[CR] อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (ส่งกำลังใจให้คนดูแลป่า)

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งเดิมทีนั้นเป้าหมายคือ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว แต่พอขับรถไปถึงแล้วสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆภายในอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆต้องขับรถออกมาอีกจึงคิดว่ามันค่อนข้างไม่สะดวก จึงได้มุ่งหน้าไปยังทุ่งแสลงหลวงทันที

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงนั้นมีทางเข้าได้ 5 จุดซึ่งทุกจุดมีที่พัก มีที่กางเต๊นท์ ได้แก่ สำนักงานอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (บ.เข็กน้อย) หน่วยพิทักษ์ฯ สล.๘ (รักไทย) หน่วยพิทักษ์ สล. ๕(วังแดง) หน่วยพิทักษ์ สล.๖(บ้านมุง) และหน่วยพิทักษ์ สล.๘ (บ้านหนองแม่นา) ที่คนนิยมไปพักมากที่สุดคือ หน่วยพิทักษ์ สล.๘ (บ้านหนองแม่นา) อันมีทุ่งสะวันนา เป็นไฮไลน์

ผ่านวันหยุดยาวมา(วันเสาร์-อาทิตย์+วันปิยมหาราช) คนที่ไปเที่ยวพักผ่อนนอนเต๊นท์ที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมีน้อยมาก ในวันที่ 24 ตุลาคม มีเหลือเพียง 3 กลุ่มเท่านั้น(รวมกับกลุ่มของผม) ทั้งอุทยานจึงเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ

การมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงในครั้งนี้ ทำให้ผมได้รู้อะไรหลายๆอย่าง ได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้กับผืนป่าแห่งนี้ รวมถึงได้รู้ถึงชีวิตของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รับจ้างดูแลผืนป่าแห่งนี้ด้วยค่าแรงที่น้อยนิด มันสะท้อนให้ผมต้องหันกลับมามองตัวเองว่า ตัวเรากินดี อยู่สุขสบาย แต่เขาล่ะต้องอยู่กลางป่า ห่างไกลครอบครัว ความสุขสบายก็ไม่มี(นอกจากสุขใจ) เราสามารถทำอะไรเพื่อพวกเขาเหล่านี้ได้บ้าง? มันเป็นการบ้านอย่างหนักสำหรับผมเลยทีเดียว

เรื่องราวต่อไปนี้ที่ผมจะถ่ายทอดลงในรีวิวนี้ ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ณ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ผมหวังว่าหลายๆคนคงได้มุมมองในการท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่ใช่สักแต่ว่าเที่ยวอย่างเดียวโดยไม่มองสิ่งรอบข้าง วันนี้ผมได้อะไรดีๆ จากการไปเที่ยวทุ่งแสลงหลวง ได้เห็นถึงความไม่มีน้ำใจของคนกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักท่องเที่ยว....

ความคิดเห็นที่ 1
หลังจากเปลี่ยนแผน ซึ่งเดิมทีจะค้างที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ มาเป็นค้างที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงแทน ก็รีบบึ่งรถออกจากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวทันที เพื่อให้ไปถึงอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงก่อนพลบค่ำ

แต่งานนี้บอกได้คำเดียวว่าหลงทาง พยายามหาทางเข้าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงแต่หาไม่เจอ ความผิดพลาดเนื่องมาจากการไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน รู้อยู่แต่ว่าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงอยู่จังหวัดพิษณุโลก และเคยขับรถผ่านเมื่อครั้งเดินทางไปจังหวะดลำพูน งานนี้ใช้ความจำเป็นหลักในการนำทาง สุดท้ายต้องแวะถามชาวบ้าน จนในที่สุดก็มาถึงอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง

ระหว่างทางไปอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงจากแค้มป์สนไปยังบ้านหนองแม่นา(ทางเข้าหน่วยพิทักษ์ สล. ๘) ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจกับภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนกัน มีรีสอร์ทมากมายเรียงรายกันไปตามสองข้างถนน


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เส้นทางที่จะไป หน่วยพิทักษ์ฯ สล. ๘ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง นั้นคดเคี้ยวขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้าง ฉะนั้นคนที่ไปเที่ยวหากขับรถไปเองควรตรวจสอบสมรรถนะรถของตัวเองให้เรียบร้อย นผมแนะนำให้เติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนที่จะเข้าอุทยานแห่งชาติเพราะแถวนั้นไม่มีปั้มน้ำมัน


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เมื่อถึงบ้านหนองแม่นาแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ หน่วยพิทักษ์ฯ สล. ๘ (ข้างหน้าจะมีป้ายบอกทางอยู่) ระจะขับผ่านหมู่บ้านเข้ามาแล้วก็จะผ่านลำห้วยก็จะเห็นทางเข้า หน่วยพิทักษ์ฯ สล.๘ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง

เมื่อผมเดินทางมาถึงทางเข้าก็ได้รับการต้อนรับจาก "กวางตัวใหญ่" ที่ออกมากินหญ้าอยู่ตรงริมถนนปากทางเข้า ทุกคนในรถต่างตื่นเต้นดีใจกันใหญ่ที่ได้เห็นกวางตัวใหญ่แบบใกล้ๆ ตื่นเต้นจนลืมถ่ายรูปเพราะมัวแต่ร้องว่า ดูๆๆๆๆ กวางๆๆๆๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ตามชมด้วยคน ขอบคุณครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ทางเข้าหน่วยพิทักษ์ฯ สล. ๘ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เต็มไปด้วยต้นสนและป่าไม้หนาทึบ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ไปเที่ยวด้วยคน


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
น้า Low Batt : ตามก้นมาเลยครับ

เมื่อเข้ามาได้สักระยะก็จะเจอกับ ด่านเข้าหน่วยพิทักษ์ฯ สล. ๘ อีกครั้ง ตรงนี้เราต้องลงมาแจ้งความประสงค์เข้าพักบวกกับจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าอุทยานแห่งแห่งชาติ หากใครที่เป็นนักเรียน นักศึกษา อย่าลืมพกบัตรนักเรียน นักศึกษามาด้วยนะครับ เพราะจะได้ลดค่าธรรมเนียมครึ่งหนึ่งด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คุณปตัญชลี : ตามมาเลยครับ

พอจ่ายค่าธรรมเนียมที่ด่านเสร็จก็ขับรถเข้าไปข้างในเพื่อติดต่อเรื่องขออนุญาตกางเต๊นท์ ตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยที่อยู่ข้างใน แต่ขอแวะถ่ายรูปตรงจุดนี้ก่อนนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หน่วยพิทักษ์ฯ สล.๘ หากใครไม่มีเต๊นท์มาเองก็สามารถติดต่อเต๊นท์ที่พักพร้อมกับถุงนอนได้ที่นี่เลย ราคาเต๊นท์ 1 หลัง ราคา 250 บาท นอนได้ 3-4 คน ถุงนอน 30 บาท/ถุง หรือใครที่เอาเต๊นท์มาเองก็เสียแค่ค่าธรรมเนียมในการกางเต๊นท์ หากใครไม่ชอบนอนเต๊นท์ที่นี่ก็มีบ้านพักบริการ สนนราคาตั้งแต่ 2000 บาทขึ้นไป หากวันธรรมดาก็สามารถจองกับที่นี่ได้เลยแต่ถ้าเป็นช่วงหยุดยาวต้องจองกับทางกรมป่าไม้ หรือใครอยากทราบรายละเอียดต่างๆก็ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ชื่อ พี่อู๊ด-ทุ่งแสลงหลวง 089-9587787 ได้เลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เคยไปเที่ยว 3 ครั้งแล้ว แต่ก็ขอไปเที่ยวด้วยอีกนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
บริเวณ หน่วยพิทักษ์ฯ สล. ๘ วันธรรมดาหรือวันหยุดทั่วไปจะไม่มีร้านอาหารบริการ คนที่เข้าไปเที่ยวต้องออกมาหาข้าวทานหรือซื้อหาอาหารที่บ้านหนองแม่นา ซึ่งจะมีรถขายกับข้าวเข้ามาขายในช่วงเย็น และมีร้านอาหารอยู่ 2-3 ร้าน

ผมแนะนำหากใครขับรถไปกันเอง ควรเตรียมอาหารการกินให้เรียบร้อย ถ้วยชาม หม้อ น้ำดื่ม เตรียมมาให้ครบ อุปกรณ์ทำครัว เครื่องปรุง ก็ให้เตรียมมา หากแวะซื้ออาหารสดจากตลาดในตัวเมืองก่อนได้ก็จะดี หรือจะซื้อกล่องโฟมแล้วแช่อาหารสดมาก็ได้ครับ เพราะที่ตลาดทุ่งสมอ ราคาอาหารสดจำพวกเนื้อหมู หมาหมึก แพงมากขอบอกๆ

ที่นี่มีบริการให้เช่าเตาถ่าน และมีถ่านขายด้วย เขาไม่อนุญาตให้ก่อไฟบนพื้น ต้องก่อไฟบนเตาถ่านเท่านั้น งานนี้ผมเช่ามา 2 เตา เตาหนึ่งย่างเนื้อ ย่างปลาหมึก เตาหนึ่งก่อไฟเพื่อความสว่าง


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
คุณน้องมอญท่องโลก : ว้า!! อิจฉาจังครับได้ไปมาหลายรอบแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมชอบที่นี่มากๆก็คือ ตรงบริเวณลานกางเต๊นท์เราสามารถเห็น กวาง เนื้อทราย ออกมากินหญ้าอยู่บริเวณลานกางเต๊นท์ได้ครับ อยากบอกว่ามันวิเศษมากๆเลยครับสำหรับวันพักผ่อนแบบนี้

คืนแรกที่ผมพักที่ หน่วยพิทักษ์ฯ สล.๘ ช่วงเย็นหลังทานข้าวเสร็จก็นั่งสุมหัวกันคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ บางทีการที่เราได้มาเที่ยวด้วยกัน มานอนด้วยกันมันทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น แต่ก่อนขนาดนั่งเล่นด้วยกันยังคุยกันผ่านเฟสบุ๊คเลย ทั้งๆที่อยู่ด้วยกัน หน้าแทบจะชนกัน

กำลังสนุกสนานได้ที่ จู่ๆก็วงแตก เนื่องจากผมรู้สึกมีตัวอะไรไม่รู้จับอยู่ที่ขา เลยใช้ไฟฉายส่องดู อ้าวๆเจ้าถิ่นเล่นงานเสียแล้ว ท้องป่องเชียวคงจับมานานแล้ว งานนี้พอผมบอกว่า "ทากมันกัดที่ขา" เท่านั้นล่ะ น้องๆเผ่นกันเข้าเต๊นท์หมด งานนี้ผมโดนทากกัดไป 2 ตัว แหม!!!เจ็บใจชะมัด

หลังจากวงแตกก็เป็นอันว่าเข้านอนกันเลย อากาศคืนนี้ค่อนข้างเย็นสบาย พอตกดึกหนาวมากๆ ผ้าห่มที่เอามาแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย เช้าของวันใหม่ พอโผล่หัวออกมาจากเต๊นท์ โอ้!! แม่เจ้า หมอกเต็มไปหมดเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ออกจากเต๊นท์มา มองไปทางไหนก็มีแต่หมอกเต็มไปหมด มองไปยังทุ่งสะวันนาก็ไม่เห็นอะไรเลยหมอกบังหมด


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ออกเดินสำรวจตรงบริเวณลานกางเต๊นท์ก่อนหน่อย....


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ป่าสนตรงบริเวณลานกางเต๊นท์


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
แสงแดดทะลุสายหมอกยามเช้า บรรยากาศที่หลายคนหลงไหล


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
บริเวณลานหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
บรรยากาศยามเช้ามองจากดาดฟ้าอาคารศูนย์บริการนักน่องเที่ยว


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
หลังจากเดินเที่ยวเสร็จ ก็ไปอาบน้ำอาบท่า ล้างหน้าแปรงฟัน ที่นี่ห้องน้ำสะอาด ห้องน้ำไม่เยอะฉะนั้นใครมาเที่ยวควรจัดตารางเวลาให้ดีๆนะครับ

เช้านี้ได้กาแฟคนละถ้วย ก็พากันไปเช่าจักรยานปั่นไปเที่ยวทุ่งสะวันนา งานนี้มีเฮแน่ๆ เพราะหลายปีดีดักไม่ได้ปั่นจักรยานเลย ระยะทางที่สอบถามไปยังจุดหมายหมายทางอันเป็นที่อยากไปคือ ทุ่งนางพญา รวมระยะทางแล้ว 14 กิโล ไปกลับก็ 28 กิโล แต่พอปั่นจริงๆแล้วมันเป็น 14 กิโลแม้ว คือมันไกลม๊ากกกกกกกกกก


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ความสนุกสนาน ตื่นเต้น ของการปั่นจักยานก็ตรงทางลงเขานี่ล่ะ มีทั้งขึ้นเขา ลงเขา งานนี้ใครจะปั่นจักรยานเที่ยวต้องเตรียมตัวมาให้ดีๆ น้ำท่าก็เตรียมให้พร้อม ยาลมยาดมยาหม่องพกติดตัวไปด้วย อยากจะบอกว่างานนี้ผมกับน้องๆไม่ได้พกน้ำดื่มติดตัวไปด้วยเลย งานนี้อาศัยโชคช่วยอย่างเดียวเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ปั่นลงเขามาไม่เท่าไหร่ก็ปั่นขึ้นเขา งานนี้คนที่ไม่เคยปั่นจักรยานมาก่อนหรือนานๆทีปั่นรับรองตายหยั่งเขียด....


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
สองข้างทางเป็นทุ่งสะวันนา เต็มไปด้วยหญ้าสูง


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ปั่นไป พักไป


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ระยะทางยังอีกยาวไกล ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย สุดท้ายยังไม่ถึงจุดชมวิวก็หันหลังกลับ 2 คน ยังเหลืออีก 3 คนที่ยังเดินหน้าต่อ แต่เรื่องที่สุดซ้ำใจคือ กล้องถ่ายรูปอยู่กับ 2 คนที่กลับไป งานนี้เก็บเกี่ยวความสวยงามโดยหัวใจเต็มๆ

การปั่นจักรยานเที่ยวอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงในครั้งนี้ บอกตรงๆว่ายิ่งเข้าไปลึกยิ่งน่ากลัว หิวน้ำก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย ปั่นไปเรื่อยๆจนเจอกับพี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานฯกับชาวบ้านที่พากันมาตัดหญ้าตามสองข้างถนน ก็แวะพักขอกินน้ำ ตรงนี้มีสายธารน้ำไหลอยู่ มีรอบเท้าเดินผ่านใหม่ๆ พี่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ มาดูแล้วบอกว่า นี่เป็นรอยเท้าเสือ มันพึ่งเดินผ่านไปไม่นานมานี้เอง พี่ๆเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านก็พากันถอยหนีทั้งๆที่มีปืน ถามได้ใจความว่า ที่ต้องถอยเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากัน เพราะถ้าเผชิญหน้ากันไม่:-)็คน ต้องเจ็บกันไปข้างหนึ่ง เขาก็กลัวเรา เราก็กลัวเขา ทางที่ดีอย่าเผชิญหน้ากันดีที่สุด


นอกจากนี้เรายังเห็นรอยเลื้อยขนาดใหญ่ตรงพงหญ้าข้างทาง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า นี่เป็นรอยของช้างป่าที่เดินผ่านทุ่งหญ้า บริเวณนี้มี กระทิงป่า ช้างป่า เสือ งู กวาง เนื้อทราย เรานั่งฟังเจ้าหน้าที่เล่าไปด้วยความสนใจบวกกับความตื่นเต้น มีถามบ้างถ้าสงสัย คำตอบก็มีมาให้ตลอด นับว่ามาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว คุ้มจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ลงชื่อเกาะกระทู้สิงห์นักปั่นไปด้วยคนค่ะ
เคยแต่แวะแบบผ่านๆตอนที่ไปเที่ยวน้ำหนาวค่ะ ยังไม่เคยไปนอนเก็บบรรยากาศสักทีค่ะ

ปล. แต่งตัวเทห์จัง สะพายย่าม ผูกผ้าขาวม้าไปด้วย ( แซวเล่นนะคะ อิอิ.. )


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ปั่นจักรยานไปถึงทุ่งนางพญา ซึ่งอยู่ไกลมาก ที่นี่มีต้นสนขึ้นหนาแน่น สวยงามาก ปั่นมาก็เหนื่อย หิวน้ำอีกแล้ว โชคดีเจอกับพี่ๆของอุทยานฯก็เลยแวะพักขอดื่มน้ำ การแวะพักตรงจุดนี้ทำให้ผมกับน้องๆ ได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของชีวิตกันเลยทีเดียว ฟังแล้วมันทำให้น้ำตาตกใน....

จุดบริเวณที่ผมขอน้ำดื่มเป็นเพิงเล็กๆ ใช้ใบไม้ทำหลังคา มีเต๊นท์กาง มีเปลผูกกับต้นไม้ มีพี่ๆอยู่กัน 4 คน ทุกคนเป็นชาวบ้านที่รับจ้างเฝ้าป่าเงินเดือน 4500 บาท อาหารหลักคือมาม่า...

4500 บาท/เดือน มันน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก หากเปรียบกับยุคสมัยนี้ 4500 มันจะพอใช้หรือ งานที่รับผิดชอบมันหนักหน่วงเอาการพอดู การต้องเฝ้าป่าผืนใหญ่ กับการต้องเสี่ยงกับการปะทะกับคนที่เข้ามาลักลอบตัดไม้ ลักลอบล่าสัตว์ ชีวิตมันเสี่ยงมาก


ทำไมพี่ต้องมาทำงานเฝ้าป่า......มันคือคำถามที่ผมถามออกไป
ไม่มีงานทำ ดีกว่าอยู่เฉยๆ อีกอย่างอยู่ใกล้บ้าน ใกล้ครอบครัว........คำตอบที่ได้รับ
แล้วเงินเดือนพอกินหรือ.......ผมถามอีก
พอไม่พอก็ต้องพอ มันเลือกงานไม่ได้......คำตอบที่ได้รับ
พี่คิดถึงบ้านไหม?..........ผมถามอีก
คิดถึง แต่ทำไงได้ เพื่อปากท้องก็ต้องทำ ดีกว่าไม่มีอะไรทำ.......คำตอบที่ได้รับ
แล้วอยู่ในป่า เป็นไงมั่งครับ.......ผมถามอีก
ก็มีความสุขดีนะ มันเงียบ ทำไปทำมาก็รักมัน.........คำตอบที่ได้รับ


ตลอดระยะเวลาที่ผมได้พูดคุยกับพี่ๆ ที่ผมเรียกว่าอาสาสมัครดูแลผืนป่า ผมได้เห็นแววตาที่ตั้งมั่น ความสุขที่ได้ดูแลผืนป่าแห่งนี้ เราพูดคุยกันสักพักผมกับน้องๆก็ขอตัวลากลับ แต่เป็นการลาที่ไม่ลาลับอย่างแน่นอน ผมคิดเช่นนั้นจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
คุณบะหมี่เกี๊ยวและข้าวมันไก่ : แก๊งค์นี้มีผ้าขาวม้าเป็นสัญลักษ์ครับ


ตลอดระยะเวลาที่ได้พูดคุยกับพี่ๆอาสาสมัครเฝ้าผืนป่า ผมมองน้องๆที่ไปด้วย ทุกคนนั่งนิ่ง ยามถามคำถามเสียงที่เปล่งออกมามันบอกถึงความรู้สึกได้ว่า มันร้องให้ข้างใน แม้แต่ตัวผมเองนั้นตลอดระยะเวลาที่ฟังพี่ๆเขาพูดผมก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ตลอด

การพูดคุยครั้งนี้ ทำผมกับน้องๆ รู้ว่ายังมีพี่ๆอาสาสมัครเฝ้าผืนป่าอยู่อีก จุดหนึ่งเข้าไปข้างใน ทุกคนทำหน้าที่เฝ้าผืนป่า ดูแลสัตว์ป่า ยิ่งทำให้ผมและน้องๆต้องมานั่งคิดว่า เราควรต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆเขาเหล่านี้ ได้มีกำลังใจในการทำงาน พี่ๆเขาเสียสละในการเฝ้าระวังผืนป่าของชาติ ในขณะที่เราอยู่ดี กินดี สุขสบายในเมือง ฉะนั้นเราก็ต้องให้กำลังใจคนเหล่านี้บ้าง

ความคิดเริ่มเกิดขึ้น เดือนพฤศจิกายนผมกับน้องๆจะกลับไป อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงอีกครั้ง จะรวบรวมอาหารแห้งไม่ว่าจะเป็น มาม่า ปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง กาแฟ หม้อสนาม เปล ยาต่างๆ และผ้าห่ม ไปมอบให้กับพี่ๆอาสาสมัครเฝ่าผืนป่า เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆดหล่านี้ นอกจากนี้ก็จะแบ่งให้กับพี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่อยู่ประจำศูนย์ด้วย

ผมขอฝากกับเพื่อนๆทุกๆคนหากใครที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวยังทุ่งแสลงหลวง หากมีกำลังก็ช่วยกันซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากพี่ๆเขาเหล่านี้ด้วยนะครับ ผมว่าแรงใจจากทุกๆคนจะทำให้พี่ๆเขาเหล่านี้มีความสุขกับหน้าที่อันใหญ่หลวง รวมถึงมีกำลังใจในการทำงานรักษาผืนป่าให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานของเรา


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
กลับจากการปั่นจักรยานไปเที่ยวทุ่งสะวันนา ทุกคนต่างก็มีสิ่งให้คิดไปตามๆกัน มันเป็นการพูดคุยถึงเรื่องป่า เรื่องสัตว์ คุยไปมองป่าไป...


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ช่วงบ่ายๆ ผมกับน้องๆก็ขับรถออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาดทุ่งสมอ ก่อนที่จะกลับเข้าอุทยานฯ เพื่อเตรียมอาหารการกินสำหรับคืนนี้ ระหว่างนั้นก็นั่งลุ้นกันไปว่าคืนนี้จะมีคนเข้ามาพักเป็นเพื่อนเรามั๊ย เพราะตอนนี้มีกลุ่มเราอยู่กลุ่มเดียว มันเดียวดาย อ้างว้างยังไงไม่รู้


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
อุทยานกว้างใหญ่ไพศาล ท่ามกลางทุ่งสะวันนา บริเวณเนินสนคือลานกางเต๊นท์


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
บ้านพักของอุทยานฯ อยู่ท่ามกลางป่าสน


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
บ้านพัก "แสลงหลวง ๑"


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
บ้านพัก "แสลงหลวง ๒"


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
บ้านพัก "แสลงหลวง ๓"


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
บ้านพัก "แสลงหลวง ๔"


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
บ้านพัก "แสลงหลวง ๕"

บ้านพัก "ทุ่งแสงหลวง ๕" เป็นบ้านพักที่อยู่ในทำเลดีหลังหนึ่ง ตอนกลางคืนลริเวณด้านหลังบ้านพักจะมี กวาง เนื้อทราย ออกมาหากินในตอนกลางคืน


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
บ้านพัก "แสลงหลวง ๖-๗-๘" (หรือ 206 207 208)

ลักษณะบ้านจะเหมือนกัน ทั้ง 3 หลังนี้จะอยู่ในทำเลที่ดีมากๆ เพราะด้านหลังจะติดกับบึงใหญ่ ตอนกลางคืนจะมี กวาง เนื้อทราย ออกมาหากินอยู่บริเวณนี้เยอะมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
บ่ายคล้อยก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งกลุ่ม ว๊าวๆๆมีเพื่อนแล้วคืนนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
บริเวณลานกางเต๊นท์จะอยู่ติดกับทุ่งสะวันนา


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
บ้านพักของอุทยานฯ


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
ยามเย็นที่อุทยานฯ


ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เช้าวันนี้(25 ตุลาคม) อุณหภูมิ 18 องศา


ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
ใกล้ค่ำก็นั่งล้อมวงกันแล้ว คืนนี้ผมกับน้องๆมีโปรแกรมไปส่องสัตว์กันครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
คืนนี้ 20.00 น. ผมกับน้องๆ มีโปรแกรมไปส่องสัตว์กันครับ สนนราคาต่อเที่ยว 600 บาท นั่งได้ 10-11 คน ครับ หากไปกันกลุ่มใหญ๋ก็เหมาไปเลย หรือหากไปกันไม่กี่คนก็รวมไปกับกลุ่มอื่นครับ กลุ่มผมก็ไปรวมกับอีกกลุ่มครับหารกันคนละครึ่ง ผมก็ถือว่าไม่แพงครับ

การส่องสัตว์ตอนกลางคืน หากใครไปเที่ยวทุ่งแสลงหลวงอย่าพลาดเป็นเด็ดขาดนะครับ มันคุ้มจริงๆ เจ้าหน้าที่จะขับรถพาเราเข้าไปทุ่งสะวันนา คืนนี้ประเดิมด้วย กวางกลุ่มใหญ่ครับ เสียดายกล้องผมเป็นกล้องคอมแพคธรรมดาครับ ถ่ายออกมาไม่สวยภาพมันสั่นครับ ก็เลยได้แต่ชมอย่างเดียว

ยิ่งรถพาเข้าไปป่าลึกยิ่งเห็นสัตวืเยอะมากครับ ส่วนมากก็มีแต่ กวาง เนื้อทราย ครับ เจ้าหน้าที่บอกว่าบางวันก็จะเห็น กระทิงป่า งูเหลือมยักษ์ หากยิ่งมาดึกสัตว์ยิ่งออกมาหากินเยอะครับ แต่ส่วนตัวก็คิดว่าคุ้มมากแล้วที่ได้เห็นสัวต์ป่าในตอนกลางคืนครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
กลับจากส่องสัตว์ก็มานั่งล้อมวงท่ามกลางกองไฟ คืนนี้มีหลายกลุ่มมาพักทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา นั่งคุยกันไปสักพักน้องก็หยิบแคนขึ้นมาเป่าเบาๆ พร้อมกับน้องอีกคนที่ได้ร้องหมอลำใส่แคน แต่ก็เล่นกันไม่นานก็แยกย้ายกันเข้านอน


ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
ค่ำคืนนี้ เปลวไฟยังคงลุกโชติช่วง แต่อีกไม่นานคงเหลือแต่เถ้าถ่าน เหมือนกันกับพวกผมพรุ่งนี้เช้าก็จะต้องอำลาทุ่งแสลงหลวง แต่ไม่แสลงใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
เช้านี้ทะเลหมอกยังปกคลุมไปทั่วทุ่งแสลงหลวง


ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
อุณหภูมิเช้านี้ 17 องศา


ตอบกลับความเห็นที่ 48
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 49
เช้านี้มีคณะกรรมการกำกับดูแลอุทยานฯ เดินมาชวนพวกผมให้ไปช่วยกันทำโป่งเทียมสำหรับสัตว์ป่า คุยกันสักพักก็เดินออกไปชวนกลุ่มอื่นๆ ให้ออกไปช่วยกันทำโป่งเทียม ก่อนกลับวันนี้พวกผมก็เลยได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้กับทุ่งแสลงหลวงโดยการทำโป่งเทียม


ตอบกลับความเห็นที่ 49
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 50
บรรยากาศยามเช้าหลังจากหมอกจางลง


ตอบกลับความเห็นที่ 50
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 51
เมื่อได้เวลานัด 08.00 น. ผมกับน้องๆก็ได้เดินไปร่วมทำโป่งเทียมกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 51
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 52
น่าเศร้าใจ...กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาพัก มีกลุ่มผมกลุ่มเดียวที่ไปร่วมทำโป่งเทียมร่วมกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ แม่บ้าน และลูกๆของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นไม่ได้มาร่วมกิจกรรมด้วยเลย

ที่จริงผมคิดว่าหากมีกิจกรรมดีๆแบบนี้นักท่องเที่ยวน่าจะมีส่วนร่วมด้วย อย่างต่ำก็ทำให้เราได้ภูมิใจว่า ครั้งหนึ่งเรามาเที่ยว ทุ่งแสลงหลวงเราได้ทำโป่งเทียมให้กับสัตว์ที่นี่ แต่ก็ว่าละครับ คนเราคิดไม่เหมือนกัน...


ตอบกลับความเห็นที่ 52
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 53
บริเวณทุ่งสะวันนา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง


ตอบกลับความเห็นที่ 53
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 54
เดินลงไปยังบริเวณที่ทำโป่งเทียม


ตอบกลับความเห็นที่ 54
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 55
บริเวณโป่งเทียมมีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด บางแห่งยังมีร่องรอยการแทะดินให้เห็นอยู่


ตอบกลับความเห็นที่ 55
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 56
เจ้าหน้าที่อุทยานกำลังช่วยกันขุดดินเพื่อทำโป่งเทียม


ตอบกลับความเห็นที่ 56
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 57
ช่วยกันคนละไม้คนละมือ นอกจากนี้ยังได้ฟังพี่ๆเขาพูดถึงเรื่องสัตว์ที่มากินโป่งเทียมให้ฟังอีกด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 57
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 58
ร่องรอยของหญ้าบริเวณโป่งเทียมเต็มไปด้วยการเหยีบย่ำของสัตว์ป่าที่เข้ามากินโป่งเทียม


ตอบกลับความเห็นที่ 58
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 59
เจ้าหน้าที่อุทยานฯเล่าให้ฟังว่า สมเด็จพระราชินี ทรงพระราชทานกวางให้เจ้าหน้าที่นำมาปล่อยในทุ่งแสลงหลวง 80 ตัว เพื่อเพิ่มจำนวนกวางให้มากขึ้น

"ทรงพระเจริญ"


ตอบกลับความเห็นที่ 59
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 60
บริเวณทุ่งสะวันนา กว้างใหญ่ไพศาล


ตอบกลับความเห็นที่ 60
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 61
ช่วยกันขุดหลุมทำโป่งเทียม


ตอบกลับความเห็นที่ 61
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 62
พี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานต่างก็ช่วยกันขุดหลุม


ตอบกลับความเห็นที่ 62
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 63
ขุดหลุมเสร็จก็เทเกลือลงไป 1 ถัง


ตอบกลับความเห็นที่ 63
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 64
เทเกลือลงหลุมเสร็จก็กลบดินแล้วรดด้วยน้ำให้ชุ่ม

ตอบกลับความเห็นที่ 64
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 65
คนหนึ่งขุด คนหนึ่งเทเกลือ คนหนึ่งรดน้ำ


ตอบกลับความเห็นที่ 65
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 66
ทำโป่งเทียมไปก็พูดคุยหยอกล้อกันไป สนุกมากๆ จนไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 66
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 67
บริเวณหลุมที่สัตว์ลงมาแทะกินโป่งเทียม


ตอบกลับความเห็นที่ 67
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 68
และแล้วโป่งเทียมการทำโป่งเทียมก็เสร็จลง นับเป็นกิจกรรมส่งท้ายของการมาเที่ยวทุ่งแสลงหลวงแห่งนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 68
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 69
หลังจากทำโป่งเทียมเสร็จ พวกผมก็เอ่ยอำลา ทุ่งแสลงหลวง เพื่อเดินทางทางกลับ แต่ในใจสัญญาไว้ว่า กลางเดือนพฤศจิกายนจะเดินทางกลับมายังทุ่งแสลงหลวงอีกครั้ง จะชวนน้องๆ นำสิ่งของมามอบให้กับอาสาสมัครเฝ้าผืนป่าและเจ้าหน้าที่อุทยาน และจะซื้อเกลือติดมือมาทำโป่งเทียมให้กับสัตว์ที่นี่

ขอบคุณอาสาสมัครเฝ้าผืนป่า ทุกๆท่าน
ขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุกๆคน
ขอบคุณแม่บ้าน ร้านค้า ที่ดูแลพวกผมและคิดราคาเช่าจักรยานพิเศษ
ขอบคุณ กวาง เนื้อทราย ที่ทำให้พวกเรามีความสุข
ขอบคุณทะเลหมอกที่ทำให้พวกผมได้ใกล้ชิด
ขอบคุณบิ๊กซีที่ขายเต๊นท์ราคาถูก 299 บาท
ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาชมรีวิว

ขอบคุณคร๊าบบบบบบบบบบบบ


ตอบกลับความเห็นที่ 69
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 70
แวะเที่ยวรายทางเส้นทางกลับบ้าน....


ตอบกลับความเห็นที่ 70
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 71
จุดชมวิวตรงแทนรัก ทะเลหมอก


ตอบกลับความเห็นที่ 71
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 72
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว)


ตอบกลับความเห็นที่ 72
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 73
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว) 2


ตอบกลับความเห็นที่ 73
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 74
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว) 3


ตอบกลับความเห็นที่ 74
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 75
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว) 4


ตอบกลับความเห็นที่ 75
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 76
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว) 5


ตอบกลับความเห็นที่ 76
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 77
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว) 6


ตอบกลับความเห็นที่ 77
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 78
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว) 7


ตอบกลับความเห็นที่ 78
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 79
วัดพระธาตุผาแก้ว (ผาซ่อนแก้ว) 8


ตอบกลับความเห็นที่ 79
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 80
ผมเพิ่งไปที่ทุ่งเเสลงหลวงมาเมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมานี่เองครับ ประทับใจมาก มันสวยกว่าที่คิดไว้เยอะ คิดไำว้ว่าถ้ามีโอกาสอยากกลับไปอีก เเล้วคราวนี้จะขอไปค้างคืนเเบบ จขกท บ้างครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 80
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 81
อ่านรีวิวแล้วรู้สึกว่า ใจพี่หล่อมากครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 81
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 82
ได้ไปทำโป่งเทียมด้วย ขอบคุณ จขกท เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมนี้และนำมาฝากกันนะคะ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 82