ถ้าพี่สาวแฟนอยากรับลูกของเราไปเป็นลูกบุญธรรมที่us มีข้อด้ข้อเสียอะไรบ้างคะ ใครรู้ช่วยตอบด้วยค่ะ

พี่สาวแฟนแต่งงานกับคนอเมริกันได้เกือบ20ปีแล้วไม่มีลูก พอดีลูกเรายังเล็กเลยจะให้พี่สาวเค้าทำกรีนการ์ดให้น้องชาย(สามีเราเอง) แล้วค่อยให้สามีเรามาทำกีีนการ์ดหรือus citizenให้ลูกเรา เผื่ออนาคตจะให้ลูกเราไปเรียนมัธยมปลายหรือมหาลัยที่นั่น. ตอนนี้ลูกเรายังเรียนอนุบาลอยู่เลย พอดีพี่สาวแฟนบอกว่ามีวิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ เค้ากับสามีชาวอเมริกันจะรับลูกสาวเราเป็นบุตรบุญธรรม ใช้เวลาทำเอกสารไม่นานมาก แต่ถ้าให้เค้่าสมัครกรีนการ์ดให้แฟนเราใช้เวลา10ปี. จริงๆ10ปีเราก็รอได้นะเพราะจะให้ลูกจบม6หรือม3ก่อนแล้วค่อยไปเรียนต่อที่โน่นถึงเวลานั้นเราคงลาออกมาแล้วไปอยู่ดูแลลูกอย่างเดียวแล้ว ขอถามว่าการที่พี่สาวแฟนอาสารับลูกเราเป็นบุตรบุญธรรมมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างคะ เรารู้ว่าที่ลูกสาวเราได้แน่ๆคือสัญชาติอเมริกัน แต่อยากรู้เหตุผลอื่นค่ะ. แล้วถ้่าตอนลูกโตอายุเกิน21ค่อยมาทำกรีนการ์ดให้พ่อแม่ทีหลังได้ไหม(คำถามนี้ถามเผื่อเล่นๆค่ะ เพราะตอนนี้มีวีซ่า10ปีของusอยู่แล้ว ไม่ซีเรียสเอาไว้ไปเที่ยวยามเกษียณค่ะ)

ความคิดเห็นที่ 1
"ที่ว่าเรารู้แน่ๆว่าที่ลูกสาวเราได้แน่ๆคือสัญชาติอเมริกัน" คำตอบคือ ยังครับ
ลูกสาวต้องได้ใบเขียว Green card ก่อนแล้วจึงจะสอบซิติเซ่นได้ทีหลัง การที่ผู้ถือใบเขียวจะสามารถสมัครเป็นซิติเซ่นได้นั้น ต้องเข้ากับเงื่อนไขดังนี้ คือ หากได้ใบเขียวจากการแต่งงานต้องถือไว้ 3 ปีและยังต้องอยู่กินกับคู่สมรส แล้วจึงจะมีสิทธิ์ขอซิติเซ่นได้ ส่วนการได้ใบเขียวจากกรณีอื่นต้องถือไว้ 5 ปี จึงจะมีสิทธิ์ และเมื่อลูกสามโตถึงอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ก็สามารถยื่นขอใบเขียวให้บิดามารดาได้

ส่วนการรับลูกสาวไปเป็นบุตรบุญธรรมโดยครอบครัวเมกันนั้นทำได้ แต่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆดังที่ว่า ให้พี่สาวหรือพี่เขยที่เป็นเมกันชนไปศึกษา เรื่อง Hague Convention Adoption Process หรือ Non-Hague Adoption Process ให้เข้าใจก่อน เพราะมันมีขั้ขตอนเงื่อนไขจิปาถะตาแป๊ะไก๋อยู่ในนั้นด้วย และขั้นตอนกฏหมายเข้าเมืองของ USCIS


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คนที่ได้ใบเขียวหรือซิติเซ่นจากการเป็นลูกบุญธรรม
เมื่อได้ซิติเซ่นแล้วไม่สามารถขอสิทธิ์ให้พ่อแม่จริงๆได้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าเข้าใจไม่ผิด เด็กต้องเป็นกำพร้านะ แล้วก็ไม่ได้ทำเรื่องง่ายๆ หรอกค่ะ เห็นคนที่เคยทำจ่ายค่าทนายหัวโต แล้วรอเรื่องหลายปีเลยทีเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เรื่องบุตรบุญธรรมต่างประเทศไม่ง่ายนะคะ
เรามีลูกติด แล้วแต่งงานใหม่กับต่างชาติ
เรากับลูกย้ายตามสามีมาอยู่ต่างประเทศ
สามีเราทำเรื่องรับลูกเราเป็นบุตรบุญธรรม
ใช้เวลาตั้ง 3 ปึ แล้ว เอกสารเยอะมากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบค่ะ เพราะดีพี่สาวเค้าเป็นคนขออยากรับลูกบุญธรรมค่ะ ทั้งสองคนสามีภรรยาเป็นus citizenเรียบร้อยแล้วและไม่มีบุตรค่ะ เดี๋ยวจะลองให้พี่สาวเค้าศึกษาเกี่ยวกับHagueดู หรือไม่ก็จะลองให้พี่สาวเค้าทำเป็นกรีนการ์ดให้น้องชายก่อน แต่น้องชายจะได้เพียงกรีนการ์ดแล้วค่อยสมัครเป็นซิติเซ่นทีหลังแล้วน้องชายค่อยทำให้เราและลูกสาวอีกทีใช่ไหม แต่ถ้าสามีภรรยาทั้งคู่เป็นซิติเซ่นลูกที่รับมาจะเป็นซิติเซ่นไม่ใช่หรือคะ เริ่มงงค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ผมก็ตอบเรื่อยเปื่อยไป อย่าคิดมากและเห็นดีด้วยไปทุกเรื่อง

คุณไม่ได้อยู่ในสถานะที่ร่อแร่ จะยอมให้ลูกเป็นกำพร้าพ่อแม่ที่แท้จริงตั้งแต่เด็กหรือ คุณเองจะทนได้หรือ การทำให้พี่มีความสุขที่ได้มีลูกบุญธรรมคุ้มกับความรู้สึกเด็กหรือเปล่า การลงทุนเพื่อที่จะให้ลูกได้เป็นอเมริกันซิติเซ็นด้วยวิธีนี้คุ้มแล้วหรือ เด็กที่โตขึ้นในอนาคตจะมีความผูกพันกับคุณขนาดไหน คุณยอมรับได้ไหม ป้ารับเป็นลูกบุญธรรมไว้ก่อนแล้วค่อยไปตอนโตดีกว่าไหม การเรียนภาษาไทยให้ดีแล้วภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองจะดีกว่าไหม เว้นแต่ไปแล้วไปเลย
แล้วจะรู้สึก


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
กฎหมายของแต่ล่ะประเทศไม่เหมือนกัน

แต่น้องสามี กฎหมายฝรั่งเศส กับโรมันเนีย(ลูกพวกยิปชี)

พ่อแม่ ไม่มีสิทธิในลูกที่ยกให้คนอื่นเลยแม้แต่น้อย แถมถ้าพ่อแม่มาดูลูกยังสามารถแจ้งความได้ ที่รู้เพราะ น้องสามีเรา มาจากครอบครัวที่มีลูกสาว 8 คนแล้วเขาจะฆ่าทิ้งตั้งแต่เกิดต้องคิดระบบคอมมิวนิส(สมัย 20 ปีที่แล้ว) พ่อแม่สามีเลยทำเรื่องอุปการะเพราะสงสาร(ขั้นตอนเราไม่รู้นะ)

แต่ที่รู้ ๆ ตอนมาใหม่ ๆ เขาพยายามติดต่อ แต่พ่อแม่สามีมีสิทธิแจ้งความว่าโดนพ่อแม่ ลูกบุญธรรมคุมคามได้

แต่กฎหมายไทยพ่อแม่แท้ ๆ ยังมีสิทธิแม้ว่าจะยกเป็นบุตรบุญธรรมคนอื่นแล้ว ต้องดูกฎหมายอเมริการดีนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
สงสัยความเห็นที่6ค่ะ จริงๆแล้วพี่สาวแฟนบอกว่าจะเซ็นรับรองบุตรให้แต่จะให้หลานอยู่เมืองไทยอีก10ปีแล้วค่อยให้มาที่อเมริกา. แล้วถ้าลูกได้มาอยู่ที่นี่ดิฉันก็จะตามมาอยูด้วยแบบว่าดิฉันเป็นแม่เต็มตัวแล้วก็มาอยู่กับลูกเป็นครั้งคราวค่ะ แล้วคงเที่ยวไปเรื่อยๆค่ะ ยังไงฉันก็ให้ลูกจบที่ไทยจนได้ความรู้ภาษาไทยแน่นอนค่ะ. เดี๋ยวจะติดต่อพี่สาวแฟนเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้มานะคะ แล้วพอดีคุยกับเพื่อนๆของดิฉันบอกว่าถ้ามีคนมารับลูกเราเป็นลูกบุญธรรมก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร จริงๆคนที่รับลูกเราไปเป็นลูกบุญธรรมต้องคิดแล้วคิดอีกมากกว่า. ยิ่งคนที่รับลูกเราเป็นลูกบุญธรรมเป็นพี่สาวแท้ๆของพ่อ ก็ไม่น่ามีปัญหา เราก็เลยกำลังคิดอยู่ ตอนแรกกะว่าจะให้พี่สาวแฟนลองยื่นขอกรีนการ์ดให้แฟนก่อนค่ะตามที่บอกแล้ว. เราเพิ่งบอกแฟนเรื่องที่พี่สาวเค้่าจะมาทำเรื่องรับลูกเราเป็นบุตรบุญธรรมแฟนเราบอกว่าก็ได้นะ ญาติสนิทกันแล้วพี่เค้าก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะต้องมาพรากลูกไปอยู่กับพี่เค้าเลยในตอนนี้. เดี๋ยวคงให้พี่สาวเค้าเช็คการขอกรีนการ์ดให้น้องชายหรือการรับหลานเป็นบุตรบุญธรรม อย่างไหนง่ายและไม่ลำบากเค้านัก หรือไม่ก็ไม่ทำอะไรเลย รอจนลูกโตแล้วให้ป้าเค้่าขอเป็นผู้ปกครองที่โรงเรียนแทนเท่านั้นค่ะ ขอบคุณทุกข้อมูลนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เนื่องจาก คห 2 ได้เอ่ยถึงว่า ผู้ที่ได้ใบเขียวจากการถูกรับเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อได้เป็นซิติเซ่นแล้วไม่สามารถยื่นขอใบเขียวให้กับพ่อแม่ผู้ให้กำเหนิดอีกต่อไป

จึงขอกลับเข้ามายืนยันว่า ที่ คห 2 กล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว ตามกฏหมาย INA 101 (b) ผู้ที่ได้รับวีซ่าถาวรจากการถูกรับเป็นบุตรบุญธรรม (Adoption) จะหมดสิทธิ์ในการจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับบิดามารดาที่ให้กำเหนิด (Biological parents) อีกต่อไป นอกจากการ Adoption นั้นไม่ถูกต้องตามกฏหมาย

ดังนั้น ในกรณี จขกท จะยกบุตรให้กับผู้อื่น เมื่อบุตรโตขึ้นเป็นซิติเซ่นอายุครบ 21 ปี ก็ไม่สามารถจะยื่นขอใบเขียวให้กับพ่อแม่ที่ให้กำเหนิดของตนเองได้


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
การจดทะเบียนรับลูกคุณ จขกท เป็นบุตรบุญธรรมที่เมืองไทยทำได้ง่ายครับ
แต่ะจะมาเป็นบุตรบุญธรรมของคนอเมริกันนั้นยากครับ
เพราะเด็กต้องอยู่ในความดูแลของพ่อแม่บุญธรรมอย่างน้อย 2 ปี
แล้วยิ่งพ่อแม่จริงเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับผู้ขอและยังมีชีวิตก็ยิ่งยากไปอีก
เคยคิดจะขอหลานมา พอเจอข้อจำกัดเหล่านี้เลยต้องถอย และค่าใช้จ่ายสูงมากกว่าขอลูกติดจากสามีหรือภรรยาครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
จขกท ไม่ต้องสงสัยความคิดเห็นที่ 6 ผมอาจจะอ่านไม่ละเอียดก้ได้ ที่บอกไปเพราะมีคนรู้จักคนหนึ่งรวยล้นฟ้า มีลูกสองคนส่งไปเรียนออสเตรเลียหนึ่งและเยอรมันหนึ่ง คนหนึ่งเป็นหมอคนหนึ่งเป็นวิศวกรทั้งคู่ได้เมียแหม่ม แต่ไม่เป็นไรเพราะก๋งของเขาคนหนึ่งมาจากจีนอีกคนหนึ่งมาจากสิงคโปร์


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
จากความเห็นที่บอกว่าเด็กที่ได้us citizen จะไม่สามารถขอวีซ่าและกรีนการ์ดให้พ่อแม่ได้ใช่ไหมคะ. ดังนั้นถ้าเราจะให้พี่สาวเค้าทำเอกสารดังนี้
1.รับรองบุตรบุญธรรมตามที่เค้าอยากทำให้
2. ให้เค้าขอกรีนการ์ดให้น้องชาย(สามีเราและเป็นพ่อเด็ก). หรืออาจไม่ต้องทำอะไรเลยให้ผู้ใหญ่แล้วผู้ใหญ่ก็ใช้วีซ่าท่องเที่ยว ที่ได้ทีละ10ปีเข้าusแทน
แบบนี้จะดีไหมคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
พอดีไปเจอข้อมูลมาว่า เรื่องการขอวีซ่าโดยใช้สิทธิUs citizen ขอให้พี่น้อง ตามข้อ4 ตามข้อมูลด้านล่าง
" LIMITED FAMILY-BASE
ลำดับที่สี่ Family Fourth Preference (F4) : พี่น้องของซิติเซ่น และคู่สมรส, บุตรธิดา (ถ้ามี) โดยซิติเซ่นที่ยื่นคำร้องจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป"
ขอถามว่า ถ้าให้พี่สาวเค้าทำเอกสารขอให้น้องชาย(สามีเรา),เราและลูกสาวในขั้นตอนเดียวกันเลยได้ไหมคะ
แล้วระหว่างรอเอกสาร10ปีเราจะไม่สามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวเข้าอเมริกาได้อีกยกเว้นว่ามีวีซ่าของเดิมใช่หรือไม่ เพราะเราและแฟนยังเหลือวีซ่าท่องเที่ยวอีก8ปี จะได้ไปขอทำให้ลูกไว้ก่อนเลยเผื่อพาไปเที่ยวได้


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คุณคะ การขอรับบุตรบุญธรรมของอเมริกันซิติเซ่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆค่ะโดยเฉพาะรับเด็กที่เป็นลูกเป็นหลานของตัวเอง โดยเฉพาะในกรณีที่พ่อแม่ของเด็กยังมีชีวิตอยู่ (ไม่งั้นคนที่อยู่ถูกต้องตามกฎหมายก็ยื่นขอรับบุตรบุญธรรมให้ลูกให้หลานกันเยอะแล้วหล่ะค่ะ)

ถ้าพี่สาวแฟนคุณเป็นซิติเซ่นแล้ว ก็ให้ยื่นขอให้สามีคุณเถอะค่ะ รอนานหน่อยแต่ก็ถูกต้องตามระบบ เพราะเมื่อสามีคุณได้คิดว่าทั้งคุณทั้งลูกก็ได้พร้อมกันไปด้วย ถ้าแจ้งข้อมูลไปตามตรงว่าแต่งงานแล้วและมีบุตร


ตอบกลับความเห็นที่ 14