โดนเลขาฝรั่งดูถูก

เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่เราความรู้น้อยกว่า
พูดภาษาอังกฤษไม่เริดหรู เหมือนเขา พวกนั้นเค้าจบปริญญาโท ภาคอินเตอร์จากเอแบค ทำงานเป็นเลขาของ CEO แต่งตัวแต่งหน้าสวย
เราเลยโดนดูถูกว่า พูดภาษาเหมือน ผู้หญิง....อย่างนั้น
พอเจอแบบนี้บ่อยๆเข้ามันทำให้เรารู้สึกเกร็ง และไม่อยากจะพูด กลัวว่าพูดผิดๆถูกๆออกไปจะโดนดูถูกเอาอีก
เฮ้อ กลุ้มใจ อยากพูดสื่อสารเหมือนพวกฝรั่ง จะต้องทำยังไงดี

ความคิดเห็นที่ 1
คุณต้องรู้จักปกป้องตัวเอง เขาพูดแบบนั้นใส่ ก็บอกเขาไปสิว่า สำเนียงเป็นแบบนี้ ก็พยายามหาทางปรับปรุงอยู่ คิดว่าอยู่นานหน่อยคงดีขึ้น แต่พวกที่พูดจาดูถูกคนอื่นเนี่ย ไม่รู้เวลาจะช่วยขุดสันดานให้ดีขี้นได้ไหม เพราะคนไทยเขาว่า สันดอนขุดได้ สันดานขุดยาก


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คุณน้องจุ่นไม่ต้องกลุ้มใจ และไม่ต้องลดตัวลงต่ำไปโต้ตอบกับคนพวกนั้น แต่ขอให้คุณน่องจุ่นเคารพตัวเอง
และขอให้เอาสิ่งที่เขาดูถูกคุณมามุมานะสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้ตนเอง เราขอแนะนำคร่าวๆ ดังนี้

1. เราแนะนำให้คุณน้องจุ่นติดเคเบิ้ลทีวีที่บ้าน แล้วตะบี้ตะบันฟังช่องที่มีแต่ภาษาอักฤษเข้าไป
โดยเฉพาะพวกช่องข่าวอย่าง BBC World เพื่อที่นอกจากจะได้สำเนียงแล้ว ยังได้ศัพท์ระดับ
คนมีการศึกษา และ ยังได้ทราบข่าวสารทางด้านต่างๆ จากทั่วโลกไปในเวลาเดียวกัน ฟังไม่รู้เรื่อง
ไม่เป็นไร แต่ให้ฟังไปเรื่อยๆ

2. ควรอ่านหนังสือพิมพ์ Bangkok Post และ The Nation หัดอ่านข่าวง่ายๆ ก่อน เช่นข่าวบันเทิง
หรือคอลัมน์ท่องเที่ยว

3. รู้จักใช้อินเทอร์เน็ทให้เป็นดิคชันนารี่ หรือ ให้ลง App ดิคชันนารี่ลงบนสมาร์ทโฟนหรือไอแพด

4. ควรไปดูหนังบ่อยๆ แบบไม่พากษ์ภาษาไทยทับ หรือไปซื้อแผ่นหนังภาษาอังกฤษมาชม
แบบที่มีซับไทเทิ่ลภาษาอังกฤษ ให้ดูหนังที่เน้นดาราอังกฤษแสดง หรือดาราอเมริกัน ดาราออสเตรเลี่ยน
ดาราแคานาเดี้ยน ที่พูดภาษาอังกฤษสำเนียงดีๆ

5. ฟังเพลงฝรั่งดีๆ เนื้อร้องมีความหมายดีๆ สละลสลวย เช่นเพลงจากยุค 70s, 80s และต้น 90s
อย่าไปฟังเพลงป็อบสมัยนี้ิเพื่อฝึกภาษา

นอกนั้นให้เชิดหน้าเข้าไว้ คนเราเลือกเกิดไม่ได้นะคะน้องจุ่น คนที่ต้องดูถูกคนอื่น หรือ เหยียบย่ำผู้อื่น
พื้นฐานของเขาคือยังไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีและเป็น เพราะฉนั้นเขาต้องมากดคนอื่นเพื่อที่จะทำให้
ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

คนที่เขาพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว และมีจนล้นเหลือ เขามีแต่อยากจะแบ่งให้คนอื่นๆ และ เข้าใจ
คนอื่นๆ ค่ะ

ปูลู สาวๆ พวกที่ดูถูกคุณหน่ะ พวกลูกคุณหนูตัวผอมๆ หน้าเรียวๆ ตัวขาวๆ เหลืองๆ หน้าตาวีนๆ
ชิมิคะ แล้วพวกนี้จะดีกับนายฝรั่งหรือนายคนไทยเป็นพิเศษ ทำตัวอินเตอร์มว๊ากกกก
กระเป๋าต้องใช้แบรนด์เนม รถต้องมีขับ

เราอยากจะบอกน้องจุ่นว่า พวกลูกผู้ดีจริงๆ พวกที่การศึกษาดีจริงๆ ได้รับการอบรมมาดีทั้งจากที่บ้าน
และที่โรงเรียนเขาไม่ดูถูกคนอื่นหรอกค่ะ เราเจอมาเยอะแล้ว ทั้งสองแบบเลย

พวกลูกคุณหนูตัวจริงหน่ะ เขาจะตรงข้ามกับที่คุณน้องจุ่นเล่ามาทุกประการ

ท่องไว้ค่ะ ว่าจุ่นคือจุ่น และจุ่นไม่ใช่อย่างที่เขาว่า สะกดจิตตัวเองค่ะ มิเช่นนั้นแล้วคุณน้องจุ่น
จะแพ้ลมปากของพวกนั้น และเป็นไปตามอย่างที่เขาพยายามยัดเยียดให้คุณจริงๆ

ทองแท้อย่าไปกลัวไฟลน และไม่จำเป็นต้องเอาทองไปลู่กระเบื้องหรอกค่ะ เชื่อยายนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
คุณ Been there, done that! ไม่สมัครสมาชิกแล้วเหรอครับ บางทีผมอยากให้กีฟก็ให้ไม่ได้ -_-"


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่ต้องกังวลเรื่องสำเนียงหรอก
ต่างประเทศดูอย่างแถวยุโรป รัสเซีย อินเดีย เวลาพูดอังกฤษก็สำเนียงบ้านใครบ้านมันทั้งนั้นแหละ
ไม่ต้องพยามยามที่จะมีสำเนียง American หรือ British เพราะเราไม่ใช่ Native Speaker
ที่สำคัญคือสื่อสารเข้าใจและไหลลื่น ไม่ต้องพูดสำเนียงให้เหมือนฝรั่งแต่ต้องพูดให้ฝรั่งเข้าใจและต้องฟังเค้าให้รู้เรื่องด้วย

อย่ากลัวที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษเลยค่ะ มัวแต่กังวลนู่นนี่ แคร์คนอื่นมากไปเดี๋ยวก็ไม่ได้ภาษากันพอดี

ส่วนพวกชอบดูถูกคนอื่นเป็นพวกโลกแคบ ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ.............


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
แถมอีกข้อ แต่ถ้าไม่คุ้นเคยหรือไม่มีช่องทางดีๆ อาจจะทำยากหน่อย คือคุณต้องคบต้องมี
เพื่อนฝรั่งที่เป็นเจ้าของภาษาโดยตรงค่ะ ต้องไปเที่ยว ไปแฮงก์เอ้าท์กับเพื่อน ไปกินข้าว ไปทำกิจกรรมต่างๆ

แต่ก็ไม่แนะนำให้น้องจุ่นไปแชทตามเว็บหาคู่นะคะ เพราะผิดวัตถุประสงค์ค่ะ

ภาษาไหนก็แล้วแต่ถ้าต้องการใช้ได้ดี ต้องฝึกทักษะทั้งหมด 4 อย่าง ฟัง พูด อ่าน เขียน ค่ะ
และถ้าไม่ได้ใช้จะลืมได้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
คุณดอส ไปอ่านกระทู้ฟิน ที่ห้องบลูฯ แล้วหรือยังคะ ดิฉันไปอธิบายเอาไว้ให้แล้วค่ะ ว่าแสลงคำว่า วีน
ในภาษาไทยมีที่มาที่ไปอย่่างไร

ขอบคุณมากค่ะ กีบไม่รับค่ะ แต่ขอบคุณคุณดอสจริงๆ ค่ะ

ว่าแต่คุณดอสเองก็เก่งภาษาอังกฤษ มาแล้วอย่ามาเปล่านะคะ ขอให้มาช่วยบอกเคล็ดลับกับน้องจุ่น
บ้างค่ะ ดิฉันชมจริงๆ นะคะ คุณเขียนภาษาอังกฤษเก่งค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าเขาพูดว่าคุณพูดภาษาอังกฤษเหมือนผู้หญิงอย่างว่า ผมว่าฟ้องนายฝรั่งหรือฟ้องHRได้นะครับ ถือว่าพูดจาดูถูกรุนแรงให้เสื่อมเสียเกียรติยศ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เรื่องสำเนียงเนี่ยมันยากนะคะ ถ้าจะให้เหมือนคนที่เค้าเรียนมานานแลล้ว
ขอให้ออกเสียงให้ถูกและไวยากรณ์ถูกต้อง ก้พอแล้วค่ะ
ดิฉันเอง เวลาพูดสำเนียงก็ไทยแท้เลย แต่ฝรั่งที่นี่เค้าก็เข้าใจนะคะ ไม่เห็นจะมีใครดูถูก
ขยันฝึกบ่อยๆเข้าไว้นะคะ ลองหาเพลงมาฟังและดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆนะคะ ช่วยได้มากเลย
เป็นกำลังใจให้นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คุณ Btdt เอาใจเต็ม 100 ไปเลยค่ะ
จะสำเนียงไหนก้อไม่สำคัญเท่าสื่อสารรู้เรื่อง
บุคลิกดี เป็นคู่สนทนาที่ดี หรอกค่ะ คนทำการ
ค้ามากมาย ไม่ได้สำเนียงเป๊ะอะไร ยังติดต่อค้า
ขายเป็นเศรษฐีได้เลย

สำเนียงไม่ช่วยอะไร หากพูดไม่รู้เรืีอง นิสัยไม่ดี ก็คงไม่
มีคนอยากเข้าใกล้นะคะ อยากไปแคร์คำพูดคนแบบนี้เลย

เอ้อ ที่ว่า ภาษาเหมือนผญ.อาชีพ ... แต่อย่าลืมว่า เขาเหล่านั้น
ก้อใช้ความรู้ภาษาอันน้อยนิด สื่อสารจนสำเร็จวัตถุประสงค์นะคะ
แล้วคนที่ว่าน่ะ ความรู้ท่วมหัวระวังจะเอาตัวไม่รอดนะ อย่าดูถูกคนอื่น


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
แบบนี้ต้องทำเป็นดีด้วย เข้าไปตีสนิท แล้วเอาของกินที่ทำให้ท้องเสียไปฝาก อิ อิ

เอ๊ย! ล้อเล่นน๊าาาค๊าาาา ห้ามทำตามเด็ดขาด @__@

เป็นกำลังใจให้ค่ะ เราเป็นคนดี ไม่เคยไปดูถูกใคร ภาษาพูดไม่ลื่นไม่คล่องเหมือนเขาไม่เป็นไร ปรับปรุงฝึกฝนกันได้
แต่สันด...นเสียๆของเขานี่สิ เหมือนที่ คห.1 ว่า ติดตัวมาแล้วแก้ยากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
พี่ๆเขาแนะนำดีมากๆนะคะ
ป้าขอแนะวิธีฝึกภาษาอีกทางนะ ถ้าหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงละก็ ไปเข้า สมาคมToastmasters สิคะ
จะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษ และฝึกสร้างความมั่นใจในตัวเอง

ที่เมืองไทยมีตั้งหลายแห่ง เลือกที่เขาใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักนะคะ

http://reports.toastmasters.org/findaclub/searchresults.cfm?Country=Thailand&State=&City=Bangkok

ได้ผลนะ ป้าเป็นสมาชิกมา 5 ปีแล้ว เดี๋ยวนี้คุยจ้อ มีความมั่นใจในตัวเองเยอะเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
หากเจอเลขาจำพวกนี้ เป็นผมต้องถอย
แม้จะไปซุ่มฟิตให้สำเนียง สุ่มเสียงเป็นฝรั่งก็แล้ว
พวกเธอคงพาลหาเหตุ เอาผิดผมอีกเป็นแน่
ตัวดำ หัวหยิก ปากหนา.......
แล้วผมจะแก้อย่างไร

ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
อย่าได้แคร์ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เขาจะว่าอะไรก็ช่างเขา
นายของเราเข้าใจก็สุขขี
เขาพูดเก่งแต่นิสัยที่ไม่ดี
ก็ไม่มีผู้ใดใคร่ชมเชย


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ถามเค้าซิคะ บอกว่า รู้ดีจัง ว่าผู้หญิงอย่างว่านี่ สำเนียงยังไง เรายังไม่รู้เลย เคยเป็นเหรอ ^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
55555555
เราก็คิดเหมือนคุณคห.15 ค่ะ ทำไมรู้ดีจัง หรือว่า.............?


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ทำไมดูแต่จะแนะนำเรื่องสำเนียงกัน เราว่าเขามีปัญหาเรื่อง language usage มากกว่าเปล่า
สำหรับเราถ้าเป็นการใช้ภาษาแบบ broken English นี่มาจากสาเหตุสำคัญคือ
ระดับสติปัญญา เพราะเราเป็นอยู่และเป็นมาก(คือโง่มากอะค่ะ) สำนึกไหม อยากปรับปรุงไหม สำนึกและอยาก
แต่ป่านนี้ยังทำไม่ได้เลย 555 วันก่อนหนักเลยเจอฝรั่งตำหนิมาว่า
"You've been here for ... years!!? I barely understand you" อายไหม ไม่อายหรอก
แถมบอกขอบคุณเขาสะอีก เพราะว่าเขาพูดตรงดี 555


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
วันนี้ภาษายังไม่ดี ไม่ได้หมายถึงวันหน้าจะดีไม่ได้นะคะถ้าคุณพยายาม

ฝึกฝนอย่างที่คุณ Been there, done that! ว่ามาเลย ขออนุญาตทักทายและสวัสดีคุณ BTDT ด้วยค่ะ

พี่เองไม่ได้ร่ำเรียนมาเยอะแต่ฝึกตัวเองมาแบบนั้น
ฝึกอ่านหนังสือพิมพ์ bangkok post คอลัมน์ที่อ่านง่ายๆ พวก lifestyle
สมัยก่อนไม่ได้มีอินเตอร์เน็ตให้เข้าอ่านได้ง่ายๆแบบสมัยนี้
เวลาเจ้านายอ่านเสร็จวันต่อมาพี่จะไปดึงคอลัมน์นี้มาฝึกอ่าน
ฝึกเล่น scrabble หรือพวก crossword ศัพท์คำไหนที่ติดอย่าข้าม
หรือจดเอาไว้ก่อนไปเปิดดิคหาทีหลัง

เมื่อตอนทำงานใหม่ๆพี่ก็เป็นแค่ผู้ช่วยเซลส์
พอดีคนที่ทำงานด้านจัดซื้อต่างประเทศลาออกนายเห็นว่าทำได้
ก็เลยให้มาทำทั้งจัดซื้อและขายต่างประเทศซึ่งได้ใช้ภาษาทุกวัน
แรกๆก็ไม่ค่อยดีใช้ภาษาธุรกิจไม่ค่อยสละสลวย ก็พยายามอ่านอีเมล์ลูกค้า
อ่านหรือคนที่เขาใช้ภาษาที่ดีๆบ่อยๆ ไม่อ่านลวกๆนะ แล้วมันจะค่อยๆพัฒนา

การพูดไม่ค่อยได้ใช้บ่อยทุกวันแต่การที่ดูหนังเยอะจะรู้ว่าฝรั่งเขาออกเสียง
และมีลีลาการพูดยังไง ทุกวันนี้ยังไม่เป๊ะแต่ลิ้นจะไม่แข็งมาก
การฟังคำพูดลิงค์เร็วๆเราสามารถจับความได้นี่ได้จากหนังและเพลงเลยค่ะ

ทุกวันนี้เวลา BB หรือ skype คุยกับสามีและลูกจะคุยเป็นภาษาอังกฤษกัน
ยามว่างหาหนังสือ BK free magazine มีให้หยิบฟรีตามร้านกาแฟนะ
อ่านวันละนิดวันละหน่อย เริ่มเลยนะคะ ให้กำลังใจค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ขอขอบพระคุณทุกคนมากเลยนะคะที่ให้กำลังใจและให้คำแนะนำดีๆ

ตอนนี้หนูสื่อสารได้พอแค่เข้าใจ ประมาณว่า Broken English แนวๆนั้นเลยค่ะ
เพราะพื้นฐานภาษาก็แค่ระดับ ม.3เอง
สำเนียงก็ไม่ได้ ประโยคก็ไม่ได้เริดหรูเหมือนที่พวกนั้นเค้าพูดอ่ะค่ะ ก็เลยโดนดูถูก หลายๆหนก็ถูกแกล้งจากพวกเค้า
เพราะเค้าจะใช้ประโยคสนทนา คำศัพท์ที่แบบว่า เราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
เราก็จะงงๆ ก่อนแล้วพวกหล่อนก็จะทำหน้าตาท่าทางประมาณว่า ยี้ ชั้นต่ำแล้วก็หันไปสนทนาข้ามหัวกับฝรั่ง วว่าเราไม่เข้าใจที่พูดหรอกจะสือสารกับเรา ต้องใช้สำนวนบ้านๆ เหมือนเวลาที่พวกคุณคุยกับแม่บ้านในออฟฟิศ หรืออนคุณไปเที่ยวบาร์กันน่ะ หล่อนถึงจะเข้าใจ
แบบเยอะอ่ะค่ะ หลายเรื่องเลย
เวลาส่งอีเมลล์ไปหาพวกหล่อนก็จะตอบกลับมาแบบ
ภาษาไฮโซมาก หนูก็เขียนตอบไป แต่แกรมม่าอะไรๆไม่ได้ถูกต้องเป๊ะๆ
หล่อนก็จะ reply กลับมาแล้วก็เขียนแก้แกรมม่า แก้คำผิดแก้ประโยค
ด้วยตัวอักษรสีแดง ตัวเป้งๆ
แบบว่า มันแย่มากอ่ะค่ะ มันทำให้หนูท้อแท้มากเลย กับการทำงานในบริษัทอินเตอร์แห่งนี้
เฮ้ออ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ลงคอร์สแกรมมามั้ยคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
แล้ววันหนึ่ง คุณจะรู้สึกขอบคุณบุคคล(ที่คุณบอกว่าเขาดูถูกคุณ)เหล่านี้


สำหรับฉันทุกวันนี้ได้ดีเพราะ การถูกคนดูหมิ่นเหยียดหยามนี่แหละ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
สำเนียงดีไม่ได้ประโยชน์ถ้าสื่อสารไม่ได้หรือพูดจาไม่ฉลาดค่ะ

คนไทยที่ไปทำงานในบริษัทใหญ่ๆ ในต่างประเทศหลายคนก็สำเนียงไทยมากๆ แต่เค้ามีดีที่สติปัญญาค่ะ

ถ้าจะฝึกสำเนียง ต้องฟังและพูดเยอะๆ ค่ะ เราเองสำเนียงด๊ (แต่พูดไม่ค่อยได้ ฮ่าๆๆ) เพราะชอบดูหนังฝรั่ง และออกเสียงตามค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ผมอาจโชคดีที่ได้รับสื่อภาษาอังกฤษแต่เด็ก พ่อเปิดเพลงคันทรี่ แม่เปิดวิทยุ BBC ฟังข่าว โตขึ้นมาหน่อย ก็เล่นเกมส์วางแผน(คำศัพท์เยอะแยะมากมาย) เคยเขียนโปรแกรม(ศัพท์เฉพาะทั้งนั้น) และฟังเพลงป็อปยุค 90s เช่น BSB Westlife NSync ฯลฯ ฟังอย่างเดียวไม่พอผมไปหาเนื้อเพลงมานั่งท่องร้องตามเลยด้วยซ้ำ ร้องตามได้เป๊ะทุกเพลงครับตอนนั้น เพลงไหนเพิ่งออกก็แกะเนื้อเองเลย บ้ามากๆ เพราะร้องตามนี่แหละครับเลยได้สำเนียงมาเยอะมาก

สรุปคือ จะเห็นได้ว่า ที่ผมได้ทำ ก็เหมือนที่คห.2บอกเป๊ะ เพราะงั้นขอให้พยายามครับ ของพวกนี้ต้องใช้เวลา


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
จากประสบการณ์ส่วนตัวน่ะครับ
ดูหนัง ฟังข่าว ภาษาอังกฤษเยอะๆมีประโยชน์ช่วยได้ครับ
พยายามยกมาทั้งประโยค เอามาจดจำครับ อย่าเอามาทีละคำครับ
เช่น
ยกมาจำทั้งประโยคว่า Where have you been? (ไปไหนมา?) เป็นต้น
อีกอย่างหนึ่ง เรื่องการออกเสียงครับ
เช่น Dessert
ถ้าออกเสียง เด๊ส เสิร์ด หมายถึง ทะเลทราย
ถ้าออกเสียง ดี่ เซิ้ร์ต หมายถึง ขนมหวาน

*การออกเสียง สำคัญมากกว่าสำเนียงครับ*


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
เรื่องเค้าดูถูกคุณก็เรื่องนึง
ว่าแต่เค้าพูดเลยเหรอคะว่าพูดเหมือน.....
ไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ยคะ ถ้าเค้าพูดมันก็เกินไป ไปบอก HR ได้เลยแบบ คห บนว่า แต่ถ้าเค้าแค่ทำท่าดูถูก ใช้ภาษาง่าย ๆ กับคุณ ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากฝึกตัวเองและทำใจ อย่าเอามาใส่ใจ คุรไม่ได้พูดไม่เก่งบนหัวเค้านิคะ

ส่วนเรื่องเค้าแก้แกรมม่าคุณ ควรจะนึกขอบคุณที่เค้าสอนนะคะ มันก็อายแหละ ให้คิดว่า จะไม่ให้เค้าว่าเราได้ในเรื่องเดิมอีกแล้ว ผิดแบบนี้จะไม่ผิดเป็นรอบที่สอง

ปล เราเชื่อว่าแกรมม่าเค้าก็ไม่ได้เป๊ะหรอกค่ะ ฝรั่งเองบางคนยังไม่เป๊ะเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ฟรีแมกกาซีนที่เป็นภาษาอังกฤษ หาหยิบได้ตามร้านกาแฟยี่ห้อดังตามห้างอะค่ะ
ตัวฝึกภาษาอย่างดี ทั้งแสลงที่ไม่ค่อยได้เจอในนสพ.ภาษาอังกฤษทั่วไปด้วย
หยิบฟรี แล้วก็รวมเอาตารางกิจกรรมน่าสนใจในกทม. เยอะแยะไปหมด

กลุ่มฝึกภาษาที่หาได้ทางอินเตอร์เน็ตก็มีที่
meetup dot com มีกลุ่ม language n cultural exchange
เค้ามีมีตติ้งรายเดือนค่ะ แต่อันนี้จะเป็นทำนองอาสาสมัครไทยไปช่วยสอนภาษาไทยให้ต่างชาติอะนะคะ
แต่ก็ทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้ใช้ภาษาบ้างกันลืมอะค่ะ เคยไปเป็นอาสาสองครั้ง แต่เนื่องจากเวลาไม่อำนวยเลยไม่ได้ไปแล้ว พี่คนที่เป็น host จัดงานเป็นคนไทย น่ารักมากๆค่ะ

ส่วนกลุ่มที่เราเป็นสมาชิกอยู่ คือ Creative n graphic designer meetup / coffee n movie meetup ค่ะ
กลุ่มแรกด้วยอาชีพค่ะ เค้ามีนัดเดือนละครั้งเหมือนกัน มีทั้งแค่นั่งคุย สร้าง connection ใหม่ๆ
มีทั้งแบบแต่ละคนเอาผลงานตัวเองมานำเสนอและถกกัน เดือนนี้มี guest speaker ด้วย

อีกกลุ่มคือกลุ่มชวนกันดูหนังและกินกาแฟ ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ แต่เราเองก็ยังไม่กล้าฉายเดี่ยวซักที
สนใจไปด้วยกันมั้ยคะ ?


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
คุณ J

เข้าใจผิดแล้วค่ะ
Dessert และ Desert นะคะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
คห.25คะ ก็อย่างที่เล่าให้ฟังอ่ะค่ะ
เค้าพูดกับฝรั่งคนที่หนูกำลังพยายามสื่อสารด้วยว่า
ให้ใช้ภาษาง่ายๆกะหนู พูดเหมือนตอนที่พวกฝรั่งไปขอน้ำแม่บ้านกิน
หรือตอนที่ไปเที่ยวบาร์แล้วคุยกะสาวบาร์อ่ะค่ะ
แบบนี้มันคือการ discriminate กันนะคะ ว่าการสื่อสารของหนูหนูก็ไม่ต่างจากสาวบาร์(เหมือน bar girl)
คนเราทำงานด้วยกัน ต้องรู้จักให้เกียรติ์กันค่ะ
พูดในสิ่งที่ควรพูด
สิ่งที่ควรพูดก็คือ พูดแต่สิ่งที่ดี สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์
นั่นคือการให้เกียติ์กันและกันค่ะ
แทนที่จะเหน็บแนมหนูเรื่องภาษาเหมือนบาร์้เกิล์ล ควรจะใช้คำพูดว่า
"ใช้ภาษาพูดง่ายๆกับ คุณคนนี้ดีกว่านะ จะช่วยให้เธอเข้าใจได้ง่ายขึ้น"
แล้วพวกคุณจะได้สื่อสารกันรู้เรื่อง ทำงานได้ตรงถูกต้อง ฯลฯ
อะไรก็ว่าไปสิคะ

แล้วก็เรื่องการส่งอีเมลล์ ถูกค่ะเป็นการช่วยเหลือให้เราแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด แต่วิธีการทำแบบนั้นมันไม่ใช่วิธีที่สุภาพชนเขาทำกัน เพราะมัน rude มันหยาบคาย นั่นคืออีเมล์บริษัท คนอื่นเขาก็มีโอกาสเห็น
ถ้าอยากจะสอนกัน ส่งอีเมลล์มาสอนกันเป็นการส่วนตัวเป็นหนทางที่ถูกต้องกว่าค่ะ นึกถึงใจเขาใจเราบ้าง


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
เรื่องสำเนียนไม่ต้องคิดมากค่ะ เพราะจริงๆแล้วภาษาอังกฤษมีหลายสำเนียงขนาดคนอังกฤษก็ยังพูดสำเนียงไม่เหมือนกัน

เรื่องแกรมม่า สำคัญมากค่ะ แต่ถ้าใช้พูดในกรณีที่ไม่เป็นทางการเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นไร

เรื่องการออกเสียงก็สำคัญเพราะอาจทำให้เข้าใจความหมายไม่ตรงกัน และพยายามอย่าใช้การออกเสียงแบบอังกฤษกับอเมริกาผสมกัน เพราะมันจะดูไม่ดี

เวลาพูดควรออกเสียงเชื่อม เช่น My name is ... ควรอกเสียงว่า มาย เนม มิส ... คือการเชื่อมพญัยชนะของคำข้างหน้ากับสระของคำหลัง (name ตัวeไม่ออกเสียงทำให้เชื่อมคำได้)

ภาษาอังกฤษมีการลงเสียงหนักเสียงเบา

ลองดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ (ทางที่ดีซื้อมาฟังที่บ้านค่ะจะได้ฟังได้หลายๆรอบ)

หรือไม่ก็ลองคุยกับชาวต่างชาติบ่อยๆ

* อย่าไปกลัวที่จะพูดนะคะ ถึงแม้คนอื่นเขาจะดูถูกเรา ยิ่งเราไม่กล้าพูดเขาก็จะยิ่งดูถูกเรา เรายิ่งต้องพัฒนาตัวเองค่ะ

* ที่เราแนะนำไม่รู้ผิดถูกประการใดเหมือนกัน แต่เราเรียนกับครูชาวต่างชาติเขาสอนเราอย่างนี้

* วันหลังถ้าเขาพูดดูถูกอีกก็อย่าไปสนใจค่ะ เพราะคนที่ดูถูกคนอื่นคนพวกนั้นน่ารังเกียจยิ่งกว่า

เป็นกำลังใจให้นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
มันก็แย่ที่เค้าค่ะคุณน้องจุ่น
ไม่คิดหรือคะว่าฝรั่งคนนั้นจะมองพวกชีเป็นยังไง
ขอโทษนะคะที่ถามอีกรอบ เพราะว่าอ่านที่คุณเขียนตอนแรกไม่เข้าใจว่าเค้าพูดต่อหน้าคุณ ไปอ่านอีกทีถึงเข้าใจ

เรื่องอีเมล์บนหัวกระทู้คุณก็ไม่ได้เขียนว่า reply all เห็นกันหมด เห็นแต่ว่า ตอบกลับมาอย่างเดียวอะค่ะ
ถ้าแบบนั้น รู้ว่าไม่สุภาพ ก็แย่ที่เค้า คนอื่นที่อยู่ในอีเมล์นั้นก็อาจจะรู้สึกว่า เอ๊ะ คนนี้ไม่ดีเลยทำไมมาแก้แกรมม่าคนอื่นกลางวง คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ คนที่ดูแย่ไม่รู้จักกาละเทศะคือเค้า อย่าคิดมากเลย ควรเอาเป็นแรงฮึดมาพัฒนาตัวเองดีกว่า

ไม่ได้บอกว่าท้อไม่ได้ น้อยใจไม่ได้ เป็นธรรมชาติมนุษย์ แต่อย่ายึดติดเก็บมาเป็นสาระให้บั่นทอนจิตใจมากนักค่ะ ปล่อยมันลงบ้าง จะมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
สจ๊วตการบินไทยโดนผู้โดยสารคนไทยดูถูกว่าพูดอังกฤษสำเนียงไทย ข้าละเพลียนัก ฝรั่งบางคนมันก็ว่าเราเหมือนกัน แต่ยังไงก็ภาษามันน่ะ แต่คนไทยนี่สิ ถ้าไม่ใช่ภาษาตัวเองก็อย่าเยอะนักเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ชอบภาพที่คุณ คห. 29 SGGOOG เอามาแปะจัง ขออนุญาตเซฟเก็บเอาไว้นะคะ

ส่วนตัวแล้วดิฉันชอบให้กำลังใจตัวเอง และท่องเอาไว้เสมอว่า อย่าได้แคร์ และให้รู้อยู่เสมอว่าตัวเราคือใคร
มีคุณสมบัติดีๆ อย่างไรบ้าง ส่วนคนที่มันเกลียดเรา ชิงชังเราหน่ะค่ะ โดยเฉพาะพวกที่ไม่รู้จักกันนี่แล้วใหญ่
พวกที่มันเกลียดเราหน่ะ มันสามารถใช้ลมปากเหม็นๆ เน่าๆ พูดให้เราเสียๆ หายๆ ได้เสมอ จะพูดให้เรา
เลวแค่ไหน ชั่วแค่ไหน จิตใจต่ำๆ มันก็ทำค่ะ หรือจะพูดให้เราเป็นก้อนหิน เป็นต้นไม้ ก็ยังทำได้เลย
กระมังคะนั่น เพราะฉนั้นอย่าได้แคร์ และขออย่ามีชีวิตอยู่ตามลมปากคนอื่น แต่มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเราเอง
และคนที่เรารัก และพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และสังคมค่ะ

ตรงนี้ขอทักทายคุณ ThaiSilk นะคะ สวัสดีค่ะคุณ ThaiSilk คนเก่ง และดิฉันมาขอยกมือด้วยคนค่ะ
ว่าเป็นแฟนนิตยสาร BK Magazine เช่นกัน ดิฉันอ่านมาตั้วแต่เล่มแรกเลย และมักจะไปหยิบมาจาก
สตาร์บั๊คส์ หรือ ร้านเกรย์เฮาน์ด คาเฟ่ เสมอๆ นิตยสารแจกฟรี แต่คุณภาพคับแก้ว เนื้อหาสาระ
น่าอ่าน และให้ความรู้มากกว่านิตยสารที่ไม่แจกฟรีอีกมากมาย

ดิฉันขอบบทบรรณาธิการของ BK Magazine เขาใช้ภาษาอังกฤษได้วัยรุ่น และยียวนกวนBata
ซะเหลือเกิน และ ชอบมีศัพท์อะไรขำๆ มาให้อ่านกันเรื่อย หรือแกล้งทำเป็นเด็กๆ ต่างจังหวัด
เขียนถึงนายก เขียนได้ฮา และเสียดสีสังคมดีมาก

ชอบอ่านบทสัมภาษณ์ต่างๆ คอลัมน์ท่องเที่ยว และคอลัมน์ที่รวบรวมเรื่องราวทันสมัยทันเหตุการณ์ต่างๆ
ในสังคมคนเมืองยุคปัจจุบัน

และอีกสองเล่มภาษาอังกฤษแบบแจกฟรี แถมมากับหนังสือพิมพ์ ที่เราชอบอ่าน คือ Brunch และ
The Magazine ของ Bangkok Post ค่ะ

ใน The Magazine เราชอบอ่านสัมภาษณ์ท้ายเล่ม และชอบอ่านคอลัมน์ท่องเที่ยว ส่วนใน Brunch
เราเป็นแฟนอ่านคอลัมน์ของคุณแอนดรูว บิ๊กส์ ได้อ่านทีไร ต้องได้ขำออกไปทุกครั้ง ชอบคุณแอนดรูวมากๆ
เป็นฝรั่งที่รู้จักเมืองไทยและภาษาไทยมากกว่าคนไทยอีกมากมาย เพราะฉนั้นมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับคนไทย
และสังคมไทยของคุณแอนดรูว จึงไม่ธรรมดาเลย และภาษาอังกฤษที่เขาใช้ก็น่าอ่านมาก สมกับเป็นนักสื่อ-
สารมวลชนมืออาชีพจริงๆ

อีกคอลัมน์ที่เราชอบคือคอลัมน์ของคุณสุธน สุขพิสิฏฐ์ คอลัมน์นี้ดีมากๆ พาไปรู้จักอาหารการกินท้องถิ่น
แบบถึงแก่น

ส่วนตรงท้ายนี้สำหรับน้องจุ่นค่ะ เราเชื่อว่าน้องจุ่นอาจจะมีอะไรดีบางอย่าง ที่ทำให้แม่พวกนั้นอิจฉาค่ะ
และอย่างที่บอกคือ คนเราที่มีพร้อมแล้ว พอแล้ว เขาจะไม่ปฏิบัติต่อคนที่ด้อยกว่าแบบนั้นเลย
เมื่อตั้งกระทู้นี้แล้ว และอ่าน คห. ต่างๆ แล้ว เราหวังว่าน้องจุ่นจะมีกำลังใจดีขึ้น และสามารถนำคำแนะนำ
ต่างๆ ไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาตนเองต่อไปค่ะ คนในนี้สามรถทำได้แค่ให้คำแนะนำ และให้กำลังใจ ส่วนการ
ปฏิบัติจริง และ การเริ่มลงมือทำ อยู่ที่น้องจุ่นล้วนๆ ค่ะ

และบรรทัดสุดท้าย ขอขอบคุณ คุณเฉิน Annachen, คุณ Tangtatouille, คุณป้านี่เอง, คุณ Weka,
คุณ laphel&pheboat, คุณพะยูนอ้วน, คุณ hippogift, คุณคู่กัด, คุณ thanik215 เป็นอย่างสูงค่ะ

ข้อมูลของคุณยืมแม่มาเล่น คห. 26 น่าสนใจมากๆ ค่ะ เราแนะนำให้คุณน้องจุ่นไปเข้ากลุ่มเลยค่ะ
นอกจากจะได้ฝึกภาษาแล้ว คุณยังได้ฝึกเข้าสังคมนานาชาติด้วยค่ะ แล้วคนเราก่อนที่จะเข้าสังคม
ควรจะมีความรู้รอบตัวติดตัวค่ะ ขอให้อ่านหนังสือเยอะๆ ดูข่าวเยอะๆ อ่านหนังสือพิมพ์เยอะๆ ค่ะ
สิ่งเหล่านี้จะมีแต่ผลดีต่อชีวิตของคุณ ขอให้น้องจุ่นเชื่อยายอีกครั้งนะคะ คิคิคิ


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ขอขอบคุณเพื่อนทุกคนอีกครั้งนะคะ
และขอบคุณ ยาย Been มากค่ะ
หนูจะพยายามต่อไปนะคะ
หนูก็ไม่รู้ว่าจะมาอิจฉาอะไรกันนักหนา
ตัวหนูเองก็บ้านมากๆ ชาวบ๊านชาวบ้าน
จนก็จน รถก็ไม่มีขับเหมือนพวกเขา
ความรู้ก็น้อย แค่หนูมาทำในตำแหน่งที่ต้องคอยให้เขาช่วย support
การทำงาน เพราะ CEO เป็นเจ้านายของหนูโดยตรง แค่นี้เอง
เจ้านายสั่งอะไรมาหนูก็ต้องทำ แล้วนายบอกให้พวกหล่อนคอย "ช่วยหนูทุกเมื่อ ถ้าหนูต้องการอะไร" แล้วหนูก็ไม่ได้ขอให้ช่วยอะไรเยอะเล้ย
แค่เมลล์ไปถามว่า คนขับรถจะว่างวันไหน หนูจะใช้รถวันนี้ๆ เพื่อไปขนของเอามาทำงานให้นายดู ช่วยเช็คให้หน่อย กลัวว่าเดี๋ยวนายไม่มีคนขับรถให้ถ้าเราเอามาใช้หมด แค่นี้เอง โหย หล่อนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
หาว่า นังนี่เป็นใครังอาจมาสั่งงานฉัน
ฉันเป็นเลขาคุณ Steve CEO นะยะ อะโหแค่นี้แหละ
เป็นเรื่องเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
นี่ไง เจอต้นตอของปัญหาแล้ว เป็นเพราะแม่พวกนั้นต้องมารับคำสั่งของ CEO ผ่านทางน้องจุ่นไงคะ
พวกเธอถึงไม่พอใจ เพราะคิดไปเองว่าพวกเธออยู่สูงกว่าน้องจุ่น พวกมันอิจฉาน้องจุ่นค่ะ

ยายบีน ว่าแล้วว่าน้องจุ่นต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้แม่พวกนั้นอิจฉาค่ะ

ยายบีนอยากจะสอนน้องจุ่นว่า คนต่่างชาติที่เขาทำงานกับคนไทย หรือคนเอเชียมานานๆ ถ้าเป็น
ฝรั่งที่ฉลาดๆ นิสัยดีๆ และชอบเรียนรู้วัฒนธรรมอื่น เรียนรู้คนชาติอื่นๆ เขารู้ค่ะ ว่าคนไทยมีกี่ประเภท
และคนไทยแบบไหนประเภทไหนมีอุปนิสัยและลักษณะอย่างไรค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
คห. นี้ขอ'นุยาดน้องจุ่น เข้ามาตบเข่าดังฉาดทั้งสองหัวเข่า และขอหลุดปากออกมาแบบชาวบ้านๆ นะคะว่า
"กรุว่าแล้ว"


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
ถ้าเป็นผมจะไม่คิดรบหรือต่อกรแต่อย่างใด เพราะยังต่างจากพวกเขาหลายขุม ต้องพยายามให้เขารักและเห็นใจ ทำผลงานให้ปรากฏ อดทน ที่เขาพูดมาอาจจะรุนแรงเกินเหตุขาดความรอบคอบพอแต่ก็ไม่ทำให้เสียหายมากมาย และคุณเองก็ได้รู้ตัวด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกันก็พยายามเรียนรู้ให้มากขึ้น ปัจจุบันเครื่องช่วยมากมาย ถ้าเอาจริงถูกวิธีก็ใช้เวลาไม่นาน

การที่เขาแก้ภาษาให้นั้นต้องขอบคุณเขาด้วยใจจริงโดยไม่เสแสร้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
เข้ามาให้กำลังใจค่ะ

ส่วนตัว ภาษาไม่เก่ง สำเนียงไทยจัด แต่ไม่อายค่ะ ขอแค่พูดรู้เรื่องเป็นพอ

สู้ๆ นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
คุณคะ ดิฉันกิน นอน กะฝรั่งมา 7 ปีเต็ม อยู่ในเมืองฝรั่ง ทุกวันนี้ยังพูดด้วยสำเนียงเจ้าของภาษาไม่ได้เป๊ะๆเลย เพราะเจ้าของภาษามันมีหลายสำเนียงเหลือเกิน แล้วที่สำคัญ ทั้งพ่อทั้งแม่ก็คนไทยแถมไม่เคยเป็น( ^o^ )ฝรั่งด้วย...อย่าคิดมาก อยู่ในแผ่นดินไทย ฝรั่งควรต้องพูดไทยให้ชัดเจน...


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
เห็นใจเจ้าของกระทู้ที่รู้สึกเช่นนั้น

มองอีกแง่หนึ่ง....เจ้าของกระทู้ก็ไม่ต้องคิดมากไป? เขาอาจจะทักและคาดหวังให้คุณปรับปรุงก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ...ท้ายที่สุดน้องจุ่นรู้และรู้สึกได้ดีกว่าใครที่สุด เปลี่ยนคำพูดเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจดีกว่านะ

เล่าเรื่องตัวเองให้ฟังนะ...เผื่อจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ภาษาอังกฤษผมนั้นเรียกว่าเรียนมาด้วยแต่เองนะ ผมบวชเรียนตั้งแต่อายุสิบสองและต้องแอบเรียนแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะตอนนั้นเขาไม่ยอมรับให้พระเณรเรียนเรื่องเหล่านี้ ผมฝึกพูดด้วยตัวเองนะ เคยมาอยู่กรุงเทพฯ ฝั่งธนฯ ระยะหนึ่ง นั่งรถเมล์ไปฝึกพูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งที่วัดสุทัศน์ แอบหลบๆ ซ่อนที่วิหารคตกลัวญาติโยมเห็นว่าไม่เหมาะ จากนั้นก็เดินลัดเลาะจากวัดสุทัศน์ไปภูเขาทอง ดักคอยฝรั่งตามทางขึ้นบันไดขอฝึกภาษากับพวกเขา วันดีคืนดีก็เคยเจอญาติโยมโยนถุงน้ำแข็งใส่เข้าให้ โดนด่าจากคนเฝ้าภูเขาทองว่าเป็นไอ้ผ้าเหลืองห่มตอก็เคยโดน บางวันไม่ได้พูดอะไรกับฝรั่งเลย บางวันก็ได้พูดแค่ประโยคสองประโยค (เพราะฝรั่งรำคาญ พูดไปๆ ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง) นั่งรถจากฝรั่งธนฯ แถวๆ บางขุนเทียนมาฝั่งพระนครฝึกพูดกับฝรั่งเกือบทุกวัน ที่วัดอรุณฯ นั้นไม่ต้องพูดถึง เขาห้ามพระเณรพูดกับฝรั่งแบบเคร่งครัด จ้างยามไม่ไล่พระไล่เณรเป็นกิจจะลักษณะเลยล่ะ


ท้ายที่สุด ก็ต้องย้ายไปฝึกพูดกับฝรั่งที่นครปฐม เพราะที่กรุงเทพฯ โดนญาติโยมด่าเยอะ ยิ่งวัดโพธิ์แล้วเณรเพื่อนผมเคยโดนโยมลูกศิษย์วัดตบมาแล้ว ผมลงทุนนั่งรถบัสจากกรุงเทพฯ ไปนครปฐมเพื่อฝึกพูดอังกฤษประจำ บางวันก็แห้วบางวันก็ได้พูด (สมัยนั้นสื่อการเรียนการสอนไม่เพียบพร้อมเหมือนสมัยนี้)


เมื่อผมสึกขาลาเพศออกมา(ความจริงวุฒิทางเปรียญธรรมผมก็สูงพอสมควรนะ คือเมื่อสึกออกมาแล้วสามารถสมัครอนุศาสนาจารย์ได้) แต่ผมเลือกที่จะฝึกภาษาอังกฤษต่อ เป็นเด็กวัดแถวๆ ถนนราชดำเนิน ตกเย็นมาก็มาฝึกภาษาอังกฤษกับฝรั่งที่ถนนข้าวสาร สมัยนั้นถนนข้าวสารมีเกสต์เฮ้าส์แค่สี่ห้าหลังเองเหมือนตรอกเล็กๆ ธรรมดาในกรุงเทพฯ ทั่วไป ตอนเย็นๆ เจ้าของเกสต์เฮ้าส์เขาจะเอาโต๊ะเก้าอี้มาตั้งขยายตามริมฟุตบาท ผมก็เดินไปถามโต๊ะนู้นโต๊ะนี้ว่าคนไหนจะกรุณาพูดคุยกับผมบ้าง (มองๆ ดูก็เหมือนขอทานที่เดินไปตามโต๊ะอาหารนู้นโต๊ะนี้) นานเข้าๆ เจ้าของเกสต์เฮ้ารำคาญเขาก็ตะเพิดไล่เพราะกลัวจะไปรบกวนแขกเขา


สุดท้ายก็เลยสมัครเป็นพนักงานเสริฟประจำเกสต์เฮ้าสที่ถนนข้าวสารนั่นซะเลย(ชื่อชาลีเกสต์เฮ้าส์ ตั้งท้ายซอยข้าวสารนั่นแหละ อยู่กินกับเกสต์เฮ้าส์เดือนละแปดร้อยบาท ได้พูดภาษาอังกฤษกับลูกค้าแบบไม่มีกั๊ก สะใจเลยทีนี้


เวลาหยุดก็ไปเตร่ตามวัดโพธิ์ ไปตีสนิทกับไกด์ทัวร์จนขอเขาไปเป็นผู้ช่วย ถือร่มให้ฝรั่ง วิ่งไปซื้อบุหรี่ให้ไกด์ หรือแม้แต่่่่่เฝ้ารองเท้าให้ลูกทัวร์ฝรั่งหน้าโบสถ์ก็เคยมาแล้ว แหะ แหะ แหะ ตอนนี้ขออย่างเดียวคือ ฟุตฟิท ฟอไฟกับฝรั่ง ลาออกจากเกสต์เฮ้าส์ก็บินสูงขึ้นมาอีกหน่อยเป็นผู้ช่วยไกด์ แล้วแต่เขาจะเจียดเงินให้ ตอนนั้นอาศัยวัดอยู่เลยไม่เดือนร้อนเรื่องที่อยู่ที่กิน จนท้ายที่สุดก็ได้เป็นไกด์ แล้วก็มาลงเอยที่ประเทศอังกฤษตอนนี้แหละ เรื่องมันยาวถ้าจะเล่าจริงๆ เอาเป็นว่า....คุณน้องจุ่นโชคดีแล้วล่ะที่่่่สื่อการเรียนการสอนสมัยนี้มันทันสมัยมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
ลืมเล่าเรื่อง(เศร้าหรือตลกก็ไม่รู้นะ อ่านจบก็พิจารณาเอาเอง)ให้ฟังตอนที่ภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรง

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้คุยกับฝรั่งชายหญิงคู่หนึ่งที่มาเช่าเกสต์เฮ้าส์ที่ผมทำงานอยู่ ฝ่ายชายแนะนำว่าผู้หญิงเป็น girl friend ซึ่งผมก็เข้าใจว่าเป็นเพื่อนหญิงธรรมดาๆ แต่เห็นพฤติกรรมที่โอบกอดกันแล้วผมก็ยังเข้าไม่ถึงความหมายของคำว่าgirl friend สี่ห้าวันเห็นจะได้ผมถึงได้ถามพวกเขาด้วยประโยคคำถามที่เรียบเรียงเองและครุ่นคิดมาหลายวันว่า you sleep in the same room, right? ฝรั่งตอบเยสทั้งคู่(หน้าตาเฉย)
And in the same bed? ผมถามต่อ เพราะรู้ว่าห้องพักที่พวกเขาเป็นเตียงเดี่ยวใหญ่ พวกเขาตอบเยสอีก
ฺBut she is your "girl friend" how can you sleep in the same bed? คือตอนนั้นผมพยายามจะบอกว่าเป็น "เพื่อน" กันเขาไม่น่าจะร่วมหลับนอนด้วยกัน
Why not? she is my girl friend?

แหะ แหะ แหะ กว่าจะถึงบางอ้อ ผมต้องถามไปด้วยภาษาชาวบ้านๆ ล่ะ น่า Do you mean she is the one you are going to marry? เจอคำถามนี้เข้า ฝรั่งก็งงเต๊กไปใหญ่ เขาคงรำคาญเลยตัดบทแบบว่า เออ...ใช่ว่ะ?? จากนั้นพวกเขาก็คุยกันกระหนุงกระหนิงไม่ใส่ใจผม

นั่นแหละ ผมถึงรู้ความหมายว่าgirl friend แบบจำได้ดีได้แม่น ใช้เวลาเกือบสี่วันเต็มถึงจะรู้ความหมายนั้น นี่ผมพูดถึงเกือบจะยี่สิบเจ็ดปีมาแล้วนะ สมัยที่คนหรือสื่อพูดไทยคำฝรั่งคำยังไม่ฮิตกันเหมือนปัจจุบัน


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
คุณ : วัชรานนท์ เรื่องเด็กบ้านนอกของคุณ ผมซึ่งเป็นเคยเป็นเด็กบ้านนอกโดยสมบูรณ์เหมือนกัน ชอบที่จะฟังครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจที่จะเล่า ผมจำสภาพตอนเป็นเด็กก่อนมาเมืองกรุงได้เป็นอย่างดี วันดีคืนดีรื้อฟื้นความหลังเสียที พศ 2512-2513 ผมเคยเป็นศิษย์วัดเหมือนกัน เสียดายไม่ได้ตามหลังพระไปบิณฑบาตร


ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ ได้กำลังใจมากมาย
รู้สึกมีแรงฮึดขึ้นมากค่ะ
หนูจะพยายามพูดนะคะ ผิดๆถูกๆก็จะพูดไปนั่นแหละ

อ่านเรื่องของคุณวัชรานนท์แล้ว คุณสู้ชีวิตมากค่ะ
รู้สึกว่า รุ่นเก๋าๆ นี่ผ่านชีวิตลำบากมาทั้งนั้นเลยนะคะ
คงใช้ความพยายามและกำลังใจอย่างมหาศาล กว่าจะมีวันนี้ได้
หนูขอแสดงความนับถือค่ะ
ทั้งยายBeen คุณอิสวาสุ คุณ Lawanwadee คุณดอส คุณวัชรานนท์
และเพื่อนท่านอื่นๆ หนูจะพยายามต่อไปค่ะ
พรุ่งนี้ต้องไป รบกับ สาวๆพวกนั้น หนูละเพลียใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
ไม่ๆ...น้องจุ่นไม่ควรถืออคติถึงขั้นว่าต้อง "รบ" กับสาวๆ เหล่านั้น คนจะรบด้วยจริงๆ คือตัวคุณนะ คือถ้าหลีกเลี่ยงเธอเหล่านั้นได้ก็หลีกเสีย ฝึกซุ่มซ้อมซุ่มเรียนไปเรื่อยๆ

ในระยะเวลาการ "ซุ่มซ้อมซุ่มเรียน" นี่แหละมันเป็นลักษณะที่ต้อง "รบ" กับตัวเอง.....ไหนคุณจะต้องมีเวลาให้กับมันเต็มที่ ตัดเรื่องสรวนเสรเฮฮากับเพื่อนๆ ตัดหนังตัดละคร จะฝึกพูดอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องอ่านด้วย ความจริงต้องอ่านเยอะๆ ๆ ....อ่านหนังสือนิยาย การ์ตูนฝรั่ง จะเข้าใจรูปประโยคและสำนวน เปลี่ยนจากดูละครมาดูหนังซีรีส์ฝรั่ง

จำไว้นะครับ ชนะตัวเองได้เมื่อไหร่.....คุณไม่ต้องรบกับคนอื่นเลย (พูดง่าย แต่ทำยาก แต่ไม่เกินความสามารถที่จะทำ หากมุ่งมั่น)

ธรรมอันทำให้บุคคลประสบผลสำเร็จคือ อิทธิบาทสี่

๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

เรียนคุณอิสวาสุ คุณอิสฯ รุ่นพี่ผมหลายปีครับ ปีที่คุณเข้ากรุงเทพฯ ผมกำลังเตรียมตัวเรียน กอ ไก่ ขอ ไข่ แต่จุดหมายปลายทางของคนบ้านนอกก็คือกรุงเทพฯ เหมือนๆ กัน.......กรุงเทพฯ จุดประกายผมอะไรต่อมิอะไรมากมาย พูดได้ว่า....ถ้าไม่มีกรุงเทพฯ เป็นหลักชัยที่ล้มลุกคลุกคลานแล้วเดินเองได้......อนาคตของผมก็คงอยู่ที่หางไถแล้วมองไปข้างหน้าเห็นแต่ตูดควายเหมือนคนชนบททั่วไปหลายๆ คน

กับการได้มาซึ่งสิ่งที่ยากลำบากและต้องฝ่าฟัน เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ เชื่อว่าคุณอิสฯ เข้าในสิ่งที่ผมพูดอย่างแจ่มแจ้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
เรารู้ตัวว่าเราเป็นอะไร เป้าหมายหลักคืออะไร ยอมรับ แก้ไข ปรับปรุง
จะมัวแคร์ว่าใครจะว่าอย่างไง กลัวนั้นกลัวนี่ คนนั้นน่าจะพูดอย่างนั้น คนนี้ไม่น่าจะพูดแบบนั้น

ในชีวิตจริงเราคงหวังให้ใครทุกคน หรือแค่บางคนก็ตามเป็นอย่างใจเราคงไม่ได้
สุดท้ายคนที่จะไม่พัฒนา และประสาทกิน คือ ตัวเราเอง
ถ้ามองให้ดีๆ สิ่งที่จะเป็นอุปสรรคจริงๆก็คือ ความคิดของเราเอง ไม่ใช่ใครที่ไหน


ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
เหนื่อยชะมัดเลย
วันนี้ก็พูดๆกับลุง คริสโตเฟอร์ ฝรั่งที่นั่งห้องเดียวกัน
ฟังลุงแกพูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้างก็พยายามพูดๆไปบอกลุงแกไปว่า
จะฝึกหัดสนทนาให้คล่อง
หลังเลิกงานลุงก็เดินมายื่นนามบัตรให้ 1 ใบ
แล้วบอกว่าอยากคุยอะไรว่างๆก็ให้โทรมา
หนูต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคน และลุงคริสโตเฟอร์มากนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
น้องจุ่นนำเอาคำแนะนำต่างๆ จากในกระทู้นี้ไปใช้อย่่างถูกทางแล้วค่ะ และเริ่มดำเนินการในการพัฒนา
ทางด้านภาษาของตนเองแล้ว ขอให้พยายามต่อไป และอย่าลืมมาตั้งกระทู้อัพเดทด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
น้องจุ่น สู้ ๆ นะคะ อย่าท้อถอย ถ้าเราพยายาม ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงเราในทางที่ดีแน่ ๆ ค่ะ หอยปู ปากปลาร้าพวกนั้น อย่าเอาเป็นอารมณ์ แต่ถ้ามาว่าเราต่อหน้า ก็อย่ายอมให้เค้าว่าข้างเดียวค่ะ อย่างงั้นมันบุลลี่กันชัด ๆ

เห็นคุณ Been there, done that! พูดถึงบทบรรณาธิการของ BK ช่างตรงใจจริง ๆ ค่ะ บางทีอ่านก็นั่งขำอยู่คนเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
สู้ค่ะ น้องจุ่น อย่าไปกลัว เราก็หัดดูหนัง ฟัง เพลง ไปก่อนช่วงแรก อยากจะบอกน้องจุ่นว่าพี่อยู่เนี่ยมาตั้งหกปีแล้ว สำเนียงยังไม่ได้เรื่องเลย พูดจากับคนใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคยกับเรา เค้ายังไม่เข้าใจเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 48