สอบถามเรื่องนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนค่ะ ลูกสาวกำลังตัดสินใจเลือก ระหว่าง Italy & USA

สอบถามผู้รุ้ค่ะ พอดีลุกสาวสอบติดทั้ง2 โครงการ แลกเปลี่ยน แต่คนละประเทศ ยังไม่ได้รายงานตัว
ไม่ทราบว่า แต่ละที่มีข้อดีหรือเสียอย่างไร (ยังไม่รู้เมือง เป็นแบบภาพกว้างก็ได้ค่ะเช่น การเรียน สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย ค่าครองชีพ อากาศ ภัยธรรมชาติ อื่นๆ )

ปล: น้องเป็นเด็กผู้หญิง อายุ 14ปี (ปีหน้าม 4)

ความคิดเห็นที่ 1
อเมริกากว้างนะคะ...
แต่ละเมืองแตกต่างกันเยอะมาก รู้แน่นอนก่อนดีกว่าว่าเมืองไหนรัฐอะไรจะได้มีคนมาตอบให้ถูก

ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
อิตาลี คนจะห่ามๆ ใจร้อน นะครับ มารยาทไม่ค่อยดี การบริการแย่
อย่าง การขับรถ จะต่างจากพวกสวิสเยอรมันนะครับ
บางที่ก็เหยียดเอเชียอีก บางที่มีมาเฟีย
กิจกรรมก็ไม่น่ามีให้ทำมาก ยิ่งถ้าเราพูดภาษาเขาไม่ได้ก็ยิ่งยาก

ไปอเมริกาดีกว่า ถ้าได้ไปเมืองใหญ่ๆ น่าจะมีอะไรให้ทำเยอะ

แต่เรื่องการคมนาคมเดินทาง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ไหนสะดวกกว่า
เพราะหลายเมืองในเมกา ไม่มีรถส่วนตัวลำบาก


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
สวัสดีค่ะ เราเป็นอดีตนักเรียนเก่าโครงการหนึ่ง ไปประเทศชิลี และตอนนี้ก็เป็นกรรมการสมทบสอบสัมภาษณ์ด้วย อยากบอกคุณแม่คร่าว ๆ ว่า ก่อนการเลือกประเทศ ให้ดูที่โครงการจะดีกว่า เพราะมีโครงการแลกเปลี่ยนมากมายที่ไม่ได้เป็นอาสาสมัครจริง ๆ แล้วมีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง จะทำให้ดูแลลูกคุณแม่ได้ไม่เหมือนเป็นลูกหลานของเค้าเองจริง ๆ

คือมันก็มีหลายโครงการนะคะ ที่มีการจ้างคนฝรั่งที่รายได้อาจจะไม่เยอะ มาเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ แล้วเวลาเด็กไปอยู่กับครอบครัวแบบนี้ก็ไม่ค่อยมีความสุขอยู่ดีนะคะ ลองดูให้ดี หากระทู้เก่า ๆ ก็น่าจะพอมี ที่มีน้องเค้ามาปรับทุกข์เรื่องครอบครัว แล้วไม่มีคนใส่ใจดูแล

เรื่องที่สอง จะบอกว่า USA หรือ United State of America มันไม่ได้เจริญไปทุกเมือง บางเมืองโบราณ และชนบทมาก ผู้คนก็ไม่ค่อยเปิดกว้าง เหมือนที่ความเห็นที่หนึ่งบอกว่า ให้รู้ก่อนดีกว่าว่า ไปรัฐไหน ........... แต่จากประสบการณ์ ที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาหลายโครงการ และมีเพื่อนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการอื่น ๆ ส่วนใหญ่เด็กที่ไป USA เค้าก็ให้ไปอยู่บ้านนอกทั้งนั้นค่ะ ไอ้จะได้ไปอยู่นิวยอร์ค ซานฟรานฯ ชิคาโก เนี่ย คงต้องบอกว่าเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง เพราะคนในเมืองเหล่านั้นไม่ค่อยรับเป็นครอบครัวอุปถัมภ์

ค่าครองชีพ จากที่เราแต่งงานกับคนฝรั่งเศส และไปยุโรปไม่ต่ำกว่าปีละสามครั้ง (อเมริกาช่วงนี้ก็ไปบ่อย และมีเพื่อนคนไทยอยู่เยอะมากกกกกกกกก) ต้องบอกว่าอเมริกาถูกกว่า โดยเฉพาะที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ค่ะ

เรื่องความปลอดภัย ถ้าเป็นอิตาลี ทุกที่ที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ แหล่งท่องเที่ยว หรือทางใต้มาก ๆ ก็ปลอดภัย สวย ส่วนอเมริกาก็แล้วแต่รัฐ แต่เหมาได้ว่า ตามเมืองใหญ่อันตรายทั้งนั้น เช่น ดีซี บางที่เหมือนแหล่งเสื่อมโทรม คนท้องที่ยังไม่ค่อยอยากเดินผ่าน .....

ภัยธรรมชาติ USA ก็เยอะกว่า เพราะประเทศมันใหญ่กว่่า ..... บางรัฐมันมีทอร์นาโด น้ำท่วม (ยิ่งกว่าตอนท่วมกรุงเทพฯ ซะอีก) อันนี้จะบอกได้ละเอียดก็ต้องรู้เมือง

การที่คุณแม่จะปล่อยลูกไปอยู่ในบ้านคนอื่นคนเดียว ดูที่โครงการว่าเชื่อถือได้ มีคนดูแล แบบเป็นพี่เลี้ยง นอกเหนือจากครอบครัวหรือเปล่า (เพราะจากประสบการณ์อีก 50% ของนักเรียนแลกเปลี่ยนไม่สามารถเข้ากับครอบครัวใหม่ได้ อาจจะมาจากน้องเอง อาจจะมาจากครอบครัว ..... อันนี้ต้องตอบเคสบายเคสนะคะ)

หากคุณแม่มีข้อสงสัย ส่งข้อความมาถามได้เลยค่ะ

ปล. แอบเชียร์ให้ไปอิตาลี เพราะโอกาสแปลก ๆ ในการพูดภาษาอิตาเลียนได้ จะมีประโยชน์กับน้องในอนาคตนะคะ...... :)

ยินดีกับน้องด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เชียร์อิตาลีครับ จะได้ภาษาที่ 3 ข้อสำคัญหนุ่มอิตาเลี่ยนหล่อมากครับ ขนาดเด็กหนุ่มเข็นของ หรือเด็กเรือไปเวนิสหล่อมาก ๆ เลยครับ เกี่ยวกันไหมเนียะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เอาตามจุดประสงค์ของเราดีกว่าค่ะ ว่าต้องการแบบไหน ภาษาที่สามหรืออังกฤษ
เรื่องต้องไปอยู่ที่ไหนของประเทศ เราเลือกไม่ได้ โฮสแบบไหนก็แล้วแต่ดวงเลยค่ะ
เลือกที่เค้าดูแลเด็กในโครงการดีหน่อย เพราะเด็กไปทางนั้น
ต้องให้ทางโครงการสื่อสารดูแลเวลามีปัญหา
เด็กพร้อมที่จะไปอยู่กับคนอื่นมั้ย สำคัญมาก เพราะที่นั่น คนที่อยู่รอบเราไม่ใช่พี่น้อง ญาติ แต่ต่างความคิด ภาษา
ขอให้โชคดีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เราเป็นนร.แลกเปลี่ยนโครงการอักษรย่อสามตัวค่ะ(เมื่อนานมาแล้ววว)
เราเลือกอเมริกาอันดับ1 เพราะคิดว่า ไม่ได้ 555
ส่วนอันดับ2,3 คือประเทศที่ใช้ภาษาที่3
แต่ก็ได้ไป อเมริกา ค่ะ

แต่ว่าได้ไปอยู่เมืองที่ไกลๆนะคะ ห้างที่ใกล้ที่สุดก็2ชม.
แนะนำว่าให้น้องเลือกทำกิจกรรมกับโรงเรียนเยอะๆ

หลังจากกลับมา คิดว่าได้ทักษะภาษาอังกฤษแบบ"พูด"มากที่สุดค่ะ
สำเนียงอเมริกันจ๋ามาก (แต่ก็แล้วแต่พท.ที่ไปอยู่ด้วยนะคะ)
ส่วนทักษะอื่นๆก็ลดหลั่นตามลำดับ

แต่ส่วนตัวอยากไปประเทศอิตาลี่มากกว่าค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะติดตัวได้นาน
ไม่ลืม


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
นักเรียนแลกเปลี่ยน โครงการเต็มๆคือแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การจะไปประเทศไหนคงเหมือนกันตามหลักการของโครงการ
ไม่เห็นด้วยที่คิดว่าไปที่นั่นแล้ว เมืองไม่ใหญ่ ไม่เจริญ ไม่มีอะไรทำ แต่เรากลับคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เด็กจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว และชุมชนที่เด็กไปอยู่ด้วย แบบไม่มีสิ่งอื่นๆมาเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจของเด็กไป

เคยมีประสบการณ์โดยตรงในการเลือกครอบครัวให้เด็กไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา เรากลับเลือกครอบครัวที่อยู่ในชนบท แทนอยู่ในเมือง บังเอิญมี 2 ครอบครัวตอบรับมา และโทรมาคุยด้วยก่อน อยู่ในเมืองกับอยู่กลางทุ่ง เราเลือกกลางทุ่ง และปรากฏว่าเด็กไปแล้วก็มีความสุขมาก ทั้งๆที่ในหมู่บ้านนั้นใช้เกวียน (Amis) มีคนใช้รถยนต์คือบ้านที่เด็กไปอยู่ด้วยจึงมีหน้าที่ช่วยเหลือคนทั้งหมูบ้าน ไม่มีรถสาธารณะที่จะไปไหนเองได้ พ่อแม่ต้องไปรับไปส่งทุกวัน ทุกครั้งที่จะไปไหน ไม่มี internet ใช้ มีโอกาสใช้เมื่อจำเป็นที่โรงเรียนเท่านั้น ไม่ใช้บัตรเดบิต แต่ใช้เช็ค
พ่อแม่ดูแลเด็กทุกอย่าง ซ่อมเสื้อผ้าให้ ซ่อมรองเท้าให้ ทำอาหารให้กินโดยสังเกตุเห็นว่าเด็กไม่ชอบอะไร ก็จะดัดแปลงให้

พาไปเที่ยวแบบขับรถพาไปจากตะวันออกไปตะวันตก ไปเหนือ ด้วยไปเยี่ยมครอบครัวของเขาที่ย้ายไปอยู่ที่ต่างๆ
กลับมาเมืองไทยหลายปีแล้ว ยังติดต่อกัน โทรหากัน ไปเยี่ยมกัน
ยังดีใจที่เลือกได้ถูกต้อง

ลองคิดดูว่าอยากให้ลูกได้แบบไหน


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
โครงการ แลกเปลี่ยน ชื่อว่าอะไร สมัยนี้มีหลายแบบ
จะไปเมื่อไร นานเท่าไร เสียค่าใช้จ่าย โดยประมาณทั้งหมดเท่าไร
ที่บ้านติดขัดกันบ้างหรือเปล่า
น้องเป็นเด็กผู้หญิง อายุ 14ปี (ปีหน้าม 4)
ตอนนี้เรียนเก่งมากไหม แล้วคิดจะเรียนอะไรต่อ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ขอตอบในฐานะคนที่เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศอิตาลี + อังกฤษ และเคยไปอยู่อเมริกามาในระยะเวลาสั้นๆนะคะ

ขอแยกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.โครงการ 2.ประเทศ

1.เรื่องของโครงการ
เราเห็นด้วยกับ คห.3 มากๆเลยค่ะ ว่าการพิจารณาโครงการร่วมด้วยเป็นเรื่องที่จำเป็นมากกกก เราขอแนะนำว่าควรเลือกโครงการที่ครอบครัวอุปถัมภ์ไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนในการรับเด็กไปเลี้ยงค่ะ เพราะเราเคยเจอกับประสบการณ์ตรงมาทั้ง 2 แบบ

เมื่อสมัย ม ต้น เราไปแลกเปลี่ยนที่อังกฤษ ด้วยโครงการหนึ่ง (ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเค้าได้รับเงินค่าตอบแทนในการเป็น host family) ลักษณะคือเป็นเมืองเล็กๆทางใต้ที่ทั้งหมู่บ้านมีอาชีพเสริมจากการรับนักเรียนแลกเปลี่ยน ทำให้แทบทุกบ้านในหมู่บ้านนั้นมีการเตรียมห้องเล็กๆ สำหรับรับอุปถัมภ์นักเรียน โดยวนเวียนรับไปตามซัมเมอร์ของประเทศที่เด็กมา สิ่งที่พบเจอคือ host family ไม่ได้รู้สึกผู้พันกับเด็ก เหมือนแบ่งห้องให้เช่าบ้าน (ไม่ใช่แค่บ้านเรานะ คุยกับเพื่อนๆคนอื่นก็เป็นเหมือนกัน) มีการแปะกระดาษกฎข้อบังคับในการอยู่บ้านไว้ในห้องนอนเด็ก ห้ามกินอาหารของ host ห้ามใช้โทรศัพท์ก่อนได้รับอนุญาต (แม้จะเก็บเงินปลายทางก็ตาม) ทำ lunch box (ที่ห่วยจนเราต้องแอบทิ้งบ่อยๆ) ให้เฉพาะวันตามที่โครงการแจ้งเท่านั้น (เช่นวันทัศนศึกษา) โดยวันอื่นๆจะไม่สนใจใยดีเด็ก ไม่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ไม่พาไปข้างนอกด้วย สรุปคือแบบต่างคนต่างอยู่จริงๆ เหมือนโครงการมาเช่าห้องนอนเค้า

ต่อมา ม ปลาย เราได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอีกโคงการหนึ่ง ซึ่ง host family ไม่ได้รับเงินตอบแทนใดๆ ปรากฎว่าได้รับการปฎิบัติแตกต่างกันมาก (ส่วนหนึ่งมันก็ขึ้นกับ personality ของ host แต่ละคนด้วยเนอะ) เค้าทำกับเราเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของเค้าจริงๆ เค้าจะดีใจมากถ้าเราทำตัวเหมือนลูกเค้า เช่น เดินไปหยิบอาหารที่เราอยากกินจากตู้เย็นเอง ซื้อของอะไรให้ลูกเค้าก็จะนับรวมเราเข้าไปด้วยเสมอ ถ้าวันไหนทำอะไรให้ลูกเค้าไปกินโรงเรียนเราก็จะได้ด้วยคุณภาพเดียวกัน พาเราไปร่วมเทศกาลของครอบครัว สอนทำขนมประจำเทศกาล พาไปบ้านญาติ ฯลฯ

อาจจะยาวไปหน่อยนะคะ แต่ที่อยากบอกคืออยากให้ความสำคัญของรายละเอียดของแต่ละโครงการเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจนอกจากเรื่องของประเทศด้วยค่ะ เพราะลักษณะ และความละเอียดของโครงการ ส่งผลต่อการคัดเลือก host family ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเมื่อเราไปอยู่ที่โน่นค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
2. เรื่องการเลือกประเทศ

ขอพูดตรงๆว่าพอเราเห็น คห. 2 แล้วเราไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ เรายอมรับนะคะว่าคนอิตาเลี่ยนหลายคนเป็นตามที่เค้าพูดจริงๆ และเมืองในอิตาลีก็จะไม่เป็นระเบียบเท่าที่อเมริกาจริงๆ แต่มันก็มีอีกหลายแง่มุมดีๆของคนอิตาเลี่ยนเหมือนกันนะคะ อย่างสภาพครอบครัวของคนอิตาเลี่ยนจะคล้ายกันกับของเมืองไทยมากกกกกค่ะ เช่นพ่อแม่ไม่ปล่อยลูกมากเหมือนอเมริกัน ยังมีกลิ่นอายคล้ายๆพ่อแม่ไทยอยู่มากค่ะ มีครั้งนึงไปกินข้าวกันกับ host sis แล้วกลับมามีกลิ่นบุหรี่ติดตัวมาก (แต่ไม่ได้สูบกันนะคะ) บ้านแทบแตกเลย โดนทั้งคู่เลย 555 สรุปว่าคนอิตาเลี่ยนจะคล้ายคนไทยมาก ไม่ต่างคนต่างอยู่ เพื่อนฝูงอบอุ่นน่ารัก จริงใจค่ะ

แต่เวลาไปเนี่ยเค้าคงให้อยู่เมืองเล็กๆ ซึ่งเด็กๆส่วนมากบางคนในวัยนั้นแทบไม่เคยออกจากเมือง หรือจังหวัดของตัวเองเลย จึงทำให้เรากลายเป็นคนแปลกค่ะ และคนเอเชียหลายคนในเมืองเล็กๆของอิตาลีมักมีอาชีพค้าขายของเล็กๆน้อยๆตามถนน และมักไม่ได้รับการนับถือเท่าใดนัก ก็ทำให้เราโดนมองบ้างเป็นธรรมดาค่ะ (อันนี้คิดว่าเป็นแทบทุกเมืองเล็กๆในยุโรปนะ เพราะตอนไปอังกฤษเพื่อนเคยโดนวัยรุ่นขว้างแก้วโค้กใส่ พี่สาวไปเยอรมันก็โดนถ่มน้ำลายใส่) แต่อเมริกาจะ open กับเรื่องแบบนี้มากกว่าค่ะ

ร่ายมาซะยืดยาว จริงๆมันมีรายละเอียดและปัจจัยอีกเย้ออออออออออมากๆๆๆๆเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราว่าความรู้สึกของน้องที่จะต้องเป็นคนไปอยู่เองเนี่ยสำคัญกว่ามากๆค่ะ เพราะถ้าท้อแท้ใจขึ้นมาเค้าจะมีแรงสู้มากกว่า ไม่งั้นอาจจะมานั่งร้องไห้ไปบ่นไปว่า จริงๆแล้วไม่อยากมา … เลย รู้งี้ไปประเทศ…ดีกว่า

ว่าจะตอบสั้นๆกลายเป็นยาวมากกกซะละ ... ขอให้น้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆกลับมานะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณมากเลยค่ะ ได้ข้อคิดอีกเยอะ เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 11