อยากทราบบรรยากาศการรับปริญญาของแต่ละประเทศค่ะ

ช่วงนี้เป็นช่วงรับปริญญาของเพื่อนๆหลายๆคนค่ะ
เห็นบรรยากาศที่ประเทศไทยแล้ว ให้นึกสงสัยถึงบรรยากาศเมืองนอก

ไอ้ตัวเรานั้นก็ไม่เคยได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศอะไร ก็เลยอยากรู้ถึงบรรยากาศของหลายๆประเทศบ้าง

เช่น รับกี่วัน วันซ้อมอะไรแบบไทยนั่นมีไหม ความรู้สึกต่อการรับปริญญา เช่น ในไทย รู้สึกว่าจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ และมีเกียรติมากกกกกกก ซึ่งคาดว่าต่างประเทศอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกัน(?) ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ กับงานรับปริญญา หรือ บังคับแต่งตัวอะไรไหม? เป็นต้น

ปล.อยากทราบกำหนดที่ประเทศไทยเหมือนกันนะคะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซ้อมกี่วัน หยุดอะไรกี่วัน อะไรแบบเนี้ยน่ะค่ะ

อยากลองถามจากคนมีประสบการณ์ดูค่ะ ^^

ความคิดเห็นที่ 1
สำหรับเดนมาร์คมีแค่หมวกใบเดียวสีขาวๆแตกต่างกันแค่สีที่คาดว่าเป็น

สีอะไร บ่งบอกถึงสาขาที่เรียนมาและก็แค่รับกับครูตอนที่รู้ว่าสอบผ่าน

ไม่มีพิธีรึตรองอะไร หลังจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถบรรทุกใหญ่ทั้งชั้นรวม

กันแห่รอบเมือง เต้นไชโยโห่ร้องกับความสำเร็จ กับอนาคตที่มีงานทำ

แน่นอน......


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ที่ออสเตรเลีย การแต่งตัวอิสระครับ รองเท้าแตะยังได้ บางคนย้อมหัวชมพูมาทั้งหัว เจาะคิ้วเจาะจมูก ไม่เป็นปัญหา แล้วก็ไม่ต้องซ้อมครับ มาบอกกันวันจริงเลยต้องเดินหยุดตรงไหนบ้าง เวลารับต้องทำยังไง (ให้แตะที่ขอบหมวกก่อนเดินเข้าไปหา Chancellor ซึ่งเป็นคนมอบปริญญาให้เรา) ใช้เวลารวมๆประมาณ 2 ชม ครับ เสร็จแล้วก็ออกมาดื่มแชมเปนฉลองกัน ถ่ายรูปนิดหน่อย (ไม่บ้าคลั่งเหมือนบ้านเรา) เป็นอันจบ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ที่ฮอลแลนด์ ป.โท นี่ก็รับกันในห้องที่เรียนแหละค่ะ แต่งตัวก็ตามใจเลยจะแต่งยังไงก็ได้แต่สุภาพหน่อย
ส่วน Prof.แต่ละคนแต่งตัวมาสอนยังไงก็ตามนั้นเลย..ก่อนรับ Prof.ก็จะพูดนิดนึงว่าเราทำอะไรมาบ้าง จากนั้นก็รับแผ่นกระดาษเป็นอันจบพิธี ..

ป.เอกนี่ต่างกันมาก...ต้องนัดล่วงหน้าเป็นเดือนเลย..พอวัน defense นี่ต้องแต่งตัวเต็มยศทั้งนักเรียนและ Prof.(ชุดครุย)
ต้องมีพยาน 2 คนนั่งข้างๆ ส่วนญาติพี่น้องนั่งด้านหลัง..
defense เสร็จพวก prof.ก็หายเข้าไปในห้อง ออกมาก็มีใบปริญญาที่ม้วนใส่กล่องกลมๆยาวๆมาให้
กล่าวอะไรนิดหน่อยเป็นอันเสร็จพิธี บรรยากาศดูยิ่งใหญ่และขลังดีตามสไตล์ยุโรปค่ะ....


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
คห3คะ แล้วถ้าdefenseไม่ผ่านล่ะค่ะ หรือส่วนใหญ่ผ่านหมด


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ส่วนใหญ่ผ่านค่ะ..เพราะก่อนจะนัดวัน defense นี่ตรวจสอบเช็คแล้วเช็คอีกค่ะว่าทุกอย่างเรียบร้อยจริงๆ
เพราะถ้าไม่มั่นใจว่าจะผ่านเค้าจะไม่ให้ไปนั่ง defense ตรงนั้นแน่นอน เพราะมันจะเสียเวลาเตรียมงานและบางทีเชิญ prof.จากตปท.มาด้วย..

คนที่ไม่ผ่านนี่เราไม่เคยเห็นจริงๆค่ะ ที่ Leiden University นี่ประวัติเป็นร้อยๆปี
เท่าที่เราสอบถามเคยมีไ่ม่ผ่านแค่คนเดียวเอง นานมาแล้วค่ะ 20 กว่าปีก่อน..


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ตอนลูกชายจบปริญญาโท วิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยส่งปริญญาบัตรมาให้ทางไปรษณีย์


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ที่เยอรมันส่วนใหญ่ (เท่าที่เรารู้นะคะ)
ไม่มีพืธีรีตองอะไรเลยค่ะ ไปรับเองที่ฝ่ายทะเบียน ไม่ก็ส่งทางไปรษณีย์

(อาจจะมีบางที่ ที่เราไม่รู้จัก มีพิธีรับ)


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
มาเล่าของออสเตรเลียด้วยคนค่ะ คล้ายๆตามแบบที่คุณ Nostoc บอกค่ะ ของมหาวิทยาลัยตนเองข้างในจะใส่อย่างไรก็ได้ แล้วก็เอาครุยคลุมทับ ปริญญาเอกรับก่อน ตามด้วยโท และตรี ผู้หญิงใส่กางเกงได้

ที่มหาวิทยาลัยตนเองนั้นปริญญาเอกจะมีชุดครุยไม่เหมือนใคร ทุกคณะจะใส่แบบเดียวกันหมด เนื่องจากแต่ละปีแต่ละคณะมีคนจบเอกไม่กี่คน ดังนั้นคนจบเอกก็จะค่อนข้างเด่นเนื่องจากครุยที่ใส่ ตอนตนเองรับมีคนเดินมาถามพอสมควรว่าเรียนอะไร คณะไหน ตอนที่รับ รู้สึกหลายๆอย่างค่ะ ตื่นเต้นดีใจ ประทับใจ ไม่มีการซ้อมล่วงหน้า ประกาศกันสดๆว่าเดินอย่างไร ทำอย่างไร รับใบปริญญาบัตรจาก Vice- Chancellor ตอนรับมีการประกาศหัวข้องานวิจัยว่าทำเรื่องอะไร และกล่าวย่อๆเกี่ยวกับงานวิจัย โดยคณบดีของคณะ หลังจากนั้นเดินออกไปรับปริญญาบัตรกับ Vice- Chancellor ซึ่ง Vice- Chancellor จะพูดแสดงความยินดี จับมือ และถ่ายรูปคู่กัน หลังจากรับเสร็จแล้ว ป เอกทุกคนจะต้องนั่งอยู่บนเวทีร่วมกับอจารย์ท่านอื่นๆของคณะ ทางมหาวิทยาลัยค่อนข้างให้เกียรติคนจบปริญญาเอกมากค่ะ ป เอก จะนั่งอยู่บนเวทีจนเสร็จสิ้นกระบวนการแจกใบปริญญาบัตร ปกติทุกปีทางมหาวิทยาลัยจะเชิญบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคณะมาพูดให้คำแนะนำแนวทางกับบัณฑิต ปีที่ตนเองจบมางมหาวิทยาลัยเชิญนายแพทย์ที่ได้รับรางวัลโนเบลสดๆร้อนมา ส่วน โทและตรี ก็ัรับกันอย่างเฮฮาในห้องประชุม มีการส่งเสียงแซวมาจากเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องบ้าง

การแต่งตัวของญาติพี่น้องไม่มีการบังคับแต่ตนเห็นพ่อแม่ของบัณฑิตในห้องประชุมแต่งตัวสุภาพกันหมด ทางมหาวิทยาลัยให้สิทธิ์บัตรเชิญเพียงแค่ 2 บัตรต่อหนึ่งบัณฑิตสำหรับญาติ ผู้ปกครอง ที่สามารถเข้าร่วมไปนั่งในห้องประชุมระหว่างแจกปริญญาบัตร ของตนเองค่อนข้างโชคดี Prof.ท่านหนึ่งที่คอยดูแลจัดที่นั่ง VIP ให้กับคุณพ่อและคุณแม่ของตนเอง เนื่องจากแกทราบว่าเดินทางมาจากไทย ตอนรับเสร็จแล้วนั่งบนเวทีเห็นหน้า 2 ท่านชัดเจน เห็นคุณพ่อท่านนั่งปาดน้ำตา ทำเอาตนเองนั่งน้ำตาซึมอยู่บนเวทีไปด้วย ออกจากห้องประชุมทางมหาวิทยาลัยเตรียมอาหาร cake , sandwiches, finger food ชา กาแฟ น้ำเปล่า ให้เครือญาติ เพื่อนฝูงและบัณฑิตได้ทาน จัดไว้ดีมากๆค่ะ รู้สึกประทับใจ
ปีของที่ตนเองรับ เป็นปีที่มีคนจบเอกเยอะที่สุดของคณะ และตนเองเป็น international student คนเดียวเข้าร่วมรับปริญญาในรุ่นนั้น

หลังจากนั้น Supervisor พาตนเองและครอบครัวไปทานข้าวค่ะ พร้อมกับเพื่อนๆในกลุ่ม ครอบครัวตนเองมี 5 คน Supervisor จ่ายให้ทั้งครอบครัว เพื่อนๆก็ให้ card กับของขวัญเล็กๆน้อยๆ

การรับปริญญาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่ต้องตื่นตี4-5 ไปแต่งหน้าทำผม ไม่เจอคนมาวางขายดอกไม้ รับที่เมืองไทยก็ประทับใจไปอีกแบบค่ะ ต่างบรรยากาศกัน

ส่วนใครที่ไม่ต้องการเข้าร่วมทางมหาวิทยาลัจจะจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ทั้งในประเทสและต่างประเทศ

ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วดูข่าว ที่มหาวิทยาลัยบอนน์/เยอรมนี นักศึกษาจบใหม่ฉลองรับปริญญาบัตร ใส่เสื้อครุยและสวมหมวกด้วย ตอนก่อนไม่มีพิธีแบบนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
อ่าน ความเห็นคุณ jinjung แล้ว โดยเฉพาะช่วยที่เล่าว่า เห็นคุณพ่อ คุณแม่ ปาดน้ำตา นี่ เราน้ำตาไหลเลย อยากเรียนจบ ปริญญาเอก แบบคุณ jinjung ให้ได้ ^___^


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ที่อังกฤษของ Portsmouth ก็ตามรูปเลยค่ะ ช่วงสัปดาห์ที่แล้วเหมือนรับทั้งสัปดาห์เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
มีครุย มีหมวก มหาลัยจัดให้ไม่ต้องซื้อ ไปมหาลัยตอนเช้าฟัง brief บ่ายรับ โดยเดินขึ้นไปรับกับ dean ที่ละคน ของฮอลแลนด์มีให้เซ็นต์ใบปริญญาด้วย รับเสร็จก็ไปนั่งรอเพื่อน พอเสร็จทุกคนก็ออกไปเฮฮา ดื่มกิน ถ่ายรูปอะไรกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ที่สวิสหรือคะ สมัยดิฉัน จืดชืดมากกกกกกกกกกกกกกก

ตอนเรารับปริญญาที่เมืองไทย โอ้โฮ ทุกอย่างศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว วันแห่งความสำเร็จ เราเป็นดาว เหมือนเพื่อนๆทุกคนที่รับปริญญาวันนั้น ครอบครัว เพื่อนฝูงมายินดีกับเราด้วย แฮ่ๆๆ แต่ไม่ถึงกับต้องมีมงกุฏดอกไม้นะคะ

ดูอย่างไรๆก็เหมือนกับแต่งชุดครุยจะไปเต้นฮาวาย ทำเอาชุดปริญญาหมดความหมายเลยทีเดียว

พอมาได้ที่สวิส โอ้โฮ แตกต่างกันลิบลับ

แค่แต่งชุดที่ดูสุภาพ ในโถงห้องประชุม ซึ่งก็ใช่ว่าจะมีคนเป็นร้อย ประมาณเจ็ดสิบคนได้
ดีนก็จะพูดๆๆอารัมภบท จากนั้นก็เรียกขึ้นไปรับใบ แค่นี้เองค่ะ ไม่มีช่างกล้องของมหาวิทยาลัย ไม่มีการเอางานอย่างบ้านเราทั้งสิ้น

อีกใบ ดร.จัดที่ร้านอาหาร ทานกันสักครู่ ก็จะประกาศว่าใครได้คะแนนเท่าไหร่ เรางี้ใจตุ๊มๆต่อมๆ เพราะว่าเรียกไปเกือบหมดแล้ว ไม่ถึงเราสักที เชิญเรามาทำไมหว่า หากว่าเราสอบตกเนี่ย มาประจานกันหรืออย่างไร

ไชโย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราได้ The second best ค่ะ คนสุดท้ายคือคนที่ได้ที่หนึ่งค่ะ

นี่หละค่ะ วิธีการรับใบของชาวสวิสเยอรมันที่เราไปเรียนที่รัฐนั้น เหมือนแกงจืดผักกาดขาวอ่ะ ไม่มีอะไรที่ขลังเล้ย


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
รับปริญญาเมืองไทยที่สุดในโลกแห่งความเว่อร์ อีกหน่อยคงมีการสวมมงกุฏเพชรแบบนางงาม


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
จริงค่ะขอให้เวอร์ได้อีก รำคาญมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
จะเรียกว่ารับปริญญาในไทยเว่อร์ อาจจะไม่ถูก 100% นะผมว่า
ถ้ามองอย่างกลางๆ ผมคิดว่า การรับปริญญาสำหรับคนเอเชียเป็นเรื่องสำคัญมาก
เพราะเท่าที่เห็นพวกคนจีน คนไทย คนเกาหลี คนมาเลย์ ให้ความสำคัญกับวันรับ และใบปริญญามากกกกกกกก
เคยเห็นเด็กจีนรับปริญญาที่อังกฤษ มากันทั้งครอบครัวจริงๆ บัณทิต 1 คน ญาติอย่างต่ำ 5-6 คนได้มั้ง
ส่วนฝรั่งที่เห็นเฉยๆ นะ ไม่ค่อยตื่นเต้นกันเท่าไหร่ ถ่ายรูปกับสนุกๆ นั่งฟังคณบดีพูดแค่นั้นแหล่ะ


แต่ที่ชอบมากๆ อย่างหนึ่งคือในงานรับปริญญาของฝรั่งจะเชิญคนดังๆ ที่ประสบความสำเร็จมาพูด
ผมเองไม่เคยไปงานนะ อาศัยดูจาก Youtube เอา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ชอบที่ Steve Jobs/Bill Gates/ J.K. Rowling ไปพูดที่งานรับปริญญาในมหาวิทยาลัยของอเมริกา ถ้าจำไม่ผิด Standford, Harvard มั้ง
ผมว่าดีนะ ให้คนที่เคยลำบาก ต่อสู้ และทำความฝันให้เป็นจริง มาให้แง่คิดกับเด็กจบใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าหลังเรียนจบจะเป็นอย่างไร


// เพิ่มนิดหนึ่ง แต่ยังไม่ยืนยันนะ เพราะผู้เขียนยังเรียนไม่จบ ไม่เคยรับของอังกฤษ เหมือนว่าฝั่งอเมริกา รู้สึกจะสบายๆ ไม่ซีเรียส
แต่ของฝั่งอังกฤษ เท่าที่เห็นจะค่อนข้างมีพิธีพอสมควร และมีข้อกำหนดมากกว่า เช่น ห้ามใส่กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ
จัดงานใน Catherdral / Hall ใหญ่ๆ บรรยากาศขลังๆ แบบพ่อมด Harry Potter นั่นแหล่ะ
แต่ว่าไม่ได้ซ้อม หรือเคร่งครัด รัดกุม หรือยาวนานเหมือนเมืองไทย
ประมาณว่า ถ่ายรูปตอนสายๆ เข้าหอประชุม รับเสร็จแล้วก็พูดคุยแสดงความยินดีกัน

ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ความคิดเห็นที่ 16
คุณ seabreeze_psu

อ่านคห.คุณแล้วตื่นเต้นไปด้วยค่ะ ใจจดใจจ่อรอดูวันแห่งความสำเร็จของคุณ

วันใดที่จบแล้วมาตั้งกระทู้ส่งภาพแห่งความปลื้มปิติมาให้ชมด้วยนะคะ

ดิฉันเรียนที่อังกฤษเหมือนกัน นานแล้วค่ะ สมัยที่เรียนด้านแมสมีเดี่ยนั้น ต้องทำให้ได้ครบสามใบ ถึงจะได้ใบปริญญาค่ะ

ดิฉันทำได้สองใบ ใบที่สามไม่ไปสอบดื้อๆอย่างนั้นแหละค่ะ เป็นเพราะว่าเจอเป้าหมายใหม่ เจอสำนักเรียนแห่งใหม่ที่สวิส ตื่นตาตื่นใจในแหล่งเรียนแห่งใหม่

เพราะว่าเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในโลกที่สอนสองภาษาในเวลาเดียวกัน เราอาจเข้าเรียนวันนี้ วิชาเดียวกัน ที่อาจารย์พูดภาษาฝรั่งเศสหรือว่าเป็นภาษาเยอรมันก็ได้

ความสนุกอยู่ตรงนี้ เลยไม่เสียดายสักนิดที่ไม่ได้เรียนจบที่อังกฤษจบครบหลักสูตร

เพราะในเวลาต่อมา ความรู้ที่ดิฉันได้มานั้น ทำให้ดิฉันประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างที่เราต้องการค่ะ

และดีใจที่ว่าเรามีโอกาสที่จะได้เรียนอย่างที่เราอยาก ฮ่าๆๆ แม้จะไม่ได้ใส่ชุดปริญญาที่อังกฤษก็ตาม แต่ดิฉันก็มีความสุขค่ะ

เลยอยากเห็นคนไทยในชุดปริญญาอังกฤษกับเขามั่งค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 17