คิดถูกแล้วเหรอที่มาเรียนภาษาที่ต่างประเทศ.....

เนื่องจากอ่านกระทู้ชาวบ้านมาก็เยอะ มาเรียนภาษาบ้าง อยากเก่งภาษาบ้าง ลองดูข้อมูลของดิฉัน นะค่ะ ( ชะนีโลกสวยค่ะ นี่คือความเห็นส่วนตัวค่ะ )
1. มาเรียนภาษา 6 เดือน หางานพาร์มไทม์ทำได้ไหมครับ .....เห็นถามกันทุกวี่ทุกวัน คนตอบก็ขยันตอบกันจัง ยกตัวอย่างเช่น มาเมกาวีซ่านักเรียนทำงานไม่ได้นะคะ ผิดกฎหมาย อยากจะบอกว่า ถ้าพ่อ แม่ เค้าส่งเงินให้เรียนอย่างเดียว เค้าคงไม่ต้องติ้นรนหางานทำไปด้วยและเรียนไปด้วยหรอกค่ะ บางคนก็ทำเพื่อช้อปปิ้ง บางคนก็ไม่ทำงาน เรียนอย่างเดียว อันนั้นก็เรื่องของเค้า ทุกๆๆคนมาด้วยเป้าหมายที่แต่งต่างกัน อยากจะแชร์ให้ฟังนะคะ ว่าเคยเดินไปหางานร้านอาหาร หางานเสริฟ์ ต้องมี social ต้องมี work permit เฮ้อ ถ้ากรูมีเอกสารขนาดนี้ คงไม่ต้องหางานเสริฟ์หรอกค่ะ......
2. มาเรียนภาษา อย่าคบคนไทย อย่าอยู่กับคนไทยให้มาก อันนี้ความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยวหรอกค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคนเรียนต่างหาก อยู่กับคนไทย ก็พูดภาษาอังกฤษใส่เลยค่ะ ไม่เห็นจะแปลก ไม่เห็นจะแคร์สื่อใดๆๆ มีกลุ่มคนบางกลุ่ม แกรมมาร์เป๊ะมาก แต่เวลาพูด พูดไม่รอดค่ะ( อ๋อม อ่อม อืม อืม สงสัยตอนที่จะพูดภาษาอังกฤษ อยากกินแกงอ๋อมมาก ก็เลยต้องคิดถึงแกงอ๋อมก่อนพูด ) แต่ถ้าให้ไปอยู่กะพวก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ก็จะได้สำเนียง Second Language อ่ะคะ่ อันนี้ดิฉันขอบายนะคะ
คิดออกเดี๋ยวค่อยบอกอีกที

ความคิดเห็นที่ 1
...


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าพ่อแม่เค้าส่งเงินให้เรียนอย่างเดียว เค้าคงไม่ต้องดิ้นรนหางานทำไปด้วยและเรียนไปด้วย
if you don't have the capacity to comply with the law of the country, then study English in Thailand? simple solution. or you can admit that the goal is not the language skills but rather to be qualified as 'ooh i have lived abroad' and To earn extra money.

อยู่กับคนไทย พูดอังกฤษใส่เลยค่ะ ไม่เห็นแปลก
didn't you know some people are more embarrased to speak English in front of the fellow Thais, because Thais sometimes can be judgmental. haven't you read about complaints in Pantip made about Thai people met abroad only speak English to them?
and speak English to Thai people you also get second kanguage accent too?

all this can be subjective, I may be wrong at some point. But you sure are very opinionated na ka


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องใช้เวลาอยู่กับคนไทยมากเกินไปนี่เราว่าเกี่ยวนะคะ
ถึงแม้จะพูดภาษาอังกฤษใส่กันก็เถอะแต่การพูดภาษาอังกฤษกับคนไทยด้วยกันกับการได้พูดกับเจ้าของภาษาเราว่าไม่เหมือนกันแน่
หรือแม้แต่พูดกับฝรั่งก็เถอะ ถ้าไปคุยกับฝรั่งประเภทความรู้รอบตัวดี การศึกษาสูง กับฝรั่งทั่วไปแค่นี้ผลที่ได้ก็ต่างกันแล้วค่ะ

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนหวังที่จะพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองไปถึงขั้นไหน
หากต้องการแค่ใช้พูดสื่อสารเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน อันนั้นก็ไม่ยาก
แต่ถ้าอยากพัฒนาให้มากกว่านั้น มันก็อีกเรื่องนึงค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ผมว่ามาเรียนเมืองนอกคิดถูกนะครับ ^^

อย่างผมคนนึงล่ะเรียนเมืองไทยไม่พัตนา แต่มาเมืองนอกกลับพูดภาษาได้ ให้ชี้แจงคงมีตัวแปรยาวยืด

แต่ตามมุมมองของเจ้าของกระทู้ก็ถูกต้องล่ะครับ สำคัญคือตัวเรา แต่สิ่งแวดล้อมก็มีส่วน ถ้าเลือก รร ดีดี มีเพื่อนดีดีช่วยกันเรียนมันก็ยิ่งดี แต่เพื่อนไม่ดีชวนเสีย ชวนทำงานมากกว่าเรียน เกเร ช้อปปิ้งมากกว่าเรียน แล้วใจเราไม่แข็งมันก็โซซัดโซเซครับ ดังนั้น ก็ต้องเลือกอะไรๆให้เหมาะกับตัวเองครับ อนาคตตัวเองล้วนๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
สำนวนจขกท. อ่านแล้วเหมือนกับคนกดเก็บ


มันก็แค่เป็นมุมมองความเห็นหนึ่ง เกี่ยวกับคนมาเรียนภาษาอังกฤษ.. ไม่ได้ตีแผ่อะไร


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เก็บกดยังไงเหรอค่ะ ..ช่วยอธิบายด้วยค่ะ ขยันแปลความหมายกันเนอะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7


เเววขึ้นกระทู้เเนะนำ Another 'star' is just born.





ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้ามันลำบากลำบนมากนัก กลับไปเรียนที่ไทยสิคะ จะได้ไม่ต้องแอบทำงาน ทำผิดกฎหมาย ดิ้นรนทำงานเสิร์ฟเลี้ยงชีพ
ก่อนมาน่าจะรู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ถ้ารู้ตัวว่ามีเงินไม่พอก็ไม่น่ามาแต่แรกนะ......


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เราว่าไม่มีใครว่าอะไรหรอก ถ้าจะทำงานไป เรียนภาษาไปด้วย แต่ควรไปเรียนประเทศที่เขาอนุญาตให้วีซ่านักเรียนทำงานได้

ไม่ใช่ไปฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเขาด้วยการแอบทำงาน โดยอ้างว่า เพราะพ่อแม่ไม่สามารถส่งเงินให้เรียนอย่างเดียวได้ มันเป็นคำแก้ตัวในการทำผิดกฎหมายที่ฟังไม่ขึ้นน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เราคุ้นๆว่า จขกท ก็เคยแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ ตอนที่ จขกท อยู่อเมริกาได้ 3 เดือน

ข้อหนึ่ง คนที่มี ssn บางคน หรือ คนที่เขาทำงานอย่างถูกกฎหมาย เขาก้มีทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟค่ะ แต่ไม่ใช่ที่ร้านอาหารไทย ที่ร้านอื่นที่ให้ค่าแรงดีกว่า

ส่วนเรื่องทำงานแบบผิดกฎหมายนั้น มันเป็นปัญหาส่วนตัวค่ะ กรรมใคร กรรมมัน ..
เพราะ ตอนสัมภาษณ์วีซ่า หรือตอนที่เข้าเมือง เราไม่แน่ใจ เราว่าเค้าได้แจกข้อมูลให้ทุกคนแล้ว .. เท่ากับ คุณรับทราบ ส่วนใหญ่คนในห้องนี้ที่เตือนๆก็หวังดีล่ะค่ะ

ข้อสอง คุณอยู่กับคนไทย พูดอังกฤษ มันก็ second language accent อะค่ะ ...

จริงๆแล้ว การที่จะบอกว่าอันไหนดีกว่า น่าจะต้องเคยอยู่ในทั้งสองสถานการณ์

โดยประสบการณ์ส่วนตัว เราเคยอยู่ในทั้งสองสถานการณ์ เราก็ยังอยากจะแนะนำให้คนที่มาใหม่ว่า การเข้าหา native หรือ เพื่อนต่างชาตินั้น ดีกว่าอยู่กับคนไทยด้วยกันค่ะ

ไม่ใช่แค่ประโยชน์ทางภาษาค่ะ แต่ได้ประโยชน์ทางวัฒนธรรมด้วย .. เหมือนเปิดโลกทัศน์ให้ตัวเองไปให้ตัว...


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ไม่เข้าใจค่ะว่าต้องการบอกหรือต้องการแชร์อะไร

แล้วตกลงสำหรับคุณเจ้าของกระทู้ คุณคิดว่าคุณคิดถูกหรือคิดผิดคะ?


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
แววมาม่ามาแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ถ้ามีคนมาถามว่ามาเรียนภาษา หางานพาร์ทไทม์ได้ไหม เราก็ต้องตอบตามความจริงว่า ไม่ได้ค่ะ มันผิดกฎหมาย ต่อให้ถามมากี่คน ๆ ยังไงคำตอบก็ย่อมเป็นเช่นนี้ ตราบใดที่อเมริกายังไม่เปลี่ยนกฎหมาย

เข้าใจว่าจขกท.คงหงุดหงิดที่เห็นว่าคนที่เขาถาม เขาถามเพราะเขาอยากทำงาน ไปตอบแบบตัดความหวังกันทำไม แต่อย่างไรเสียความจริงก็คือความจริง ผิดก็คือผิด เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ หน้าที่ของเราคือการให้คำตอบตามความเป็นจริง และถ้าถามว่าสนับสนุนให้ทำผิดกฎหมายไหม ตอบได้ว่าไม่สนับสนุน และการมีเงินน้อยก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้ทำผิดกฎหมาย ไม่มีใครบังคับให้คุณมาเรียนภาษาที่อเมริกา ถ้าคุณไม่พร้อมทางการเงินก็ไม่ควรมา

แต่ถ้าดิ้นรนจะมา เป้าหมายเรื่องภาษาไม่ใช่เป้าหมายสำคัญ ต่อให้เสี่ยงแค่ไหนก็จะขอแอบทำงานแบบผิดกฎหมาย สุดท้ายก็แล้วแต่เขา ไม่มีใครในเว็บนี้จะไปบีบบังคับเอาได้ แต่อย่างไรเสียเวลาเจอคนถามแบบนี้ ถ้าเราจะตอบก็จะตอบไปตามความจริงอยู่ดี เพราะเขาอาจไม่รู้ว่ามันผิด เราไม่อยากจะให้เขาพลาดพลั้ง จุดประสงค์มันก็มีแ่ค่นั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
<<< ไม่รู้จะเม้นอะไรค่า แต่อยากมีส่วนร่วม อิ อิ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ผ่านมาดู


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
มาอยู่ มาเรียน มาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ถึงได้เรียนรู้ว่า มันต้องมาเจอเอง ถึงได้รู้
1. รวยก็ไม่ต้องทำงาน คนที่ต้องปากกัดตีนถีบ ก็ต้องหางานเลี้ยงชีพกันต่อไป ถ้าเค้ามเลือกเกิดได้หรือโชคดีเหมือนอย่างที่พวกคุณเป็น ไม่ต้องทำงาน เรียนอย่างเดียวก็ดีซิค่ะ จะได้ไม่ต้องลำบาก และ ผิดกฎหมาย ( วีซ่านักเรียนทำงานไม่ได้....เบื่อพวกโลกสวย )
2. ชะนีไทยที่มีสามีเป็นฝรั่ง ขอถามหน่อยเถอะคะว่า มันวิเศษหรือว่าเริ่ดกว่าชาวบ้านตรงไหน แหม...( มีผัวฝรั่งนึกว่าเป็นพระเจ้า แอนตี้คนไทย ไม่อยากเข้าสังคมหรือพูดกะคนไทย เห็นแล้วทุเรศ )
3. เจ้าของร้านอาหารไทย บางคนก็ดีใจหาย บางคนก็เลวจะไม่สามารถที่จะบรรยายได้ น่าจะให้พายุแซนดี้ พัดพวกนี้ไปซะที เห็นละเหนื่อย
4. คนไทยที่มาอยู่ต่างประเทศแทนที่จะรักกัน ช่วยเหลือ คนไทยด้วยกัน แต่...คอยอิจฉากัน คอยกีดกันกัน กลัวเค้ารวยกว่าตัวเอง กลัวเค้าได้ดีกว่า
5. คิดออกละค่อยว่ากันอีกที


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ดูท่าจขกท.ยังไงก็ปักใจมั่นคงหนักแน่นมาก เราก็ไม่คิดจะก้าวก่ายหรอกนะคะ อยากจะทำอะไรเราก็ไม่มีอำนาจจะไปห้ามอยู่แล้ว

แต่อยากบอกว่าจขกท.เข้าใจคำว่า "โลกสวย" ผิดไปมากนะคะ พวกโลกสวยคือพวกที่มองโลกแบบอุดมคติ สวยสดงดงาม แต่หลักลอยไม่อยู่กับความเป็นจริง เช่นสังคมไทยเรานี้ช่างดีเลิศประเสิรฐศรี เปี่ยมด้วยวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดในสามโลก อะไรประมาณนี้ แล้วก็พวกที่เอาศีลธรรมความดีมาเป็นข้ออ้่างเหยียบย่ำคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แค่มีทัศนคติที่ไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง สรุปง่าย ๆ พวกโลกสวยคือพวกที่ไม่อยู่กับความเป็นจริง มีทัศนคติสวยหรูสุดโต่ง แล้วก็เหยียบย่ำคนเห็นต่างนั่นแหละ

แต่เรื่องวีซ่านักเรียนทำงานไม่ได้ มันไม่ใช่โลกสวยนะคะ มันคือ "ความจริง"

เหมือนฝ่าไฟแดงผิดกฎหมาย มันก็คือความจริง คุณจะอ้างว่าก็ฉันอยากฝ่าใครจะทำไม ก็จริงค่ะ ตราบใดที่ตำรวจไม่เห็น คุณก็คงไม่โดนโทษอะไร แต่ถามว่ามันผิดไหม ยังไงมันก็ผิด ไม่ว่าจะหาข้ออ้างสักกี่ร้อยล้านเล่มเกวียนมาอ้าง ผิดก็คือผิดวันยังค่ำ ต่อให้คุณจะอ้างว่าคนอื่นเขาก็ฝ่ากันทั้งนั้น แต่ยังไงก็เปลี่ยนผิดให้เป็นถูกไม่ได้หรอก

ถ้าอยากจะทำงานผิดกฎหมายนัก ก็ยืดอกรับไปเลยว่าฉันทำผิดและยินดีจะทำผิด ใครจะทำไม ดีกว่าหาเหตุผลอย่างเรื่องจน ๆ รวย ๆ มาอ้างให้ความผิดตัวเองดูดีขึ้น มันดูน่าอนาถมาก และอยากบอกว่าคนที่ไม่ทำงานไม่ใ่ช่ว่ารวยทุกคนนะคะ มีมากมายที่ดิ้นรนปากกัดตีนถีบ มาเรียนเมืองนอกได้โดยไม่ต้องทำงาน แม้จะต้องอดมื้อกินมื้อบ้างก็ตามที อาจจะเพราะว่า "อนาคต" ของเขามีราคามากกว่าเงินที่จะไ้้ด้มาจากการทำผิดกฎหมายก็เป็นได้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ขอบคุณ จขกท. ผมชอบกระทู้แนวนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ตกลงอ่านกระทู้นี้มันมีประเด็นอะไรให้ถกกันเนี่ย

คิดถูกหรือคิดผิด อันนี้ก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ของแต่ล่ะคนแล้วล่ะค่ะ จะไปตัดสินให้เค้าไม่ได้ถ้าเป้าหมายมันบรรลุก็คิดถูก แต่ถ้าไมก็คิดผิด


ปล คุณ Believe in destiny เป็นกระเทยหรือคะ? เคยได้ยินแต่กระเทยเรียกผู้หญิงว่าชะนี


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
คห.ที่สิบหก

4. คนไทยที่มาอยู่ต่างประเทศแทนที่จะรักกัน ช่วยเหลือ คนไทยด้วยกัน แต่...คอยอิจฉากัน คอยกีดกันกัน กลัวเค้ารวยกว่าตัวเอง กลัวเค้าได้ดีกว่า

เรื่องนี้เราว่าก็ไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ มันก็อยู่ที่ดวงที่กรรมเช่นกัน
ถ้าเป็นอย่างนั้นทุกคน คุณก็ด้วยสินะคะ

ทุกที่มีคนทั้งดีเเละไม่ดี ไม่ว่าจะชาติไหนก็เถอะ การที่คนไทยมาอยู่เมืองนอกแล้วแก่งแย่งกัน คนดีๆเค้าหายไปไหนหมดล่ะคะ
มันอยู่ที่เราเลือกคบ ในเมื่อรู้ว่าเค้าไม่ดีก็ห่างๆเค้าไว้ คนดีๆพี่คนไทยน้องคนไทยยังมีอีกมาก อาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่าเราดีกับเขารึเปล่า ถ้าเราทำดีอยู่ไหนต่อให้ลำบากยังไง สุดท้ายเเล้วต้องมีชีวิตที่ดีแน่ๆค่ะ

แม้ว่าเค้าจะไม่ได้ดีกับเราในคราวแรกๆที่เจอกัน อาจเพราะเรายังไม่รู้จักกันดีพอมองเพียงผิวเผิญ มันก็ไม่เสียหายหากเราจะเริ่มทำดีให้เค้าก่อน เค้าอาจเปลี่ยนแนวคิดมองเราใหม่ และหันมาเป็นคนรู้จักที่ช่วยเหลือกัน แบบนี้ก็มีให้เห็นนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
แสดงว่าคุณเจ้าของกระทู้ทำบุญมาน้อยค่ะ ไปไหนก็เจอแต่เรื่องร้ายๆคนร้ายๆ

หาโอกาสทำบุญเยอะๆนะคะเผื่อชาติหน้าจะได้เจอคนดีๆเรื่องราวๆดีในชีวิตเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ส่วนตัว คนไทยที่เจอและอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกันเรื่องเงินและการงานจะดีมากๆค่ะ

แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินหรือเกี่ยวข้องกับการงานจะเห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ก็เข้าใจนะ ทุกคนต่างๆไปดิ้นรนก็พยายามเอาตัวรอด

ส่วนตัวไม่อยากพูดเรื่องไปเรียนอะไร เพราะไม่มีความเห็น

แต่เรื่องอยู่กับคนไทยไม่ได้พัฒนาภาษาเท่าที่ควรอันนี้เรื่องจริงค่ะ

เหมือนพวกคนจีนบางกลุ่ม ไปอยู่เมืองนอกจะเป็นสิบปีพูดได้น้อยมากเพราะวันๆอยู่แต่กับสังคมตัวเอง

ทำงานกับกลุ่มคนจากประเทศตัวเอง คบหาแต่คนจากประเทศตัวเอง แทบไม่มีโอกาสพูดภาษาอังกฤษเลย

อันนี้คอนเฟริ์มเพราะเห็นมากับตัว.

ส่วนเรื่องพูดภาษาอังกฤษกับคนไทย. เอ่อ พยายามแล้วค่ะ แต่คนไทยส่วนมากไม่ให้ความร่วมมือ

(แฟนเราไม่เข้าใจภาษาไทย เวลาเค้าอยู่ด้วยเราก็จะพยายามพูดภาษาอังกฤษตลอด). พอเราพูดอิงค์ ด้วยเค้าก็พยายามกลับมาพูดไทย

พอฝืนพูดอังกฤษมากๆเข้าเพราะเกรงใจแฟน เค้าก็ว่าเรากระllดะ ซะงั้น มีแฟนฝรั่งแล้วทำพูดภาษาอังกฤษ -*-

เราเลยเลิกคบคนไทยที่ต่างประเทศเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
เห็นด้วยกับ คห.5 มากๆ เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
จขกท. คงจะดีเิกินไปสำหรับคนที่อยู่รอบๆตัว ก็ขอให้ประสพความสำเร็จในสิ่งที่หวังทุกประการนะครับ อะไรที่ไม่ดีสำหรับ จขกท. ก็อย่าไปยุ่ง อย่าเก็บไปคิดทำให้สมองและจิตใจของ จขกท.เกิดความร้อนรุ่มโดยไม่จำเป็น จงตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งที่ตนต้องการโดยไม่สุงสิงกับใครจะเกิดประโยชน์กับตัวของ จขกท.เป็นที่สุด และจะดีที่สุดถ้า จขกท.จะไม่คบใครเพื่อจะได้ไม่ต้องนำสิ่งต่างๆของคนอื่นเก็บมาคิดให้รกศรีษะของตนจะดีที่สุด


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ยังคงแยกไม่ออกเรื่องทำผิดกฎหมายกับปากกัดตีนถีบ
มีใครบังคับเอาปืนขู่ให้คนไม่มีเงินพอต้องขอวีซ่าไปเรียนภาษาแล้วแอบทำงานผิดกฎหมายเหรอคะ สงสัยจริง


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
จขกท ถ้า

1. เห็นว่าการมาเรียน (ภาษา) ใน ตปท เป็นการเสียเวลาเสียเปล่า ก็ถอนสมอกลับไปเมืองไทยได้ ไม่มีใครมาฉุดมาห้ามซักกะหน่อย แต่ไม่ควรมาก้าวร้าวคนที่ให้ความเห็นกับผู้ที่มาทำงานอย่างผิดวัถุประสงค์ของวีซ่า และผิดกฏหมายเข้าเมืองเมกา เพราะการมาทำผิดกับวีซ่าเข้าเมืองนี่ เป็นผลให้ผู้ที่จะขอมาทีหลังมีความยากลำบากในการขอวีซ่า นี่คือ เหตุ และ ผล

2. หากตัวเองไม่สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นเช่นเดียวกับผู้ที่เขาอยู่อย่างถูกต้องตามกฏหมายในเมกาได้ ก็ไม่สมควรไปเที่ยวสบประมาทผู้อื่น ก้าวล่วงในสถานภาพส่วนตัวของบุคคลอื่นอย่างไร้ซึ่งมารยาท หากโลกของตัวไม่สวย ก็ควรจะไปหาโลกที่สวย (แต่ไม่ซวย) อยู่ เพราะหากเขินดันทุรังอยู่เดี๋ยวโลกของตัวจะ "ซวย"


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ไม่มีเงินแล้วไปทำไมครับ
ไม่มีเงิน ไม่รวยเหมือนคนอื่นนี่เป็นเหตุผลให้ทำความผิดได้ ทำผิดกฏหมายได้หรือไง ประหลาดความคิดจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
เราว่าเพราะอยู่กับคนที่ต้องแข่งขันกันตลอดรึป่าวคะ จึงทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมแบบนี้ขึ้น. ถ้าสังคมที่มีมากๆเหมือนกันไม่ต้องดิ้นรนแข่งขันอะไรกันเพราะต่างคนก็มีคงไม่มีเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ ถ้าไม่ชอบก็หลีกหนีสภาวะแบบนั้นดีกว่าค่ะจขกท. อยุ่ไปจะเสียสุขภาพจิตปล่าวๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
อ่านแต่ละความเห็นแล้วแปลกๆแหะ

เราตอบมุมมองเรานะ สำหรับเรามาเรียนเมืองนอก ภาษาเราดีกว่าตอนอยู่เมืองไทยเยอะ (ถ้าขวนขวาย + รร.สอนดี) เรามาประมาณ 3 เดือน จากพูดฟังแทบไม่รู้เรื่อง ตอนนี้พอพูดฟังรู้เรื่องบ้างแล้ว

เรื่องคบคนไทย คบๆไปเหอะ พูดภาษาไทย อิสาน ลาวเหนือพูดไป แต่ หาเพื่อนต่างชาติไว้ด้วย คุยกับต่างชาติเยอะๆ แม้ภาษาสำเนียงแต่ละคนจะพิลึกๆ อย่าได้แคร์ อย่างน้อยเราก็ได้ฝึกใช้กระบวนการคิด การใช้ศัพท์ว่าเราควรใช้คำพูดแบบไหนในประโยคแบบไหน คนบนโลกนี้ไม่ได้มีแต่คนอเมริกานะ พูดๆไปเหอะ

ภาษามีไว้ติดต่อสื่อสารให้คุยกันรู้เรื่องไม่ได้คุยเพื่ออวดกันว่าสำเนียงใครดีแกรมม่าเป๊ะ เพราะงั้นสื่อสารกันเข้าใจ สำหรับเราพอใจแล้ว


ส่วนเรื่องทำงาน แน่นอน ผิดกฏหมายสำหรับ วีซ่า F1 แต่ ถ้าจะทำก็ทำไปเหอะ ใครๆก็รู้ คนอเมริกา ก็รู้ว่าผิดกฏหมายแต่ก็ทำกัน *-* จริงๆ กฏหมายตัวนี้เค้ากลัวเราไปแย่งงานคนประเทศเค้าหนะ อารมณ์เหมือน แรงงานพม่ามาแย่งแรงงานไทยทำงานหนะแหละ เพื่อนเรา คนตุรกีวีซ่า F1 เธอยังเดินหางานร้านคนเมกันเลย เธอบอก พวกแมกยังทำกันเลย

พวกโดนจับ ส่วนใหญ่หมั่นไส้กันเอง แจ้งจับกันเองนั้นแหละ ร้านอาหารไทย พวกพนักงานเสิร์ฟ ให้พูดตรงๆ 90% วีซ่า F1

แต่ต้องยอมรับนะ อาจจะโดนกดค่าแรง เพราะเราทำงานผิดกฏหมาย

แนะนำว่าถ้าจะทำงานก้ไม่ต้องป่าวประกาศกับใครๆหรอกว่าชั้นวีซ่าF1 จะไปหางานทำ - -
พวกแมกซิกันยิ่งกว่าเราอีก เดินข้ามประเทศมาทำงานเลยวีซ่าอะไรก็ไม่มี


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
อีกความเห็นมาแปลกๆ อีกแล้ว
เพลียตรรกะทำผิดทำไปเหอะใครๆก็ทำกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ในโลกความจริงไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรแหกกฏที่มีคนตั้งไว้หรอก อยู่ที่ว่าสิ่งที่ทำมันร้ายแรงขนาดไหน และผลที่ตามมาคืออะไรซึ่งเราก็ต้องยอมรับจุดนั้นให้ได้

เราว่าการทำงานพิเศษหาเงินเพื่อช่วยพ่อแม่ รึ เพื่อส่งตัวเองเรียนมันไม่เห็นจะเป็นเรื่องร้ายแรงตรงไหน ทำงานสุจริต ไม่ได้ไปขายตัวค้ายาเสพติด เราว่าน่านับถือกว่าคนที่วันๆแบเงินขอพ่อแม่ ไปเรียน เมืองนอก เที่ยวช๊อปปิ้งสนุกสนานซะอีก

รึว่าต้องคนรวยเท่านั้น ถึงจะมาเรียนเมืองนอกได้ งง

เห็นเด็กๆที่ขายพวงมาลัยตาม 4 แยกในเมืองไทยมั๊ย เอาเข้าจริงๆก็ผิดกฏหมายแรงงานเด็ก แต่หลายคนทำเพื่อความอยู่รอด (ถ้าไม่ใช่พวกค้ามนุษย์จับเด็กมาทำอะไรแบบนี้นะ อันนั้นไม่ถูกต้อง)

พื้นฐานชีวิตของคนไม่เท่ากันนะคะ

ถ้าคุณทำงานพิเศษระหว่างเรียนเพื่อหาเงินค่าเทอม คชจ.ระหว่างเรียน เราว่ามันไม่ผิดอะไรมากมาย แต่เราไม่สนับสนุนให้โดดวีซ่าเพื่อทำงาน แบบนี้เราว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะมันเริ่มผิดจุดประสงค์หลักของวีซ่า F1


เจ้าของกระทู้ใช้คำแรงๆก็จริง แต่บางส่วนเราว่าเป็นความจริง

คนไทยที่นี่ ส่วนใหญ่แปลกๆ ดูถูกคนไทยด้วยกันเอง นินทาว่าร้ายกันลับหลัง อิจฉากันเอง แล้งน้ำใจ

แต่คนดีๆก็มีนะ ไม่ใช่ว่าไม่มี

แต่เทียบกับคนจีน เค้ามีน้ำใจกว่าเยอะ โดยเฉพาะกับคนเอเชียด้วยกัน ตลกดี คนไทยมีแต่จะจ้องเอาเปรียบกันเองกดกันเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
เราว่าการทำงานพิเศษหาเงินเพื่อช่วยพ่อแม่ รึ เพื่อส่งตัวเองเรียนมันไม่เห็นจะเป็นเรื่องร้ายแรงตรงไหน

เห็นด้วยค่ะ ไม่มีใครว่าแน่นอน แต่ขอเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย คือไปประเทศที่เขาอนุญาตให้วีซ่านักเรียนทำงานได้ เป็นการทำถูกตามกฎกติกาที่นำมาเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายค่ะ
คนไทยรุ่นหลังๆ จะได้ขอวีซ่าได้อย่างสบายๆ เพราะเครดิตดี ไปไหนมาไหนก็ไม่เคยไปแหกกฎบ้านเขา

ไม่ใช่จะขอวีซ่าไปไหนที สถานทูตก็ระแวงแล้วว่าจะแอบไปทำงานหรือเปล่า จะไปหนีวีซ่าหรือเปล่า เพราะคนไทยบางคนได้ทำวีรกรรมประเภทนี้ไว้จำนวนมากพอดู จนทำให้คนไทยที่จะไปทำธุระ ไปเรียน ไปท่องเที่ยวจริงๆ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงพลอยฟ้าพลอยฝนโดนเหมารวมไปหมด


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ปัญหา ที่ขอวีซ่ายากไม่ใช่ วีซ่า F1 ที่ไปทำงานหรอก เราว่ามาจาก พวกโดดวีซ่าท่องเที่ยว กับ ทิ้งวีซ่า F1 แล้วไปทำงานเลยมากกว่า เพราะกลายเป็นว่าอยู่อย่างผิดกฏหมายจริงๆ

จริงๆการหาเงินไม่จำเป็นต้องทำแค่งานเสิร์ฟก็ได้นะ รับจ้างทำอย่างอื่นหรือขายของทางเน็ตก็ได้

อย่างเราทำงานทางอินเตอร์เน็ตอยู่แล้วที่เมืองไทย (คุยกับลูกค้าผ่านทางอีเมล์) ตอนสัมภาษณ์เราก็ยังบอกเค้าเลยว่าไปเมกาเราก็ยังทำงานของเราต่อได้ (F1) เพราะงานเราทำทางเน็ต เค้าก็ยังปล่อยมาเลย (ไหนว่าห้ามทำงาน 555)

เราสนับสนุนให้หารายได้ระหว่างเรียนค่ะ ดีกว่าอยู่เฉยๆใช้เงินพ่อแม่ผู้ปกครอง ค่าเรียนแพงจะตายแต่อย่าทำงานเพลิน จนเรียนไม่จบ หรือโดดวีซ่าเพื่อทำงานแล้วกันค่ะ

ออ แต่ถ้าพ่อแม่รวย ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร ใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมด ก็ ... ตามแต่ละครอบครัว ^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
ถ้าจะบอกว่าไม่มีผล เราขอเล่าเรื่องน้องคนนึงที่บริษัทส่งไปสัมมนาที่เมกาให้ฟังนะ

น้องคนนี้เขาทำงานในบริษัทข้ามชาติใหญ่โตมีชื่อเสียง บริษัทส่งไปต่างประเทศบ่อยมาก พอต้องไปเมกา น้องเขาก็เลยไปขอวีซ่า สถานทูตถามว่ามีญาติพี่น้องอยู่ทางโน้นมั้ย น้องเขาก็ตอบความจริงว่า มีน้องไปเรียนหนังสืออยู่ที่นั่น

เท่านั้นแหละ จนท พูดเองเออเองเลยว่า ประเภทไปเรียนแล้วแอบทำงานไปด้วยใช่มั้ย น้องเขาก็งง เพราะตัวเขาทำงานหนัก ไม่ค่อยอยู่บ้าน เลยไม่เคยคุยกับน้องสาวเขาเลย เพราะเวลาน้องสาวเขาโทรมาคุยกับที่บ้าน เขาไม่เคยอยู่

พอเจอประโยคนี้เข้า น้องเขาตอบไม่ถูก จนท เลยต่อทันทีว่า ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทนี้ส่งคุณไป เราจะปฏิเสธวีซ่าคุณ ว่าแล้วก็ให้มาแค่หนึ่งเดือน

พอเจออีกที น้องเขาบ่นใหญ่เลยว่า นึกว่าจะได้วีซ่าสิบปี เพราะตำแหน่งหน้าที่การงานเขามั่นคง เงินเดือนหกหลัก พวกเรายังแซวเลยว่า เค้านึกว่าเอ็งจะท้ิงเงินเดือนสองแสน หนีไปล้างจานที่โน่นไง


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
อ่านแล้ว ถ้าเปรียบคุณเจ้าของกระทู้ ก็เปรียบได้ดั่งเส้นด้าย ที่ตึงมาก ปล่อยวางได้ก็ดีค่ะ
เปิดใจให้กว้าง กว่านี้

คุณไปเหมารวมคนไม่ได้ เจอคนไทยที่อยู่เมืองนอกทุกคนหรือเปล่าคะ ทำไมเหมารวมไปหมด

โลกยังด้านสวย ๆ งาม ๆ อีกมาก ไปใส่ใจแต่เรื่องอย่างนี้ มีแต่ไม่สบายใจเปล่า ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
ของเราน้องสาวกับแม่อยู่ที่นั้นทั้งคู่ค่ะ ไม่ได้ทำงานบริษัทใหญ่โต แถมทำงานเป็นฟรีแลนซ์ด้วย เค้าไม่ได้ถามอะไรเราเลย แล้วก็ไม่ขอดูสเตทเม้นท์อะไรเลย (เราขอไปฐานะวีซ่า F1)

ทางนั้นก็ถามเรื่องแม่กับน้องสาว เราก็บอกตามตรงว่าทั้งคู่อยู่ที่นั้น แถมมีกรีนการ์ดทั้งคู่ด้วย
ดูแล้วน่าจะมีแววโดดมากกว่า น้องที่ทำงานคุณข้าวปั้นอีก

สงสัยคำถามที่ยิงมานี่เค้าดูเป็นรายๆไปมั๊ง ^ ^ ที่ได้ 1 เดือน เพราะขอวีซ่าไปสัมนารึเปล่าคะ 10 ปีนี่น่าจะเป็นวีซ่าท่องเที่ยวนะ ของเรามาเรียน เรียนคอส 6 เดือน เค้าก็ให้มา 8 เดือน

แล้วบอกแระว่าปัญหาไม่ใช่พวกเรียนไปทำงานไปหรอก จริงๆคือพวกโดดวีซ่า อยู่ยาวถาวรมากกว่า ซึ่งอันนี้เราว่าไม่ถูกต้องค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
น้องเขาขอเป็นวีซ่าท่องเที่ยวไปน่ะ ทีแรกเห็นบอกว่าน่าจะได้สักสิบปี ก่อนหน้านี้น้องคนนี้เขาก็ไปเรียนโท เคยได้วีซ่าห้าปี น้องเขาเรียนอย่างเดียวไม่ได้แอบทำงาน เพราะเขารู้ดีว่ามันผิดกฎหมาย เขาเล่าเหมือนกันว่าเด็กไทยหลายคนแอบไปทำ แต่เขาไม่เอาอนาคตไปเสี่ยงกับเงินไม่กี่ตังค์ เพราะถ้าถูกจับได้ มันคือเสียประวัติไปเลย (เหมือนเด็กไทยที่ฟลอริด้า ที่แอบทำงานแล้วโดนจับ ถูกล่ามโซ่เหมือนนักโทษพาไปเข้าคุก ก็เสียขวัญร้องห่มร้องไห้กัน รับไม่ได้)

อีกอย่าง ที่บอกไปว่ามีน้องเรียนอยู่ แล้วถูกใส่เป็นชุดเลยว่าพวกไปเรียนแล้วแอบทำงาน (แสดงว่า จนท เขามองคนไทยที่ไปเรียนหนังสือที่โน่นว่าเป็นอย่างนั้นกันไปหมดเลยหรือเปล่า เขาถึงพูดขึ้นมาแบบนั้น สงสัยน่ะ)


ตอบกลับความเห็นที่ 37