พบซากเครื่องบินเล็กตกที่เขาใหญ่..หลังหายลึกลับกว่า 5 ปี

เจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เจ็ดคตโป่งก้อนเส้า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ถ่ายภาพขณะที่เดินสำรวจธรรมชาติ ในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และไปพบซากเครื่องบินเล็กตกอยู่กลางป่า โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องบินแบบเซสนา 172
จุดที่ตกเป็นป่าทึบ อยู่ห่างจากศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ไปประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งเป็นรอยต่อกับ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยเชื่อว่าเป็นเครื่องบินของนายรณพ เหลืองวิลาวัณย์ บุตรชายของกัปตันรังสี เหลืองวิลาวัณย์ นักบินของบริษัทการบินไทย ที่หายไปอย่างปริศนา พร้อมกับนักบินฝึกหัด คือนายภาคิน ไทยถนอม ซึ่งเป็นบุตรชายของกัปตันประยุทธ ไทยถนอม เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2550 ขณะที่บินจาก จ.นครราชสีมา และกลับมาที่สนามบินดอนเมือง แต่เครื่องสูญหายขาดการติดต่อ
ล่าสุด ได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ของศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯ พร้อมกับทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งชาวบ้านจัดชุดเดินเท้าเข้าไปยังจุดที่เครื่องบินตกแล้ว แต่คาดว่าต้องใช้เวลาในการเดินป่าหลายชั่วโมง กว่าจะเดินทางไปถึงจุดที่เครื่องบินตก
ส่วนญาติของนายรณพ และนายภาคิน มารอที่บริเวณที่ทำการศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯ เพื่อจะรอฟังข่าว โดย นางเจติยา เหลืองวิลาวัณย์ ญาติของนายรณพ กล่าวว่า เครื่องบินที่พบเชื่อว่าเป็นของหลานชาย ที่ประสบอุบัติเหตุตก เนื่องจากว่าหลักฐานที่พบมีทั้งรองเท้า และสัญลักษณ์ที่ด้านข้างเครื่องบิน......ข่าวจาก ASTV.....

ความคิดเห็นที่ 1
โอ้วววววว ข่าวเครื่องบินตกแล้วนักบินหายสาบสูญนี่หลายปีแล้วนะเนี่ย
ตอนนั้นเป็นข่าวค่อนข้างดังเหมือนกัน จนญาติๆ ต่างถอดใจกันไปหมดแล้ว
นี่ผ่านไป 5 ปีแล้วหรือเนี่ย หวังว่าคงจะได้เจอร่างของคุณนักบินนะครับ
เค้าจะได้กลับบ้านเสียที


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ห้าปีที่รอคอย ได้กลับบ้านเสียที ตามข่าวนี้เหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ตามข่าวนี้เหมือนกันค่ะ ขอให้คุณนักบินได้กลับบ้านซักที่นะค่ะ แสดงความเสียใจกับครอบครัวของนักบินทั้งสองท่านค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
จะได้กลับบ้านแล้ว... ดีใจด้วยนะคะ

RIP. อีกครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ยังจำข่าวนี้ได้เลยค่ะ

ขอให้หานักบินเจอนะคะ จะได้กลับบ้านซะที

RIP ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ณ วันนี้ คิดว่าครอบครัวของนักบินทั้งสอง

คงได้คลี่คลายความรู้สึก และคำถามต่างๆ ที่มีในใจสักที

เพราะบางที การที่เราได้รู้ว่า คนที่เรารัก"จากไป"อยู่ ณ ที่แห่งนึงแล้ว

ยังดีกว่าการไม่รู้ว่า เขา"หายไปไหน" นะคะ

RIP ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ขอให้ได้กลับบ้านเร็ว ๆ นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เหมือนเคยฟังเรื่องนี้จาด The Shock -..-

Requiescat in pace ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
จำได้ว่า The shock เคยมีคนเล่าเรื่องเครื่องบินผีด้วย น่าจะเป็นลำนี้รึป่าว


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
มีใครเล่าเรื่อง The shock นี้ให้ฟังได้บ้างค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
รอฟังข่าวดีจากป่าพรุ่งนี้....


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ดีใจ กับครอบครัวทั้ง 2 ที่จะได้รับพวกเค้ากลับบ้านค่ะ
เคยติดตามข่าวมาบ้าง ดูไปก็คิดเป็นกำลังใจให้พบพวกเค้า
การรอคอย สิ้นสุดเสียที


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2010/06/A9419728/A9419728.html


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ยังไม่พบกระดูก หรือชิ้นส่วนนะครับ ขอให้ได้กลับบ้านนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
อ่านแล้วแอบหลอนเลยเมื่อคืน


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
อยากตอบในกระทู้นู้นว่า นักบินฝึกหัด บางทีก็ใส่ชุดหมี บางทีก็ใส่ชุดขาวบิน
แต่มันตอบไม่ได้แล้วววว


ดูข่าวแล้วจะร้องไห้ ยิ่งเห็นพ่อแม่ของศิษย์การบินทั้งคู่ แงงงง
ยังไม่เห็นศพเราว่าก็อาจจะมีความหวัง (แม้มันจะเลือนลาง)
แต่มันก็ตั้งห้าปีแล้วอ่ะ
แต่อย่างน้อยก็เห็นเครื่อง เห็นข้าวของ อุปกรณ์ ก็ถือว่าดีแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
นักเรียนบิน SP ถ้าใส่ชุดขาวเค้ามีขีดเดียวนะครับ ไม่ได้มีสองขีด
แต่ส่วนใหญ่ใส่เวลาเรียนภาคพื้นมากกว่า

เวลาบินจะใส่ชุดหมีครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ต้องถามคุณ สมภพ เจ้าเก่าเลยครับ

คุณสมภพ อาจจะมีข้อมูลดีๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 18