คนไหนไม่ได้เรียนหนังสือ รัฐบาลที่นั่นเจาก็จ้างเรียน พอเวลาท้อง เค้าก็จ้างคลอดลูก จ่ายค่าเลี้ยงดู

ได้อ่านพบในเว็บหนึ่ง นักการเมืองไทยคนหนึ่งสังกัดพรรครัฐบาลได้พูดให้ผู้ที่มาประชุมฟังว่า " หญิงไทยได้ผัวสแกนดิเนเวียน พวกนอร์เวย์ สวีเดน คนไหนไม่ได้เรียนหนังสือ รัฐบาลที่นั่นเค้าก็จ้างเรียน พอเวลาท้อง เค้าก็จ้างคลอดลูก จ่ายค่าเลี้ยงดู
ผมเคยไปทั่วยุโรป เลยได้เห็นอะไรมากมาย สวัสดิการที่โน่นดีมาก
อยากเรียนถามแม่บ้านไทยที่อยู่ประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ว่า เป็นจริงตามข้อความข้างต้นตามที่นักการเมืองไทยท่านนั้นพูดหรือไม่

ความคิดเห็นที่ 1
เท่าที่เคยรู้ สวีเดน ถ้าเรียนหนังสือ ได้ตังค์ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
มีเพื่อนที่เรียนแยู่ด้วยกันเป็นคนนอร์เวย์กับฟินแลนด์ ได้เงินจากรัฐบาลมาใช้เรียนจริงๆครับ เป็นรัฐสวัสดิการ เรียนจบกลับมาทำงานก็จ่ายภาษีกันจริงๆจังและภาษีแพงมาก คนพวกนี้จะมีวินัยและซื่อสัตย์มากครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
คนไม่มีงานหรือตกงาน ถ้าไปลงทะเบียนกับรัฐ ก็จะได้เงินเดือน (เป็นเรทต่อวัน) แต่มีข้อแม้ว่าต้องพยายามหางานอยู่สม่ำเสมอ ถ้ารัฐหางานให้แล้วต้องทำ ปฏิเสธได้ 2 หรือ 3 ครั้งนี่แหละ

ทางรัฐก็จะมีคอร์สวิชาชีพต่างๆมาให้คนเหล่านี้ไปเรียน เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน พอเรียนจบก็ไปฝึกงาน ได้เงินเดือน

เวลาคลอดลูกแล้ว ได้ลางานทั้งพ่อและแม่ ถ้าลูกโตขึ้นหน่อยแล้วไม่มีโรงเรียนอนุบาลว่าง ถ้าแม่เลี้ยงเอง ก็จะได้เงินอุดหนุนจากรัฐ (อันนี้เค้าพยายามยกเลิก เนื่องจากบางครอบครัวมีลูกเยอะ เลยไม่ยอมส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลเพราะได้เงินเยอะจากตรงนี้)

สรุป จริงครับ (จากนอร์เวย์)

ปล. กู้เงินเรียนได้ครับ ดอกเบี้ยต่ำและต้องใช้คืน ยกเว้นถ้าผลการเรียนดี หรือเรียนในมหาวิทยาลัยที่เค้ากำหนดให้ได้ทุนฟรี พวกนี้จะได้รับการยกเว้น หรือ จ่ายคืนน้อยลง

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เขาทำอย่างนั้นได้ เพราะประชาชนส่วนมากเห็นสอดคล้องต้องกันด้วย ยินดีจ่ายภาษี
อย่างในอดีตเศรษฐีที่มียศศักดิ์ เขาเห็นชอบด้วยกับระบบก็ยกทรัพย์สินที่ดินให้เป็นของรัฐ
ระบบเอื้อกันแบบนี้ถึงจะทำได้ ต้องมีผู้เสียภาษีในอัตราสูงจำนวนมากกว่าผู้ที่ขอความช่วยเหลือ

อย่างในอังกฤษ สมัยก่อนการให้ความช่วยเหลือดีกว่าในปัจจุบันมาก เช่น ทำแว่น ทำฟัน
เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย ฟรี ... ปัจจุบันไม่ได้แล้ว หรืออย่างหลังสงครามโลก
ประเทศล่มสลาย คนมีบ้านหลาย ๆ หลัง ก็ถูกยึดมาแบ่งให้คนชราอยู่อาศัย หรือ คิดอัตราภาษี
สูงมากกับคนร่ำรวย จนต้องยกบ้าน หรือไม่ก็ที่ดินให้แก่รัฐไป เพื่อทำการหักล้างภาษี ซึ่งรวมไปถึง
ภาษีมรดกด้วย

การที่ประเทศจะทำรัฐสวัสดิการได้ดี ต้องมีความเข้าใจว่า เงินที่ได้มาเพื่อบริหารรัฐแบบนี้นั้นได้
ต้องมีคนยอมเสียภาษีจำนวนมาก เช่น ในประเทศแคนาดา ประชาชนเขาบอกว่า เขาทำงาน
มีรายได้หนึ่งปี แต่รับจริงแค่หกเดือน ก็หมายถึงว่า ภาษีเก็บไปแล้วกึ่งหนึ่ง แต่เขาก็บอกว่าเหมือน
กับการเล่นไพ่โปกเกอร์ เพราะไม่แน่วันหนึ่งเขาอาจจะล้มลง ทำงานไมได้ก็ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
พลเมืองที่สวีเดนเรียนฟรีจริงค่ะ รวมถึงคนต่างชาติที่แต่งงานกับคนของเขาก็ถือว่าเป็นประชาชนของเขาด้วย เรียนภาษาฟรีและก็ได้ตังค์ด้วย(พี่สาวก็ได้ตังค์) ใครไปเป็นพลเมืองของเขาใหม่ ๆ ก็จะได้คูปองจากรัฐไปรับของขวัญแสดงการต้อนรับไรงี้ค่ะ พี่สาวได้ไปแล้วเหมือนกัน

คนท้องก็ลาคลอดได้เป็นปี แถมได้เงินเดือนด้วย (อันนี้เป็นเพื่อนคนไทยที่ไปทำงานที่นั่น)

และดูเหมือนว่าคนที่มาจากประเทศที่ลี้ภัยสงคราม รัฐจะจัดหาบ้านพักให้ มีเงินเดือนให้ คนเหล่านี้ก็จะไม่ทำอะไรรอรับเงินเดือนจากรัฐและผลิตลูกอย่างเดียว (พอมีลูก ๆ ก็ได้รับเงินเดือนอีก) ภาษาก็ไม่ค่อยไปเรียน บางคนมีรถขับอย่างหรู เท่าที่เคยรู้มาและคุยกับเพื่อนสวีดิช คนที่นั่นเขาก็ไม่ค่อยปลื้มคนพวกนี้สักเท่าไร พลเมืองเขาทำงานเสียภาษีในอัตราที่สูงมาก ๆ แล้วรัฐก็เอามาบำรุงคนเหล่านี้อย่างดีและมันก็จริงนะคะ ตอนไปเที่ยวที่นั่นยังเห็นคนพวกนี้เยอะแยะไปหมดเลย

จำได้ไหมคะที่มีข่าวกราดยิงคนตายที่เกาะแห่งหนึ่งในนอร์เวย์อ่ะ เพราะไม่ชอบเจ้าคนพวกนี้แหละ

แต่รัฐสวัสดิการประเทศแถบสแกนนี่เค้าดีจริง ๆ ค่ะ คอนเฟิร์ม


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ร้อนแรงมากเลยนะเรื่องนี้ในห้องรดน ถกกันยาวเหยียดเลยทีเดียวเชียว


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ดีจังไม่เหมือนที่ญี่ปุ่นต้องจ่ายค่าเล่าเรียน ทุกเดือนทั้งๆที่เป็นโรงเรียนของรัฐ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ยังเชื่อคำพูดที่กล่าวว่า ของฟรีในโลกนี้ไม่มี มีท่านใดพอให้ข้อมูลได้ว่า คนทำงานในสแกนดิเวีย ต้องจ่ายค่าประกันสังคม เช่น ประกันสุขภาพ ประกันบำนาญ ประกันตกงาน และประกัน nursing care กี่เปอร์เซนต์ของเงินเดือน และต้องจ่ายภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มอีกเท่าไหร่
มีลูกของคนรู้จัก อาศัยอยู่ที่เยอรมนี จบมหาวิทยาลัย ทำงานสตาร์ทเงินเดือนครั้งแรก 3000 ยูโร หักประกันสังคมและภาษีเงินได้แล้วเหลือเงินเดือนสุทธิ 1800 ยูโร


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
อ่านความเห็นคุณ แม่น้องเบนส์ แล้ว พึ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้เข้าห้องราชดำเนินซะนาน สงสัยคงต้องตามไปอ่านแล้ว...อิอิ...


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
สแกรนดิเนเวีย 5 ประเทศเหมือนกันหมดคือทำงานเสียภาษีสูง

แต่ผลตอบแทนก็คุ้ม ลูกๆเรียนหนังสือฟรีหมดไม่ว่าจะเรียนสูง

ถึงระดับไหน เจ็บไข้ได้ป่วยรักษาฟรี คลอดบุตรพักเลี้ยงลูก

1 ปีครึ่ง มีเงินเดือนกิน ลูกก็มีเงินเดือนเด็ก ตกงานก็จะมีเงิน

จากกรมแรงงานที่บังคับให้ทุกคนทำตัวนี้ไว้ ถึงเวลาเรียกเข้า

ฝึกงาน ต้องการไปประกอบอาชีพตามถนัดคืออะไรส่งไปฝึก

งานตามร้าน ตามโรงงาน หรือตามบริษัทฯต่างๆ ให้โอกาส

คนเท่าเทียมกันความรู้สามารถให้ได้ทุกๆวัย ให้ตักตวงกันเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ตาม ความคิดเห็นที่ 2

ทุกคนที่ทำงานก็ต้องเสียภาษี ไม่อยากพูดว่าเต็มใจเสีย แต่ต้องเสีย และแน่นอนความซื่อสัตย์ ไม่ใช่ไม่ยอมเสียแต่จะเอาอย่างเดียว รัฐบาลก็ไม่มีเงินให้


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ดิฉันอยู่สวีเดน เมืองที่อยู่ ทำงานเสียภาษีรายได้ ๓๑ เปอร์เซ็นต์ เวลาซื้อของเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ๒๕ เปอร์เซ็น

หาหมอเสียเงินครั้งละ ๑๐๐ ถึง ๓๐๐ ขึ้นอยู่กับว่าไปที่ไหน
รพ. ๓๐๐ อนามัยถ้าพบหมอ ๑๕๐ ถ้าส่งตัวอย่างตรวจห้องแลปเฉยๆ ๑๐๐

แต่เขามีกำหนดรายจ่ายสูงสุดในการพบหมอแต่ละปีคือ ๑๒๐๐ โครน
เกินกว่านั้นไม่ต้องจ่าย
ค่ายาต่างหาก ซึ่งมีกำหนดไว้เหมือนกันว่าแต่ละปีต้องจ่ายเท่าไหร่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ ๒๒๐๐ โครน แต่กว่าจะถึงตรงนั้นก็จะมีส่วนลดไปเป็นระดับๆ จนถึงจำนวนหนึ่งก็จะไม่ต้องจ่ายเลย

ทั้งนี้แต่ละเขตเทศบาลอาจจะมีกำหนดเรื่องต่างๆ ไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งภาษีก็ยังจ่ายไม่เท่ากันในทุกเขตเทศบาล

เรียนได้เงินช่วยเหลือไม่พอยืมได้ตามกำหนดที่มี แต่ต้องมีใบอนุญาตอยู่อาศัยถาวรก่อน (ส่วนมากจะได้หลังจากอยู่ครบสองปี)
แต่ถ้ายังไม่มีใบอนุญาตอยู่อาศัยถาวร ทางสำนักงานจัดหางานก็มีโครงการร้อยแปดพันประการเพื่อช่วยเหลือคุณ และบางอย่างก็ให้ค่าตอบแทนด้วย

คนที่นี่จะมีประกันภัยบ้านเกือบทุกหลัง หากคุณซื้อประกันแบบครอบคลุมความเสี่ยงทุกชนิดก็แทบจะไม่ต้องกังวลอะไรเลย

ประกันตกงานก็ทำกับบริษัทต่างๆ ที่รับทำ ตามสาขาอาชีพที่ทำ จะจ่ายเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือน

หากสนใจอยากรู้เพิ่มเติม เข้าเว็บประกันสังคมไปอ่านได้ค่ะ มีเป็นภาษาไทยด้วย

http://www.forsakringskassan.se/sprak/thai/handlaggningstider_och_bra_att_veta/


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
จริงแต่อยากให้มองรอบด้านว่าเงินส่วนนั้นมาจากไหน
เขามีกลไกทางเศรษฐกิจและสังคมรองรับถึงทำได้
แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีปัญหาทำให้ต้องปรับเปลี่ยนหรือลดสวัสดิการบางอย่างลง

คนต่างด้าวมักถูกมองว่าเป็นภาระของสังคมเพราะรัฐต้องคอยอุ้มอยู่ตลอด
อีกทั้งคนกลุ่มนึงทำตัวเป็นนกรู้คอยหาประโยชน์จากรัฐด้วยวิธีต่างๆ นาๆ
เช่น ปกปิดข้อมูลพื้นฐานการศึกษาเพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่ม รับเบี้ยเลี้ยงตกงานแล้วไปรับจ๊อบที่ไม่ต้องเสียภาษี ฯลฯ
ส่วนใหญ่มาอยู่แล้วหวังพึ่งสวัสดิการมากเกินไปจนตัวเลขรายจ่ายตรงนี้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อยากให้ศึกษาจุดด้อยหรือปัญหาของการเป็นรัฐสวัสดิการดูบ้าง
ไม่ใช่เอาแต่ฮือฮากับสวัสดิการอันเลิศเลออย่างเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เมกากำลังจะเป็นอย่างยุโรปหรือป่าว


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
อ่านแล้วเกิดความรู้สึกเข้าใจ กับข่าวที่ผู้ชายชาวนรเวย์ออกมากราดยิงเมื่อปีก่อน

คนในประเทศที่เขาเกิดและเติบโตมาด้วยเชื้อชาติเดียวกัน ย่อมรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ
ย่อมรักและหวงแหนผลประโยชน์เพื่อคนในชาติเดียวกัน พวกต่างชาติที่เข้ามากอบโกย

เขาย่อมรู้สึกโกรธแค้นเป็นธรรมดา

สวัสดิการประเทศเขาดี เพราะประชาชนคนทำงานเขายินยอมพร้อมใจกันเสียภาษีแพงๆ
ก็เพื่อคนในชาติเขา คนที่ไม่ได้ไปทำงานเสียภาษี แต่จ้องอยากจะไปอยู่ประเทศเขาเพราะเห็นสวัสดิการดี ควรจะรู้สึกละอายบ้างนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
จริงแบบที่ นักการเมือง คนนั้นเล่าแต่ไม่ทั้งหมดค่ะ (ไม่ลงลึกในรายละเอียดนะคะ)แต่เค้าคงลืมเล่าไปตรงที่ว่า สส ประเทศแถบนี้ไม่โกงกิน ซื่อสัตย์ คนประเทศเค้าซื่อสัตย์และเต็มใจจ่ายภาษีสูงๆเพราะรู้ว่าเงินที่จ่ายไปรัฐบาลเค้าเอาปรับปรุงประเทศเค้าแบบไหนอย่างไร
อยู่สวีเดนนำเข้าสินค้าจากไทย ภาษีหลักๆที่เสียคือภาษีนำเข้า 12% VAT 25% ภาษีรายได้ 30% ตามด้วยค่าประกันสังคมยิบย่อยยุบยับเต็มไปหมด แต่เต็มใจจ่ายค่ะเพราะเค้าก็ให้เราเยอะเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
คนที่โกงหรือเอาเปรียบสวัสดิการมีทั้งคนนอร์เวย์แท้ๆและคนต่างชาติ มันขึ้นอยู่กับสันดานครับ ถ้าคนมันขี้เกียจจะทำงาน ต่อให้เรียนฟรี มีคอร์สต่างๆให้ฟรี มันก็ไม่ทำงานครับ

เอ่อ สำหรับ Anders Behring Breivik ที่ออกมายิงเด็กๆนี่ เค้าไม่ได้ทำเพื่อปกป้องประเทศชาติหรอกครับ สรุปง่ายๆมันบ้าครับ และสมควรจะไปอยู่ในคุกตลอดชีวิต

เรื่องภาษี ผมโดนหัก 45% ครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
บ้านเราก็มี นี่คับ เงินกู้ กยศ ไง ไม่ต่างอะไรกันหรอก เอาเงินรัฐมาเรียน ถ้าตาย หนี้ก็สูญ แต่ปัญหาอยู่ที่ คนไทยไง ส่วนนึง เอาแต่ได้ กู้ไป ก็ไม่คืน หนี หนี้ อยู่ เยอะ นะเนี่ย จนจะไม่มีทุน ให้รุ่นน้อง ยืม แล้ว

หลายสิ่ง นโยบาย ดีมาก แต่ ไม่เหมาะกับคนไทย ที่ไร้ความซื่อสัตย์


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
มีญาติอยู่สวีเดน ไปเที่ยวสวีเดนมาเมื่อไม่กี่วันนี้ คุยกันเรื่อง
สวัสดิการที่โรงเรียน (พ่อแม่จ่ายภาษีแพง พอๆกัน)
ประเทศสวีเดน อนุบาล -ประถม -มัธยม หนังสือเรียนแจกฟรี พร้อมอาหาร เช้า กลางวัน และค่าเรียนช่วงบ่าย ฟรี

ประเทศเยอรมัน อนุบาล -ประถม -มัธยม ต้องจ่าย ค่าหนังสือเรียน (บางวิชามีให้ยืม) และค่าอาหาร อาหารเช้า (บางคนห่ออาหารเช้าไปเองไม่ต้องจ่าย) อาหารกลางวัน (บางคนกลับมากินที่บ้าน) ค่าเรียนช่วงบ่าย ต้องจ่ายเพิ่ม เด็กบางคนพ่อแม่ไม่จ่ายค่าอาหาร และลืมห่ออาหารไปด้วย ก็ อด.....

ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
สวัสดิการดีมากที่ ตปท แต่ก็ภาษาหนักเอาเรื่องเลย แต่เราถือเป็นการดีเพราะภาษีเอามาให้ประชาชนจริง ไม่ใช่จ่ายภาษีทั้งชาติแต่ไม่รู้เอาไปไหนหมด ความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ได้อ่านเจ้าของกระทู้คนแรกเขียนเรื่องนักการเมืองคนหนึ่งเอ่ยว่า หญิงไทยได้ผัว....ฟังแล้ว+อ่านแล้วสะดุดใจมากกว่าที่นายนักการเมืองเอ่ยมา การที่หญิงไทยจะมีสามีนั้น จะเป็นชาติใดก็แล้วแต่ ควรจะเคารพสิทธิของผู้หญิงบ้างนะคะ ระดับนักการเมืองไม่น่าจะเอ่ยออกมาแบบนี้เลยแหละ ดิฉันว่า... และอีกอย่าง ทำไมคิดแต่ว่าประเทศโน้นเรียนฟรี ได้ฟรี คิดแต่ว่าฟรี การจะได้อะไรมาฟรีอย่างที่เอ่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ ไม่ใช่ว่าเห็นว่าฟรีก็จะวิ่งออกจากเมืองไทยมาอยู่ที่นี่ เขามีกฏมีเกณฑ์ของเขาอยู่นะ ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ และหญิงไทยที่เอ่ยมาน่ะ การที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาอาจจะรักฝรั่ง ไม่ได้รักคนไทย ดิฉันเห็นหญิงไทยส่วนใหญ่ที่อยู่ในประเทศแถบสแกนฯ นี่น่ะ มีสามีไทยมาแล้วและมีลูกติดมาส่วนใหญ๋นะคะ ทำไมเขาเจอะฝรั่งแล้วฝรั่งชอบมาพากลชวนกันมาอยู่ ก็ไม่เห็นจะแปลกนะ ในเมื่อสามีคนไทยของพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับผิดชอบอะไรมากนักน่ะ เขาก็อยากมามีชีวิตที่ดีกว่า แต่กว่าเขาจะลืมตามอ้าปากได้น่ะ ไม่ใช่ปี 2 ปีนะคะ เป็น 5-10 ปีก็ยังมีเพราะที่นี่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ คนที่มีการศึกษาระดับมหาลัยหลายๆๆคนก็มีสามีฝรั่งเยอะแยะไปเพราะเขาอาจจะไม่ชาตินิยมมากนักก็เป็นได้นี่นะ กว่าจะได้อะไรมานี่น่ะ จะต้องต่อสู้ฟันฝ่าอยู่มากนะคะ ไม่ใช่มาถึงปั๊บเขาจะแจกฟรีหมดทุกอย่าง เพราะคนไทยไม่ใช่ผู้ลี้ภัยการเมืองมา คนที่รู้มากเอาเปรียบจ้องแต่จะรับฟรี ไม่ทำมาหากินน่ะ มันก็มีอยู่มาก อยู่ที่นิสัยคนอย่างที่ท่านหนึ่งเอ่ยมาข้างต้นน่ะ แต่คนไทยที่ดีซื่อสัตย์สุจริตก็มีเช่นกันนี่คะ ใครทำอะไรไว้ไปเอาเปรียบรู้มากไม่ซื่อสัตย์น่ะ กรรมมีค่ะ ไม่ช้าก็เร็ว ดินฉันคิดแบบนี้น่ะ ชีวิตบางคนก็ไม่ได้สุขกันทุกคนหรอกนะคะที่นี่น่ะ ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตกันหมดทุกคนที่มีสามีฝรั่งน่ะ แต่คนที่ประสบความสำเร็จก็ถือเป็นโชควาสนามากกว่าเพราะได้ดีกว่าอยู่เมืองไทย ไม่ใช่เพราะได้ฟรีรับฟรีนะคะ ทุกคนต้องทำงานเหนื่อยเหงือ่ตกเหมือนกันว่าจะสบายน่ะ แต่ที่นี่ระบบและระเบียบที่นี่สอนเราดีมากถ้ารับสิ่งดีๆๆของเขามานะคะ แต่บางคนอยู่ที่นี่ไม่รับสิ่งดีก็มีถมไปน่ะ ฉะนั้น การจะคิดแต่ว่า ฟรี..ฟรี...ฟรี...นี่น่ะ ตลกดีน่ะ เป็นถึงนักการเมืองแต่เอ่ยแบบนี้ฟังแล้ว.....ได้แต่ปลงจริงๆๆนะคะ ทุกชาติไม่มีที่ไหนดีหมดและเลวหมด ปัญหาสังคมที่นี่ก็มีเช่นกัน เพียงแต่คนของเขาดี จิตใจดีและซื่อสัตย์มาก รู้จักว่าอะไรของเราและไม่ใช่ของเรา ถ้าไม่ใช่เขาจะไม่แตะเด็ดขาด เคารพสิทธิของกันและกันมาก บ้านไม่ต้องมีรั้ว แต่ไม่มีใครย่างกรายเข้าไปวุ่นวายแน่เพราะไม่ใช่บ้านเรานี่นะ ร้านค้าบ้านนอกบางแห่งไม่มีคนขาย ให้คนซ์้อหยิบเอาเองและวางตังไว้และทอนเอาเองในกระป๋องที่เขาวางเอาไว้ ที่ไหนทำได้แบบนี้บ้าง คงหายากนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21