ะ ถ้าคุณทำงานในบริษัทรถนั้น ย่อมได้สิทธิ์ซื้อในราคาพิเศษ หรือได้สิทธิจองรุ่นใหม่ๆ ในราคาพนักงาน ทำงานในบริษัท supplier ก็ได้ เช่น บริษัทสีรถยนต์ พนักงานระดับโรงงาน เช่นประกอบรถในโรงงานก็ซื้อได้ค่ะ ไม่เฉพาะพวกนั่งออฟฟิส

หากคุณไม่ใช่พนักงาน ทำงานในบริษัทอื่นก็มีสิทธิ์ซื้อในราคาพิเศษเช่นกัน อันนี้จะมีข้อตกลงระหว่างบริษัทกับบริษัท เช่นฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายบุคคล ซือ้กันล็อตใหญ่ๆ

ในบริษัทชั้นนำของเยอรมันนีหลายแห่ง ในระดับผู้จัดการ/หัวหน้าแผนก บริษัทจะให้เลือกรถประจำตำแหน่งได้ค่ะ (ตามราคาที่กำหนดตามระดับตำแหน่ง) บางที่ให้เลือกยี่ห้อได้ด้วย แตกต่างกันออกไป


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
อยากรู้มานานแล้วว่า ต้นทุนรถยนต์ที่แท้จริงจากโรงงานตกราคาคันละเท่าไหร่ และตัวแทนจำหน่ายที่นำรถยนต์มาจำหน่ายนั้น ตั้งราคาขายไว้สูงกว่าราคาต้นทุนกี่เปอร์เซนต์


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เปิดดูราคาในเว็บก้อได้ค่ะ แต่ถ้าคุณจขกท. ไม่รู้เรื่องระดับรายได้ในเยอรมัน ก้อคงไม่เข้าใจว่ามันคือสำหรับคนเงินเดือนระดับไหน

ปล. รถที่นี่ไม่ขายเหมือนเมืองไทย ของไทยคือมีอุปกรณ์ครบทุกอย่างแล้วก้อคิดราคารวมไปเลย ที่เยอรมันส่วนมากเริ่มจากแค่โครง แล้วเพิ่มราคาไปเรื่อยๆ ตามออฟชั่นที่ต้องการ อยากไอ้แอร์ ได้ฮีทเตอร์ สีแบบไหนก้อบวกกันไป แล้วดูว่ายอดรวมเท่าไหร่

คนขับเบนซ์ ส่วนมากก้อจัดว่ารายได้พอสมควร ถ้าเงินไม่เยอะก้อคงไปขับพวกรถรุ่นเล็ก อาจจะแบรนด์ฝรั่งเศส หรือรถออฟชั่นน้อยๆ แต่เท่าที่เห็น คนขับเบนซ์มักจะเป็นคนสูงอายุหน่อยนึง วัยไม่แก่มากคือบีเอ็มหรือออดี้

ถ้าอยากนั่งเบนซ์แบบไม่ต้องซื้อ ก้อโบกแท๊กซี่ เพราะรถแท๊กซี่ส่วนมากเป็นรถเบนซ์


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
taxi ที่เยอรมัน นี่ก็เบนซ์นะคะ รุ่นที่ผู้บริหารในไทยใช้นี่แหละคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
รูปคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
แต่ออฟชั่นข้างใน มันอาจจะไ่ม่ได้มาแบบ full ตัวท้อป แบบที่ขายในไทยแพงๆทุกคันใช่ไหมครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
รถไม่แพงแต่นำมันแพงมากตก ลิตรละ๗๐บาทนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7-1
ราคาน้ำมันเมื่อเทียบค่าแรงขั้นต่ำในไทยกับเยอรมันยังถือว่าราคาน้ำมันบ้านเค้าถูกมากนะ
ความคิดเห็นที่ 8
Taxi ที่ให้บริการอยู่ในยุโรปส่วนใหญ่เป็น Mercedes...
ส่วนผู้มีอันจะกินหน่อยที่เห็นส่วนใหญ่ขับ Audi(เหตุผลเพราะเค้าว่าการตกแต่งภายในดูดีและทันสมัยกว่า...อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยม)
เมืองไทยราคารถแพงเพราะภาษีนำเข้ามหาโหด..
แต่ถ้าเทียบราคาในยุโรป Mercedes ก็ยังแพงกว่าหลายๆยี่ห้อ พนักงานธรรมดาๆก็เลือกใช้ Citroen,Saab,Peugeot,Renault...


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
การซื้อรถใหม่จากศูนย์ของแต่ละยี่ห้อเหมือนที่คุณดีใจที่เกิดเป็นคนไทยบอกไว้ แล้วแต่ลูกค้าเลือกว่า่จะเอาออฟชั่นอะไรบ้าง เคยเห็น B Class กระจกประตูหน้าเลื่อนไฟฟ้า กระจกประตูหลังใช้มือหมุน


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ผมให้ความคิดเห็นในเชิงเศรษฐกิจให้เห็นภาพรวมไว้แบบนี้ครับ อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี และชาวเยอรมันเองก็ยังซื่อสัตย์ต่อรถยนต์ยี่ห้อเยอรมันโดยดูได้จากการขายรถยนต์เยอรมันที่มีสัดส่วนของตลาดอยู่ราวกว่า 60% อันดับรถยนต์ขายดีในตลาดผู้ใช้รถยนต์ 1-10 อันดันแรกเป็นรถยนต์เยอรมันและผลิตในเยอรมนีทั้งหมด สัดส่วนที่เหลืออีกกว่า 30% จึงเป็นรถยนต์ของประเทศอื่น เช่น รถญี่ป่นและรถยนต์ยุโรปชาติอื่นได้แก่ Toyota, Nissan, Mazda Citroen, Peugeot, Renault รถยนต์จาก 2 ค่ายนี้มีส่วนแชร์อยู่ในตลาดค่ายละราว 15% ถือเป็นรถยนต์เกรดรองราคาถูกจากรถเยอรมันลงไปอีก

ที่ขายดีที่สุดทั้งในเยอรมนีเอง ในยุโรป และในจีน คือ Volkswagen ปัจจุบันถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกรองจาก Toyota จากนั้นจึงเป็น Opel, BWM, Audi (เอาดี้) และ Benz ตามลำดับ อันดับที่ 9 หรือ 10 จึงเป็นรถยนต์ Ford Fiesta และ Focus ของค่าย GM ที่ผลิตเฉพาะในเยอรมนีเท่านั้น

เฉพาะ Benz นั้นแบ่งรถยนต์ออกเป็น Class ขนาดจากเล็กไปใหญ่ และยังแบ่งเป็นประเภท รถยนต์โดยสาร ไปจนถึงรถบรรทุก รวมทั้งหมดมีมากกว่า 100 รุ่น สามารถเปิดหาดูรูปได้จากเว๊บไซด์มากมาย เมื่อเทียบราคาระหว่างรุ่นต่อรุ่นที่มีขนาดเดียวกัน รถยต์ของ Benz ก็ยังขายแพงที่สุด จนล่าสุดที่มีการเปิดตัวรุ่นเล็ก A Class และ Benz ตั้งราคาถูกกว่า BMW ทำเอาลูกค้าสับสนแถมกลับก่อให้เกิดความไม่เชื่อถือในคุณภาพขึ้นมาเสียอีก เพราะภาพพจน์ของ Benz คือรถยนต์ที่ราคาแพงที่สุด

รถยนต์ในเยอรมันเริ่มขายที่ราคา standard แต่ไม่ใช่มีแต่โครงครับ ราคาที่เริ่มต้นนั้นหมายถึงรวมอุปกรณ์ที่กำหนดว่าต้องมีโดยมาตรฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ความปลอดภัยพร้อมมาพอเพียงแล้ว หมายถึงว่าถึงไม่มี option ก็มีอุปกรณ์ตามความจำเป็น เช่น ระบบเบรค ABS วิทยุ และแม้แต่กระทั่ง heater ส่วนที่เป็น option นั่นจะเป็นสิ่งนอกเหนือความจำเป็น เช่น สีเมทัลลิค, air conditioner, heater ทำความอุ่นที่เบาะนั่ง Navigator หรือ เบาะหนัง กระดุมล้อ เป็นต้น และจะแบ่งเป็นระดับให้เลือกว่าจะเอา package ระดับไหน

ตอนนี้ Benz มีปัญหาเรื่องยอดขายที่ตกลงตามหลัง BMW และ Audi ซึ่งถือเป็นรถยนต์ยี่ห้อมาตรฐานเดียวกัน และไม่ว่ายี่ห้อไหนๆ ขนาดของรถยนต์ที่ขายดีที่สุดจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก และ ปานกลาง เช่น VW polo กับ Golf, Audi A3, A4, BMW ซีรี่ส์ 3 และ Benz C กับ E Class เพื่อไม่ให้เสียส่วนแบ่งในตลาดมากไปกว่านี้ Benz จึงจะผลิตรถยนต์รุ่นเล็กสุด A Class ออกมาเร็วๆ นี้เพื่อจะเอาส่วนแบ่งตลาดคืนมาจาก BMW และ Audi ให้ได้

สรุปได้ว่า ตลาดรถยนต์เยอรมันนั้นยังเหนียวแน่นซื่อสัตย์ในยี่ห้อของตน ทั้งๆ ที่รถยนต์ญี่ปุ่นตีตลาดไปแล้วทั่วทุกทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกา และ เอเชีย แต่ตีตลาดยุโรปไม่ได้ครับไม่ว่าจะผ่านไปกว่า 40 ปีแล้วก็ตาม

สาเหตุที่ธุรกิจ Taxi ใช้เฉพาะรถยนต์ของ Benz เท่านั้น นอกเหนือจากให้ความรู้สึก privilege ที่นั่งโดยสารมีบริการคนขับแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือความทนทางของรถยนต์ที่เหมาะสำหรับการใช้งานสมบุกสมบันในระยะยาว 20-30 ปีโดยไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ ซึ่งคุณภาพนี้รถยนต์ยี่ห้ออื่นยังไม่สามารถเสนอให้ได้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการเอารถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ มาทำ Taxi ให้เห็นกันบ้างแล้วเนื่องจากสนนราคาถูกกว่า แต่ไม่กี่ปีก็จะมีปัญหา บริษัท Taxi ส่วนใหญ่ก็ยังคงยึดมั่นซื่อสัตย์อยู่กับ Benz ต่อไป

ที่ คห 9 คุณ Brunett บรรยายถึง Benz รุ่น B Class ที่ข้างหน้าเป็นระบบกระจกไฟฟ้า ข้างหลังเป็นระบบมือหมุนนั้น มีจริงครับในช่วงกระผลิตเริ่มแรก ปัจจุบันนี้กระจกไฟฟ้าถือเป็นอุปกรณ์อยู่ใน standard ครับ ถ้าเป็นไปได้คุณช่วยบอกรุ่นและปีผลิตมาด้วยก็จะดีครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
วัดจากตัวเองและคนรอบข้าง มีรายได้ปานกลาง
ขึ้นไปก้อซื้อได้แล้ว แต่ก้อไม่ค่อยนิยมซื้อ เพราะราย
ได้ระดับนี้จะซืี้อได้ที่รุ่น cหรือe คลาส ซึ่งเป็นรุ่นเดียว
กับ Taxi ฉะนั้น จะหันไปซื้อ Audi หรือ bmw มากกว่า

หากรายได้ดีค่อนข้างสูง จะซื้อรถเบนซ์รุ่นท็อปไปเลยค่ะ
สปอร์ต เปิดประทุน เครื่องแรงๆกันไปเลย หรือไปรถสปอร์ต
ยี่ห้ออื่น คนที่ใช้ c หรือ e คลาส นอกจาก Taxi แล้ว
เห็นแต่คนแก่ๆ แต่ปัจจุบัน คนแก่เองกันมาใช้ a คลาส
มากขึ้นนะ ้เพราะเล็ก จอดง่าย และยังมียี่ห้อเบนซ์แปะอยู่
ให้ชื่นใจ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เรื่องปัญหาที่จอดรถสำหรับรถใหญ่นั่นก็ใช่ส่วนหนึ่งครับ แต่เหตุผลหลักที่คนยุโรปนิยมใช้รถเล็กหรือปานกลางเพราะค่าน้ำมันแพงกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วยการเก็บอัตราภาษีสูงลิ้วเกิน 70% ของราคาน้ำมันต่อลิตร เหมือน คห 7 บอกแหละครับ ราคารถยังไม่เท่าไหร่จ่ายแค่ครั้งเดียว แต่ค่าน้ำมันนี่สิที่ขึ้นไม่หยุด รถใหญ่จึงผลิตมาไว้ขายให้กับประเทศที่น้ำมันราคาถูก อย่าง อเมริกา เอเชีย หรือ ประเทศอาหรับร่ำรวยน้ำมัน

จะหันไปซื้อ Audi ก็ต้องรับทราบไว้ด้วยครับว่า Audi และ Porsche นั้นถูก VW ซื้อไปแล้ว ขิ้นส่วนหลักๆ ของรถยนต์จึงมาจาก supplier เดียวกัน แต่กลับต้องจ่ายแพงมากกว่าเพราะยี่ห้อ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
สาเหตุที่ taxi เป็น benz เยอะ เพราะ ได้ส่วนลดที่มาก จากคนซื้อทั่วไป เพราะ รถ taxi ปกติ จะมีอายุใช้เงาน ประมา 4- 5 ปีเท่านั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
นั่นสิๆ เดี๋ยวนี้ vw ยิ่งใหญ่มากกก มาจากที่เดียว
กันแต่ถูกกว่า คงมีแต่ seat (ถ้าจำไม่ผิด)


ตอบกลับความเห็นที่ 14