ถามเรื่อง วัคซีน MMR ที่ College หรือ U เค้า Require ทีครับ ว่าต้องไปฉีด หรืออย่างไร

ลองติดต่อไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน US
เค้าบอกว่าต้องมีหลักฐานเกี่ยวกับ MMR ส่งมาด้วย

ซึ่งหมายความว่าเป็น เอกสารแสดงว่าเราเคยฉีดแล้วใช่ไหมครับ
พอผมลองเซิชดูก็เจอว่า เราทุกคนเคยฉีดแล้วตอนเกิดแค่ไปหาหลักฐานมา
บ้างก็ว่า ไม่แนะนำให้ไปฉีดใหม่เพราะ มันจะมีผลข้างเคียง

คือผมเกิดมาก็เพิ่งรู้จัก MMR ตอนนี้แหละ แล้วเราจะรู้ไหมว่าเราเคยฉีดแล้ว
แล้วจะไปหาหลักฐานที่ไหน หรือว่าไปฉีดใหม่ดีไหม



** และในกรณีถ้าไปฉีดใหม่ ก็ดำเนินการไม่ยากใช่ไหมครับ
- ฉีดครั้งเดียว ได้เอกสารส่งไปได้เลย ไม่ต้องรอฉีดหลายครั้ง หรือหลายเดือนใช่ไหมครับ
- ถ้าฉีดเพื่อขอ I-20 visa F1 นี่จำเป็นไหมต้องไป รพ. ที่เกี่ยวข้องกับการรับรองของกงศุล
- ใครอยู่เชียงใหม่แนะนำสถานที่ให้ทีครับ


ขอบคุณครับ

ความคิดเห็นที่ 1
รบกวนอีกคำถามครับ

- ส่งเอกสารสำคัญไป US ส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้ FedEx ใช่ไหมครับ ใช้เวลาประมาณกี่วันอะครับผม


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
MMR หัด คางทูม ที่เมืองไทยน่าจะได้รับตอนเด็ก จำได้แม่บอก แต่ไม่มีเอกสารรองรับ ตอนเราขอวีซ่าถาวรอเมริกาเค้า reruire ตัวนี้ด้วย เราก็ต้องไปฉีดใหม่เพราะไม่สามารถหาหลักฐานว่าเคยฉีดได้ ดูโรงพยาบาลที่สถานฑูตรับรองตามเวป สถานฑูต เชียงใหม่น่าจะที่แมคคอมิค
เราฉีดสองเข็มค่ะ ครั้งที่สองน่าจะ 1 เดือน หรือ ห้าเดือนหลัง
ของเราฉีดที่สถานเสาวภา กทม แล้วให้คุณหมอที่บำรุงราษรับรองค่ะ

แนะนำ FedEx ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ก่อนมาเมกา เราก็ฉีด MMR, ตับอักเสบ บี, ทำ TB skin Test, ไข้หวัดใหญ่ ที่ แมคคอร์มิก เชียงใหม่ เหมือนกัน (1 อาทิตย์ ก่อนมา ><) ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัย ที่เราเลือกที่นี่ เพราะ เห็นคนไทย ที่ได้วีซ่าคุ่หมั้น ทำงาน มีแนะนำจากกงสุล ให้มาตรวจที่นี่ เราเลยตามมา เสียทั้งหมดประมาณ 2000 นะ ของเรา

หาก คุณ จขกท มีเวลา ขอแนะนำอย่างแรงเลยว่า ควรฉีดที่เมืองไทยเลย เพราะถูกกว่ามาก คุณพยาบาลที่แมคคอร์มิก ก็น่ารัก ใจดี

ตอนนี้ เราเหลือ MMR เข็มสุดท้าย กับ ตับอักเสบเข็มสอง เราไปถาม Health Center ของมหาวิทยาลัยเรา ได้รับคำตอบค่าฉีด แทบลมจับ MMR เข็ม 70 กว่าดอลล่าห์ // ตับอักเสบบี เข็ม 50 กว่าดอลล่าห์ ฟังแล้ว หากย้อนเวลากลับไปได้ จะฉีดที่เมืองไทยให้หมดเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ถามคุณ ราเย อีกครับ (จะเข้ามาอีกเปล่า 55)

แล้วกรณีของผมจะส่งไปขอ I-20 อะครับ ฉีดทีเดียว
แล้วได้รับเอกสารส่งได้เลยใช่ไหมครับ
ผมไม่ต้องรอ 5 เดือน เพื่อฉีด 2 เข็มรึเปล่า (ถ้ารอนี่คือ รอ 5 เดือน จบเลยนะนั้น)

แล้วที่ว่าเหลือเข็มสุดท้ายคือ ฉีด 1 เข็ม > ไปเรียนที่เมกา > ฉีดอีก 1 เข็มที่เหลือหรอครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
MMR ฉีด 3 เข็มๆแรกและเข็มที่สองก็ฉีดในเดือนที่หนึ่งและสองตามลำดับ
เข็มสุดท้ายฉีดในเดือนที่ 6 นับจากเดือนแรกที่ฉีด
ถ้ามีเวลาเหลือพอ ฉีดในไทยจะราคาถูกกว่าค่ะ

เราอยู่กรุงเทพ ตอนแรกก็ไปตรวจภูมิคุ้มกันก่อนที่คลีนิคเสาวภาว่าเคยฉีดวัคซีนอะไรมาแล้วบ้าง
วันไปรับผลซึ่งเค้าจะมีใบตรวจมาให้ด้วย เก็บไว้ค่ะเพื่อยืนยันอีกทีนึงตอนตรวจสุขภาพ (เราขอวีซ่า CR1)
เรามีภูมิแค่อีสุกอีใสอย่างเดียว เลยต้องฉีดวัคซีนตัวอื่นๆให้ครบ
ซึ่งเค้าจะมีสมุดเล่มเล็กๆบันทึกการฉีดวัคซีนทุกอย่างที่เราฉีด
เวลามาหาหมอที่อเมริกาครั้งแรกเพื่อตรวจสุขภาพบันทึกประวัติ ก็ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เค้าเลย
จะได้ไม่ต้องฉีดซ้ำ
-"-
เมื่อต้นปีฉีดวัคซีนแค่ไข้หวัดที่อเมริกา ยังคิดว่าแพงเลยอ่ะ

แต่ไม่รู้นะคะสำหรับวีซ่านักเรียนต้องตรวจสุขภาพก่อนสัมภาษณ์มั๊ย
ถ้าไม่จำเป็น ก็ฉีดแล้วมีใบรับรองว่าฉีดคงพอมั๊ง


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ของผมจะมีสมุดเล่มเล็กๆสีเขียวๆ เข้าใจว่าเป็นของ กทม. ให้มาตั้งแต่ตอนเด็กครับ
ก็จะมีเก็บประวัติเอาไว้ว่า ตั้งแต่ตอนนั้นเคยฉีดอะไรมาบ้าง
ผมก็ไม่เคยรู้หรอกครับว่ามันมีเล่มนี้อยู่ด้วย ลองไปถามคุณพ่อคุณแม่ดูครับ

ตอนนี้จำได้ว่าก็เอาไปให้คุณหมอดู แล้วก็เซ็นรับรองให้ว่าฉีดอะไรมาบ้างแล้วครับ (เมื่อ 5 ปีก่อน) อะไรที่ยังไม่เคยฉีดก็ค่อยไปฉีดตอนนั้นครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ขอตอบคุณ จขกท น๊า

ที่เรารีบมาฉีดวัคซีน ก่อนมา เพราะในจดหมายตอบรับอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยเรา มีรายละเอียดให้เข้าไปดาวโหลดแบบฟอร์มสุขภาพ ซึ่งจะระบุว่า ก่อนที่เราจะลงทะเบียนเทอม Fall 2012 เราต้องมีหลักฐานได้รับวัคซีน MMR, Tdap, Hep B, และต้องทำ TB skin หากอะไรที่เราเคยฉีดแล้ว หรือเป็นแล้วเช่น อีสุกอีใส ก็ไม่ต้องฉีด ก็บอกคุณหมอเลย คุณหมอ ก็จะกรอกในแบบฟอร์ม มหาวิทยาลัยให้

ในความคิดเห็นของเรา ถ้านักเรียนจะมาเรียนต่อ อเมริกา ควร เริ่มสำรวจตัวเอง ว่า ตอนเด็กมีหลักฐานวัคซีนอะไรบ้าง (ยังไงก็หนีไม่พ้นพวก MMR, Tdap, Hep B) หากมีก็เก็บไว้ แล้วนำไปให้คุณหมอเขียนรับรอง

หากไม่มี ก็ควรเริ่มฉีดเลย เพราะอย่างที่พี่คอมเมนต์ข้างบนท่านว่า คือ แต่ละเข็ม มันมีระยะเวลา ต่อเนื่อง ต้องกระตุ้น 1 เดือน 3 เดือน ซึ่งหากฉีดในไทย ได้ทั้งหมด จะประหยัดเงินในกระเป๋าเราได้มากกกกกกก จริงๆ (ของเรา พึ่งมาตื่นก็เดินทาง 1 อาทิตย์ ทำให้ต้องเหลือมาฉีดที่อเมริกา และแพงงงมากก - เครียดเลย - -") แต่ "TB skin test" นี่ เห็นว่า คงต้องทำใหม่ ทุกคนนะ เผื่อเวลาสามวัน หรือนานกว่านั้น เผื่อต้อง x-ray ปอด หรือ ตรวจเสมหะ ไว้ด้วย เพราะยังไงคนไทยเคยได้รับวัคซีนนี้ตอนเด็ก เห็นว่า ผลจะ positive ทุกคน ต้อง xray หรือทำเสมหะ ซ้ำ น๊ะ

เราว่า คุณจขกท. น่าจะ email ไปถามโรงเรียนถึงแบบฟอร์ม ของทางโรงเรียน เรื่อง วัคซีนที่ต้องฉีด (Proof of Immunization ให้เขาส่งมาพร้อม I20 ก็ได้ หรือ ดาวโหลดจาดเว็บโรงเรียนมาศึกษาก่อนเลย)

พร้อมสำรวจว่า ในอดีต เรามีหลักฐานการฉีดตัวไหนไว้บ้าง (เช่น สมุดวัคซีน) เอาไปยืนยันกับคุณหมอ
(เชียงใหม่ ก็คงที่แม็คคอร์มิก แหละ เพราะมีคุณหมอที่สถานทูตอเมริกา ระบุชื่อ และโรงพยาบาลกำกับไว้ สำหรับวีซ่าประเภทอื่น- K, L แต่จริงๆ แล้วเราว่าที่ไหนก็ได้นะ แต่เราว่าที่นี่ เขา Pro กว่า มี ศูนย์ตรวจสุขภาพเพื่อการนี้ เป็นสัดส่วนเลย,, ถ้า กทม. ก็สถานเสาวภาเลย เคยดูในเว็บต่างๆ พี่ๆ เขาว่า ราคาถูก บริการดี โปรฯ มาก )

ส่วนอะไร ที่ไม่ได้ฉีด หรือไม่แน่ใจ ก็รีบฉีดที่ไทยเลย อย่ารอเลย ด้วยเหตุผลด้านเวลากระตุ้นวัคซีน และ งบประมาณ (เมืองไทย ถูกกว่าจริงๆ )
^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
อยากหลังไมค์คุณ ราเย อะครับ คุยไม่ได้ T^T

คือตอนนี้ผมงงว่า เราฉีดเพื่อ รร. หรือฉีดเพื่อการเปนคนอยู่ในอเมริกา
ตอนนี้ผมไม่รุ้ว่าจะต้องมีเอกสารอะไรบ้าง ฉีดตัวไหนอะครับ ปวดหัว ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ขอบคุณครับ พอเข้าใจบ้างแล้ว

เอกสารเรื่องวัคซีนมันไม่ใช่ หลักฐานหลักในการของ I-20 ใช่ไหมครับ
(เหนบอกว่า ส่งฟอร์มมาพร้อม I-20 ได้(หลังจากได้ I-20) )


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
MMR ในผู้ใหญ่ฉีดเข็มเดียวครับ ในเด็กเล็กฉีดสองเข็ม ส่วน Tdap หรือ Td เป็นการฉีดกรตุ้นทุก 10 ปี ส่วนใหญ่เราไม่เคยกระตุ้นมาก่อน ตอนเด็กเราจะฉีดเข็มสุดท้ายประมาณ 4ขวบ(DPT) จึงต้องฉีดกระตุ้น ส่วนไวรัสตับอักเสบบี ควรตรวจหาเชื้อและภูมิก่อน ในกรณีที่ไม่เคยฉีดตอนเด็ก วัคซีนนี้เพิ่งเข้ามาเมืองไทย 25 ปี บางคนอาจจะไม่ได้ฉีด ถ้ามีภูมิแล้วก็ไม่ต้องฉีด หรือถ้ามีเชื้อแล้วก็ฉีดไม่ได้ ฉีดไปก็เสียเงินเปล่า บางมหาลัยต้องฉีดวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นด้วย meningococcal meningitis ต้องดูว่าแต่ละที่ต้องการอะไร ไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่คล้ายกัน
ตอบคำถามที่ว่าฉีดเพื่ออะไร คือเป็นการป้องกันไม่ให้เราไปแพร่เชื้อครับ
ส่วนที่ว่าฉีดอะไร มหาลัยจะส่งเอกสารมาให้ เแล้วนำไปให้แพทย์ตรวจสุขภาพที่ไหนก็ได้ กรอกเอกสาร พร้อมลงบันทึกประวัติการฉีดวัคซีน และที่ฉีดเพิ่ม อยากบอกเพิ่มเติมว่าถ้าต้องฉีด วัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่นนี่ รัฐมีสองที่คือสภากาชาด และบำราศนราดูร เอกชนก็มีหลายแห่ง ต้องสอบถามเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณครับ ตอนแรกนึกว่าต้องฉีดแล้วยื่นสมัคร

คือเราขอสมัคร รร จนออก I20 มาก่อนแล้วเค้าจะให้ใบ เพื่อไปหาหมอใช่ไหมครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เราย้อนกลับไปอ่าน คำถาม จขกท แล้ว เราว่า process ของ College ที่จขกท สมัคร ต่างจากเรา คือ ให้ส่งหลักฐานวัคซีนไปก่อน แล้วจึงจะออกใบตอบรับ และ I20 เพื่อประกอบการยื่นขอวีซ่า ในเมืองไทย ให้

ถ้าเป็นดังข้างต้น เราว่า

1) น่าจะติดต่อ college ให้แน่ ว่า ต้องการแค่หลักฐาน MMR ตัวเดียว ใช่หรือไม่ ตัวอื่นไม่เอา ไม่ต้องทำ TB skin test แล้วใช่หรือไม่ รวมถึง "มีแบบฟอร์มเฉพาะ ของโรงเรียนให้คุณหมอกรอกด้วยหรือไม่"

2) หาหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น สมุดวัคซีนตอนเด็ก ให้ได้ เพื่อจะเอาไปขอให้คุณหมอ ออกใบรับรองให้ ว่า เคยฉีด MMR มาแล้ว

3) หากหาหลักฐานไม่ได้ ก็ฉีดใหม่ เลย แล้ว (อันนี้ ความเห็นส่วนตัวของเราเลย) เพราะเราก็ฉีด MMR ใหม่ ก่อนมา ตอนนี้ ก็ยังสบายดี พึ่งกลับจากปาร์ตี้ในมหาวิทยาลัย ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ 555+

4) ของเรา MMR เราต้องฉีดซ้ำ อีกที นะ (ต่างจากพี่ความเห็นข้างบน) แมคคอร์มิก ยังออกใบนัดให้เรา Booster MMR อีกปลายเดือนนี้ และในแบบฟอร์มมหาวิทยาลัยเรา MMR ก็มีให้กรอก วันที่ฉีด สอง ครั้งด้วย

ในเคส จขกท เราว่า ถ้าต้องฉีดใหม่ ก็ทำครั้งแรกไปก่อน แล้วรีบให้หมอออกใบรับรองให้ แล้วส่งไปเลย ไม่ต้องรอ จนครบหรอก นานเกิน (เว้นห่างจากเข็มแรก 1 เดือน) ส่วน เข็มต่อไปจะฉีดหรือไม่ ก็แล้วแต่ คุณ จขกท เลย ตอนนี้ เราคิดจะโดดฉีด MMR เข็มสอง แล้ว ฉีดแค่ ตับอักเสบเข็มสอง ที่นี่ พอ เสียดายตัง 555

5) ที่ฉีดวัคซีน ไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ ขอให้หมอออกใบรับรองให้เป็นภาษาอังกฤษ ก็เป็นพอ หรือให้คุณหมอช่วยกรอกในแบบฟอร์มของมหาวิทยาลัยให้ กทม. ก็ สถานเสาวภา นะ ที่เรา อ่านๆ ดู ส่วน

หรือถ้าจะให้สบายใจ ก็สามารถไปตามที่สถานทูตรับรอง ก็ 2 โรงพยาบาล ตามความเห็นที่ 10 พี่ ป. ข้างบนเลย ส่วนเชียงใหม่ ถ้าจะเอาที่สถานทูตรับรอง ก็ แมคคอร์มิก แต่โรงพยาบาลข้างนอกก็ได้

วีซ่านักเรียน F1 ไม่ได้ใช้เรื่อง Medical record ประกอบการตัดสินใจให้วีซ่า

หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ จขกท. น๊า Good Luck! Ja!


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
สวัสดีครับ คุณ ราเยมาแล้ว

จริง ๆ ไม่ใช่ว่า รร. ต้องการก่อนหรอกครับ ต้องได้ I-20 มาแล้วก็คงมีฟอร์มส่งมาด้วย
แต่ตอนแรกผมไม่รุ้ รุ้แต่ว่าต้องมีหลักฐานวัคซีน ผมเลยนึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในการขอ I-20 ต้องยื่นพร้อมตอนสมัคร รร.
คือคิดมากอะครับ ฮ่า ๆๆ
สรุป คือ ไม่ใช่ว่าต้องฉีดก่อนขอครับ ทำเหมือนชาวบ้านทั่วไปคือ ฉีดก่อนไปเมกาเท่านั้นแหละ

แล้วตอนนี้ผมกำลังจะส่งเอกสารสมัครไปที่ รร. ก็คงรอหลายวัน กว่า รร. จะตอบรับ
สรุปว่า ตอนนี้ผมยังไม่มี i-20 และ ฟอร์มวัคซีนที่ รร ต้องส่งมา
แบบนี้ผมสามารถไปฉีดเลยได้ไหมครับ (เพราะถ้าไปฉีดวันนี้เลย เรายังไม่มีใบที่ รร. ส่งมาให้หมอเซ็น แล้วเมื่อถึงเวลาได้ใบนั้นมา จะให้หมอเซนอีกทีได้ไหม)

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลเยอะเลย

ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ในความเห็นส่วนตัวของเรานะ เราว่า คุณ จขกท. น่าจะ email ไปขอแบบฟอร์ม Proof of Immunization หรือถาม list วัคซีน และ/หรือ การทำการทดสอบ วัณโรค (TB Test) จากโรงเรียนก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า วัคซีนอะไรที่ต้องฉีด อะไรที่แค่แนะนำให้ฉีด เรากลัวว่า รายละเอียดและความต้องการของมหาวิทยาลัยแต่ละที่จะต่างกัน

(เช่น คุณ ป. บอกบางที่ให้ฉีด meningococcal meningitis ด้วย แต่ของ U เรา ตัวนี้ เป็นแค่ Optional Immunizations ที่บังคับมี MMR, Varicella (อีสุกอีใส), Td or Tdap, ตับอักเสบ บี และ TB screening)

จากนั้น หาก คุณ จขกท แน่ใจแล้วว่า จะไปโรงเรียนนี้ + ทราบลิสต์ วัคซีน กับการตรวจต่างๆ ตามความต้องการของโรงเรียนนั้นๆ แล้ว ก็ถึงค่อยฉีด จะดีกว่า

หรือหากใจร้อนจริงๆ 55+ ก็อาจฉีดพวกวัคซีน ที่ต้องฉีดหลายๆ เข็มซะ ตอนนี้เลยก็ได้ เช่น ตับอักเสบ (ในกรณี ที่ไม่ได้ฉีด) เพราะเข็มหนึ่งที่อเมริกาเกือบ เท่ากับค่าฉีด+ค่าxray ทั้งหมดของเราที่แมคคอร์มิกเลย 55 หรือ เห็นบอกว่า ทราบว่า ต้องฉีด MMR ก็ ไปจัดการก่อนก็ได้ เพราะอันนี้ ต้องเว้น อีกเดือน ในเข็มสอง ฯลฯ

ปล. หากเป็นอีสุกอีใส แล้ว ให้จำวัน เดือน ปี ที่เป็นให้ดีๆ นะ แล้วบอกคุณหมอ คุณหมอจะได้ระบุวันให้ถูก ไม่เช่นนั้น ก็ต้องฉีดวัคซีนตัวนี้นะ ถ้าเป็น Required ของโรงเรียน ^___^


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ขอบคุณครับ ตอนนี้ผม email ไปถามคร่าว ๆ แล้วว่าต้องการหลักฐานโรคอะไรบ้าง

แล้วเรื่องวัคซีนนี่มันใช้เฉพาะที่ รร. รึเปล่าอะครับ
ในกระบวนการของ กงสุล มีอะไรที่ต้องไปฉีดไหมครับ
หมายถึงว่าการอยู่อาศัยใน US อะครับ

สมมุต รร. require โรค A,B,C มา เราก็ไปฉีดมาครบ
จะมีเพิ่มเติมไหมที่ถูก require จากกงสุล หรือการเข้าเมือง US อะครับ
ปกติก็ไม่มีใช่ไหมครับ

ปล. x-ray นี่มีด้วยหรอครับ เปนของขั้นตอนการทำอะไรอ่า

ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ถ้าวีซ่านักเรียน F1 กงสุลจะไม่พิจารณาหลักฐานการแพทย์ วัคซีน ตรวจโรค อะไร หรอก ดูเฉพาะหลักฐานการเงิน ความผูกพันกับบ้านเกิด ความสมเหตุสมผล ฯลฯ จากนั้นก็จะออกวีซ่า "ให้เราเข้าประเทศได้"

แต่หลักฐานการแพทย์ วัคซีน ต่างๆ ตรวจโรคต่างๆ เป็นข้อกำหนดเฉพาะของทางโรงเรียน ไม่ใช่สถานทูต หากมีหลักฐานนี้ "โรงเรียนก็จะอนุญาตให้เราลงทะเบียนเข้าเรียนได้"

ซึ่งโรงเรียนกลัวว่า เราไปนั่งเรียนกับคนอเมริกัน แล้ว เราในฐานะเป็นประเทศแหล่งพาหะโรคต่างๆ อาจนำไปติดคนของเขาได้ ดังนั้น เขาจึงกำหนดให้เราฉีดวัคซีน ทำการตรวจวัณโรค ก่อน เป็นหลักฐาน ก่อนอนุญาตให้เราลงทะเบียนเรียนในเทอมแรก ที่ไปถึงอเมริกา

(ไม่ทราบว่า คุณ จขกท ไปเรียนระดับไหน เพราะข้อกำหนดนี้ เป็นประสบการณ์ของเราและเพื่อนๆ ที่ไปเรียนโท หรือ เอก // แต่หากไปเรียนคอร์สภาษา สั้นๆ เราไม่ทราบว่า โรงเรียนนั้นๆ ซีเรียสกับการตรวจโรคมากน้อยเพียงใด เหมือนกับเรียนคอร์สยาวๆ หรือไม่ อันนี้ เราไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ ><)

การ x-ray เป็นกระบวนการของการเทส วัณโรค (TB screening) ในวันไปติดต่อแพทย์ อย่างเราไปแมคคอร์มิก เราจะถูกถามประวัติ และทำ TB test โดยฉีดอะไรไม่รู้ เข้าใต้ท้องแขน จากนั้นรออีก 72 ชั่วโมง หรือนับไปอีก 2 วัน กลับมาโรงพยาบาล เพื่อดูการขยายตัวของจุดที่เราฉีด ถ้าขยายเกินกำหนดที่ทางโรงเรียนรับได้ อย่างของเรา >10 มม. จะถือว่า ผลเป็น positive ต้องมีการ x-ray ปอด เพื่อหาจุดในปอด หากไม่มีจุดในปอด ถือว่า ปลอดวัณโรค หากมีจุดใดๆ แพทย์ก็จะพิจารณาให้ตรวจเสมหะเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่า ปลอดวัณโรค

ทั้งนี้ คนไทยเกือบทุกคน ผลจะเป็น positive หมด เพราะเราได้รับการฉีดวัคซีนวัณโรคแต่เด็ก สารที่ฉีดเข้าไปมันไปทำปฏิกิริยา กับภูมิวัคซีนของเรา ทำให้แพ้ขึ้นมา วงรอบก็จะขยาย ก็ต้อง x-ray ปลอดซ้ำกันทุกคน เพื่อนชาวจีน ที่เรียนกับเราตอนนี้ ก็ต้องตรวจวัณโรค แถมยังต้องนำฟิล์ม x-ray ปอด มาส่งให้ทางมหาลัย เหมือนกับเราเหมือนกัน

^^


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อ้อ เข้าใจแล้วครับ
ผมไปเรียนระดับปริญญาครับ (แต่ไม่บอก degree อิอิ)
อธิบายเข้าใจเลยครับ ขอบคุณข้อมูลครับ
ผมนึกว่า เรื่องวัคซีน มันจะเกี่ยวข้องกับการเข้าออกหรืออาศัยใน US ด้วย
จะไปดำเนินการพวกนี้ที่แมคคอมิคเหมือนกันครับ เพระาอยู่เชียงใหม่

แล้วขอถามอีกข้อหนึ่ง ในกรณีที่ไม่ได้ฉีด หรือฉีดไม่ครบ (แบบว่าไม่มีเวลาแล้ว)
ก็ไปได้ใช่ไหมครับ แต่ยังไงเราก็จะต้องโดนจับฉีดที่ US ให้ครบ แบบคุณ ราเย้


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ให้ชัวร์คือทำตามที่รรบอก แต่เราให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวัคซีนที่ require ในอเมริกานิดนึง

รายการที่เราต้องฉีดทั้งหลายจริงๆก็มาจากที่คนอเมริกันต้องฉีดนั้นแหละ ดูได้ตามนี้เลย

http://www.cdc.gov/vaccines/schedules/easy-to-read/adult.html


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
พึ่งเห็น ลิสต์วัคซีน ของ คุณ Song iS A beautifuL LiE มีประโยชน์จริงๆ และถามมหาวิทยาลัยถึงวัคซีน และเทสต่างๆ ตาม Requirement จะดีที่สุดนะ

ขออนุญาตตอบ คุณ จขกท. ถูกต้อง หากเราฉีดไม่ครบ ก็ไปฉีดต่อ ที่อเมริกาก็ได้ เหมือนเคสเรา หรือยังไม่ได้ฉีด ก็มาฉีดที่อเมริกา ก็ได้

แต่อย่างที่เราอยากจะขอบังคับ เอ๊ย! แนะนำ คือ ฉีดที่เมืองไทย ให้ครบ หรือมากที่สุด เท่าที่จะมากได้นะ เพราะค่าวัคซีนที่นี่ แพงมาก เข็มที่เราฉีดแมคคอร์มิก ที่แพงที่สุดวันนั้น คือ ไข้หวัดใหญ่ 500 บาท ค่าตรวจทั้งหมดรวม 2000 กว่าบาท เทียบไม่ได้กับการฉีด MMR เข็มเดียวที่นี่ (Health Center ของมหาวิทยาลัย) 70 กว่าเหรียญ (x32) ^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ขอบคุณครับผม ขอมูลเป็นประโชยน์มาก ๆ
ผมคงฉีดทันแค่ 2 เข็ม อิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 20