มีใครเคยถือ กระเป๋าเดินทาง 28 นิ้ว น้ำหนักไม่ถึง 7 กก ขึ้นเครื่อง แอร์เอเชียไหม และ ปลั๊กไฟที่ญี่ปุ่

เดินทาง พฤ เย็นๆ นี้แล้ว


ได้กระเป๋าสี่ล้อ ขนาด 28 นิ้วมา
ขาไปใส่ของครึ่งเดียว กะว่าไม่เกินเจ็ด กก

ใช้ใบใหญ่ เพราะกะไว้เผื่อโหลดตอนชอปปิ้งขากลับ
เค้าจะให้เอาขึ้นไหมอะคะ

และ ปลั๊กไฟที่ญี่ปุ่นเป็นแบบแบนใช่ไหม
ถ้าเราเอารางปลั๊กไฟ ที่ไว้ใช้เป็นสายพ่วง ไปใช้จะได้ไหมคะ

สิ่งที่เราจะเอาไป คือ ไอแพด (ปลั๊กกลม) 100-240 V
สายชาร์ตโทสับ (แบน)100-240 V
และกล้อง Sony Nex 5 N(กลม)อันนี้หาไม่เจอ แต่เห็นเขียนอยู่ที่ปลั๊ก ว่า 2.5A 250V
งง ไม่รู้แปลว่าไร

ถ้ารางปลั๊กไฟ ใช้ไม่ได้ จะได้ไปซื้อ adapter


ผู้รู้ช่วยด้วยน้าา
ขอบคุณค่า

ความคิดเห็นที่ 1
มันจะใส่ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะได้หรอคะ??

ไปค้นมาให้เลยดีกว่า

กระเป๋าที่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้:
กระเป๋า 1 ใบจะต้องมีขนาดไม่เกิน 56 ซม. x 36 ซม. x 23 ซม และมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม.


http://www.airasia.com/ask/rank.do?id=61&rank=3&action=rank&locale=th_TH

ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่มีใครถือขึ้นได้หรอกค่ะ ถึงแม้กระเป๋าไม่ใส่อะไรก็ตาม
เพราะขนาดกระเป๋ามันเกิน คุณต้องโหลดเท่านั้นค่ะ

อ้อ ไม่ใช่เฉพาะแอร์เอเชียนะคะ ทุกสายการบินค่ะ
ลองเข้าเวปของแต่ละสายการบินดู ในเวปมีระบุทุกเวปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
กระเป๋าถ้าไม่โหลดน่าจะใส่เคบินไม่ได้นะคะ เพราะที่เคยใส่ประมาณ 21 นิ้วค่ะ ก้อแน่นล่ะ เพื่อความชัวร์ให้เข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซด์ของแอร์เอเชียนะคะ มีบอกมิติความกว้าง ยาว หนา ของขนาดกระเป๋าค่ะ แต่ส่วนตัวโดยประสบการณ์ 27 นิ้วถึงแม้น้ำหนักไม่เกิน 7 กก. ก้อไม่น่าจะใส่ได้ค่ะ http://www.airasia.com/th/th/baggage-info/cabin-baggage.page


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ต้องโหลดค่ะ ขนาดมันใหญ่เกินไปเยอะเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ถือขึ้นไม่ได้แน่นอน


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าขึ้นเครื่องได้ ก็ดูออกจะเปลืองพื้นที่วางกระเป๋าของคนอื่นนะคะ ช่องเก็บสัมภาระต้องใช้ร่วมกัน ถ้าถือขึ้นไปหลายใบ หรือขนาดใหญ่ โดยส่วนตัวเราว่าไม่เหมาะสมค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เห็นมาด้วยตาตัวเอง เมื่อปลายเดือนทตุลาที่ผ่านมา ทริปสิงคโปร์

ผู้โดยสารชายท่านหนึ่งถือกระเป๋าขึ้นเครื่องมา ใบใหญ่เกินกว่าขนาดที่กำหนดแน่นอน และน่าจะใหญ่กว่าที่กำหนดไปเยอะมากพอควร จากที่เราเห็น หากให้นั่งน้ำหนัก เราเดาว่าตัวกระเป๋าก็น่าจะสัก 3.5-4.0 กก. แล้ว (เพราะเราเองก็มีกระเป๋าไซต์นี้) น้องสจ๊วตบนเครื่องเห็นทันที เลยเรียกให้ไปแอบด้านข้าง แล้วบอกด้วยความสุภาพว่า กระเป๋าขนาดนี้ใหญ่เกินไปกว่าขนาดที่กำหนดสำหรับขึ้นเครื่องนะครับ ผู้โดยสารต้องทำการโหลดก่อนขึ้นเครื่อง

ตอนนั้นผู้โดยสารคนอื่นๆก็ทยอยขึ้นเครื่องกัน ผู้โยสารเจ้าของกระเป๋าก็บอกว่าผมโหลดใบใหญ่ไปแล้วนะไม่เห็น จนท เช็คอินว่าอะไรเลย น้องสจ๊วตก็ถามต่อว่า ทาง จนท ได้เห็นกระเป๋าใบนี้ไหม ผู้โดยสารท่านนั้นเงียบ น้องสจ๊วตเลยถามต่อว่า ไม่ทราบว่าโหลดกระเป๋าที่เคาท์เตอร์เลขที่เท่าไหร่ครับ ก็เงียบอีก ได้แต่ยืนยันว่า แต่ผมก็โหลดใบใหญ่ไปแล้วนะ 1 ใบ ......เอ้อออ เราว่ามันคนละประเด็นกันนะ

ระหว่างนั้นก็เห็นผู้โดยสารท่านนั้น กดโทรศัพท์ ไม่แน่ใจว่าโทรหาใคร แต่หลังจากผู้โดยสารทั้งหมดนั่งประจำที่ ผู้โดยสารท่านนั้นก็ขวักมือเรียกผู้โดยสารหญิงอีกท่านมา (น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน) ว่า น้องสจ๊วตไม่ยอมให้เอาขึ้นเครื่อง แล้วก็เกิดคำถามว่า ทำไม เพราะอะไร เราโหลดใบใหญ่ไปแล้ว 1 ใบนะ ตามมาอีก เริ่มมีการใส่อารมณ์กันขึ้นเรื่อย ๆ

สุดท้ายน้องสจ๊วต เลยถามไปทาง จนท ภาคพื้น อีกคนว่า ยังโหลดทันไหม ให้เอาไปโหลดด้วย แต่เราไม่เห็นว่าได้คิดเงินเพิ่มแต่อย่างไร เพียงติดสติ๊กเกอร์ให้ แล้วยกลงไปทันที พร้อมบอกว่า ขนาดกระเป๋าใบนี้ ยังไงก็ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ เพราะไม่สามรถนำใส่ช่องเก็บสัมภาระได้ และหากหล่นลงมาจะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารได้ ฉะนั้นขากลับจากสิงคโปร์ควรจะโหลดกระเป๋าใบนี้ด้วย มิฉะนนั้นจะต้องถูกปรับแน่นอน ผู้โดยสารชายคนนั้นเลยยอมให้โหลด แล้วเดินไปนั่งที่

เราเห็นเหตุการณ์ตลอด เพราะนั่งอยู่แถวหน้า เราก็อยากรู้เหมือนกันว่า ผู้โดยสารท่านนั้น ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า กระเป๋าใบนั้นมันใหญ่เกินไป หรือเคยทำมาก่อนแล้วผ่านไปได้ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะลูกเรือต้องรีบทำเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการดีเลย์ เลยอาศับช่องว่างตรงนี้เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย

อะไรที่เรารู้ว่าเป็นกฎปฎิบัติ ก็ปฎิบัติตามเถอะค่ะ คิดว่าหลาย ๆ สายการบินคงเจอผู้โดยสารแบบนี้บ่อย ๆ เช่นกัน ถึงได้มีกฎปฎิบัติยิบย่อยออกมาให้ได้รำคาญใจกัน

ครวามเห็นส่วนตัว กฎระเบียบยิบย่อยที่มีออกมาเรื่อย ๆ มันสะท้อนถึงการกระทำและการพยายามแก้ปัญหาที่พบเจอบ่อยครั้งของผู้รับบริการต้อผู้ให้บริการ ถ้าหากทุกคนปฎิบัติตามกฎแต่แรก เรื่องเล้กน้อยแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นให้รำคาญใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
แค่บอกว่าขนาด 28" ก็จบข่าวแล้วครับ

โหลดลงใต้เครื่องอย่างเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่ได้คับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ความเห็นที่ 7คะ เราเป็นพนักงานสายการบิน(ไม่ใช่แอร์เอเชีย) เจอบ่อยมาก ผู้โดยสารจะตั้งใจมาให้ช้าที่สุดเพื่อให้พนักงานไม่มีเวลาดีลอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากกระเป๋าที่เช็คอินนั้นน้ำหนักเกินแล้ว แล้วต้องการถือขึ้นเครื่องโดยไม่อยากจ่ายเงินค่าน้ำหนักอีก พอเ้ค้ามาช้าเราจะก็บเงินหรือจะออฟโหลดเค้าก็ต้องเสียเวลาหากระเป๋า กลัวดีเลย์ก็เลยอาจจะต้องยอม

อย่างแรกที่ทางสายการบินทำคือ หากเจอว่าตอนเช็คอินท่านไหนกระเป๋าเกิน แล้วมีการต่อรองยาก เราจะขอดูกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง แล้วมีเมสเสจไปที่เกต กระเป๋าที่เชคอินไปจะยังไม่โหลดขึ้นเครื่อง เอารอไว้ก่อน ถ้าหากมาเจอว่ามีกระเป๋าใหญ่ น้ำหนักเยอะกว่าตอนขอดู ถ้าไม่ต้องการจ่ายเงินก็จะออฟโหลดค่ะ

การทำแบบนี้อาจดูโหดร้ายนะ แต่เราว่ายุติธรรมกับผู้โดยสารท่านอื่นๆที่ปฏิบัติตามกฎ
และที่สำคัญเลยมันเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัยนะคะ

เรื่องจริงที่เคยเจอตอนทำงานไม่นาน คือ เครื่องบินตกหลุมอากาศ กระเป๋าน้ำหนัก 15 กก.ที่วางไว้บนที่เก็บตกลงมาใส่ผู้โดยสาร ผลคือ คอหักตายนะคะ

พอบอกผู้โดยสารไม่เคยมีคนเชื่อเราเลย..........


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ผมกลับจากภูเก็ตครั้งล่าสุดเพิ่งเคยขึ้นแอร์เอเชีย ทำทุกอย่างตามกฎ ขนาดกระเป๋าตามกฎ ของฝากไม่กล้าซื้อเยอะเพราะกลัวเกิน

ขึ้นเครื่องพวกมาทีหลังทั้งหัวแดงหัวดำหิ้วกันมาแต่ๆละคน โดยเฉพาะพวกหัวแดงกระเป๋าแต่ละใบขนาดเกินแน่นอน เพราะกระเป๋าผมขนาด max สุดตามกฎ ของฝากบางคนแพคใส่ลังเบียร์มา ขนาดเกินแน่นอน

ไม่เห็นมีใครจัดการอะไร ผมยังคิดเลยว่าถ้าไปอีกผมจะหิ้วมาเยอะบ้าง

ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เข้ามาตอบเรื่องปลั๊กที่ญี่ปุ่นค่ะว่าโรงแรมสมัยใหม่จะเป็นปลั๊กแบนคล้ายบ้านเราซึ่งก็จะใช้เต้าเสียบของเราได้ แต่ถ้าเป็นบ้านหรือโรงแรมที่เก่าหน่อยจะเป็นปลั๊กแบบเก่าซึ่งคือแบบกลมสองขา (เราเคยเจอ) แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะ ตัวแปลงหัวปลั๊กมีขายตามร้าน Daiso ซึ่งมีอยู่ทั่วไปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เห็นด้วยกับคุณคห.10 ค่ะ

ทำไมต้องฝืนกฎกันด้วย คนอื่นทำไม่ดีกัน แล้วเราต้องทำตามกันเหรอ
ทุกอย่างมันมีเหตุและผลในตัว จะดันทุรังกันทำไมกับเงินเล็กเงินน้อย
(เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในทริปนั้น)


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ไม่ได้ว่า จขกท นะ
แต่คนส่วนมากมันยากนักหรือยังไงไม่ทราบกับเรื่องทำตามกฏความปลอดภัยบนเครื่องบิน ไม่ว่าขนาดกระเป๋าเกิน หรือสั่งให้ปิดโทรศัพท์ คนพวกนี้ถ้าไม่เจอเข้ากับตัวเองก็ไม่รู้ว่าอันตรายขนาดไหน ?? เห้อ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ตั้งแต่แอร์เอเซียเก็บค่าโหลดกระเป๋า ก็สร้างวัฒนธรรมใหม่ในการโหลดกระเป๋าของคนไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ปลั๊กญี่ปุ่นนี่ 99% แบน สองขาคู่ 110V ครับ
ตั้งแต่เคยอยู่มารวมเดินทาง
เกือบสองปีไม่เคยเจอนอกเหนือจากนี้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 16