ควรให้ลูกไปนอนค้างบ้านเพื่อนได้ตอนอายุเท่าไหร่คะ

เมื่อวานนี้คุณพ่อของเพื่อนลูกชาย(ลูกชายเราอายุ7ขวบครึ่ง เพื่อนของลูกเราอายุ8ขวบ)มาขออนุญาตให้ลูกชายเราไปนอนค้างกับลูกชายเค้าที่บ้านเค้าน่ะค่ะ แต่เราไม่อนุญาตเพราะกลัวลูกจะติดเพื่อนเกินไป กลัวว่าลูกจะโตไวแบบว่ากลัวเค้าจะออกจากบ้านด้วยวัยน้อยๆน่ะค่ะประมาณว่าก่อน15ก็ติดเพื่อนไปนอนบ้านเพื่อนจนไม่สนใจพ่อแม่น่ะค่ะ เราคิดมากไปไหมหว่า เลยอยากถามว่าเด็กๆอายุเท่าไหร่ที่เราควรปล่อยให้ไปนอนค้างบ้านคนอื่นได้คะ เราบอกลูกเราว่าอายุ12ก่อนแล้วจะให้ไป ลูกเราเสียใจเหมือนกันแต่เราคิดว่าบอกแบบดึงเวลาไว้นานๆดีกว่าบอกว่าให้ไปในเร็วๆนี้เพราะบอกเผื่อเวลาไว้ยังพอควบคุมความประพฤติได้ ทำตัวดีอาจให้ไปก่อนอายุ12

เราอยู่ยุโรปนะคะ รุ่นสามีเราไม่เคยไปค้างบ้านเพื่อนตั้งแต่วัยนี้เลย สามีเราไปค้างบ้านเพื่อนก็แบบตอนเป็นวัยรุ่นแล้วน่ะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ตอนอยู่อเมริกา เห็นเด็กแถวบ้านไปค้างบ้านเพื่อนตอน 7-8 ขวบค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เด็กฝรั่งเดนมาร์คเริ่มที่ 7-8 ขวบเนี่ยแระ ไม่ใช่บ่อยนัก

เป็นบางครั้งไม่น่าจะติดเพื่อน


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ลูกสาวผมอายุ 11 จะขอไปค้างบ้านเพื่อนสาว ตอนจบเกรด 5 ด้วยกัน อยากอยู่ด้วยกันสักคืน ผมไม่อนุญาต แต่บอกถ้าจะไปเที่ยวด้วยกันได้ แต่ขอจำกัดเวลาและนัดกันว่าจะเที่ยวที่ไหน จะไปส่งและรับที่ไหน แกเลยขอนัดเพื่อนอีกครั้ง ผ่านไปแล้วเป็นเดือน ตอนนี้คงลืมไปแล้ว ผมเองก็กลัวจะมากไปครับ ผมเองต้องดูแลลูกสาวสองคนอยู่คนเดียว ต้องคอยสอน ดูแลและป้องกันเขา สังคมแบบอเมริกันผมเองก็ไม่ค่อยชอบมากเท่าไหร่ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
จากเมกานะคะ ดิฉันมีลูกสาวตอนนี้ 6 ขวบกว่า ๆ ไม่เคยไปนอนค้างบ้านเพื่อนและไม่เคยให้เพื่อนมานอนค้างที่บ้านด้วย ถ้าโตกว่านี้จะอนุญาตไหม ก็ต้องว่ากันอีกทีตอนที่เค้าสัก 15 ปีนะคะ ให้เค้ารู้เรื่องและสามารถดูแลตัวเองได้ก่อน เพราะไม่ไว้ใจใครค่ะ คนสมัยนี้โรคจิตเยอะมาก อนาจารเด็ก ออกข่าวให้เห็นทุกวี่วัน กันไว้ดีกว่าแก้


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
when i was in the united states with my host family
they let their 9 and 7 years old daughters (at the time) have a sleep over all the time na ka
taking turns going to a friend's or coming here
we once camped outside sleeping in sleeping bags on a huge trampoline in the back yard, so much fun!
but their families are very close as well from PTA and little league girl softball
and the neighbourhood was very very safe as well

but parenting is subjective
so if you dont't feel comfortable then maybe you should not let them go yet ka
as of now i am 26 years old and mom still won't let me stay over at a friend's house, but okay to go on a trip....

ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
อยู่สวิสค่ะ
เด็กๆที่บ้านเริ่มไปนอนที่อื่นตอนอายุ5ขวบกว่าๆอยู๋อนุบาล2
เด็กๆอนุบาล2จะต้องไปนอนค้างคืนที่อนุบาล
เพราะจะปิดเทอมและเทิมหน้าจะเข้าป.1
คุณครูพาไปนอนร่วมกันสั่งลาอนุบาลวันพฤหัส
แล้วทานอาหารเข้าร่วมกันในวันศุกร์แล้วก็ปล่อยเด็กกลับบ้าน

เด็กๆจะนอนเต้นนอกบ้านเวลาปิดเทอมหน้าร้อน
เด็กๆจะมีเพื่อนสนิทคนสองคน
บางทีเด็กมานอนบ้านเราบางทีลูกเราไปนอนบ้านเขา
เด็กๆจะเรียนร่วมกันและรู้จักกันมาร่วม 10 ปีเป็นอย่างน้อย
ตั้งแต่อนุบาล
ตอนนี้ลูกชายอายุ15 ปี ครึ่ง
ไปนอนบ้านเพื่อนช่วงปิดเทอมคืนหรือสองคืนเป็นอย่างมาก

ช่วงไม่ปิดเทอมนานๆจะไปทีคือวันศุกร์กลับวันเสาร์
ครอบครัวที่ลูกไปนอนด้วยเราก้รู้จักกันกับพ่อแม่ของเด็ก
คือเด็กๆกินข้าวบ้านเราได้บ่อยๆ
และไปมาหาสู่กันแล้วแต่โอกาส

เราอยู่ที่สวิสในสภาพแวดล้อมที่ดี
เพื่อนบ้านที่ดี
หน้าร้อนเด็กๆตอนอยู๋ป.1-2-3-4-5
จะมากางเต้นนอนเยอะมากที่หมู่บ้านของเรามากางที่ข้างบ้านเรา
มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งที่เด็กๆไม่กลัวการที่จะนอนข้างนอก

เรื่องจะไปห้ามลูกเราไม่ทำ
แต่จะมองดูว่าเด็กคือใครพ่อแม่เขาคือใครและอยู่ใหน
และช่วงนั้นเป็นไปได้ใหมที่เด็กจะไปนอนด้วยกัน
เพราะช่วงเรียนจะไม่เคยไปนอกจากปิดเทอม
หรือวันศุกร์ไปเสาร์มา
เด็กๆก็ไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทมากมาย
เขาก็จะมีเพื่อนรักเขาไม่กี่คน

เด็กที่นี่วัย ป.1-2-3 ทั้งชายและหญิงนอนเต้นด้วยกันไม่ขละเขิล
ตอนเช้าเราก็ให้ตังค์เขาไปซื้ออาหารเช้าในร้านใกล้บ้านมากินในเต้น
มันเป็นชีวิตที่มีความสุขของวัยเด็กของพวกเขา
ซึ่งเรามองแล้วมีความสุขตามไปด้วย
วัยเด็กที่ดีมีความสุข
จะเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเขาตลอดไป


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ตอนลูกเรียนคินเด้อการ์เท่นในเยอรมนี... อนุญาตให้ไปนอนค้างบ่สนเพื่อนตอนอายุ ๔.. ๕.. ๖ ขวบ

และเพื่อนๆของลูกขอมานอนค้างที่บ้านด้วยสลับกันไป

แต่หลังจากย้ายกลับมาอมเริกา ลูกๆไม่ได้ไปนอนค้างบ้านเพื่อนอีก และเขาแยกย้ายออกไปอยู่กันเองตอนอายุ ๑๘


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เป็นเราคงไม่กล้าอนุญาตให้ลูกไปค้างบ้านเพื่อนค่ะ สมัยนี้ไว้ใจคนยาก
แม้แต่หมอเด็กยังเคยทำอนาจารคนไข้มาแล้ว ญาติๆสมัยนี้บางครั้งยังไว้ใจไม่ได้
แล้วพ่อแม่เพื่อนลูก เราจะไว้ใจได้แค่ไหน เราไม่เสี่ยงดีกว่าค่ะ ถ้าอยาก sleepover
ให้เพื่อนมาค้างที่บ้านเท่านั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ของเราลูกเราและเพื่อนๆสลับกันไปค้างบ้านเพื่อนบ้าง บ้านเราบ้างตั้งแต่อายุ ๗-๘ ขวบค่ะ..
บางทีค้างเป็นกลุ่ม ๓-๕ คน สนุกสนานกันยกใหญ่ บางทีมีเพื่อนลูกสาว บวกเพื่อนลูกชายมาอีก แม่อ่วมเลยค่ะ..เรียกว่าสลีปโอเวอร์บ่อยมากๆ
เคยมีมาค้างมากที่สุดคือ เด็กผู้หญิง๑๐ คน นั่นเป็นกรณีพิเศษคือวันเกิดเมื่อเค้าอายุ ๑๑ ปี
ตอนนั้นเค้าจะจบประถมด้วย เด็กๆสนุกมากๆ เป็นความประทับใจ เป็นความทรงจำวัยเด็กที่มีความสุขของเค้า

พอช่วงอายุ ๑๒ ปี เข้าสู่มัธยมต้น กระแสค้างบ้านเพื่อนลดลงตามลำดับ อาจจะเป็นเพราะวัยของเค้า เริ่มโตขึ้น มีเรื่องอื่นๆให้ทำมากกว่าสมัยที่ยังเล็กๆอยู่
จนอายุ ๑๓ ปี คือปีนี้ เรียกว่า นับครั้งได้ แทบจะไม่มีการนอนค้างบ้านเพื่อนอีกค่ะ...ถามเค้าว่าทำไมไม่ชวนเพื่อนๆมาค้างอีก
ลูกก็แค่ยักไหล่ ฮ่ะๆ...ไม่สนใจมาก...จะสิ้นปีแล้ว เพื่อนมาค้างด้วยแค่ ๒ ครั้งเองค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ครอบครัวดิฉันและเพื่อนรอบข้างเริ่มที่ 7 ขวบกันเป็นส่วนใหญ่ค่ะ (ที่ฝรั่งเศส)

...ดิฉันว่าถ้าเป็นวัยรุ่นแล้วคงไม่มีใครอยากไปค้างบ้านเพื่อนแล้วล่ะค่ะ

คงไปเที่ยวเฮฮาตอนกลางวันตกเย็นคงกลับบ้านใครบ้านมันหมกตัวกับงานอดิเรกที่ตัวเองชอบมากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ของเรา พอขึ้นมัธยม ให้ลูกไปค้างในงานวันเกิดเพื่อนที่จัดแบบสลีปโอเว่อร์น่ะค่ะ แต่เป็นเพื่อนสนิทที่สุด เรียนด้วยกันตั้งแต่ประถมหนึ่งจนถึงมัธยม แล้วเรารู้จักกับพ่อแม่เขาเป็นอย่างดี ทำกิจกรรมที่โรงเรียนด้วยกัน คุ้นเคยในระดับที่คิดว่าไว้ใจได้ ถึงให้ไปค้างน่ะ ปีละครั้ง งานวันเกิดเพื่อนเขาจัดแบบเล็กๆ เชิญเฉพาะเพื่อนสนิทกันจริงๆ ไม่เกินห้าคน

แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่เราไม่รู้จักคุ้นเคยกับผู้ปกครอง เราไม่อนุญาตนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ลูกสาว ลูกชายคุณป้าก็ไปค้างบ้านเพื่อนตอน7-8ขวบ (นอร์เวย์)
พ่อแม่เพื่อนมาขออนุญาต มารับถึงบ้าน มาขอว่าจะจัดปาร์ตี้ให้เด็กๆ
ป้าเราก็กังวล แต่ใจนึงก็เชื่อใจเพราัรู้จักกับครอบครัวเด็กคนนั้นมานาน
อีกอย่างที่กลัวคือ กลัวเด็กของเรานะไปสร้างความวุ่นวายให้กับเค้าซะมากกว่า
ป้าเลยพูดกับลูกๆ ทำข้อตกลงกันว่า ถ้าแม่ให้ไปต้องสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำตัววุ่นวายสร้างความเดือดร้อน
ไม่ดื้อกับครอบครัวเพื่อน ถ้าแม่รู้ว่าหนูไปสร้างความวุ่นวายต่อไปแม่จะไม่ให้ไปอีก
และกลับมาจะต้องโดนลงโทษ ตกลงมั้ย ...เด็กก็ตอบตกลง

กลับมาเด็กๆแฮปปี้กันใหญ่ คุยโม้คุยทั้งวันว่าปาร์ตี้สนุกอย่างงั้นอย่างนี้ เค้าบอกพ่อแม่เพื่อนดูแลดีมาก
และหลังจากนั้นเค้าก็มาขอว่าเพื่อนๆเค้าจะมาค้างได้มั้ย
ป้าก็บอกว่าให้เพื่อนลูกขอคุณแม่คุณพ่อก่อน
ถ้าเค้าอนุญาตแม่ก็ให้มานอนค้างได้ และเวลาลูกเค้ามานอนค้างป้าก็จะดูแลอย่างดีให้เหมือนลูกตัวเอง
เวลาลูกเราไปค้างเค้าก็จะได้ปฏิบัติกับลูกเราอย่างที่เราทำกับลูกเค้า มันอุ่นใจขึ้นระดับหนึ่ง
สลับกันไปค้าง 3-4เดือนถึงจะมีมาขอค้าง ก็ถือว่าไม่ได้บ่อย
จนถึงตอนนี้เค้า11-12ขวบ ไม่เคยมาขออีกเลย
เลยเข้าใจว่า มันเป็นความสุขอย่างนึงของเด็กๆที่จะมีช่วงเวลานั้นกับวัยใกล้เคียงกันกับเค้า
กลางวันเล่นด้วยกัน กินด้วยกัน กลางคืนนอนด้วยกัน คุยเล่นก่อนนอนแล้วก็หลับไป
พอโตขึ้นระดับหนึ่ง เค้าก็จะมีอย่างอื่นให้สนใจ ไอ้อาการอยากไปค้างกับเพื่อนนี่หายไปเลย

ปล.ถ้าผู้ปกครองอีกฝั่งถ้าเราไม่สนิท ไม่รู้จักกันดีพอ เราไม่ให้ไปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ยังไม่มีลูกค่ะ แต่คิดว่าให้อายุเกิน 18 ก่อนจึงจะอนุญาตให้ไปนอนบ้านเพื่อน ไม่รู้ว่าโหดไปไหม แต่ไม่อยากให้ลูกติดกับการขอไปนอนบ้านเพื่อน


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ลูกสาวดิฉันเริ่มไปนอนค้างบ้่นเพื่อนตั้งแต่. เกรด 1. แล้วมีเพื่อนมานอนค้างบ้างสลับกัน เด็กๆก็อยากสนุกสนานกับเพื่อน แต่ดิฉันจะบอกลูกถ้าจะไปค้างบ้านเพื่อน ก็ให้เปลี่ยนเป็นชวนเพื่อนมาค้างที่บ้านเราแทน ตัวเองก็ยอมเหนื่อย ทำอาหารเลี้ยงเด็กๆ เป็นอย่างนี้จนลูกจบเยียร์ 12 เวลาจะไปงานหรือๆไปเที่ยวที่อื่นกัน ก็ยอมทนง่วงขับรถไปส่งไปรับ ถ้าหากเขากลับกับเพื่อน ก็จะกลายเป็นเพื่อนชวนนอนบ้านแทน แล้วให้เราไปรับเอาตอนเช้า

จนตอนนี้เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ขับรถไปรับเวลาไปาร์ตี้บ้านเพื่อน แล้วลูกก็บอกให้ไปส่งเพื่อนคนโน้นคนนี้ละแวกใกล้ เคยถามทำไมพ่อแม่เพื่อนฝรั่งถึงไม่ห่วงลูกตัวเองเลยเหรอ กลายเป็นเราห่วงแทน เพราะเพื่อนลูกเคยจะเดินกลับบ้านตอนเที่ยงคืนหลังมีปาร์ตี้บ้านคนอื่น ตัวเราเองไม่ไหวห่วงเขาต้องรับขับไปส่งแทนทั้งที่ไม่ใช่ทางผ่าน


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
7-8 ขวบค่ะ เป็นเพื่อนสนิทเพื่อนรักของลูก รู้จักคุ้นเค้ยพ่อแม่ของเพื่อนดี เพื่อนคนนี้อยู่กันมาตั้งแต่อบุบาล 1 2.5 ขวบ ค่ะ

ไปนอนเนื่องในโอกาสวันเกิด และ ช่วงปิดเทอมสองสามครั้งต่อปีค่ะ สลับกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เริ่มที่เจ็ดแปดขวบเหมือนกันค่ะ แต่เราสนิทกับพ่อแม่พวกนี้มากอยู่แล้ว พวกเด็กๆที่ไปค้างด้วยก็มาเล่นบ้านเราอยู่กันทั้งวันก็รู้จักกันดีพอควร ถ้าเป็นลูกสาวคงเลี่ยงไม่ให้ลูกสาวไปค้างบ้านที่มีลูกชายที่โตกว่า

ข้างบ้านมีลูกวัยรุ่นเขาตกลงกับเด็กๆไว้ว่า เมื่อไรลูกเขาไปบ้านอื่นหากมีอะไรไม่ชอบพามากล เพื่อนๆทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรในปาร์ตี้ ไม่สบายใจ ให้โทรมาบอก ใช้โค้ดลับ แล้วแม่เขาจะไปรับกลับทันที


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อ่านหัวข้อกระทู้แล้ว นึกว่า จขกท จะห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะสมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้จริงๆ มีข่าวล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กให้ได้ยิน ได้เห็นบ่อยๆ แต่พอก่อนใจความข้างในแล้ว บอกตรงๆ แอบขำนิดๆ เพราะกลัวลูกจะติดเพื่อน กลัวลูกจะโตเร็วเกินไป ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้นะ เด็กบางคนมีความมั่นใจสูง เป็นตัวของตัวเอง พูดง่ายๆ เด็กบางคนโตเร็ว เป็นผู้ใหญ่เร็ว

ที่เห็นก็มีเด็กไทย พ่อแม่ (ส่วนมากจะ แม่ นะ) ที่เป็นคนไทยนี่แหละ กลัวลูกๆจะโตเร็ว เลยประคบประหงม จนเด็กทำอะไรไม่เป็น ถ้ามั่นใจเรื่องความปลอดภัยของเด็ก ก็ปล่อยๆเค้าไปบ้างเถอะครับ เค้าจะได้ไม่เป็นลูกแหง่ ไม่งั้นก็ชวนเพื่อนมาค้างที่บ้านเราก็ได้ ให้เค้ามีสังคมของตัวเองบ้าง

มีเพื่อนที่เมืองไทยคนนึง เค้ามีลูกชายคนเดียว จนเด็กอายุยี่สิบแล้ว แม่ยังจัดเสื้อผ้า ร้อยเข็มขัดไว้ให้เลย และที่บ้านก็รวย เลยขนประเคนให้ทุกอย่าง จนเด็กมันไม่รู้จักโตซักที ทำอะไรไม่เป็น เคยถามมันว่า ถ้าเองตายไป แล้วลูกเองมันจะทำอะไรกิน เงินที่มีมันก็ต้องมีวันหมดไป มันบอกว่า "ถ้ากูตายไปแล้ว ก็ไม่ต้องรับรู้อะไรแล้ว จะต้องไปห่วงมันทำมั้ย" อ้าว...กลายเป็นเลี้ยงลูกเพื่อตัวเอง แทนที่จะเป็นเลี้ยงลูกเพื่อตัวลูกไปซะงั้น (เพื่อเตรียมตัวเค้าให้พร้อมที่จะไปเผชิญโลกด้วยลำแข้งตัวเอง)

ตอบกลับความเห็นที่ 17