[cr]รีวิวเฉพาะกิจทริปญี่ปุ่น พาขึ้นHayabusa / ไปเที่ยวAizu-Wakamatsu /และชิมหมูทอดซอสคัทสึแสนอร่อย

สวัสดีพี่น้องครับ...ผมห่างหายจากการรีวิวทริปเที่ยวไปหลายปีมากๆ จนกระทั่งล่าสุดได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเกิดติดใจในสถานที่หนึ่ง ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังเพราะสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในจุดจังหวัดฟุกุชิม่าซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์สึนามิแถมยังเจอเรื่องโรงงานนิวเคลียร์เมื่อปีที่แล้วอีก ...หลังจากนั้น ทางญี่ปุ่นก็พยายามฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่โดนผลกระทบโดยพยายามโปรโมตในวิธีการต่างๆอย่างที่เราเห็นกัน

และผมก็ตัดสินใจว่างานนี้ที่ที่จะไปก็คือ Aizu-Wakamatsu ครับ

ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนอื่นขอท้าวความซักเล็กน้อยครับ...พอดีว่าแปลนเที่ยวญี่ปุ่นของผมนั้น กะว่าจะไปแค่บริเวณโตเกียวและรอบๆโดยใช้แค่ kanto pass เท่านั้นเอง แต่ด้วยเหตุจำเป็นที่ต้องใช้ JR PASS ไปทางโซนโอซาก้าด้วย แถมมีแผนว่าจะไปเที่ยวทางเมืองในละแวกที่อยู่ทางตอนเหนือของ utsunomiya ซะหน่อย ก็ดั๊นหาที่พักที่ Utsunomiya ไม่ได้ซะงั้น ....ว่าแล้วก็เลยได้ไอเดียว่าถ้าพัก utsunomiya ไม่ได้ ลองเลยขึ้นเหนือไปหน่อยเป็นไง JR Pass ก็มีอยู่แล้ว ก็มาเจอกับข้อมูลใน japan guide ที่แนะนำการท่องเที่ยวเมือง Fukushima อยู่พอดี หาข้อมูลไปๆมาๆก็มาปิ๊งกับเมือง Aizu Wakamatsu นี่แหละครับแถมก่อนหน้านี้ นิตยสาร DACO Thai ก็เคยแนะนำคอลัมภ์พาไปเที่ยวฟุกุชิม่ามาทีนึงด้วยก็เลยได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาพอดี "ที่สำคัญ" ไหนๆก็จะขอวีซ่าแบบ multiple อยู่แล้วด้วย ก็ใช้โอกาสนี้แหละ ขอเวฟค่าธรรมเนียมขอวีซ่าตามแคมเปญยกเว้นค่าวีซ่า สำหรับ 3 จังหวัดที่โดนภัยสึนามิ ซะเลย โฮะ โฮะ โฮะ
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
มาดูตรงตำแหน่งของที่พักที่ผมไปพักกันซักนิดครับ โดยทั่วไปที่เห็นเซียนรีวิวหลายๆท่านแนะนำกันไป ก็จะอยู่ที่ Utsunomiya แล้วก็เลยไปทาง Sendai ไปเลย น้อยคนนักที่จะพูดถึง fukushima แต่สำหรับผม สถานที่ที่เข้าตากรรมการคือ "Koriyama" ครับ ตั้งอยู่ในจังหวัด Fukushima ซึ่งถ้าดูจากแผนที่ จะอยู่ระหว่าง Utsunomiya และตัวเมือง Fukushima พอดีขึ้นชินคันเซนแปีปเดียวก็ลงมาเที่ยว Utsunomiya ได้แล้วง่ายมากๆ ว่าแล้วผมก็เลยเปิดหาที่พักแล้วก็ได้ที่พักมาแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Koriyama Station เลย จัดการจองเสร็จก็เอาไปยื่นขอวีซ่าพร้อมกับเวฟค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าแบบ multiple จนผ่านเรียบร้อย งานนี้ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งวีซ่าแบบ multiple แถมยังประหยัดค่าขอวีซ่าได้อีกสองพันกว่าบาท ..เยี่ยมไปเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
มาตามดู Hayabusa


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
มาดูเส้นทางที่ Koriyama กันต่อครับ ที่สถานี Koriyama นี้เป็นจุดที่เราจะต้องนั่งรถไฟไปยังเมือง Aizuwakamatsu อยู่แล้วด้วย โดยใช้เส้นทางรถไฟสาย JR banetsu line เพราะฉะนั้นยิ่งน่าสนใจเป็นที่สุดครับแบบว่าพอเที่ยวที่ aizu เสร็จก็กลับมาที่พักที่ koriyama แล้ววันถัดมาก็เที่ยวที่อื่นต่อ แล้วกลับมานอนที่นี่อีก ใช้เป็น Hub ได้เลย ...เรื่องระยะห่างระหว่างเมือง koriyama กับจุดที่เป็นโรงงานปรมาณูนั้นจะอยู่ห่างกันพอควร จากในเว็บ japan-guide ที่บอกไว้เค้าว่าอยู่ในระดับ effect น้อยมากเทียบเท่ากับเมือง denver ครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
พอได้เวลาก็ออกเดินทางล่ะครับ โดยผมเดินทางไปเมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา (และพึ่งกลับมาเมื่อจันทร์ที่แล้ววันที่ 12 พ.ย.นี่เอง)

พอไปถึงนาริตะปุ๊ป ระหว่างที่จัดการแลก JR Pass อยู่ในcounter ของ JR East อยู่นั้นก็เหลือบมาเห็นจอ LCD ฉายแนะนำเกี่ยวกับเจ้ารถไฟด่วนชินคันเซน Hayabusa อยู่พอดี แหม่...อะไรจะลำตัวสวยดูเด่นอะไรแบบนี้ ว่าแล้วก็เกิด "ไอเดียแว่บ" ขึ้นมาในหัวว่า อยากนั่งจังเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ด้วยเหตุนี้เอง จิตสำนึกของการเป็น "Nori-tetsu" (คำเรียกคนที่ชื่นชอบการขึ้นรถไฟเที่ยวในญี่ปุ่น) ก็พุ่งพรวดขึ้นมาว่า ไหนๆมาญีปุ่นแล้วก็จะต้องหาทางขึ้นไปนั่งเชยชมเจ้า Hayabusa นี้ให้ได้ ว่าแล้วจึงจัดการหาตารางเวลาจองรถมาดู ก็พบว่าเส้นทางเดินทางของ Hayabusa นี้จะวิ่งตรงออกจากสถานีโตเกียว ผ่านสถานีรถไฟ Omiya แล้วก็มุ่งหน้าตรงสู่ Sendai โดยไม่มีแวะ Koriyama เมืองที่ผมพักเลยซักนิด

อ้าว...ซะงั้น -_-'
(ปล. จากรูปไม่เกี่ยวกัน แต่เอามาให้ดูว่า JR Pass ตอนนี้เค้าเปลี้ยนรูปแบบใหม่แล้วนะครับไม่ใช่กระดาษลายเงาๆเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนที่ไปแลกเค้าจะให้แผ่นนี้มาแล้วให้เรากรอกข้อมูลที่ด้านหลังของกระดาษแผ่นนี้โดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มแล้วครับ)


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ถึงแม้จะไม่จอด Koriyama ก็ไม่สนใจครับ..เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ยอมขึ้นแล้วไปลงที่ Sendai แวะสูดอากาศนิดนึงก่อนแล้วกัน แล้วค่อยขึ้น yamabiko ย้อนกลับมาลงที่ Koriyama อีกทีก็ได้
ว่าแล้วก็จัดการจองที่นั่งรถไฟ Hayabusa ทันที พอถึงวันออกเดินทางก็มารอที่ชานชาลาแต่เนิ่นๆตั้งแต่เช้า ก่อนที่รถไฟจะออกวิ่ง จะได้มาถ่ายรูปหน้ารถซะหน่อยล่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
พอได้เห็นของจริงก็ตื่นเต้นไปหมดล่ะครับ ตอนนี้ไม่ทำอะไรแล้วหยิบกล้องมาจัดการถ่ายรูปไปหลายแชะ ทั้งถ่ายเดี่ยวๆกับถ่ายตัวเอง ยิ่งยามที่ Hayabusa จอดนิ่งๆคู่กับyamabikoที่จอดอยู่ข้างๆกัน ยิ่งเป็นจุดเด่นเลยทีเดียว
แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่ยังเห่อ Hayabusa คนญี่ปุ่นคนอื่นๆก็มาถ่ายรูปบริเวณหัวรถกันเต็มไปหมดเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เล่าสาระความรู้กันนิดนึงครับ เจ้ารถไฟ Hayabusa คันนี้ เป้นรถไฟที่วิ่งระหว่างสถานีโตเกียวกับสถานีชินอาโอโมริบน Tohoku Shinkansen Line โดยจะแวะจอดสถานีระหว่างนั้นอยู่ 3 สถานีได้แก่ Omiya / Sendai และ Morioka ครับ

สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 300 ก.ม./ช.ม. ตลอดสายใช้เวลาเดินทางเพียงประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เร็วกว่าสาย Tohoku เดิม หรือ Hayate ถึงกว่า 50 นาที

เจ้าเหยี่ยวฮายาบุสะนี้ เปิดตัวและเริ่มวิ่งกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มีนาคมปีที่แล้วนี่เองครับ ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวไปไม่ทันไร ญี่ปุ่นก็ต้องพบกับเหตุการณ์สึนามิในวันที่ 11 มีนาคมพอดีเลย แต่ถึงอย่างนั้นความนิยมของ Hayabusa ก็ยังคงเป็นที่สนใจกันอยู่จนถึงตอนนี้ ด้วยความที่เป็นรถไฟรุ่นใหม่อยู่ครับ โดยพวกสิ่งของที่ระลึกต่างๆที่เกี่ยวกับรถไฟที่ขายกัน ย่อมไม่พ้นต้องมีเจ้า Hayabusa ออกมาขายควบคู่อยู่ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
มาดูด้านในรถกันบ้างครับ ที่นั่งด้านในเป็นเก้าอี้ที่แตกต่างจากเก้าอี้ในรถรุ่นอื่นๆอยู่ครับ โดยสามารถกดปุ่มให้เลื่อนเบาะและพนักพิงได้ แถมความกว้างยังเยอะกว่าด้วย นั่งสบายดีจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ตรงข้างๆที่นั่งมีปลั๊กให้เสียบเพื่อชาร์จไฟได้ด้วย ชอบอีตรงนี้แหละ หุหุ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ส่วนของอ่างล้างหน้าในบริเวณห้องน้ำครับ ดูทันสมัยกว่าของรถไฟรุ่นอื่นจริงๆ ที่ชอบมากๆก็คือส่วนของที่เป่ามือที่ซ่อนอยู่ตรงอ่างล้างหน้าเลย แบบว่า ล้างมือ เลื่อนมือไปกดสบู่ ล้างเสร็จ ก็เลื่อนมือมาเป่าให้แห้งได้เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ตามไปนั่งน้อง ฮายาบูซ่ะด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ส่วนของห้องน้ำที่ใหญ่เป็นพิเศษ เป็นห้องน้ำที่ทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนพิการด้วยครับ ชอบญี่ปุ่นก็ที่ตรงนี้แหละเค้าทำหลายๆอย่างเพื่อคนพิการเพราะเห็นถึงความเท่าเที่ยมกันของคน อย่างท้องถนนก็จะมีอิฐบล๊อคนูนๆเป็นทางยาวสำหรับให้คนพิการได้เดิน , ตามไฟแดงก็มีเสียงเป็นสัญญาณ แม้แต่รถโดยสารก็ยังมีทางขึ้นพิเศษให้สำหรับผู้ที่ใช้รถเข็น


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
อีกตัวอย่างหนึ่งของความประทับใจเรื่องการให้ความสำคัญแก่คนตาบอดครับ มีเพลทอักษรเบลบอกตำแหน่งไว้ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
อันนี้เป็นภาพสินค้าตัวอย่างในซีรีย์ของ Hayabusa ที่เค้าขายครับ แต่ละอย่างน่าซื้อมากๆ แต่ดูราคาแล้วได้แต่อดใจครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อีกมุมมองนึงของตัวหน้ารถครับ ดูแล้วคล้ายๆกับหัวงูเหมือนกันแฮะ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ผมชอบคิดว่ามันเหมือนเป็ด อิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
อ่ะ รูปสุดท้ายละครับสำหรับเจ้าฮายุบุสะ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่ได้ไปเที่ยว Aizu กันซะที หลังจากที่สวมบทเป็น "Nori-tetsu" และ "Tori-tetsu" (คนที่ชอบรถไฟ โดยจะถ่ายรูปรถไฟเก้บไว้เป็นที่ระลึกในทุกๆรูปแบบ) เรียบร้อยแล้ว รถไฟก็มาถึงสถานี Sendai ซะทีครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
เดินเล่นอยู่สถานี Sendai ซักนิดนึงพอหอมปากหอมคอ จนกระทั่งได้เวลาขึ้นรถไฟ Yamabiko กลับไปยัง koriyama ครับ สำหรับเมือง Sendai รอบนี้ผมยังไม่ได้มาแวะเที่ยว ....เพราะกะว่าจะรอเทศกาลทานาบาตะปีหน้าค่อยมาเพราะที่เมืองนี้จะมีงานพอดี


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ระหว่างที่นั่งรถ yamabiko shinkansen ก็ได้ที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งขวาพอดีครับ ก็เลยเห็นวิวสวยๆของเทือกเขาที่อยู่ระหว่างเส้นทางเมือง Sendai มายัง Koriyama ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
มีทั้งเทือกเขาที่บนนั้นมีหิมะเกาะอยู่ด้วย และก็มีที่เป็นปล่องภูเขาไฟด้วย อันนี้เลยใช้กล้องพยายามซูมอย่างเต็มที่สุดๆ ก็ได้ภาพแบบชัดๆของปล่องมาแบบนี้เลย
ตอนหลังมาเช็คในแผนที่ ก็เลยเห็นว่าเป็นเทือกเขา Azuma ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวแบบธรรมชาติของ Fukushima ที่นึงครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
จาก Sendai ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็มาถึงเมือง Koriyama ละครับ สถานีนี้จะค่อนข้างเงียบสงบไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก ตัวอาคารสถานีอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าเช่นเคยและมีโซนร้านอาหารอยู่ด้วยแต่ไม่เยอะเท่าไหร่

ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
พอออกจากสถานีซึ่งเป็นประตูทางออกทิศเหนือ จะเจอร้านขายชูครีมอยู่ร้านนึงครับ กลิ่นหอมเย้ายวนใจสุดๆ แถมยังชิ้นใหญ่เสียด้วย แนะนำให้แวะลองชิมดูครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ก่อนจะไปเที่ยวที่เมือง Aizu ขอแวะเอากระเป๋าเป้ที่แบกมาไปเก็บที่ที่พักก่อนครับ สำหรับที่พักที่ผมใช้เป็นฐานอาศัยเป็นเวลา 2 คืนในโซน Tohoku นี้คือโรงแรม Dormy Inn Koriyama ซึ่งป็น business hotel ที่อยุ่ไม่ไกลจากสถานี เดินแค่ประมาณเกือบๆ 10 นาทีก็ถึงแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
การเดินทางจากสถานีมาโรงแรมนั้น เราก็เดินออกจากสถานี แล้วเดินมาตามถนนเรื่อยๆก็ถึงแล้วครับ ไม่ลำบากเลย แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่เยี่ยมยอดกว่านั้นคือ ที่นี่เค้ามีทางเดินแบบ Sky Walk จากทางออกสถานี Koriyama แถมยังมีหลังคาแล้วก็ทางเดินแบบเลื่อนอีกด้วย ช่วยให้เราเดินสบายขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกหรือตอนช่วงเช้าๆกับค่ำๆที่อากาศหนาวสุดๆ ที่เราไม่ต้องไปเดินฝ่าลมกลางถนนครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
อ่ะ ไหนๆก็พูดถึงโรงแรมแล้ว ขอรีวิวโรงแรมแห่งนี้คร่าวๆก่อนละกันว่าทำไมผมถึงติดใจโรงแรมนี้ แล้วเดี๋ยวเรื่องเมือง Aizu จะยกยอดไปอีกกระทู้นึงละกันนะครับ

สำหรับโรงแรมแห่งนี้ด้วยความที่เป็น Business Hotel ทำให้ห้องที่นี่ดูไม่เล็กแต่กลับดูสบายๆ เตียงนอนก็ใหญ่พอสมควรและมีห้องน้ำในตัวที่กว้างใช่เล่นครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ในห้องน้ำแบ่งส่วนเป็นส่วนสุขา ที่ล้างมือ และส่วนอาบน้ำที่มีทั้งโซนที่เป็นให้นั่งอาบแบบญี่ปุ่นและอ่างอาบน้ำสำหรับแช่ อุปกรณ์ในห้องมีทีวี, กาต้มน้ำร้อน ปลั๊กไฟ โคมไฟ ให้ครบตามสไตล์ business hotel และมีเจ้าสองสิ่งนี้ให้มาด้วยคือ ถุงผ้าห่มนวม ซึ่งจริงๆแล้วเวลานอนก็แทบไม่ต้องใช้ครับ อีกอย่างก็คือชุดนอน ซึ่งเราสามารถสวมชุดนี้เดินไปเดินมาภายในโรงแรมได้ตลอด เหมือนชุดลำลอง จะเดินลงมานั่งลอบบี้ก็ได้ไม่มีใครว่า ...และที่สำคัญคือชุดนี้ เอาไว้ใส่เพื่อลงมาแช่ออนเซ็นสปาของโรงแรมครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
จุดเด่นอย่างหนึ่งของโรงแรมนี้ก็คือ ห้องอาบน้ำแบบสปานี่แหละครับ ที่เจ๋งมากๆ จริงๆแล้วเค้าก็มีห้องน้ำในห้องพักอยู่แล้ว แต่ก็แทบไม่ได้ใช้เท่าไหร่ พอกลับจากเที่ยวตอนกลางวัน พอกลางคืนก็มาอาศัยสปาออนเซ็นนี่แหละช่วยคลายเมื่อยได้เยอะเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
สปาที่นี่เค้าจะทำแบบสไตล์ญี่ปุ่นครับ มีโซนที่ให้แช่เป็นบ่อออนเซ็น บ่อแบบนวดสปา แล้วก็มีห้องเซาน่าซะด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ที่สำคัญยังมีโซนให้แช่แบบกลางแจ้งอีกด้วย ห้องสปาที่นี่จะมี 2 ห้องนะครับ เป็นห้องไซส์ใหญ่ที่ออกจะกว้างและมีมุมสปากลางแจ้ง กับอีกห้องที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อยแต่จะไม่มีโซนกลางแจ้ง ถ้าเป็นวันธรรมดาจะเปิดเฉพาะห้องสปาขนาดใหญ่ให้เข้าใช้เฉพาะผู้ชาย (คงเป็นเพราะเป็น business hotel) แต่ถ้าเป็นวันหยุดจะให้ผุ้ชายใช้ห้องเล็ก และให้ผู้หญิงใช้ห้องขนาดใหญ่แทนครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
พอแช่เสร็จแล้ว จะมีมุมให้เรานั่งเล่นชิวๆดูทีวี หรือเลือกกดเครื่องดื่มต่างๆจากตุ้หยอดเหรียญมานั่งเล่นได้ด้วย มีส่วนน้ำร้อนไว้ต้มมาม่า ชา กาแฟบริการไว้ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ที่สำคัญยังมีมุมห้องสมุดหนังสือการ์ตูนขนาดใหญ่ไว้บริการ การ์ตูนเพียบครับ เราสามารถนั่งอ่านเล่นที่นี่หรือหยิบกลับไปอ่านที่ห้องก็ย่อมได้


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
ข้อเสียของที่นี่ก็คือไม่มีบริการ wifi ให้ใช้ซะยังงั้น T_T
แต่ก็ยังดีที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ใช้ฟรีที่ชั้นล่างของโรงแรม


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
อย่างที่บอกไปเมื่อ สองภาพที่แล้วว่า มีมุมน้ำร้อนสำหรับต้มมาม่าให้ด้วย แต่ก็แทบไม่มีใครใช้บริการครับ เพราะบริการพิเศษอย่างหนึ่งของโรงแรมนี้ก็คือ ทุกๆคืน เค้ามีเสิร์ฟราเมนร้อนๆให้กับแขกที่มาพักได้ทานฟรีกันด้วย อะแฮ่ม


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
เพราะฉะนั้น เราสามารถมานั่งทานราเมนที่ห้องอาหารของโรงแรมนี้กันฟรีๆเลย ตั้งแต่เวลา 3ทุ่มครึ่งถึง 5 ทุ่มครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
มาใช้บริการที่นี่ 2 คืน ได้หิ้วท้องกลับมากินราเมนมื้อดึกทั้ง 2 คืนเลย จะว่าไปก็เหมือนบะหมี่มาม่าญี่ปุ่นมากกว่าครับ แต่เส้นอร่อยกว่าบ้านเราแน่นอน และยังใส่สาหร่ายกับหน่อไม้เพิ่มขึ้นมานิดหน่อยให้หน้าตาดีขึ้น เนื้อสัตว์ไม่มีนะ...แหงละของฟรีนี่นา แต่เท่านี้ก็โอเคแล้วครับ อิ่มอร่อยเหมือนกัน พอทานเสร็จก็ขึ้นไปนอนอ้วนต่อได้เลย 555


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
อ่ะ โพสต์ไปหลายรูปเลยปาเข้าไปกว่า 30 รูปละ กลัวจะเยอะเกิน ขอตัดช่วงแนะนำเมือง Aizu wakamatsu ไปวันพรุ่งนี้ละกันครับ ทิ้งท้ายด้วยรูปของกินแสนอร่อยที่จะแนะนำก็แล้วกัน เป็นข้าวหน้าหมูทอดซอสคัทสึ 1ในของอร่อยประจำเมือง Aizu ครับ

อ่ะ สนใจไหมเอ่ย ?


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
ดอร์มมี่อินท์ใกล้สถานีม๊ากกกก ตอนเราไปเรานอน Toyoko ไกลมากกกก เดินได้หนึ่งเหนื่อย เป็นรร.เดียวในทริปที่เดินไกลสุด เอาน่าราคาสบายกระเป๋าเนอะๆ

ทริปใบไม้แดงที่ผ่านมาเราได้นั่ง Hayabusu ด้วยนะค่ะ แต่มันแปลงร่างเป็น Hayate อะ ชื่อขบวนเป็น Hayate จอดป้ายเหมือนฮายาเทะเลยแต่ตัวรถคือเจ้าเขียวเป็ด Hayabusa นี่แหละ เรานั่งจาก sendai ไป Hachihohe ตอนแรกก็ไม่แน่ใจพอมาเห็นภายในคือเจ้าเขียวเป็ดแน่ ๆ เลยงง เหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
หมูทอดน่ากินมากกกกกกก

ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับผม


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
สนใจอยากกินข้าวหน้าหมูทอดด้วยคน
ชิ้นใหญ่ล้นชามมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
เปิดกระทู้เพราะสะดุดตา Hayabusa แต่ปิดกระทู้หมูทอดมันทิ่มตา


ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
โห น่าสนตรงออนเซ็นนี่แหละ เริ่ดมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
โอ้โห ข้าวหน้าหมูทอดน่ากินมากกกค่ะ หมูทอดอะไรใหญ่ได้ขนาดนั้น >,<'' หิววค่า


ตอบกลับความเห็นที่ 44