zzZZZ เงินเหลือจากงบเพื่อการไปท่องเที่ยว.. เก็บไว้เพียงเดือนละหมื่น ก็รวยได้ zzZZZ

เห็นว่าเรื่องนี้เหมาะกับคนที่ มีรายได้ตามมาตรฐานชายไทย
จึงเอามาให้อ่านเล่นดู
เก็บเงินเพียงเดือนละ 10,000 บาท
ครบสามสิบปี มีเงินมากกว่าสามสิบล้านบาท..

ไปเจอเทคนิคจากห้องสินธรมา อาจจะดูเหมือนผิดห้อง
ต้องขอโทษด้วย ใครไม่สนใจก็ผ่านกระทู้นี้ไปได้เลยนะคะ

...............
เป้าหมาย : 30 ล้านบาท

ระยะเวลา : 30 ปี

วิธีทำ : ให้แบ่งเงินออกมาเดือนละ 10,000 บาท สะสมทุกเดือน

เมื่อครบ 1 ปี (120,000 บาท) ให้นำเงินที่สะสมมาตลอดปีไปลงทุน

(ลงทุนอะไรก็ได้ ที่มีความรู้มากพอ) ให้ได้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 12%/ปี

ทำแบบนี้ไปทุกปี จนครบ 30 ปีตามเป้าหมาย

เพียงเท่านี้ อาตี๋ อาหมวย และพี่น้องชาวบลู ก็จะมีเงินถึง 30 ล้านบาท !!!

ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

หมายเหตุ- ถ้าใครอยากได้มากขึ้นกว่าตัวอย่างส่วนใหญ่ ให้ปรับเป้าหมาย

และระยะเวลาที่เหลือของตัวเอง และนำไปลงทุนให้เหมาะสมกับความรู้ที่ตัว

มี อย่างน้อยช่วยเปิดความคิด เปิดเป้าหมายให้กับบางคน ให้คิดว่าทำได้จริง

!!! ว่า "ความรวย" ทำได้ทุกคนในชาตินี้ เป้าหมายมีให้แล้ว จงมี "วินัย+ความต่อเนื่อง" ด้วย มิฉะนั้น คุณก็ทำไม่มีทางสำเร็จแน่นอน !!! (จำไว้)

ปล.ชีวิตเราทุกคนเกิดมา เราเลือกได้ เราทำได้ อย่าดูถูกตัวเองและคนอื่น

(จำไว้)  

ปล2.เมื่อ "รวยแล้ว" จง "ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส" ให้เต็มความสามารถด้วย

จากใจ
เครดิตคุณ "นักลงทุน999"

........................................
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I13075024/I13075024.html
ความคิดเห็นที่ 1
การลงทุนมีความเสี่ยง แถมตั้ง 30 ปี จะอยู่ถึงหรือเปล่า ถ้าอยู่ถึงก็คงแก่หมดแรงเที่ยวแล้วครับ

ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้ เพราะบางคนก็ไม่ได้มีรายเดือนต่อเดือนมากพอจะเก็บได้เดือนละหมื่น

อีกทั้งภาระของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน มันมีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง สำหรับผมคงทำไม่ได้ตามที่ จขกท. นำมาแบ่งปัน
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คนที่จะเก็บเงินเดือนละหมื่นได้ ต้องมีรายได้พอสมควร

คิดว่าอย่างน้อยๆ น่าจะมีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 20,000 บาท

อิจฉาจริงๆ เก็บเงินได้เดือนละหมื่นเนี่ย
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เดือนละหมื่นไม่ไหวล่ะค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
มันเป็นเทคนิคน่ะ

การลงทุนเราต้องคิดต่อด้วย อย่ามองเท่าที่เห็น
หากเราทำไม่ได้ ต้องลดเป้าหมายจาก 30 เหลือ 15 หรือ 10 ล้าน
ด้วยการลดจำนวนเงินฝากลงจร้า...
............................................
หรือใครทำได้ แต่อยากลดจำนวนปี ไม่อยากรอสามสิบปี
ก็ลดเป้าเหลือสิบล้าน
จำนวนปีก็ลดลงจร้า
...........................................
จริง ๆ อยากจะบอกว่า การมีเงินหนึ่งล้านไม่ได้ยากมาก หากมีวิธีคิด

อย่าเครียดกันนะ.....
ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
...(ลงทุนอะไรก็ได้ ที่มีความรู้มากพอ) ให้ได้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 12%/ปี...

----------------------------------------------------------------------------------------

ผมว่าปัญหามันอยู่ตรงนี้ต่างหาก

ตอนนี้ผมก็เก็บได้ขั้นต่ำเดือนละ 1 หมื่น  แต่ก็ไม่รู้จะไปลงทุนอะไร เล่นหุ้นก็เคยลองแล้ว เจ๊งไม่เป็นท่าเลย???
ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
แล้วถ้าอยากลดจำนวนปี และเป้าหมายลง
อยากเพิ่มแต่ จำนวนและคุณภาพการเที่ยว   ต้องทำไงดี
ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
^
^
คงต้องเพิ่มรายได้อ่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ท่าจะยากแฮะ
ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ขอตอบ คห. 5 ค่ะ
ขออภัย นอกเรื่องไปจากการท่องเที่ยว

หุ้นไม่ใช่ทางเลือกค่ะ
หากคุณมีเก็บตามที่ว่าต้อง
B ltf ( คหสต)
ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เขามาแนะนำเท่านั้นจร้า...
เราเก็บแต่โบนัสค่ะ มีกองทุนของบริษัทแล้ว, กองทุนปสค.แล้ว หมดห่วง
เหลือจากกินรายเดือน เที่ยวหมด ปีนี้4ประเทศในเอเซีย
เที่ยวไทยมาช้านานแล่ะ รู้ตัวว่าจะแก่จึงคิดเที่ยวนอกกลัวแก่ไปไม่ไหว
เที่ยวไทยค่อยๆเก็บไปเรื่อยตามโอกาสอำนวย
ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ผมเห็นเดี๋ยวนี้สามสิบกว่า สีสิบต้นๆมะเร็งตายหลายคน
ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เก็บเดือนละหมื่นนี่ ถ้าไม่ได้มีเงินเดือนมาก หรือไม่มีภาระอะไรท่าจะยาก เราก็ทำไม่ได้ แค่ผ่อนคอนโด, จ่ายประกันชีวิต&ประกันภัย, ค่าส่วนกลางรายปี, เก็บเงินเที่ยว, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว, ซื้อ LTF อีกเล็กน้อย ก็แทบจะหมดแล้วอ่ะ เฮ้อ!!
ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วยคะเราชอบอ่านเรื่องพวกนี้
เพราะได้ความรู้มาปรับใช้ตัวเองแต่ 30 ล้านสำหรับเราคงเกินเอื้อม

เราว่าจะมีมากหรือน้อยไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าคุณมีเก็บบ้างหรือเปล่า
ส่วนจะเก็บอย่างไรก็แล้วแต่ละคนไป
ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
วันนึงเราเคยขอพ่อบ้านไปทำงานหาเงิน พ่อบ้านบอกว่า "แค่แม่ช้อปปิ้ง เสริมสวย ท่องเที่ยว ลดลงครึ่งหนึ่ง แม่ก็จะได้เงินเดือนเท่าๆกับที่ต้องออกไปทำงานแล้ว" เอออออ มันจริงว่ะ

คำแนะนำเบสิกๆนะคะ

ทำบัญชีครัวเรือน แล้วคุณจะเห็นเงินออมที่คุณหลงลืมมัน
แล้วแยกบัญชีเพื่อการท่องเที่ยวสัก 10-20%ของเงินเดือน
อย่าเอาให้ถึงครึ่งนึงหรือทั้งหมดของเงินเดือน
สักวันนึงความไม่แน่นอนจะเล่นงานชีวิตคุณ
และความไม่แน่นอนในชีวิต ทุเลาได้ด้วยการออมเงินค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เราจะไม่ค่อยมีเก็บหากเราคิดว่า

รายรับ - รายจ่าย = เงินออม

...................................
ต้องเปลี่ยนสูตรใหม่

รายรับ - เงินออม = รายจ่าย

....................................
ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เราก็เก็บได้เดือนละหมื่น แบบมีเงินสดอยู่กับตัวอ่ะนะ
แต่ปัญหาคือ ไม่รู้จะลงทุนอะไร ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่เคยศึกษา
แถมเก็บมาได้ครบปี ... ไปเที่ยวดีกว่า ฮ่าๆ

เริ่มจะเก็บอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะว่า เห็นเพื่อนเริ่มซื้อคอนโด ซื้อบ้าน
เรายังไม่มีอะไรเลย นอกจาก รถ ที่เท่ากับ ลด
ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เคยเก็บเงินเดือนล่ะ 6 พันทุกด้วย ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนด้วย เพราะไม่มีหัวการเงินเอาซ่ะเลย ท้ายสุดก็จบด้วยการไปเที่ยว
ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
เก็บเดือนละ 10,000  บาท  ผมว่ามนุษย์เงินเดือนลำบากครับ
เป้าหมายนี้สำหรับ ท่านๆที่พอจะมีฐานะแล้วครับ 55555(ขำๆนะครับ)
ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เห็นว่าเรื่องนี้เหมาะกับคนที่ มีรายได้ตามมาตรฐานชายไทย
..........................................................

หน่วยวัดกี่ K  ครับ ที่ว่ามาตรฐาน?
ถ้าผมเข้าข่ายจะมาตอบ  5555 (หัวเราะไร้เหตุผล)
ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ปัญหาอยู่ที่ลงทุนอะไรให้ได้ผลตอบแทน 12% มากกว่าค่ะ


แต่สำหรับดิฉัน เป้าหมายคือ การได้เดินทางอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

ดิฉันจะกันงบไว้เลย สำหรับการท่องเที่ยว ที่เหลือก้อซื้อกองทุนบ้าง ทองบ้าง ประกันบ้าง

ไม่หวังรวย แต่หวังไม่ลำบากตอนแก่แค่นั้นเองค่ะ^^
ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
คำว่า "ออมก่อน รวยกว่า" นี่เป็นความจริงครับ

คนเราเที่ยวไป รวยไปก็ได้ครับ การลงทุน 12% อาจจะดูยากไปหน่อยสำหรับคนทั่วๆไป
แต่ถ้าปรับมาเป็นซัก 5%-10% ผมเชื่อว่านักลงทุนในวัยเริ่มต้นก็สามารถทำได้ครับ

ใช่ครับที่ปัจจัยของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ความสามารถในการออมและการลงทุนก็ไม่เท่ากัน

เราก็สามารถปรับเป้าหมายของเราได้ครับ เช่น เก็บเดือนละ 3,000 บาท ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 5%

พอเริ่มมีเงินเก็บ พอเริ่มมีผลตอบแทนจากเงินลงทุน การที่คุณจะเก็บมากขึ้นมันทำได้ง่ายมาก

จุดที่สำคัญที่สุดคือ "คุณเริ่มต้นออมและลงทุนแล้วหรือยัง"

ทุกวันนี้เงินตอบแทนจากการลงทุนของคนที่เริ่มทำแล้ว มากกว่าเงินที่ใช้จ่ายในการไปเที่ยวในแต่ละปีซะอีก
ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ผลตอบแทน 12% นี่ ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ อย่างน้อยก็ต้องเล่นหุ้น ซื้อทอง ปล่อยกู้ แลกเช็ค ซึ่งทุกอย่างมีความเสี่ยง เอาซัก 5% มากกว่าเงินฝากธนาคาร ก็น่าพอใจแล้วนา
ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ถ้าตั้งใจเก็บก็เก็บได้ครับ แต่สำหรับคนที่ค่อนข้างมือเติบอย่างผม ถ้าเก็บเฉยๆ นี่ไหลออกหมดแน่
เห็นโปรหางแดงทีไรก็ได้ฤกษ์เสียเงินทุกที

ดังนั้น... ควรเลือกเปิดบัญชีเงินออมแบบที่บังคับฝากเท่าๆกันทุกเดือนครับ
ทุกแบงก์จะมีบัญชีแบบนี้ครับ จะได้ดอกเบี้ยพิเศษที่มากกว่าดอกเบี้ยฝากประจำ อาจจะ +0.5% ไรงี้
และไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากด้วย ตรงนี้จะช่วยสร้างวินัยในการออมให้เราได้

อีกทางนึงก็คือซื้อประกันชีวิตแบบออมเงินครับ แม้ผลตอบแทนอาจจะไม่มาก
แต่มันบังคับให้เราต้องมีเงินไปจ่ายประกันชีวิตทุกปีครับ
เมื่อครบสัญญาเราจะพบว่าเรามีเงินเหลือมากพอสมควร ที่ถ้าเราไม่เก็บมันจะละลายหายไปหมด

ส่วนเงินอื่นๆ ก็เน้นไปลงทุนทางเลือกอื่นๆ ที่ถ้าเหลือมาก เราก็ลงทุนมากหน่อย
เหลือน้อยก็ลงทุนน้อยหน่อย และหักภาษีได้ หรือเพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น
อย่าง LTF หรือ กองทุนหุ้น ก็น่าสนใจครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
12% นี่เป็นเรื่องยาก และเสี่ยงสูงจริง ๆ ค่ะ สำหรับตอนนี้

สัก 6% น่าจะง่ายและเสี่ยงน้อยกว่าเยอะเลยค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
จริงๆ 12% นี่ก็ไม่ได้ยากมากนะครับ

มันมีหลายวิธีการที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายได้โดย เราควบคุมความเสี่ยงได้

วีธี basic ของการลงทุนวิธีนึงก็คือ การซื้อเฉลี่ยในทุกๆเดือนเท่าๆกัน หรือที่ภาษาการลงทุนเรียกว่า Dollar cost averaging http://en.wikipedia.org/wiki/Dollar_cost_averaging

คุณก็เลือก asset ที่จะซื้อเลยครับ ถ้าเชื่อว่าอีก 30 ปีข้างหน้า ทองจะไปบาทละ 1 แสน ก็เลือกทอง

ถ้าจะเลือกหุ้นก็ดูเลยว่ากิจการใดอีก 30 ปี ยังไงก็ไม่เจ๊ง ผู้บริหารมีฝีมือ และมีเป็นกิจการที่มีอนาคต เช่นชอบเข้า 7-11 เหลือเกิน ไปสาขาไหนก็มีคนซื้อตลอด ก็ซื้อ CPALL, ชอบขึ้น BTS เห็นคนแน่นทุกวันก็ซื้อ BTS, ชอบโทรศัพท์มากๆ กิจการเค้ารุ่งเรืองก็ซื้อ ADVANC, DTAC เป็นต้น

ถ้าไม่มีความรู้อะไรเลย ก็เลือกกองทุนที่เค้ามีผลการดำเนินงานดีๆ

แล้วได้เงินที่เก็บมาเดือนละหมื่นบาท ก็ซื้อมันเข้าไป หลับหูหลับตาไป 30 ปี

ผลตอบแทนที่ได้เผลอๆเฉลี่ยแล้วมากกว่า 12% ต่อปีอีกครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
หากมีความรวยและความมั่นคง ถือว่าดีครับ แต่ถ้าไม่มีความสุขก็เปล่าประโยชน์เก็บเงินได้ 30 ล้าน แล้วตาย ไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ สู้เก็บพอสมควร ใช้พอเหมาะสม ผมว่าดีกว่าเยอะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ผมก็เก็บอยูเดือนละ 10,000 ครับ ประหยัดเอาสุดๆแตก็มีความสุขดีนะ แตพอสิ้นปี แบ็กแพ็คจนเกลี้ยงไมเหลือเลยอิๆๆ เคยเก็บได้นานสุดก็ปีครึง ผมทำงานเพือแบ็คแบ็คจริงๆนะ กลับมาผมก็เก็บเง็นแบบประหยัดสุดๆ นานๆ จึงออกไปเทียว กินอาหารข้างนอกเวลามีเพือนมาเยือน ถ้าอยูปรกติกิจวัตรก็ตืนเช้าทำอาหารออกกำลังกาย ไปทำงาน กิน ออกกำลัง กิน นอน เงินเดือนเพียง 10,000 ปลายๆ

ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ผมเคยพยายามครับ เปิดบัญชีฝากประจำรุ่นถอนไม่ได้ ... ไปเข้าธนาคารเก็บออมไว้ทุกเดือนๆ
ช่วงที่ทำงานประจำฝากจนครบเทอม 24 เดือนด้วย แต่หลังจากออกจากงานประจำก็เหนื่อยกว่ามากครับ

สุดท้ายก็ไม่ไหวครับ 'ภาระ' ที่มีอยู่เยอะเกินไป

ตอนนี้ก็ได้แต่ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกครับ แน่นอน เรื่องท่องเที่ยวต้องโดนก่อนเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
เริ่มเก็บเลยค่ะ  จะน้อยจะมากไม่ต่างกันเท่าไหร่    เก็บก่อนได้เปรียบตรงที่ได้ฝึกตัวเองก่อน

เพราะกว่าจะเก็บได้  ต้องตัดใจอะไรหลายอย่าง  พอนานๆไปกลายเป็นชิน  ^^

เมื่อไหร่เก็บเงินอยู่ตัวจะรู้สึกเลยว่า  ไม่อยากมีไอแพด ไอโฟน  จะมีรถก็ถามตัวเองว่าจำเป็นหรือเปล่า
จะกินเบเกอรี่+กาแฟแก้วแพง  ไม่บ่อยเท่าเมื่อก่อน  ต้องอยากจริงๆถึงจะกิน
อาหารนอกบ้าน  ต้องเป็นมื้อพิเศษเท่านั้น   กินบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ใช่แล้ว
เวลาใช้สุรุ่ยสุร่ายจะรู้สึกเสียดาย  และอาจรู้สึกผิดเล็กๆ  เช่น  เจอเสื้อสวยแล้วอดไม่ได้

และเมื่อนั้น  ทุกทริปจะมีค่าควรแก่การจดจำมากเลย   เพราะเป็นทริปที่วางแผนจนคุ้มค่า
ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
เก็บทุกเดือนเหมือนกัน แต่ไม่กล้าลงทุน เห็นเพื่อนเล่นหุ้นกัน
จะไปเล่นด้วยก็ไม่มีความรู้ไรเลยกลัวเจ๊ง เลยทำได้แค่ฝากธนาคาร

เห็นตัวเลข 12% แล้วมีคนบอกว่าทำได้ไม่ยาก แต่สำหรับเราที่ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนมันยากนะคะ -_-
ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
^
^
คุณเรียนอนุบาล 3 ปี
ประถม 6 ปี
มัธยม 6 ปี
มหาวิทยาลัย 4 ปี
รวมแล้วประมาณเกือบ 20 ปีหรือมากกว่านั้น ศึกษาหาความรู้เพื่อทำให้คนอื่นรวย

เจียดเวลาจากการทำงาน หรือวันเสาร์อาทิตย์ซักไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มาเพื่อศึกษาหาความรู้เพื่อให้ตัวเองรวย คงไม่มากไปนะครับ

ผมเองแต่ก่อนก็ไม่สนใจลงทุน แต่เก็บเงินค่อนข้างเก่ง ตอนนี้ถึงจะเข้ามาอยู่ในห้อง blue เยอะ แต่ก็ต้องเปิดสินธรดูอยู่เสมอว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

เดี๋ยวนี้ internet และหนังสือสอนการออมและการลงทุนต่างๆ หาได้ง่ายมาก อยู่ที่เราจะสนใจหรือเปล่า

สนใจแล้วศึกษาแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่ ดีหรือไม่ ก็ไปโพสต์ถามในสินธรได้ มีคนใจดีคอยตอบให้เยอะแยะ

"ความเสี่ยงที่มากที่สุด คือการไม่เรียนรู้และไม่ลงมือทำ"

คนพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น คนว่ายน้ำไม่เป็น ก็จะมีข้ออ้างคล้ายๆกันครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ที่จริงน่าลองคำนวณสูตรแบบที่ส่วนใหญ่ทำได้เหมือนกันนะ
เก็บเดือนละ 5,000 บาท ทำกำไร ร้อยละ 5% ต่อปีไปสัก 15 ปี
ไม่รู้ว่าเป็นเงินเท่าไหร่
ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ผมมีเงินเก็บจากพวกประกันชีวิตที่จ่ายนั่นเองครับ มีเงินแล้วยิ่งทำเพราะบังคับออมไปในตัว แล้วก็ rmf ที่เคยค้างอยู่สมัยทำงานประจำ เงินเก็บเป็นเงินทุกวันนี้ไม่เหลือมีแต่เงินหมุน ถ้าตังเหลือจิงก็กะว่าจะซื้อหุ้น  แต่ทำประกันุบัติเหตุเป็นรายปีไว้อยู่แล้วรวมถึงประกันมะเร็งด้วยครับ อย่างน้อยประกันมะเร็งต้องทุนล้านนึง เพราะโรคนี้หลักแสนไม่พอ  ส่วนเงินที่หมุนได้ก็เอาไปเที่ยวตามที่ที่อยากจะไปให้หมดก่อนครับ ตอนนี้ก็ใกล้หมดละ เหลือเมืองจีนสองสามที่เช่นทิเบต ซนเกียง ซีอาน แล้วก็ญี่ปุ่น ตุรกีหรืออียิปต์ที่ใดที่หนึ่ง คงใช้งบสามแสนได้ ก็เจียดมาปีละแสน  เที่ยวพวกนี้หมดผมก็พอแล้วครับ ขออยู่เฉยๆละ คาดว่าน่าจะสองสามปีนี้จะเก็บให้หมด หลังจากนั้นก็เก็บตังเต็มเม็ดเต็มหน่วยละ เพราะตอนนี้จริงๆก็เริ่มหมดความท้าทายเรื่องเที่ยวแล้วครับรู้สึกเยอะเกิน ไปเที่ยวในประเทศบ้างถูกๆ หรือตั๋วโปรไปเกาหลีอะไรเงี้ย ที่งบรวมตั๋วรวมกินอยู่ไม่เกิน 15,000 ก็ ไม่กระเทือนต่อเงินเก็บมากนัก
ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
เล่นหุ้นไม่ยากครับ ถ้าตั้งใจศึกษา อ่านเข้าไป ไม่รู้ก็ตั้งกระทู้ถามหรือเสิร์จเอาก็ได้ อยู่ที่ว่าเราตั้งใจจะศึกษาหรือไม่เท่านั้นเองครับ ถ้าเล่นเป็น สามารถทำกำไรได้มากมาย ไม่ใช่แค่ปีละ 12% แต่บางจังหวะอาจได้วันละหลายสิบ % ก็ได้ครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
เราเก็บได้เดือนละ 13,000 อ่ะ
เงินเดือนประมาณ 21,000 แต่ถ้าหักกองทุนสำรองอีก 9% เกือบ 2.000
ก็จะกลายเป็นเก็บเกือบ 15,000  
ก็จะเหลือจ่ายประมาณ 6,000
ใน 6,000 นี้ ก็ยังเหลือเข้าออมทรัพย์อีกประมาณเดือนละ 1-2 พัน

เหมือนจะเก็บเยอะ  แต่ว่า......ต้องเอาไปทำอะไรเหรอคะ ถึงจะได้ผลตอบแทน 12%
สำหรับเราก็ยากตรงนี้ล่ะ

เพราะ 10,000 ซื้อหุ้น  ปันผลปีละ 5.5%
2,000 ออมทรัพย์พิเศษ ต้องฝากเดือนละเท่าๆกัน 2 ปี ดอกเบี้ย 4%
1,000 ออมทรัพย์พิเศษ ถอนแบบจำกัดครั้งต่อเดือน  ดอกเบี้ย 3.3 กว่าๆ
ส่วนที่เหลืออีก พันสองพันต่อเดือน ก็เอาไว้หมุนเวียนในออมทรัพย์ธนาคาร เผื่อฉุกเฉิน

แล้วเงินก้อน พอได้เยอะๆ ก็เอาไปซื้อสลากออมสิน.....

ตอนนี้มีรถ 1 คัน   ค่าใช้จ่ายเรื่องรถ ส่วนกลางคอนโด ประกันชีวิตนิดหน่อย  ใช้เงินโบนัสจ่ายเอาค่ะ


เนี่ยล่ะ  เงินเก็บทั้งหมดของเรา

ปล.เมื่อก่อนอยู่เอกชน เงินเดือนเยอะอ่ะ แต่เก็บไม่ค่อยได้ >_<
     ตอนนี้มาอยู่รัฐวิสาหกิจ เงินเดือนลดลงเยอะมาก  แต่เก็บได้มากกว่าเดิมเยอะ
ตอบกลับความเห็นที่ 35