สิ่งที่ได้รับจาก ฝรั่งเดนมาร์ค

เมื่อวันอาทิตย์ก็เปิดร้านขายอาหารตามปกติ

แต่เพียงเปิดร้านตอนสี่โมงเย็นไป พอเปิด

ร้านได้ไม่นานได้ยินเสียงทำงานของคนข้าง

ถนน เสียงเหล็กดังปึงปังก็คิดว่าคนงานเปลี่ยน

หน้าต่างมาทำงาน

ความคิดเห็นที่ 1
อาคารชั้นบนมีโครงการเปลี่ยนหน้าต่างทั้งหมด

หน้าร้านจึงมีอุปกรณ์ทำชั้นเพื่อเป็นคานขึ้นไป

จึงมีเหล็กมากมายกองเต็มข้างถนนหน้าร้าน

ด้านตรงหน้าร้านฉันได้ทำการเปลี่ยนเสร็จแล้ว

เหลือเพียงแค่ถอดเหล็กคานออกเท่านั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
วันหยุดเสาร์อาทิตย์พนักงานก็หยุดตามปกติ

เพราะถ้ามาทำงานวันหยุดค่าแรงก็เพิ่มเป็น 2

เท่า กว่าจะเปลี่ยนหน้าต่างรอบอาคารแห่งนี้

ต้องใช้เวลาร่วม 3-4 เดือนเพราะอาคารสูงถึง

7-8 ชั้น จนทำให้ฉันจำหน้าพวกพนักงานฝรั่ง

ทุกคนที่ทำได้เกือบหมด เพราะบางคนก็เข้า

มากินอาหารที่ในร้านและพูดคุยเรื่องเมืองไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ชอบมาก ชอบเมืองไทยมากจะไปอีกหลายๆหนุ่มบอกฉัน

เรียกว่าเจอหน้ากันก็ตะโกนทักทายกันอย่างสนุกสนาน

แต่มาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22/7ผ่านมาเมื่อเปิดร้านได้สักครู่

ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนทำงานจึงเดินออกมาดูหน้าร้าน

แต่ปรากฏว่า ไม่ใช่กลุ่มเดิมมีเพียงหนุ่มๆ 2 คนยกของ

ขึ้นรถ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
รถสีขาวยี่ห้อเบนซ์แต่เป็นแบบรถบรรทุกของใหญ่หน่อย

ไม่คุ้นหน้าสองคนนี้ ด้วยสติที่รู้ว่าพวกนี้มาขโมยอุปกรณ์

ทำงานของเขาแน่นอน จึงมองหาทะเบียนรถ จำเสื้อผ้า

ของพวกเขา คำนวนอายุ เวลาเท่าไหร่ ตามหลักที่คน

เดนนิสสอนไว้ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไร สิ่งที่ต้องจดจำ

คืออะไร


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
กลับบ้านไปวันนั้นก็ปรึกษาสามีว่า ฉันควรบอกพวกเขาไหม

ว่าอุปกรณ์ทำงานของพวกเขาถูกขโมยไป สามีให้บอกไป

ตามความเป็นจริงเพราะเหล็กแต่ละชิ้นอย่างดีราคาแพงมาก

เขาลงทุนของเขามา พวกมักง่ายมาขโมยไปไม่ถูกต้องควร

ต้องถูกลงโทษตามกฏหมาย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
วันจันทร์รุ่งขึ้นเจอคนงานมาทำงาน ก็ตะโกนทักทายกัน

แล้วถามไปว่าพวกเธอส่งคนมาขนของหรือไม่เมื่อวานนี้

ก็บอกเล่าไปทั้งหมด และมีหมายเลขทะเบียนรถฉันพร้อม

ที่จะเป็นพยานยืนยันให้


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เขาโทรไปรายงานบริษัทฯว่ามีคนมาขโมยอุปกรณ์ทำงานและ

เข้ามาหาฉันในร้านเพื่อเอาทะเบียนรถ หลังจากนั้นเมื่อกลับ

บ้านก็เล่าให้สามีฟังว่า ต่อจากนี้จะมีตำรวจมาหาฉันไหมหรือ

ต้องไปให้ปากคำที่ไหนอีก


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
แกบอกไม่รู้เหมือนกัน จนมาวันพุธตอนกลางวันกำลัง

สาละวนทำอาหารส่งลูกค้า ก็มีฝรั่งตัวโตๆ 2 คนมาพร้อม

กับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ๆ พร้อมกับขอบคุณที่บอกกล่าว

เรื่องคนมาขโมยของ ตอนนี้ข้อมูลทั้งหมดอยู่กับตำรวจ

จะมีตำรวจมาสอบปากคำ และถ่ายรูปฉัน


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
พร้อมกับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปฉันไป ..... ขอบคุณนะที่ช่วยเหลือ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เจ้าของกระทู้ใจดีจังค่ะ ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ สังคมควรมีคนอย่างนี้เยอะๆไม่ว่าที่ไหนก็ตาม


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อาจทำแบบนี้ได้ในบางประเทศที่เจริญแล้วเท่านั้นล่ะมั้งครับ...ลองไปแจ้งตำรวจที่เมืองไทย เผลอๆเป็นพวกเดียวกันกับพวกยกเหล็กเมื่อวานก่อนก็ได้ หรือรู้ถึงหูพวกมันว่าใครแจ้งความ แทนที่จะเป็นช่อดอกไม้อาจเป็นอย่างอื่นหรือโดนแก้แค้นคืนทีหลังก็ได้

การทำความดีในประเทศที่สังคมมันแย่ๆนั้นยากมากน่ะครับ แต่ความกล้าหาญของจขกท.นั้นทำยากยิ่งกว่าเสียอีก ขอชื่นชมและให้กำลังใจแทนดอกไม้ช่อโตอีกช่อก็แล้วกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เรื่องน่าสนใจดีครับ อยากอ่านเรื่องต่อครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ดีจังเลยค่ะ
สังคมเราต้องการคนแบบนี้เยอะๆ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ความคิดเห็นที่ ๑๑

ตำรวจไทยก็รับสมัครมาจากคนไทยนั่นแหละครับ

แสดงว่า...คนไทยทั้งหมดหาคนดีดีไม่ได้เลยสักคนหรือ....?


ตอบกลับความเห็นที่ 14