== ต า ม หั ว ใ จ ไ ป ห า ท ะ เ ล ห ม อ ก == อ่างขาง-ภูชี้ฟ้า-ภูลังกา-ภูทับเบิก

*** ลืมใส่ CR อีกแล้วอ่า

ปลายปีแล้ว ขอรวบรวมกำลังใจทำรีวิวซักหนึ่งกระทู้
เผื่อจะกระตุ้นหัวใจใครก็ตาม ที่ยังลังเลว่าจะออกไปเที่ยวเมืองไทยของเราดีไหมหนาวนี้
ไม่ต้องลังเลครับ เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้จริงๆนะ แถมเที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน ก็จริงอีกนั่นแหละ
ไปเที่ยวมาก็หลายทริป แต่ไม่ค่อยได้ทำรีวิวซักเท่าไหร่ เหนื่อยใจตอนย่อรูป 200 k นี่ล่ะ

บ่นมาเยอะแล้ว เข้าเรื่องกันเลย
ทริปนี้ใช้เวลา 8 วัน 7 คืน ขับรถเก๋งจากกรุงเทพฯขึ้นสู่ภาคเหนือ รวมระยะทางทั้งหมด ประมาณ 2,500 กม.
จุดหลักที่ตั้งใจก็คือ ดอยอ่างขาง บ้านดำ วัดร่องขุน ไร่บุญรอด ภูชี้ฟ้า ภูลังกา ภูทับเบิก และปากช่องครับ
ทุกแห่งในทริปนี้ ถ้าผมไปถึงได้ รับรองว่าทุกท่านก็ไปได้สบายๆด้วยรถเก๋งธรรมดาแน่นอน
ไปลุยกันเลยครับ
ในกระทู้แรกนี้จะอยู่ที่เมืองลำปาง อ่างขางและเมืองเชียงรายเป็นหลักนะครับ


**ฝากกระทู้เก่าไว้เป็นข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยวครับ

เคล้าหมอก ยลดอกกระเจียว ณ ป่าหินงาม
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12346818/E12346818.html

จากเขาค้อถึงภูเรือ ทะเลหมอกและดอกไม้
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8903315/E8903315.html
ความคิดเห็นที่ 1
จากกรุงเทพฯ ขาไปเดินทางผ่านทางหลักเลย
อ่างทอง-สิงห์บุรี-ชัยนาท-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง
และทางช่วงกำแพงเพชรยังคงห่วยเช่นเดิม กะได้ประมาณ 20 โล
ทำให้เสียเวลาขับหลบ ถนนไม่เรียบเอามากๆ ไม่มีอะไรต้องแวะนอกจากปั๊มน้ำมัน
ทริปเราจะไปเริ่มที่ลำปางครับ แต่จากลำปางแล้ว ก็จะไปสู่ดอยอ่างขางเลย
จากนั้น ก็จะไปตามเส้นทางนี้ล่ะ จุดหมายในภาพทั้ง 5 จุด ตามเส้นทาง
จากซ้ายไปขวานะครับ
อ่างขาง > ไร่บุญรอด > วัดร่องขุน > ภูชี้ฟ้า > ภูลังกา

ทริปนี้ ไม่มีเรานะครับ มีแต่เขา
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ออกจากรุงเทพฯประมาณ 11 โมงเช้า ขับเรื่อยๆไม่เร่งรีบมาก
เห็นว่าลางานไว้แล้วหลายวัน เวลาเหลือเฟือ
แต่ก็ไม่ค่อยได้แวะไหนนอกจากปั๊มน้ำมันครับ
กว่าจะถึงลำปาง ก็ล่วงเข้าไปประมาณ 1 ทุ่มเข้าไปแล้ว
ที่แรกเลยเมื่อเข้าลำปางคือเข้าที่พักก่อนครับ
ที่นี่ R-Lampang
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ตรงนี้เป็นจุดเช็คอินเข้าพัก
ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ตามไปหาทะเลหมอกครับ :)
ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ส่วนของบ้านพัก จะเป็นบ้านโบราณที่นำมาตกแต่งปรับปรุงเป็นโรงแรม
ภาพรวมแล้วก็เข้ากับบรรยากาศโดยรอบในบริเวณนั้นดีครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ตามไปชมทะเลหมอกด้วยคนครับ^^
ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เชิญครับ คุณสีขุ่น ตามมาเลย
------------------------------------
นี่เป็นส่วนของร้านอาหาร อยู่ริมแม่น้ำวังเลยครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เชิญเลยครับ คุณ peerawit_kao หนทางยังอีกยาวไกลเลยล่ะ
--------------------------------------------------------------------------
และนี่คือห้องที่เข้าพักครับ ห้องเลขที่ 12
ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ภายในห้องครับ ห้องนี้มี 3 เตียง ใครนอนฝั่งติดแอร์ก็คงหนาวทั้งคืนล่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
อีกด้านหนึ่งของห้อง จริงๆมีตู้เย็นด้วยนะ แต่มันไม่อยู่ในเฟลมภาพอ่ะครับ
อยู่ทางขวามือนอกภาพนี้แหละ
ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
มีชักโครกพร้อมสายชำระ และฝักบัวฝนตก
ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
บ้านในบริเวณนั้นมีเขาอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดีครับ
อย่างหลังนี้ ถ้าจำไม่ผิด เป็นที่พักของข้าหลวงต่างชาติในสมัยก่อน
ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เช้าวันต่อมาครับ ออกไปเดินชมบรรยากาศกันหน่อย
ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ตึกโบราณ กับร้านขายยาจีนโบราณ เข้ากันมากๆเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
นี่คือตึกใน คคห.ที่12 แต่เป็นเวลากลางวัน
เป็นตึกที่สวยงามสมกับที่เป็นที่พำนักของข้าหลวงจริงๆ
ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ละแวกที่พักนี้ เขาเรียกกันว่า "กาดกองต้า" ครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เดินข้ามแม่น้ำวังไปตลาดเช้าของที่นี่ ก็ผ่านสะพานนี้ล่ะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
มาถึงตลาดเทศบาล 3 ครับ จะมีพระและเณรเดินผ่านมาเรื่อยๆ
และก็จะมีชาวบ้านรอใส่บาตรกันหน้าตลาดนี่ล่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
กลับมาที่พัก เก็บของเครียมตัวเดินทางต่อครับ
นี่ชื่อห้องพักห้องนี้ ชื่อห้อง "ลำปาง" ครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ลาก่อนครับ อาลัมภางค์ ไว้มีโอกาสมาลำปางอีกเมื่อไหร่
จะมาพักอีกนะครับ
ดีที่จองมาล่วงหน้า ไม่งั้นคงไม่ได้พักที่นี่
ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ออกจากลำปางก็มุ่งหน้าสู่ดอยอ่างขางเลยครับ
ผ่านเชียงใหม่ - แม่ริม - แม่แตง จนมาถึงเชียงดาวครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
มองเห็นดอยหลวงเชียงดาวตระหง่านอยู่ทางซ้ายมือ
อลังการมาก มองจากตรงนี้ เป็นเขาสูงกว่าเพื่อนในละแวกเดียวกัน
ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
แต่ดอยเชียงดาวไม่ใช่จุดหมายเราครับ ไปกันต่อดีกว่า
ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ท้องฟ้ากับก้อนเมฆวันนี้ ช่างสดใส ให้บรรยากาศการเดินทางดีจริงๆ
คนจะไปเที่ยว แค่มองข้างทางก็มีความสุขได้นะเออ
ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ผมเลือกขึ้นอ่างขางทางบ้านอรุโณทัย ด้วยเห็นว่าขาลงจะลงทางไชยปราการ
เพื่อยิงยาวไปเมืองเชียงรายต่อเลย
ทางช่วงแรกก็วิวเขาซ้อนกันแบบนี้ล่ะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ขับไปเรื่อยๆ ทางก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับ
วังเวงหน่อยนะครับ อิอิ
ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ไม่นึกว่าทางจะแคบด้วยหญ้าข้างทางที่ล้ำเข้ามา
และค่อนข้างเปลี่ยวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่
แต่ยังไง ก็ขอขับกลางวันแล้วกันครับ เส้นทางนี้
ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
และอาจมีบางช่วงมี่เส้นทางชำรุดอยู่บ้าง
ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ผ่านหมู่บ้านด้วย แต่จำชื่อไม่ได้ละ
ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ผ่านมาจนใกล้ถึงอ่างขางแล้ว ก็จะมีจุดชมวิว แวะพักรถกันหน่อยครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
จากจุดนี้ มองลงไปด้านล่างก็จะเป็นวิวนี้ล่ะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
เดินทางต่อครับ จนกระทั่งมาถึงจนได้ ที่นี่ จุดจอด ฮ. บนอ่างขาง
ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ทิวเขาที่สลับซับซ้อน กับอากาศที่เย็นสบาย ทำให้รู้สึกว่าอยากมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จัง
ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
สุดสายตา สุดหัวใจ ปล่อยปลิวไปไกลกว่าที่ตามองเห็นครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
ตามมาเที่ยวค่ะ รอดูภูชี้ฟ้า ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
ราวกับว่าเราสามารถจับต้องปุยเมฆนั่นได้เลยทีเดียว
ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
ยินดีครับ คุณ bombik ภูชี้ฟ้าขอเวลานิดนะครับ ต้องลงจากอ่างขางไปเมืองเชียงรายกันก่อน
--------------------------------------------------------------------------------------------
จากที่นี่ มองลงไปเบื้องล่างแล้ว ทำให้พึงระลึกว่า
สิ่งก่อสร้างของอารยธรรมมนุษย์ ไม่มีทางเทียบเท่าสิ่งก่อสร้างจากธรรมชาติจริง
ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
จากนี้เราไปเข้าที่พักคืนนี้กันครับ คืนนี้เราพักกันที่ "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง"
จองล่วงหน้ามาเป็นเดือน ยังเกือบเต็ม
บ้านพักครับ "บ้านคำดอย 1"
ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
เป็นบ้านพักที่สวยงามมากครับ แต่ก็แลกมาด้วยราคา
เตาผิงนั่นจุดไฟได้จริง แต่ผมไม่ได้จุดนะ กลัวมันไม่ดับอ่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
เป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องแรกนี้เป็นเตียงเดี่ยว
ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
ที่หน้าต่างด้านนี้ จะเป็นสวนเฉพาะของบ้านเลย
เดินเข้าไปไม่ได้นะครับ เขามีรั้วล้อมไว้หมด ชมได้จากห้องนอนเท่านั้น
ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
ส่วนอีกห้องจะเป็นเตียงคู่ มีวิวสวนของตัวเองเหมือนกัน แต่สวนแยกสวนจากห้องแรก
ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
ขนาดห้องน้ำ ยังมีวิวสวนให้ดูเลย แถมม่านหน้าต่างนั่น ปิดไม่ได้เสียด้วย
อ้อ มีสายฉีดชำระนะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
ในส่วนอาบน้ำ มีฉากกั้นแบ่งชัดเจน เครื่องทำน้ำอุ่นปรับแบบระดับความร้อนไม่ได้
ปรับไว้แล้วระดับเดียวครับ น่าจะระดับนอกบ้านหิมะตกอ่ะ เพราะร้อนมาก
เขาจึงติดป้ายแจ้งให้ผสมน้ำร้อนจากฝักบัวกับน้ำก็อกอาบเอา
มีสบู่ แชมพู ไดร์เป่าผมพร้อมสรรพ
ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
และนี่เป็นชุดเก้าอี้หน้าบ้าน จะนั่งสังสรรค์ ดื่มดำกับอากาศดีๆก็ตรงนี้ล่ะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
ค่ำคืนนั้น หมอกลงจัดมาก จัดจนขับรถออกไปซื้อของมองแทบไม่เห็นทางเลย
และต้องจำไว้ครับว่า ภายในโครงการหลวงอ่างขางนี้ ทางรถยนต์เขาวันเวย์
ตอนเข้ามาก็ไม่รู้ พอมืดก็ยิ่งไม่เห็น แถมหมอกลงอีก ขับย้อนศรออกไปถึงประตูเลย
มาเห็นป้ายเดินรถทางเดียวขากัลเข้ามา เพราะหมอกจัดมากต้องค่อยๆคลานเลยเห็น
ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
ต่อไป เดินไปดูร้านอาหารสโมสรอ่างขางกันครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
ตรงนี้เป็นส่วนที่นั่งด้านหน้าอยู่ข้างนอก แต่ไม่ได้ถ่ายด้านในมาแฮะ
จริงๆที่นั่งด้านในก็เป็นร้านอาหารนี่ล่ะ แต่พออาหารเช้าจะขยับออกไปตึกด้านหลัง
แต่ก็ใกล้ๆกันนั่นล่ะ
จากที่ได้ไปสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ และที่นี่ อาหารเช้ามีความเหมือนกันอยู่อย่างนึง
คือต้องไปยืนรอไข่ดาวมันทั้งสองที่เลยสิน่า เขาทอดไม่ทัน
ตอบกลับความเห็นที่ 48
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 49
และมุมนี้ครับ มุมบังคับ ใครๆมาก็ต้องถ่ายรูปกันตรงนี้
ตอบกลับความเห็นที่ 49
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 50
ภาพนี้เป็นหลักฐานว่าผมได้เก็บสายหมอกมาฝากด้วยนะครับ
หมอกมันเป็นเม็ดๆแบบนี้เองล่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 50
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 51
เช้าวันรุ่งขึ้น มากันที่นี่ก่อนเลยครับ จุดชมวิวขอบด้ง กับแสงสีทองของดวงอาทิตย์
ตอบกลับความเห็นที่ 51
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 52
เปิดมุมให้กว้างหน่อย เพื่อให้เห็นว่าท้องฟ้ายามเช้ากับทิวเขา เป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง
จากจุดชมวิวขอบด้งวันนี้ ยังไม่เห็นมีทะเลหมอกครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 52
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 53
และเราก็ได้พบทะเลหมอกแห่งแรกของการตามหาในทริปนี้ครับ
ที่นี่ บ้านนอแล
ตอบกลับความเห็นที่ 53
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 54
หากจะว่าไปแล้ว ทะเลหมอกที่นี่ก็ยังสวยงามกว่าที่ผมเคยเห็นที่เขาค้อ
คงเป็นเพราะที่เขาค้อมันเรียบๆเหมือนทะเลสาบที่น้ำนิ่ง แต่ที่นี่ดูเป็นปุยๆเหมือนมีคลื่น
ตอบกลับความเห็นที่ 54
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 55
โชคดีมากมายที่ทริปนี้ได้เห็นทะเลหมอกตั้งแต่ต้นทริปเลย
ผู้คนที่หมู่บ้านนอแลนี่คงเห็นกันจนชินแล้วสินะ
ตอบกลับความเห็นที่ 55
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 56
มองจากบ้านนอแล จะเห็นค่ายทหารพม่าอยู่บนเขาไม่ไกล
ใครๆมาก็มักจะถ่ายเขาลูกนี้ติดกล้องกลับไปด้วย
ตอบกลับความเห็นที่ 56
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 57
ตรงนี้เป็นป้ายแจ้งให้เรารู้ว่าสุดเขตแผ่นดินไทยแล้ว
จะมีประตูเล็กๆปิดอยู่ แล้วก็มีรั้วขึงลวดหนามไว้ด้านบนอีกชั้น
ตอบกลับความเห็นที่ 57
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 58
ฝั่งด้านประตูนี้ มองลงไป จะเป็นค่ายทหารพม่าเหมือนกันครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 58
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 59
และนี่เป็นศรชี้ทิศ ชี้ไปทิศไหนก็ไม่ทราบ คงชี้ไปทางพม่าแหละมั้ง
ตอบกลับความเห็นที่ 59
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 60
มีป้ายบอกประวัติความเป็นมาและแผนที่คร่าวๆของฐานปฏิบัติการนอแล
ตอบกลับความเห็นที่ 60
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 61
ลาจากบ้านนอแลด้วยภาพทะเลหมอกของที่นี่ครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 61
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 62
กลับลงมาเก็บข้าวของที่บ้านคำดอยในสถานีเกษตรหลวงอีกครั้ง
ตอบกลับความเห็นที่ 62
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 63
ที่นี่มีดอกไม้สวยๆเยอะมาก แต่ผมไม่ได้มาตามหาดอกไม้เลยไม่ค่อยได้เก็บภาพซักเท่าไหร่
ตอบกลับความเห็นที่ 63
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 64
ลงจากอ่างขาง โดยใช้เส้นทางไชยปราการครับ จะว่าชันมากก็มากอยู่
แต่ผมว่าไม่ต่างจากทับเบิกฝั่งหล่มเก่าเท่าไหร่นัก เพียงแต่ถนนขึ้นทับเบิกดีกว่าเท่านั้นเอง

แล้วก็มาถึงตัวเมืองเชียงรายกันเลย ที่แรกที่มา ต้องที่นี่เลยครับ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
ตอบกลับความเห็นที่ 64
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 65
เป็นประติมากรรมที่ดูทรงพลังจัง
ตอบกลับความเห็นที่ 65
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 66
หลังคาด้านในนั้นสูงมากๆเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 66
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 67
ตรงนี้ มีอะไรห้อยอยู่ ผมก็ดูไม่ออก
ตอบกลับความเห็นที่ 67
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 68
แต่ละอาคารที่ถูกสรรสร้างขึ้นมา ช่างดูมีมนต์ขลัง
ตอบกลับความเห็นที่ 68
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 69
ปาดดดด...แอบดูเงียบๆ
มารอดู "ภูลังกา" ค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 69
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 70
ลวดลายต่างๆถูกรังสรรค์ออกมาอย่างตั้งใจ
ตอบกลับความเห็นที่ 70
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 71
เชิญครับ คุณ PUCCA_ตาหยี ต้องถึงภูลังกาแน่นอนครับ เอ แต่ผมจะไหวไหมนี่ วันนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------
พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ของอาจารย์ถวัลย์ มีเนื้อที่กว้างขวางมาก เดินกันจนเมื่อยเลยทีเดียวล่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 71
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 72
ตรงนี้ ผมว่าดูยิ่งใหญ่อลังการมากๆเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 72
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 73
กะทะดำๆที่เห็นนั่นคงไม่ได้สื่อถึงกะทะทองแดงหรอกนะครับ แหะๆ
ตอบกลับความเห็นที่ 73
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 74
ลาพิพิธภัณฑ์บ้านดำ ที่ภาพนี้ล่ะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 74
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 75
จากนั้น ก็เข้าที่พักกันครับ คืนนี้นอนในเมืองเชียงราย พักกันที่นี่ล่ะครับ "ม่อนฟ้าใส"
ตอบกลับความเห็นที่ 75
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 76
บรรยากาศโดยรวมของที่นี่ครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 76
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 77
มีมุมให้นั่งเล่นอยู่เหมือนกัน
ตอบกลับความเห็นที่ 77
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 78
และนี่ก็จุดเช็คอินเข้าพักครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 78
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 79
บ้านที่เลือกพักชื่อบ้าน แฟมิลี่ 1 หลังนี้ล่ะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 79
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 80
ภายในบ้านมีสองเตียง เป็นหนึ่งเตียงใหญ่กับอีกหนึ่งเตียงเล็ก
และก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ มีตู้เย็นด้วย
ตอบกลับความเห็นที่ 80
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 81
มองอีกด้านของบ้านครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 81
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 82
ห้องน้ำบ้านหลังนี้เปิดแบบโอเพ่นแอร์นะครับ ต้องเปิดประตูอีกบานออกไปถึงจะเจอชักโครกและที่อาบน้ำ
เขามีม่านปิดให้ แต่ก็ยังอาบแบบหวิวๆหน่อย มันไม่ค่อยชิน
ตอบกลับความเห็นที่ 82
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 83
ตกเย็นไปทานข้าวที่ "ร้านภูภิรมย์" ครับ อยู่ในไร่บุญรอด
แต่ไปช้าไปนิด เริ่มมืดแล้ว
ตอบกลับความเห็นที่ 83
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 84
เก็บภาพมาได้แต่แสงอาทิตย์ลับสันเขาล่ะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 84
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 85
โต๊ะที่นั่งนอกชานแบบนี้ต้องจองมาก่อนครับ ไม่งั้นไม่ได้นั่งชิลล์มุมนี้แน่
ตอบกลับความเห็นที่ 85
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 86
ไม่อีกทีก็ต้องเข้าไปนั่งทานกันด้านใน
ตอบกลับความเห็นที่ 86
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 87
แว็บกลับมาดูที่ทานอาหารเช้าของม่อนฟ้าใสกันนิดครับ
เป็นข้าวต้มกับกับข้าวแบบบุฟเฟ่ห์เบาๆยามเช้า
ตอบกลับความเห็นที่ 87
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 88
     ตามชมด้วยคน   ขอบคุณครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 88
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 89
เดินผ่านไปดูมีสระว่ายน้ำด้วย
ตอบกลับความเห็นที่ 89
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 90
เชิญครับ คุณ  น้า Low Batt จะตีหนึ่งแล้ว ยังไปไม่ถึงครึ่งทริปเลย สงสัยผมจะรีวิวละเอียดไปรึเปล่านะ
---------------------------------------------------------------------------------------------
เก็บของออกจากที่พักแล้ว แวะไปซื้อของฝากที่เก็บได้หลายๆวันหน่อยแถวหอนาฬิกา
เสียใจอยู่อย่างตรงที่เมื่อคืนดันลืมแวะมาดูไฟที่หอนาฬิกานี่ มัวแต่เพลิดเพลินอยู่ที่ไร่บุญรอด
สงสัยต้องไปซ่อม
ตอบกลับความเห็นที่ 90
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 91
จากนั้นไปต่อกันที่นี่ครับ วัดร่องขุน
ตอบกลับความเห็นที่ 91
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 92
อลังการงานสร้างไม่แพ้บ้านดำเลยทีเดียว
ตอบกลับความเห็นที่ 92
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 93
ถ้ากลัวยาวเกิน แบ่งทำเป็นตอนๆซิครับ จะได้ละเอียดดี
ตอบกลับความเห็นที่ 93
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 94
ครับ ภาคแรกนี้คงจะจบที่วัดร่องขุนนี่ล่ะครับ กลัวยาวไปแล้วกระทู้มันจะด๋อย
---------------------------------------------------------------------------------
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ดูอ่อนช้อย งดงานไปซะหมด
ตอบกลับความเห็นที่ 94
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 95
ดูกันชัดๆอีกที ว่างานปราณีตแค่ไหน
ตอบกลับความเห็นที่ 95
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 96
วิจิตรบรรจงมาก เดินชมไปพลางนึกในใจ อาจารย์เฉลิมชัยเขาคิดได้ไงกันขนาดนี้
ตอบกลับความเห็นที่ 96
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 97
มีบ่อน้ำอธิษฐานจิตด้วย
ตอบกลับความเห็นที่ 97
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 98
อธิษฐานเสร็จแล้ว ก็โยนเหรียญลงไปทำบุญ
ตอบกลับความเห็นที่ 98
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 99
ใช่ว่าทั้งวัดจะเป็นสีขาวและสีเงินไปเสียทั้งหมด
ตอบกลับความเห็นที่ 99
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 100
แม้แต่ห้องน้ำ ยังตกแต่งขนาดนี้

จากวัดร่องขุน ก็จะมุ่งหน้าภูชี้ฟ้าเลย แต่เราไปแวะทานข้าวกันก่อนนะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 100