เที่ยวไปกับสาวโก๊ะ : โมรอคโคจ๋า ฉันมาแล้วจ้ะ ตอนสาม

ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้ว สายลมได้ไปเห็นวิถี และขนบอีกรปแบบหนึ่ง  ที่ดูราวกับหลุดไปเมื่อร้อยปีก่อน

ได้เห็นความยิ่งใหญ่สวยงามของธรรมชาติอีกรูปแบบ มา ตามสายลมไปดูกัน

แต่ก่อนจะไปอ่าน ถ้ายังไม่ได้อ่านตอนหนึ่ง กับตอนสอง ก็ไปอ่านก่อนนะจ้ะ

ตอนหนึ่ง มารู้จักโมรอคโคกันเถอะ
www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E13073947/E13073947.html

ตอนสอง ขี่อูฐ ชมจันทร์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E13089256/E13089256.html
ความคิดเห็นที่ 1
ดาเดสจอร์ส Dades Gorge อยู่เลยที่พัก นั่งรถไปสัก 20 นาทีเอง

รถวิ่งขึ้นไปตามไหล่เขา เห็นแผ่นหิน เห็นเขาถูกกัดกร่อนเซาะ

และสีแผ่นหินที่มีสีส้มจัด สลับกับสีเทา ดูสวยแปลกมาก
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
โจเซฟจอดให้พวกเราลงเดินในช่วงช่องแคบของผนังหินสองด้าน

แผ่นหินสีส้มสวย ขนาบสองด้าน มองไปไกลๆเห็นภูเขา atlas สีขาววอกอยู่ไกลๆ

แล้วเห็นแม่น้ำ Draa ไหลอยู่ข้างๆ
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เพราะเราอยู่ในระดับที่ราบสูงบนภูเขา เราจึงเห็นเขา atlas เพียงส่วนบน

ยอดเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ จึงดูขาวโพลนไปหมด  

ตัดกับผนังเขาอื่นที่แสงส่องเป็นสีส้มเป็นประกาย งามแปลกตามาก
ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ความเห็นส่วนตัว เราว่าที่นี่สวยกว่า Todgha

แต่ที่นี้ไม่มีคนไต่ผนังเขา เพราะคงสูงชันไม่เท่า Todgha

แต่เห็นคนมาเดินอยู่หลายคนเหมือนกัน

กิจกรรมของหมู่บ้าน dades คือ การเดินเทรกกิ้ง

หรือไม่ก็ขี่จักรยานเสือภูเขาเพื่อชมความงามที่ธรรมชาติสร้างสรร

และสูดโอโซนที่แสนบริสุทธิ์  

นอน Kasbahs กินอาหารฝรั่งเศส

อืม สุขจริงๆ อย่างสายลม เป็นต้น อิอิ
ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
จะเห็นที่พักแนว Kasbahs ทั่วๆไป ตาม ดาเดสจอร์ส
ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
หมู่หินที่ถูกกัดเซาะจนมีรูปร่างสวยแปลกตา
ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
หมู่บ้าน ในหุบเขา ที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี

สวยแบบสดใสเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ลาจากเมือง Dades ด้วยเส้นทางที่จากมา

ภาพแปลกสีสวยได้ใจจริง
ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
วิวข้างทาง หินสีส้ม รูปทรงแปลก ฟ้าสีเข้ม เมฆขาวลอยฟ่อง แดดส่องสว่าง

ขนาดถ่ายบนรถ ภาพยังสวยขนาดนี้

ถ้ามาเห็นด้วยตาจริงจะสวยขนาดไหน
ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
รถวิ่งผ่านเขตเมือง เราเห็นมีวงเวียนปลูกกุหลาบ

กำลังออกดอกเต็มไปหมดกำลังจะเอ่ยปากขอจอดรถ

โจเซฟก็พูดว่าจะพาไปดูหมู่บ้านที่ปลูกกุหลาบ แต่หลังจากที่จอดพักรถ

ตาโจเซฟก็บอกว่าไม่ไปแล้ว เพราะหน้านี้ไม่มีกุหลาบ

เราคิดแง่ลบ ว่าทำไม

เพราะพวกเราเข้าไปร้านแถวนั้น และซื้อน้ำมันกุหลาบได้ในราคา 20 dh มาแล้ว
เหตุผลนี้หรือเปล่า


ดอกนี้ได้จากหน้าร้านที่ซื้อน้ำมัน คิดดูที่นี่ก็มีดอก(กุหลาบ)
ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
พอดีมีข้อมูลนิดๆ บอกเผื่อใครจะไปครั้งถัดไป คือตอนนั้นฟังชื่อไม่ถนัดว่าที่ไหน  

แต่ข้อมูลที่มีอยู่  คิดว่าน่าจะเป็นโอเอซีส Skoura  

และที่นี่มี Kasbah Amerhidil ที่เขาว่าสวยมากด้วย  

ไหงน่าคุยกับทัวร์ ขอให้ใส่ในโปรแกรมก็ไม่เลว

อ้อ มีค่าเข้าด้วยนะ ไม่แน่ใจว่า 50 Dh หรือเปล่า

Note รูป-วิวข้างทาง
ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เป้าหมายวันนี้คือเมืองวอซาเซท (Ouarzazate)

ที่ท่องเที่ยวที่ทัวร์ต่างๆแนะนำก็ The Kasbah of Taourirt

กับป้อม ไอท์ เบน ฮาดดู (Ait Benhaddou)

Local ทัวร์เราก็นำเสนอเหมือนกัน

พอลงจากรถ คำบอกของโจเซฟคือไปกินข้าวร้านข้างๆ

ส่วนป้อมทาเริท(The Kasbah of Taourirt)ที่อยู่ตรงข้าม  

ก็ถ่ายรูปข้างนอกก็พอ ไม่ต้องเข้าไปข้างในหรอก เพราะเสียค่าเข้าชม
ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
บางทีก็นะ เสียค่าเครื่องบิน เวลาไปมากมาย

เพื่อมายืนถ่ายรูปหน้าทางเข้า โดยไม่เข้าไป

ด้วยเหตุผลราคาอย่างเดียวเนี่ย

พอผ่านไปก็อดเสียดายเวลา และโอกาสไม่ได้

แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้อ่านข้อมูลว่าป้อมทาเริท(The Kasbah of Taourirt) ดีอย่างไร

แล้วก็หิวข้าวด้วย ก็เลี้ยวไปร้านอาหารข้างๆค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
สีท้องฟ้าสวยจ้งเลยคะ

ตามไปเที่ยวด้วยคนคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เห็นว่ามันก็เป็นบ้าน แบบ Kasbah เช่นกัน แต่เดี๋ยวนี้ดัดแปลงเป็นร้านอาหาร

ก็เลยมีมุมถ่ายรูปสวยเยอะ
ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ยินดีค่ะ คุณกระจ่างเนตร

มื้อกลางวันจะเป็นมื้อที่ต้องจ่ายเอง ครั้งนี้พวกเราสั่งเป็นอาหารจานเดียวต่างคนต่างสั่ง

แต่ไง ไหงสั่งคล้ายกัน ขอเรียกข้าวไก่ย่างแล้วกัน รสชาติไม่เลว  

เขามีแฟรนฟรายส์ด้วย แต่ไม่แถมซอสมะเขือเทศ เลยกินแฟรนฟรายส์ไม่หมด
ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
กินหลายที่ ไม่เคยมีค่าเซอร์วิสชาร์ท แต่ที่นี่ มี 5% เลยบอกกับเพื่อน

ตาบริกรดันเกิดหูเทพแปลภาษาไทยออก

เลยบอกกับเราว่าค่าบริการนั่นไม่เคยถึงมือเขาเลย

เฮ้อ ก็บริการอะไรบ้างล่ะ บอกที่นั่งโดนแดด ก็ไม่เห็นทำอะไร

ดีว่ามีเพื่อนที่กำลังมหาศาล เลยไปยกย้ายโต๊ะ ย้ายร่มกันเอง

จะขอซอสก็ไม่ยอมสบตา

แต่ก็นะ พวกเรามีโอกาสชีวิตดีกว่าเขา ก็ทิปไปอีกเล็กน้อย
ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
กินเสร็จ เหลือเวลา สายลมเลยชวนเพื่อนข้ามถนนไปดูป้อมทาเริท

บ้านป้อมทาเริท (Kasbah Taourirt) ถือเป็นหนึ่งใน Kasbahs ที่สวยที่สุดของโมรอกโค

โดยเคยเป็นที่อยู่ของเสนาบดีใหญ่ตระกูล กลาวี(Glawi) สมัยมาราเกซเป็นเมืองหลวง

แต่ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว
ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
บ้านนี้เขาว่าสวยที่สุด แต่สวยอย่างไรไม่รู้จริงๆ  เพราะได้แค่ยืนอยู่ข้างนอก ถ่ายรูปกับกำแพง

แค่นั้นจริงๆ เพราะราคาค่าเข้าเท่าไร จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้เข้าเลยไม่ได้จ่าย เลยไม่รู้ อิอิ
ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
แถวๆ Kasbah Taourirt มีอาคารที่มีรูปแบบ Kasbah มากมาย

ดูไม่ออกว่าอะไรสร้างใหม่ อะไรของเก่า ที่เลิกใช้แล้ว อะไรของเก่าที่ยังใช้งานอยู่
ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
เราข้ามถนนกลับมาฝั่งที่จอดรถ เลยเพิ่งเห็นว่าตรงนี้มี  Museum cinema ด้วย

เวลาไม่มี ไม่มีเวลา ก็เหมือนเดิม แค่ถ่ายรูปกับทางเข้า

รู้แค่นี่คือทางเข้า แต่ค่าเข้าเท่าไร ไม่รู้

แต่สายลมรู้ ว่าเมืองวอซาเซทถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์

เมืองนี้ มีพวกสตูดิโอภาพยนตร์เยอะ

ก็ต้องมีพิพิธภัณฑ์ทิ้งไว้สักหน่อย
ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ก่อนจะไปต่อ เราเจอหนุ่มเนี่ยกำลังฝึกเต้นเด๊นซ์ ที่เอามาโชว์มิใช่หื่นอะไร

แต่มันแปลกใจ เพราะจะเห็นคนโมรอคโคใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยมิดชิด เพิ่งเจอคนนี้แหละที่ถอดเสื้อ
ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
คราวนี้มาถึงที่พักเร็วมาก แค่บ่ายสามเอง

โชคดีเจอขบวนแห่ ตอนนั้นแลดูน่ากลัว

กลุ่มผู้ชายหมู่ใหญ่เต้นไปมา ใส่หน้ากากรูปปีศาจ

พอเพื่อนเราลงจากรถ มีคนบอกว่าพวกเราเพิ่งมาครั้งแรก

เท่านั้นกลุ่มนั้นก็เข้ามาเต้นล้อมรอบ
ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
เราอาศัยความตัวเล็ก มุดออกจากวงมาดูข้างๆ
ไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนโดนล้อมเป็นไง
แต่สายลมที่ดูข้างๆ รู้สึกสนุก ดูคล้ายประเพณีผีตาโขนบ้านเรา
เขาเต้นและร้อง พอจบพวกเขาดูดีใจ  เดินจากไป
มีใครบางคนบอกพวกเราโชคดี มาครั้งแรกก็ได้เห็นพิธีนี้
สายลมก็ดีใจ แต่ขอดีใจห่างๆนะ
ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ที่พักเราคืนนี้ค่ะ

Dar Chaama    
       
ข้อมูลเวป    http://www.darchamaa.com/en/index_en.html

Dar Chaama  ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้าน นอกเมือง  Ouarzazate

ที่นี่ยังอยู่ใกล้เขา atlas  พอเย็นลง อากาศก็เริ่มเย็นตาม ได้ใส่หยิบเสื้อหนาวมาใส่อีก

ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ที่พักเป็นแบบ Kasbah สมัยใหม่

สวย แต่แฝงกลิ่นโมรอก เต็มเปี่ยม
ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
เจ้าของที่นี่เป็นชาวฝรั่งเศส
บริหารงานแบบมืออาชีพ แบบโรงแรม
ขึ้นมาบนห้องพัก มี welcome fruite
มีน้ำขวด ให้

อิอิ เป็นที่เดียวเลยที่ให้น้ำขวด
ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
อาหารก็อร่อยอีก แต่เป็นสไตล์ประยุกต์ ไม่ใช่สไตล์ฝรั่งเศสแท้

ก็มีทั้งปอเปี๊ยะ และแกงมัสมั่นไก่นี่นา
ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
รู้สึกนึกครึ้ม สามสาวเลยรวมตัวสั่งไวน์มาดื่มแกล้มกับไก่

ไวน์ที่นี่ราคาไม่แพง  ตอนเขียนนี้จำราคาไม่ได้แล้ว  

รู้แต่หมดขวด เหอเหอ นอนหลับฝันดีเลย (^ ^)/
ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
เพราะถึงเร็ว สายลมเลยออกมาเดินชมเมือง

สามสาวแสนมั่น กลายเป็นตัวประหลาดที่คนมอง

พอเราเซย์ไฮย์ น้องๆที่เดินผ่านก็อายม้วนต้วนกันไป
ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
เป็นเมืองที่น่ารัก แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวสูง
เจอเด็กๆเลิกเรียนที่ยังจับกลุ่มไม่ยอมกลับบ้าน
พอเราจะถ่ายรูปโรงเรียน  ก็ตะโกนห้าม
แต่ขาสายลมเดินกลับ กลับเรียกให้ถ่ายรูป
อิโธ่ เจ้ไม่สน  ถ่ายรูปไปตั้งนานแล้วจ้ะ
อยากถ่ายรูปตัวเองอะเด้  รอไปเถอะ แบตหมดจ้ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
เราเดินมาไกลกว่าจะเข้าเขตชุมชน
เจอคนใจดี จะเข้ามาคุย
แต่มีประเด็น เราพูดฝรั่งเศสได้คำเดียวคือ บองชูร์
เขาก็พูดได้แค่ good morning
ก็จบข่าว ซิค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ทางเข้า ซุก(souk) หรือตลาดค่ะ
ว่าจะเข้าไปชมหน่อย แต่เห็นมีหนุ่มๆยืนเกาะกลุ่มอยู่
คิดว่าไม่มีอะไร แต่เพื่อความไม่ประมาท
ก็อย่าเดินเข้าเลย  เดินเรียบไปตามถนนดีกว่า
ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
ที่นี่ สายลมได้อินทผลัมมา แบบอ้อนวอนเด็กให้ขาย
ก็น้องทำหน้าเมื่อยไม่อยากขาย ทำให้เรายิ่งอยากซื้อ
ซื้อมา 60 dh พอเดินไปอีกหน่อย เห็นอีกเจ้า 50 Dhเอง
รู้แล้วล่ะ ว่าทำไมถึงทำหน้าไม่อยากขาย TT ^ TT
ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
ขอบคุณค่ะ คุณLan_Dao



เช้าอีกวันเราออกจากที่พัก แต่ยังไม่ออกจาก Ouarzazate
วอซาเซทมีชื่อเสียงอีกอย่างคือ เป็นมีสตูดิโอ และโลเคชั่นสำหรับหนังแนวทะเลทราย
เรื่อง Mummy ที่สายลมชื่นชอบ เขาว่าถ่ายทำกันใน studio แถวๆนี้ด้วย ไม่รู้ใช่ที่รถจอดให้ลงหรือเปล่า
ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
คำบอกให้เวลา 15 นาที

สายลมว่า เดินไปถึงปากประตูแล้วเดินกลับก็คงหมดเวลาพอดี

ก็เลยตัดสินใจถ่ายแต่ป้ายแล้วกัน
ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
เสร็จจากถ่ายรูปจากป้าย พวกเราก็เดินทางสู่เมืองไอท์ เบน ฮาดดู (Ait Benhaddou)

จะไปดูป้อมไอท์ เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) ค่ะ

นี่คือทางเข้าค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) มีดีอะไร ถึงต้องมาชมหรือค่ะ

ข้อมูลบอกเป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดัง

อย่างเรื่อง Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator (เคยดูไหมค่ะ)

องค์การยูเนสโก้ ดูแลให้เป็นมรดกโลก  อืมสองอย่างล่ะ

อย่างนี้ต้องใส่ชื่อลงในสถานที่ท่องเที่ยว
ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
สิ่งที่เห็นด้วยตา เป็นชุมชนเงียบๆ มี่อยู่ในบ้านแบบ Kasbah แท้ๆ บ้านสีดินสีส้ม กับฟ้าสีเข้ม ช่างสวยงามมาก
ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
เส้นเดินเชื่อมไปแต่ละบ้าน เป็นทางแคบๆ ไม่สามารถที่จะมีรถยนต์วิ่งได้ อืม เป็นที่ปลอดจากมลภาวะดีจัง
ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
ที่นี่มีแต่จักรยาน คนขี้ลา น้ำมันจะขึ้นหรือลง เขาคงไม่สะเทือน
ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
แต่คงต้องมีนักท่องเที่ยวบ้าง เพราะเห็นว่าอาชีพหนึ่งของเขาคือพ่อค้า

ขายของพวกที่ระลึก ขายรูปวาด

แต่คงไม่ใช่พ่อค้าที่เก่งกาจนัก

เพราะไม่ตื้อ ไม่ร้องเรียกลูกค้าเลย

ให้ลูกค้าเดินเข้าไปร้องเรียกหาเจ้าของร้านเอง
ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
สายลมแค่จะทิ้งข้อมูลไว้ว่าราคาของที่นี่ เท่ากับที่มาร์ราเกซ ถ้าอยากได้อะไร ก็ซื้อที่นี่ได้เลย
ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
รถวิ่งลงจากเทือกเขาไฮแอทลาสเพื่อไปมาร์ราเกซ  

เจอฝนแรกที่โมรอคโคแถมรุ้งตัวอ้วนกลม

แต่อากาศเย็นและทางคดเคี้ยว  

เพื่อนเราเลยเมารถไปแบบไม่สนใจรุ้ง
ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
รถจอดเพื่อทานอาหารกลางวัน อาหารรสชาติใช้ได้ แต่สายลมกินไม่ค่อยลง

ที่เอารูปร้านมาลง แค่จะบอกว่าบริกรที่นี่รู้จักเมืองไทยจริงๆ เพราะเขารู้จักองค์บาก

หนัง ใครคิดว่าไม่สำคัญ ถ้ารู้จักใช้

ลองดูจากเกาหลีใต้ก็ได้
ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
โมรอคโคมีชื่อเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากโอลีฟ
สายลมต้องแวะร้านขายของตามคำชวนโจเซฟ
ที่นี่ขายผผลิตภัณฑ์จากโอลีฟ
เลยต้องมีการสาธิตขบวนการคั้นน้ำมัน
เขาบอกว่าเอามาทำของกินได้
แต่ที่นี่ขายพวกครีมเครื่องสำอาง
ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
ไปเมืองมาร์ราเกช (Marrakech)
ตอบกลับความเห็นที่ 48
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 49
มองเห็นมัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque) เด่นเป็นสง่า  บอกเราว่าถึง มาร์ราเกช แล้ว

ก็ มัสยิด คูตูเบียเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดของเมือง  อยู่ในส่วนกลางเมืองมาร์ราเกซเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 49
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 50
ส่วนเมืองมาร์ราเกช ก็เป็นถึง 1 ใน 4 เมืองหลวงเก่าของโมรอคโค

เคยเป็นเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์อัลโมราวิด

ส่วนเดี๋ยวนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ใครมาโมรอคโค ก็ควรแวะมาเที่ยว

นั่งรถจากคาสซาบลังก้าประมาณ 3 ชมเท่านั้น
ตอบกลับความเห็นที่ 50
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 51
ที่พักที่ Marrakech ของพวกเรา

Riad Marana  

เวปข้อมูล www.riadmarana.com
ตอบกลับความเห็นที่ 51
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 52
Riad Marana  อยู่ย่านเมืองเก่า สะดวกดี

เพราะเป็นแหล่งชอปปิ้ง หาของกินสะดวก

รอบๆ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวด้วย

แต่เพราะอยู่ย่านเมืองเก่า ถ้าไม่มีคนพามา

สายลมก็ยังสงสัยอยู่ ว่าจะมาเองถูกไหม
ตอบกลับความเห็นที่ 52
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 53
ความที่เป็นเมืองเก่า old town  ถนนในย่านนี้ จึงแคบ ประมาณตรอกซอกซอย ที่ไม่กว้างนัก

รถที่จะวิ่งในส่วนเมืองเก่า ก็เป็นพวกรถลากลา จักรยาน มอเตอร์ไซด์ แล้วก็เท้าคนค่ะ

นานๆจะมีเก๋งเข้ามาสักคัน คือสายลมเจอ 1 คันค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 53
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 54
หลังจากเก็บของแล้ว พวกเราก็มาเดินเที่ยว หาของกินค่ะ

เราเดินออกมาตรงไปจัตุรัสกลางเมือง Djemma El-Fna

ตรงนี้ตอนกลางวันจะขายต้นไม้

พอตกดึก ก็จะเป็นร้านอาหารมากมาย หลากหลายแบบ

แต่ละร้านจะมีคนคอยมาเชียร์แขกให้เข้าร้านของตน

ไม่แย่งกันด้วย คือ พอลูกค้าเดินเลยอาณาเขตหน้าร้านเขาแล้ว เขาก็จะไม่ตามอีก

ดูแล้วสนุกสนานมีชีวิตชีวาดี
ตอบกลับความเห็นที่ 54
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 55
เราเลือกร้านปิ้งย่างร้านหนึ่ง

แต่กลายเป็นพอชี้แล้ว เขากลับเอาไปทอด

ราคาอาหารคิดเป็นจาน

จานสีหนึ่งแบบหนึ่งก็ราคาแบบหนึ่ง

กินไปหลายจาน เป็นสองร้อยกว่าดีรฮัมเหมือนกัน

ราคาอาหารที่กินเองไม่ได้บอกไว้ เพราะจำไม่ได้  

ทริปนี้ลืมถ่ายเมนูอาหารกับใบเสร็จ เลยจำราคาไม่ได้
แต่ราคาอาหารทั่วไปจะประมาณ 60-100 Dhต่อจาน
น้ำขวดละ 8-10 Dh (ไซด์ปกติ)  
คิดว่าแพงก็แพง ส่วนตัวถือว่ารับได้
เอาว่าราคาค่าครองชีพที่นี่ไม่ถูกถ้าเทียบกับอินเดีย เนปาล หรือแถบบ้านเรา
ตอบกลับความเห็นที่ 55
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 56
แถวจัตุรัสเนี่ยมุมหนึ่งเป็นรถเข็นขายพวกผลไม้แห้ง
ที่เห็นจำได้ก็ อินทผาลัม
ที่มาราเกซ อินทผลัมถูกกว่าวอซาเซทอีก ช้ำ
สายลมว่าจะซื้อถัว แต่มันหนักเลยเปลี่ยนใจ
ตอนนี้อดเสียดาย เพราะเพิ่งรู้ว่าอินทผลัมมันอร่อยดี
ไม่หวานมากแบบซื้อในเมืองไทย
ตอบกลับความเห็นที่ 56
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 57
ที่ต้องแนะนำ น้ำส้มค่ะ
มาโมรอคโคถึงรู้ว่า น้ำส้มเขาอร่อยและสดจริงๆ
สายลมกินมันทุกมื้อเลย
ที่มาร์ราเกซเนี่ย ถูกดีด้วย แก้วละ 4 dh เอง ถูกกว่าบ้านเราอีก
ตอบกลับความเห็นที่ 57
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 58
ย่าน Old town เนี่ยเป็นแหล่งละลายทรัพย์พวกเราอย่างดีเลย

เมืองเก่าหลายเมืองในโมรอคโคอย่างเช่น เฟส ขึ้นชื่อเรื่องฟอกหนัง

ของฝากแถวนี้เลยไม่พ้นพวกรองเท้า กระเป๋า
ตอบกลับความเห็นที่ 58
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 59
โมรอคโคมีชื่อด้านแนวศิลปะ จนมีชื่อเฉพาะว่าสไตล์โมรอค

ของแต่งบ้านก็มีไม่น้อย

แต่สายลมหิ้วไม่ไหว พกเงินไม่พอ ก็เมินค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 59
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 60
วันสุดท้ายในโมรอคโคแล้ว
พวกเราเลยเริ่มเที่ยวกันแต่เช้า
โดยเดินออกมาที่จัตุรัส  Djemma El-Fna  เพื่อเรียกแทกซี่
ตอบกลับความเห็นที่ 60
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 61
มีจอดรอ 2 คัน เหมาหมดเลย ให้ไปส่งที่สวน Majorelle Garden

คิดค่ารถคันละ 20 ดีกัม ถึงจะ ดีรัมละ 4 บาทก็ถูกมากในความคิดเรา

ก็มันไกลอยู่เสียแต่เฮียคนขับพามาจอดแค่ถนนใหญ่ฝากตรงข้าม

ชี้มือให้เราข้ามถนน เดินเข้าถนนซอยไปเอง

เดินไม่ไกลประมาณ ไม่เกิน 100 เมตร ก็ถึงค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 61
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 62
Majorelle Garden หรือ Jardin Majorelle & Museum of Islamic Art

สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้จากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบอกเพชรหลากหลายสายพันธุ์
ตอบกลับความเห็นที่ 62
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 63
เจ้าของเดิมเป็นศิลปินชาวฝรั่งเศส ชื่อ Jacques Majorelle

เขาสร้างบ้าน และสวนเอาไว้อยู่เอง พร้อมสร้างงานศิลปะของเขา

เดี๋ยวนี้ที่แห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่รวบรวมเอาศิลปะของโมรอกโคเอาไว้
ตอบกลับความเห็นที่ 63
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 64
รูปบ้านของเจ้าของเดิมค่ะ สีสวยสดมาก
ตอบกลับความเห็นที่ 64
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 65
เข้ามาติดตามต่อครับ

อยากไปในเล่นในริยาด
ตอบกลับความเห็นที่ 65
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 66
พวกเราเลือกเที่ยวเฉพาะสวน เสียค่าเข้า 50 DH(ดีกัม)

ถ้าใครจะดู Museum ด้วย ก็เสียเพิ่มอีก 25 Dh นะค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 66
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 67
ข้อมูลบอกสวนมันใหญ่มาก แต่สายลมไม่รู้มันใหญ่มากไหม

แต่เส้นทางที่เดินเหมือนมีไม่มาก

ดีว่าพวกเราถ่ายรูปกันแต่ละจุดนาน

ไม่งั้น คงเดินเสร็จเร็ว
ตอบกลับความเห็นที่ 67
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 68
พันธ์ไม้อาจแปลกตาบ้าง ส่วนใหญ่เป็นพันธ์ตะบองเพชร เป็นจุดถ่ายรูปได้

แต่เจ้าหน้าที่เขาเยอะดี ทุกจุดจะมีคนคอยเฝ้า

คงกลัวนักท่องเที่ยวเดินลงไปในแปลงพืชของเขา

เหอะ เหอะ เลยวานเป็นตากล้องถ่ายรูปหมู่เสียเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 68
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 69
ถ้าไม่มีสีตึก สีกำแพง  กระถางสีสวย ฉูดฉาดเหมาะกับการถ่ายรูปละก็  ออกจะเสียดายเงินทีเดียว
ตอบกลับความเห็นที่ 69
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 70
ขอบคุณค่ะ คุณอาตี๋อินเทอร์เน็ต ติดตามเหนียวแน่นมาก ขอบคุณค่ะ



ดูจบก็ออกมาเรียกแทกซี่ที่จอดอยู่ด้านหน้า เอาตั้ง 50 ดีกัม

สายลมเสนอให้เดินไปถนนใหญ่เรียกรถ แต่อีกคันเสนอ 40 เพื่อนเราเลย OK

เพราะคันมันใหญ่ จะได้นั่งไปด้วยกันคันเดียว และไม่ต้องเดินออกมาถนนใหญ่


ถึงแล้วค่ะ  วังบาเฮีย (Bahia Palace)
ตอบกลับความเห็นที่ 70
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 71
วังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นที่พักของท่านมหาอำมาตย์ Si Moussa

ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ ในปลายศตวรรษที่ 19

เอาปีไปแทนนะค่ะ สายลมหาพระนามยุวกษัตริย์ไม่ได้ค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 71
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 72
ความหมายของชื่อวัง ดีด้วยนะค่ะ แปลว่าความฉลาดค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 72
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 73
ระดับขนาดผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน ที่พักก็ต้องหรูหราละค่ะ

การตกแต่งใช้การแกะสลักปูนปั้น (Stucco) มีการวาดลายบนไม้

และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อน
ตอบกลับความเห็นที่ 73
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 74
เนี่ยเขาว่าขนาดรีบๆสร้างยังไม่ค่อยประณีต

ถ้าบรรจงทำ จะขนาดไหน
ตอบกลับความเห็นที่ 74
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 75
ดูเสร็จก็ออกมา แทกซี่คันที่มาส่งที่บอกจะรอรับ ไม่รู้ไปไหน

สงสัยรอนาน โดนตำรวจไล่

แต่สายลมไม่ใส่ใจ เรียกคันใหม่ 2 คันเลยไป Ben Youssef Madrassa

เขาขอแค่ คันละ 10 dh เอง
ตอบกลับความเห็นที่ 75
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 76
แต่ Ben Youssef Madrassa อยู่ใจกลางย่านเมืองเก่า

แทกซี่เลยมาส่งหน้าทางเข้าย่านเมืองเก่า ให้เราเดินเข้าไป
ตอบกลับความเห็นที่ 76
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 77
ก็เดินไป ถามไปเราก็มาถึง Ben Youssef Madrassa

Ben Youssef เคยเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกาเหนือเชียวนะค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 77
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 78
ส่วนเหตุผลกลใดจนต้องปิดตัวลง แล้วแปลงกลายเป็นสถานที่ให้พวกสายลมมาชมนี่

ก็สุดจะรู้ค่ะ เพราะเกิดไม่ทัน ถึงทันก็จำไม่ได้

ครั้นจะถามใครอังกฤษก็ด๋อย ฝรังเศสก็แค่ one word บองชูร์
ตอบกลับความเห็นที่ 78
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 79
แต่อย่างน้อย สายลมก็มีข้อมูลล่ะ ว่า ชื่อนี้ได้แต่ใดมา

อะแฮ้ม Ben Youssef เป็นพระนามของสุลต่านโมฮัมเหม็ด เบน ยัสเซ็น

ซึ่งต่อมาคือ กษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 อันลือนามของโมรอดโคไงค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 79
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 80
เกือบลืม เขาไม่ให้เข้าฟรีนะค่ะ

ค่าเข้าคนละ 50 Dh ค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 80
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 81
ที่นี่ มีชั้นสองนะค่ะ ด้านบนของอาคารประกอบไปด้วยห้องของนักเรียนเล็กๆ เต็มไปหมด
ตอบกลับความเห็นที่ 81
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 82
ลืมรูปค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 82
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 83
ฮา ฮา ตอนไปเรายังไม่มีข้อมูล นึกว่าเป็นบ้านของใครสักคน

ไอ้ห้องเล็กห้องน้อยเนี่ย ก็ห้องของอีหนู แบบฮาเร็ม

บาปกรรมจริง กล่ายเป็นห้องเรียนของเหล่าเด็กๆไปเสียแล้ว 555  

สายลมขอโทษ  _/|\_
ตอบกลับความเห็นที่ 83
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 84
หลังจากชม Ben Youssef Madrassa จบ สายลมก็ถือโอกาสชอปต่อ

เพราะแถวย่านเมืองเก่าเนี่ย แหล่งชอปปิ้งจริงๆ

แล้วก็ได้หลงกัน ปิดท้ายก่อนกลับบ้าน

แต่หลงจนชิน เลยไม่ตกใจ

มีปาก ก็ถามไปเรื่อย รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ถึงที่หมายโดยดี

แค่เดินไกล เดินเพิ่มเท่านั้น
ตอบกลับความเห็นที่ 84
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 85
ขอเป็นมิสการท่องเที่ยวโมรอคโคหน่อย
อยากจะบอกว่า
โมรอคโคน่าเที่ยวน่าประทับใจ มีที่เที่ยวหลากหลาย
เที่ยวแบบนึกว่าอยู่ยุโรป แบบนึกว่าอยู่อาหรับ
เอ หรือย้อนยุคไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน
นึกเป็นเจ้าหญิงอาหรับ เป็นผู้ดีฝรั่งเศส ได้ทั้งนั้น
อากาศก็ไม่ร้อนไม่หนาว เย็นๆกำลังสบาย
ผู้คนก็ยิ้มแย้ม อัศธาศัยงดงาม เหมาะกับการเที่ยวจริงๆ



ข้อมูลการท่องเที่ยวของโมรอคโค ลองดูเผื่อจะเป็นประกายของใครได้บ้าง
www.moroccoguide.com
ตอบกลับความเห็นที่ 85
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 86
แต่ก็นะ ขอให้จำเป็นคติประจำของการท่องเที่ยวทุกที่

จงอย่าประมาท

อย่ากลัว จนเที่ยวไม่ได้

แต่ก็อย่าชะล่าเกินไป เพราะเดือนร้อนขึ้นมา ก็คือตัวเรา

ตอบกลับความเห็นที่ 86
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 87
ทริปโมรอคโคก็จบลงอย่างมีความสุข

ได้ดู ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

ได้เห็นขนบ วิถีที่ไม่คุ้นเคย

เพราะเหตุนี้ต้องขอขอบคุณน้องเปิ้ล Bhavana ที่นำทริป

และน้องร่วมเที่ยวที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ดีๆให้กับสายลมคนนี้
ตอบกลับความเห็นที่ 87
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 88
ขอบคุณคุณธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ จากตามรอยพระบาท เสด็จประพาสโมร็อคโค

และBlog เกี่ยวกับโมรอคโค (ขอโทษค่ะ จำไม่ได้ว่าอ่านจากเวปไหนบ้าง เพราะอ่านไปมากมาย )

ที่ให้ข้อมูลประเทศโมรอคโค ที่สายลมเอามาเล่าประกอบจะได้มีอะไรๆบ้างนอกจากการเวิ่นเว่อร์เพ้อไปเรื่อยๆ  

ขอบคุณค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 88
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 89
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน เพราะคุณทำให้สายลมอยากขีดๆเขียนๆ เล่าเรื่อง
ตอบกลับความเห็นที่ 89
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 90
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า ทุกท่านค่ะ



This day and age we're living in Gives cause for apprehension
With speed and new invention And things like fourth dimension.
Yet we get a trifle weary With Mr. Einstein's theory.
So we must get down to earth at times Relax relieve the tension

And no matter what the progress Or what may yet be proved
The simple facts of life are such They cannot be removed.

You must remember this A kiss is just a kiss, a sigh is just a sigh.
The fundamental things apply As time goes by.

And when two lovers woo They still say, "I love you."
On that you can rely No matter what the future brings
As time goes by.

Moonlight and love songs Never out of date.
Hearts full of passion Jealousy and hate.
Woman needs man And man must have his mate
That no one can deny.

It's still the same old story A fight for love and glory
A case of do or die. The world will always welcome lovers
As time goes by.

Oh yes, the world will always welcome lovers
As time goes by.
ตอบกลับความเห็นที่ 90
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 91
ขอเกาะไปด้วยครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 91
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 92
น่าไปจัง ตลาดเมืองเก่า อินทผาลัมก็น่ากินเนอะ
ตอบกลับความเห็นที่ 92
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 93
ขอบคุณคุณ Kazai กับคุณแม่ติดเนตนะค่ะ ที่ติดตามไปเที่ยวด้วยกัน




ขอแก้ข้อมูลนิดหน่อย ที่ว่าสายลมไป transfer เครื่องที่ประเทศดูไบ

ความจริง สายลมไป transfer ที่สนามบินอาบูดาบี ของประเทสสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ค่ะ

ส่วน ดูไบ ไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นรัฐ 1 ใน 7 ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

และบังเอิญเป็นชื่อที่คนไทยคุ้นหูมากหน่อย เลยเขียนผิด อิ อิ
ตอบกลับความเห็นที่ 93
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 94
เป็นอีกประเทศที่อยากไปคะ
ขอบคุณสำหรับรีวิว
ตอบกลับความเห็นที่ 94
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 95
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 95
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 96
ตอบกลับความเห็นที่ 96