ขออนุญาตแจ้งเรื่องร้องเรียนของผม ให้เป็นอุทธาหรณ์ให้กับทุกท่านที่จะเดินทางโดยรถของ บขส นะครับ...

ผมขึ้นรถ กรุงเทพ-เลย-เชียงคาน 999 ป.1 รอบ 21.30 น. วันที่ 31 ตุลาคม 2555 หมายเลขข้างรถ 29-1078
โดยผมมาถึงเป็นคนแรกๆ ผมเอาสัมภาระของผม เป็นกระเป๋าเดินทางสีฟ้า ขนาดใหญ่
มีสิ่งของใช้ภายในเตรียมเพื่อมาอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งมีมูลค่ารวมในนั้น ราวๆ 30,000 บาท
โดยผมล็อคกุญแจไว้อย่างดีแล้ว ผมยื่นมันให้กับเจ้าหน้าที่คนรถเพื่อจัดเก็บในที่เก็บสัมภาระใต้รถ
โดยผมจะลงที่ ต.ผานกเค้า อ.ภูกระดึง จ.เลย ซึ่งเป็นจุดจอดรถที่แรกของ จ.เลย ครับ
ทางคนรถก็ได้เขียนป้ายผูกไว้กับกระเป๋าไว้แล้ว ผมเห็นว่าสัมภาระของผมคงไม่มีปัญหาอะไร จึงขึ้นรถตามปกติ
แต่พอมาถึง ต.ผานกเค้า ปรากฏว่าสัมภาระของผมทั้งใบ หายไปครับ...
โดยทางคนรถได้ค้นหาทั่วทั้งคัน ถึง 2-3 รอบ ก็ไม่มีในรถ ทั้งๆที่ ผมมั่นใจว่าผมยกขึ้นมาแล้วยื่นให้ถึงมือเลย
หลังจากนั้น คนรถ 1 คน รับหน้าที่ว่าจะไปตามหาให้ โดยสงสัยว่าน่าจะเกิดสลับกันที่ อ.ภูเขียว
แต่เมื่อไปถึงภูเขียว และตามผู้โดยสารคนนั้นมาตรวจสอบสัมภาระ ก็ไม่ใช่ของผม
ทางคนรถ ยืนยันว่าไม่ได้มีการยกสัมภาระลงเลย ตั้งแต่หมอชิต จนมาถึงภูเขียว และผมก็ถือเป็นคนที่ 2 ที่ลงจากรถ
สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่รถเลยสันนิษฐาน ว่าน่าจะมีการยกกระเป๋าของผมลงก่อน (เนื่องจากกระเป๋าใหญ่มาก)
เพื่อยกสัมภาระของคนอื่นที่ลงทีหลังผมขึ้นไปไว้ด้านใน และน่าจะลืมยกของๆผมขึ้นมา "จากหมอชิต" !!!
ขณะนี้ผมแจ้งร้องเรียนเรื่องไปกับทุกฝ่ายของ บขส. แล้ว รวมทั้งแจ้งตำรวจแล้วด้วยครับ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ถ้าไม่มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับของๆผม รับรองว่าจะดำเนินการทางคดีต่อไปให้ถึงที่สุดครับ
ถ้ามีการชดใช้แค่ 1,000 บาท ตามที่เขียนไว้ ผมคงไม่หยุดร้องเรียนแน่นอน
ผมร้อนใจเรื่องนี้มาก และต้องการการชดใช้ที่สมน้ำสมเนื้อมากกว่านี้
เพราะเหตุการณ์ทั้งหมด เกิดจากความประมาทและความผิดของพวกคุณ ซึ่งทำให้ผมเสียหาย...
ผมเชื่อใจ บขส.มาตลอด แต่ตอนนี้ มันหมดสิ้นไปแล้วครับ...
รวมทั้งคนรู้จักของผมที่รับทราบเรื่องราว ก็หมดความเชื่อใจพวกคุณไปเยอะแล้วเหมือนกัน...
เรื่องราวนี้ คงมีการบอกต่อไป เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ไปเรื่อยๆนะครับ ขอบคุณครับ...

ความคิดเห็นที่ 1
บขส เจอบ่อยค่ะ ไม่หายไปเลยก็สลับกัน ไม่รับผิดชอบด้วย ต้องไปตามหาเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ตอนนี้ ผมเริ่มทำใจแล้วล่ะครับ...ถ้าให้ไปตามหาเองคงจะทั้งเสียเวลาและเสียการเสียงานด้วย โดยที่ความหวังที่จะหาเจอ เหลือริบหรี่เหลือเกิน... ถือซะว่าฟาดเคราะห์ล่ะครับ ตอนนี้คงต้องซื้อของใช้ใหม่แทน...
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เจองี้โคตรเซ็งครับ แต่พวกนี้คงโดนด่าจนหน้ามึนหมดแล้วหล่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าเป็นพวกบริษัทวิ่งเอกชนที่ชื่อเสียๆ จะมึนยิ่งกว่านี้อีกครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่ไหวนะ ถ้าเป็นผมโดน คงช็อคอ่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
human error ค่ะ ขอให้ได้รับกระเป๋าคืนไวๆนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
มาให้กำลังใจค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ของดิฉันก็หายค่ะ แต่มากับรถทัวร์บริษัทอื่น มาลงที่หมอชิต ประมาณตี 4 พอรถจอด เด็กรถก็ยกกระเป๋ามากองๆๆๆไว้ที่พื้น พอดิฉันลงมา ปรากฏว่าหากระเป๋าไม่เจอ ให้เด็กรถหาดูในรถอีกที ก็ไม่มี

ทั้งๆที่ก่อนขึ้นก็ย้ำนักย้ำหนาว่า ดูๆกระเป๋าให้หน่อย อย่าเอาอะไรมาทับนะ เด็กรถก็รู้ว่ากระเป๋าใบนี้เป็นของดิฉัน ตอนนั้นโมโหมาก รอจนคนลงหมด กระเป๋าก็ไม่เหลือ แสดงว่าไม่มีคนหยิบผิด แต่ ตั้งใจหยิบไป แต่ไม่รู้โดนหยิบไปตอนไหน (มารู้อีกทีว่า ที่หมอชิตมีพวกมิจฉาชึพ ที่พอรถจอดเข้าซองปุ๊ป ก็เดินมาเอากระเป๋าทำทีว่าเป็นผู้โดยสาร ยิ่งมันเห็นกระเป๋าล็อคอย่างดี แสดงว่ากระเป๋านี้ต้องมีของสำคัญ)

ตอนนั้นก็โวยวายกับเด็กรถ และคนขับ แต่คนขับบอกไม่รู้จะทำยังไง ให้เบอร์ บริษัทรถมา และต้องรีบเอารถออกจากซองจอดแล้ว

หลังจากนั้น ดิฉันก็เดินๆๆๆๆมองๆๆๆๆ คนในบริเวณนั้นเกือบครึ่งชม. ว่ามีใครลากกระเป๋าเรามั้ย แต่ไร้วี่แวว (จนสามีโทรมาบอก พอแล้วเธอ หารถกลับได้แล้ว ฟาดเคราะห์ไปแล้วกัน ) สามีบอกตอนแรกที่รับสายเราตอนตี 4 ตกใจนึกว่าเกิดอุบัติเหตุ

ตอนเช้า มาตามเฉ่งกับบริษัทรถ ตอนแรกพูดดี จะตามให้ ของในกระเป๋ามี กล้อง ดิจิตอล ตัวหนึ่ง, กระเป๋าเครื่องสำอาง, กุญแจบ้าน และสมุดบัญชี 2 เล่ม กระเป๋าเป็นล้อลาก ล็อคกุญแจอย่างดี

ตามไปตามมาบริษัทโบ้ยให้ไปไล่เบี้ยกับเด็กรถ เด็กรถบอกจะชดใช้ให้ 500 เราก็ฉุนซิ ของข้างในเกือบหมื่น แต่เราเริ่มเบื่อกับการตามๆๆๆๆเรื่องแล้ว

สุดท้าย เราเทศน์ไอ้เด็กรถคนนั้น เรื่องที่เขารีบๆๆเอากระเป๋าออกมากองๆๆๆ ไม่รอผู้โดยสารลงมาก่อน และให้เขาขอโทษเรา บอกพี่เหนื่อยแล้ว ไหนจะโทรหาบริษัท โทรอายัติบัญชีแบงค์ 2 แบงค์ แล้วต้องมาโทรตามเธอดี เธอขอโทษฉันมาแล้วกัน แล้วจำไว้ด้วย

ต่อไปนี้เข็ดเลย เวลามากรุงเทพ ไม่เอากระเป๋าดีๆ หรือ เอาของสำคัญ โหลดท้องรถแล้ว ว่าจะหากล่องกระดาษเบียร์ใส่สัมภาระแทนแล้ว ดูซิมันจะหายอีกมั้ย


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะหมอ ขอให้ได้ของคืนนะคะ
เข้าใจว่าหมอต้องเดินทางเส้นทางนี้บ่อย เห็นใจเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่มาให้กำลังใจกันนะครับ... ^^
ขอบคุณ คุณ ลูกนก..ลูกกา ที่มาแชร์ประสบการณ์กันครับเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าล็อคกุญแจหรือทำกระเป๋าให้ดูมีของสำคัญหรือของมีค่าภายในเพราะสิ่งนี้ เป็นการล่อสายตาพวกโจรเป็นอย่างดีจริงๆครับ
ทางที่ดี ต่อไปนี้ ถ้าเป็นไปได้ ต้องเก็บของสำคัญไว้กับตัวทั้งหมด โดยเฉพาะ "เครื่องใช้ Electronics ครับ"ของผม ที่มูลค่าเกือบ 30,000 เพราะผมแอบซ่อน Notebook ไว้ในนั้นครับเป็นบทเรียนอย่างดี ตัวโน้ตบุคไม่เสียดายครับ แต่เสียดายงานและข้อมูลในนั้นมากกว่า ไม่มีทางที่จะเอาคืนมาได้เลย
ส่วนที่เหลือของผมก็เป็นพวกชุดสูท และรองเท้าหนัง ซึ่งก็แพงพอสมควร แต่ก็ไม่เสียดายเท่าไหร่ เพราะของพวกนี้หายไปก็หาใหม่ได้ครับ
ตอนนี้ก็คิดซะว่า ถือเป็นฤกษ์ดีในการซื้อของใหม่ ฟาดเคราะห์วัยเบญจเพสไปครับถ้าได้เงิน 1,000 บาทที่ชดใช้ คงเอาไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ดีกว่า.... ^^"
ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณที่แชร์ค่ะ เป็นเดิฉันๆ ไม่กล้านำของมีค่าไว้ใต้ท้องรถแน่นอน ยิ่งอุปกรณ์อิเลคโทนิคนี่ถ้าเด็กรถโยนกองเข้าไปก็จะมีโอกาสเสียหายได้ เก็บไว้เป็นบทเรียนละกันค่ะ



ตอบกลับความเห็นที่ 11