CR สังขละบุรี ปิล๊อก กับ การเดินทาง ที่ไม่เหมือนชาวบ้าน

สวัสดีครับ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา วางแผนจะไปเที่ยว สังขละ โดยมาตั้งกระทู้สอบถามข้อมูลบ้างแล้ว

วางแผนคร่าว ๆ วิ่งจากบ้าน ลำลูกกา มาทาง สุพรรณ มุ่งหน้า อ.ด่านช้าง (ไปเส้นที่คนธรรมดาเค้าไม่ไปกัน) ก่อนถึง ด่านช้าง เลี้ยวซ้ายไป อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี แล้ว มุ่งไป บ้านท่าลำใย จะมีถนน สายท่าลำใย บ.นาสวน วิ่งทะลุไป ลงแพ ขนานยนต์ ช่วงที่ 2 ได้เลย

มาดูกันครับ ว่าเส้นทาง จะทรหดขนาดไหน

ความคิดเห็นที่ 1
เส้นทาง จาก อ.หนองปรือ ไปบ้านนาสวน จะเริ่มงง เพราะป้ายไม่ค่อย ชัด แถม GPS มันดันไม่รู้จัก ถ.ท่าลำใย - บ.นาสวน อีก เลยวิ่งเลยจุดที่จะเลี้ยว ไปบ้านนาสวน ต้องถามทาง ชาวบ้านแถวนั้น

ถาม ถนน ที่จะไปลงแพขนานยนต์ ศรีสวัสดิ์ ชาวบ้าน แถวนั้น งง ว่ามีด้วยเหรอ แต่เค้าบอกมีแยกไป อ.ศรีสวัสดิ์ อยู่ แต่เลยมาแล้วให้ย้อนไป ตอนนี้ต้องขับแบบ ค่อย ๆ มองหาทางแยก ที่จะไป บ.นาสวน


รูป ระหว่างทาง จาก อ.หนองปรือ จะไป ถ.ท่าลำใย สองข้างทางเต็มไปด้วย ไร่อ้อย ถนนดีมาก พึ่งราดยางใหม่


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เจอแล้ว...ถนนท่าลำใย-ศรีสวัสดิ์

ระยะทางประมาณ 50 โล แต่ทาง น้อง ๆ แม่มาลัย-ห้วยน้ำดังล่ะครับ มิน่าถนนใหม่เชียว ตลอดเส้นทาง รถวิ่งสวนมาไม่ถึง 10 คัน ใช้เวลา 1 ชม ครึ่ง ในการเดินทาง 50 โล


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
10 โมงกว่า หมอกยังหนาอยู่เลย ที่สำคัญ มีจุดชมทะเลหมอกด้วย คงแทบไม่มีใครมา และไม่มีใครรู้ พอดีผมรีบไป เลยไม่ได้ ลงมาถ่ายรูป


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ระหว่างทาง มีดินถล่ม เป็นระยะ ถ้ามาหน้าฝน ต้องระวังมาก ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
10 โมงครึ่ง ก็มาถึง ปากทาง ลงแพ แล้วครับ ตอนแรกกะวางแผนไว้ มาถึงแพไม่เกิน แปดโมง แต่ออกสาย และ เจอถนน เส้น ท่าลำใย-ศรีสัวสดิ์ เลย ช้าไป 2 ชม
ในแผนที่มันเขียนตรงแน่ว เอาเข้าจริง ๆ มันทางภูเขาแบบทางเหนือเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ทางลงยังคง classic เหมือนเดิม หน้าฝนคงเละกว่านี้


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ขับมาไม่นานก็มาถึง จุดลงแพ แล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
แต่...แพพึ่งออกไป เลยต้องรอ เพื่อนร่วมทางซักพัก


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ระหว่างรอ ก็จัดไก่ย่างห้าดาว รอ

ซักพักลุงเดินมาบอก รอก่อนนะหนู ถ้าไม่รอก็เหมาไปเลย 300
ตอนนั้น จะ 11 โมงล่ะ เลยบอกลุง งั้นไปเลยครับ เดี๋ยวจะช้ากันไปอีก เพราะต้องไปต่ออีกไกล

สรุป เหมาแพเลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
และแพก็ออกไป ผมกะจะนอนเลย เพราะใช้เวลาประมาณ 45 นาที
แพวิ่งมาได้ประมาณ 15 นาที ลุงเดินมาบอก หนู กลับไปรับ รถก่อนนะ มีมาอีกสองคัน จะได้หารกัน ผมไม่มีปัญหา ถือว่านั่งแพชมเขื่อน หุหุ

สรุป วกกลับไปรับรถอีกสองคัน


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้ามาคันเดียวก็ 300 ถ้ามา หลายคันก็คันล่ะ 200 ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ตอนแรกว่าจะนอน เพราะบรรยากาศเงียบ สงบ ลมเย็น แต่พอกลับมารับอีกสองคัน มีเด็ก ๆ มาเยอะ เลยนอนไม่ค่อยจะหลับล่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ประมาณ เที่ยงครึ่งก็มาถึง ฝั่ง ห้วยแม่ขมิ้นแล้วครับ แต่ วันนี้เป็นวันแห่งการหลงทาง สองคันก่อนหน้า ขับออกไปก่อน ผมค่อย ๆ ขับตามไป แต่เอะ ทำไมสองคันหน้านั้น หายไปเร็วจังเลย มารู้ตัวอีกที ขับเลยแยกไปน้ำตกมา 10 กว่าโลแล้วครับ ต้องจอดถามชาวบ้านแถวนั้น แล้วต้องย้อนกลับมาอีก 10 กว่าโล ทาง ลูกรังด้วย

แต่สุดท้ายก็มาถึงครับ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น สำหรับทางแพ คนไม่ค่อยนิยมแล้ว เพราะ มีการทำถนนลาดยาง จากตัวเมือง เข้ามาถึง ตัวอุทยาน แต่ก็ยังมีรถมาบ้าง ส่วนใหญ่เป็นพวกกระบะ กับ SUV

ทางปรกติ ที่คนทั่วไปมากัน จะมาตามแผนที่


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
พอถึงจุดจอดรถก็เดินทางไป ชมน้ำตก เคยมาครั้งนึง เมื่อ 8 ปีก่อน เลยมึน ๆ เดินไป น้ำตกชั้น 5-6-7 เฉยเลย ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะไปชั้น 4 เดินหลงไปนานเลย แต่เอะใจนึกขึ้นมาได้ ว่าชั้น 4 มันใกล้ที่จอดรถมาก ๆ เลย ทำไมเดินมาตั้งนานแล้วยังไม่ถึง พอนึกได้ดังนั้น หลงอีกแล้วตู

เลยเดินออกมาทางเดิม เห็นป้าย ชั้น 5-6-7 ทำไมไม่เห็นป้ายนี้หว่า สงสัยวันนี้จะมึนทั้งวัน

แต่สุดท้ายก็ออกมาถึงชั้น 4 จนได้


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ดูเวลาก็บ่ายสามล่ะ ต้องไป สังขละ ต่อคงไปไหนไม่ได้แล้ว เลยสอบถามเส้นทางเพื่อความแน่ใจ จาก จนท ว่าถ้าผมจะไปสังขละ ออกทางไหนเร็วสุด

ตอนแรก จนท บอกให้ไป ทาง เกริงกะเวีย เขาแหลม ทุ่งใหญ่ ไปลงสังขละ โว๊ะ เห็นเราขับ 4WD พี่กะให้ผมไปค้างกลางป่าเลยมั้ยเนี่ย อิอิ

สุดท้าย เลยเอาแค่ ทางแยกไป ทองผาภูมิ จาก ตัวน้ำตกไปก็ประมาณ 60 โล จะไปออก อ.ทองผาภูมิ (ทางลูกรัง หินอัด เหมาะสำหรับกระบะเท่านั้น) แต่เอาทางดี ต้องย้อนออกมาทาง ไทรโยค แล้ว วิ่ง ย้อนขึ้นไป ทองผาภูมิ สังขละ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
พี่ จนท จะให้ผมไปลงทาง เขาแหลม ผมว่าผมไปมืดอยู่กลางป่าแน่ ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
สภาพถนน ก็ ลูกรัง หลุม หินอัด ตลอดทางประมาณ 30 โล พอพ้นด่านตรวจ (เป็นเหมืองเก่า) ลงไปอีกไม่ไกล ก็จะเป็นถนนลาดยางแล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
วันนี้ จบเส้นทางที่สำรวจมา ตามเป้า พร้อมกับ อาการเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว เป็นเส้นทางที่เหนื่อยมาก คนธรรมดาคงไม่ค่อยมีใครมาเท่าไร แต่ถ้าใครอยากลองอะไรใหม่ ๆ ทางนี้ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ออกจาก น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มาถึง อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 4 โมงกว่า แต่ฟ้าครึ้ม เลยทำให้มืดเร็ว หลังจาก นั้นมุ่งหน้าเข้า สังขละ ห้าโมงกว่า เริ่มมืดแล้ว สุดท้ายมาถึงที่พัก ประมาณ 6 โมง กว่า มืดพอดีครับ

คืนนี้เราพักกันที่ สามประสบรีสอร์ท ติดกับสะพานมอญเลย ไม่ต้องไปไกล


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
วันนี้ ที่ สังขละ มี งานถนนคนเดินพอดี ออกมาเดินเล่น งานถนนคนเดิน เป็นครั้งแรก ที่จัดขึ้นที่นี่


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ งานเริ่มไปไม่นาน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ตลาดวายไปโดนปริยาย แต่ถือเป็นการเริ่มที่ดี คนมาเดินงานเยอะพอสมควร เป็นการกระจายรายได้ให้คนท้องถิ่น


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
เช้าวันใหม่ กะจะไปถ่ายรูป สะพานมอญ พร้อมกับแสงแรกของวัน แต่ วันนี้เมฆเยอะมาก เป็นอันว่า แห้วครับ ได้แต่บรรยากาศ ครึ้ม ๆ ยามเช้ามาแทน


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ถ่ายจากสะพาน ซองกาเลีย


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ภาพบรรยากาศ ตอนเช้า ที่สะพานซองกาเลีย อีกหน่อย


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
จะเข้า เดือน ธันวาแล้ว ฝนยังตกอยู่เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
หลังจากกินแห้วเสร็จ ก็กลับมาทานอาหารเช้า แบบบุฟเฟ่ ที่รีสอร์ท


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
อาหารเช้า ยอดนิยม


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ระหว่าง ทานอาหารไปก็ถ่ายรูปไปด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
วัด วังวิเวการาม จาก มุม รีสอร์ท


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
สะพาญมอญ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ป้ายแฟชั่นต่าง ๆ มีเกือบทุกที่


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
พอสายๆ ประมาณ 8 โมงกว่า เราก็เชคเอาท์ออกจากที่พัก มุ่งหน้าสู่ ด่านเจดีย์สามองค์ มาครั้งที่แล้ว ยังไม่เคยไป ครั้งนี้เลยขอแวะไปเที่ยวซักหน่อย


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ลักษณที่นี่ เป็นตลาดชายแดนเล็ก ๆ คนไทย คนพม่า เดินข้ามไป ข้ามมา เหมือนปรกติเลย แต่ถ้าคนต่างถิ่น ควรทำเรื่องที่ ตม ก่อนครับ เพื่อความปลอดภัย


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
เดินทะลุ ประตูหลังร้านไป ก็เขตพม่าแล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
ร้านค้า เป็นร้าน พลอยเยอะครับ คล้ายชายแดนพม่าทั่วไป ทั้งตาก เชียงราย


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
ด่านเจดีย์สามองค์ ประวัติไม่แน่ชัดครับว่า สร้างสมัยใด


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
หลัก ๆ ก็มีแค่นี้ครับ ที่ด่านเจดีย์สามองค์ เตรียมเดินทางต่อไป บ้านอีต่อง
เหมืองปิล๊อก ครับ

ระหว่างทางผ่าน แม่น้ำรันตี พอดีมี จนท โบกรถจากแยก สังขละ มาขอลงจุดตรวจ สะพานรันตี


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
ระหว่าง สังขละ-ทองผาภูมิ มีบางช่วงกำลังทำถนน รถวิ่งได้เลนเดียว ต้องสลับกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
ประมาณ 11 โมงก็มาถึง ตัว อ.ทองผาภูมิแล้ว แต่ยังต้องไปอีก 60 กว่าโลครับ กว่าจะถึง บ้านอีต่อง


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
ถนนหนทาง จาก ตัวอำเภอ มาถึงแยก บ้านไร่ ปิล๊อก ถือว่า ok ครับ รถเก๋งขับได้สบาย


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
แต่จากแยก นี้ไปถึง บ้านอีต่อง รถเก๋งไปได้แต่ สงสารช่วงล่างแล้วครับ เพราะบางช่วงถนนไม่ค่อยดี ทางจากจุดนี้ไปถึงบ้านอีต่อง ระยะทางประมาณ 30 กม แต่ถนนแคบ คดเคี้ยว และชัน ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง

ผมเจอ ขบวนรถ NEW RANGER ขับมาเป็นขบวน เปิดไฟขอทางมาอย่างเร็ว ผมจอดหลบครับ ผมไม่รีบ แต่พี่จะรีบไปไหนครับ ถนนสองเลน พี่ขับกินมาเกือบครึ่งเลน ผมเลยหลบข้างทางให้

เจอกลุ่มมอเตอร์ไซต์ 2-3 กลุ่ม ไม่รู้ว่ามาจาก แถวนี้หรือป่าว แต่เห็นใส่ชุด safety กันครบเยี่ยมครับ

มาถึง บ้านอีต่องจนได้ อยากจะบอกว่า ทรมาณสังขารจริง ๆ เลยตู ขับรถสองวัน 700 กว่าโล แต่เป็นทาง โหด ซะ 200 โล เหนื่อยโฮก


ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
ตำนานเหมืองปิล๊อก

ย้อนอดีต ปิล๊อกไปเมื่อหลาย 10 ปีก่อน มีผู้พบเห็นชาวพม่าเข้ามาลักลอบขุดแร่ในพื้นที่ตำบลปิล๊อกไปขายให้ ทหารอังกฤษ คำเล่าลือนี้ทำให้กรมทรัพยากรธรณีสมัยนั้นนำคณะนายช่างมาสำรวจก็ถึงกับตะลึง เมื่อพบว่าพื้นที่ แถบนี้ี่มีแร่ดีบุกและวุลแฟรมอยู่มากมายรองลงมาและมักอยู่ปะปนกันคือ แร่ทังสะเตน และยังมีสายแร่ทองคำ ปะปนอยู่กับ สายแร่ดีบุกต่อมา ปี พ.ศ. 2483 องค์การเหมืองแร่ กรมโลหะกิจ ได้เปิด“เหมืองปิล๊อก”ขึ้นเป็น แห่งแรกที่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก จากการเปิดเหมืองในครั้งนั้นได้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกรรมกรพม่า เพราะฝ่ายไทยห้ามกรรมกรพม่านำแร่ไปขายให้อังกฤษ แต่กรรมกรพม่าฝ่าฝืน จึงเกิดการปะทะกันทำให้มีผู้บาด เจ็บและล้มตายจำนวนมาก ในอดีตชาวบ้านเรียกว่า "เหมืองผีหลอก" ต่อมาเพี้ยนเป็น "ปิล๊อก" ซึ่งกลายเป็นชื่อ เหมืองแร่และตำบลในเวลาต่อมา หลังจากนั้นก็ได้มีเหมืองแร่อื่นๆทยอยเปิดตามกันมาอีกมากมายทั้ง เหมืองเล็ก เหมืองใหญ่ ราว 50-60 เหมือง โดยผู้คนพากันเรียกบรรดาเหมืองทั้งหลายในพื้นที่แถบนี้แบบเหมารวมว่า
“เหมืองปิล๊อก” ดินแดนแห่งนี้เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ของ บรรดานายเมืองทั้งหลายที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาผู้แสวง โชคมีทั้งคนไทย พม่า และที่มาจากแถบอินเดีย เหมืองแร่จึงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชุมชนโดยรอบเป็น อย่างมากเนื่อง


ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
นิยายเหมืองแร่แห่งปิล๊อกดำเนินเรื่องราวอยู่หลายสิบปี ก่อนประสบภาวะราคาแร่โลกตกต่ำในปี พ.ศ. 2528 บรรดาเหมืองแร่ทยอยปิดตัวลง ไม่เว้นแม้แต่เหมืองปิล๊อก ทิ้งไว้เพียงตำนานเมืองเหมืองอันรุ่งโรจน์และ มนต์เสน่ห์ แห่งปัจจุบันอันเรียบง่ายสงบงามให้ผู้สนใจออกดั้นด้นเดินทางไปค้นหา ปิล๊อกกลายเป็นแหล่งท่อง เที่ยวที่แวดล้อม ด้วยทะเลแห่งภูเขาอันสลับซับซ้อนและสวยงามของเทือกเขาตะนาวศรี เส้นแบ่งเขตแดนไทย-พม่า


ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
ขับรถขึ้นอีก 1 กม จากตัวหมู่บ้าน จะเป็นชายแดน ไทย พม่า ขึ้นไปชมวิวได้ ถ้าเป็นตอนเช้า น่าจะสวยมาก มองลงไปจากจุดนี้จะเห็น สถานี ส่งก๊าซ ไทย พม่า ที่ส่งไปเข้าโรงไฟฟ้าราชบุรี


ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
หลังจากแวะทาน อาหารที่ ตัวตลาดบ้านอีต่อง ได้สอบถามแหล่งท่องเที่ยว กับพี่ที่ร้านอาหาร พี่เค้าแนะนำ เหมืองสมศักดิ์ ไป กลับ 1 ชม ครึ่ง ระยะทางไปกลับ 10 กม แต่เป็นทาง 4WD ตอนนั้นเวลาบ่ายกว่า ถ้าไปกลับ เผื่อแล้ว 2 ชม กว่าจะลงไป ตัว อำเภออีก คงมืดค่ำ กลางทาง เลยตัดสินใจ ไปเที่ยวใกล้แถวนี้แทน
โดนวางแผนว่าจะขึ้นไปชมวิว เนินช้างศึก และ ต่อด้วย น้ำตกจ๊อกกะดิ่น

เริ่มจาก เนินช้างศึก ตอนเช้า น่าจะเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก เพราะ มองเห็นวิวได้ 360 องศา


ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
ตัวหมู่บ้านอีต่อง มองลงไป จากเนินช้างศึก เบื้องหลังหมู่บ้านคือ เขาช้างเผือก กำลังเป็นที่นิยม ของนัก trekking เดินจากตัวหมู่บ้านไป 8 กม


ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
มองลงไปที่ เนินเสาธง ที่เราไปเมื่อกี้


ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
หลังจาก ลงจาก บ้านอีต่อง ก็แวะน้ำตก จ๊อกกะดิ่น แต่พี่ที่ร้านบอก อย่าไปเลย เมื่อคืนฝนตกหนัก ทางน่าจะเละ แต่อีกใจก็ไหน ๆ มาแล้ว ลองไปซักหน่อยล่ะกัน พอลงไปได้ครึ่งทาง เห็นทางแล้วกลับขึ้นมาไม่ได้แน่ เลยตัดสินใจถอยกลับ


ตอบกลับความเห็นที่ 48
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 49
ได้เวลากลับบ้านแล้ว ขากลับใช้เส้นทาง

ทองผาภูมิ - ไทรโยค - กาญ - กำแพงแสน - บางเลน -ลาดหลุมแก้ว-รังสิต-ลำลูกกา

ระยะทาง สองวัน ไปกลับ 1100 กม กว่า ๆ เติมน้ำมันไป 3000 เป็นรถ 4WD Auto เครื่อง 3000cc ใช้เกียร์ 4WD บางช่วง ถือว่ารับได้ กับ อัตราสิ้นเปลืองครับ

จบทริปสั้น ๆ สำหรับ เสาร์-อาทิตย์ ปลายปี ที่ฝนยังคงตก (ไม่หนาวเลย)

แล้วเจอกันใหม่ สวัสดีครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 49
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 50
น่าสนุกมากครับ ชอบรูป 30 จังครับ สวยมาก มุมดีครับ ยังไม่เคยไปอยากไปมากเลย รอโอกาสเเละจังหวะอยู่ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 50
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 51
สนุกดีๆๆเพลินมากๆแฮะ..


ตอบกลับความเห็นที่ 51
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 52
เดินทางแบบลุยดีครับชอบมากๆ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 52
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 53
เส้นทางน่าสนใจ แปลกดี ลุยมากครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 53
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 54
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ
รีริวสนุกดีนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 54
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 55
ลุยดี สนุกดี ติดตามอยู่นะ...


ตอบกลับความเห็นที่ 55
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 56
ไม่ค่อยเห็น login นี้นานแล้ว

เอ.. รึว่าเป็นเพราะเราเองไม่ค่อยได้เข้ามา BP กันนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 56
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 57
ตามมาดู อิอิ นอนที่เดียวกะผมเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 57
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 58
สังขละยังสวยเหมือนเดิมเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 58
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 59
อยากให้สังขละรักษาความสวยให้เหมือนเดิมจัง


ตอบกลับความเห็นที่ 59
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 60
อ่านแล้วมันส์ดีค่ะ จขกท ลุยดี แค่เห็นก็เหนื่อยแล้ว แต่ก็สวยคุ้มค่ามาก

เหมืองแร่สมศักดิ์นี่ในฝันเราเลยค่ะ อยากไป แต่ทักษะขับรถเราแค่หางอึ่ง ^^'
ต้องรถโฟร์วีลอีกต่างหาก ใครจะจัดทริปบอกด้วยนะคะ ขอติดไปแชร์ค่าน้ำมันด้วย
รับรองจะพัดวีอย่างดี (ถ้าไม่หลับซะก่อน 5555)


ตอบกลับความเห็นที่ 60
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 61
ท่าทางสนุกดีจังค่ะ อ่านแล้วอยากถอย รถ 4 wd มาลุยบ้างเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 61
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 62
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ทางขาไป น่าสนใจมากๆ อยากลองดูบ้าง

ถ้าเป็นกระบะยกสูงเฉยๆ ไม่มี 4 WD เครื่อง 2500 ไหวไหมค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 62
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 63
เห็นภาพของ จขกท. แล้วได้ระลึกความหลังเมื่อครั้งไปสังขละเลยค่ะ การเดินทางที่แสนยาวนานแต่ก็ประทับใจมากๆๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 63
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 64
ตามมาคิดถึงสังขละด้วยสักคนนะครับ เคยมีความทรงจำดีๆ กับที่นี่^^


ตอบกลับความเห็นที่ 64
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 65
ขอบคุณครับ..กำลังหาข้อมูลการเดินทางไปเที่ยวทองผาภูมิ และสังขละบุรีอยู่พอดีเลยครับ..

ตอบกลับความเห็นที่ 65
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 66
ไปเที่ยววันเดียวกันเลยที่สังขะบุรี หลงรักบรรยากาศสุด ๆ เลยฉายเดี่ยวไปนอนเล่นซะงั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 66