++++++++ตัวเลขประมาณการผู้ที่อย่างผิดกฏหมายทั่วอเมริกา+++++++++

Estimate number of Illegal Immigrants (most recent) by state.

1. California 2,209,000
2. Texas 1,041,000
3. New York 489,000
4. Illinois 432,000
5. Florida 337,000
6. Arizona 283,000
7. Georgia 228,000
9. New Jersey 221,000
10.Colorado 144,000
11.Washington 136,000
12.Virginai 103,000
13.Nevada 101,000
14.Oregon 90,000
15.Mssachusetts 87,000
16.Michigan 70,000
17.Utah 65,000
18.Minnesota 60,000
19.Maryland 56,000
20.pennsylvania 49,000
21.Kansas 47,000
22.Tennessee 46,000
23.Oklahoma 46,000
24.Indiana 45,000
25.Wisconsin 41,000
26.Ohio 40,000
27.Connecticut 39,000
28.Newmexico 39,000
29.South Carolina 36,000
30.Arkansas 27,000
31.alabama 24,000
32.Iowa 24,000
33.Nebraska 24,000
34.Missouri 22,000
35.Idaho 19,000
36.Rhode Island 16,000
37.Kentucky 15,000
38.Delaware 10,000
39.Mississippi 8,000
40.District of columbia 7,000
41.Louisiana 5,000
42.alaska 5,000
43.Hawaii 2,000

Total: 6,994,000

ความคิดเห็นที่ 1
## ความเห็นนี้ถูกลบ ##
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่แปลกใจสำหรับตัวเลขของ California และ Texas เพราะติดเม็กซิโก


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
แหล่งที่มาของข้อมูล www.statemaster.com/.../peo_est_num_of_ill_imm_people_est...


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
อันนี้ถามแบบผู้ไม่รู้จริง ๆ น่ะค่ะ ว่า ข้อมูลนี้เค้าได้มาได้อย่างไร ในเมื่ออยู่แบบ Illegal
เพราะเหมือนว่าอยู่แบบไม่มีตัวตน ทำงานก็รับเงินสด ไม่จ่ายภาษี
แล้วจะโชว์ได้อย่างไรว่าอยู่แบบผิดหรือถูก เพราะถ้ารู้แล้ว ก็ส่งตัวกลับ ประเทศ ไป ก็แล้ว
และถ้าจะวัดจากอายุวีซ่าแล้ว หากมีการย้ายที่อยู่ ก็ไม่มีใครทราบอยู่ดี
ผู้รู้ช่วยวานตอบด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ข้อมูลคร่าว ๆ ก็ไม่น่าจะยากนะคะ เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาอย่างถูกกฏหมาย แต่ไม่ยอมกลับออกไป เจ้าหน้าที่มีตัวเลขพวกนั้นเป๊ะ ๆ ในมือแน่นอน ส่วนพวกที่เข้ามาแบบแอบเข้าคงจะนับไม่ได้จริงๆ คงได้แต่ประมาณการ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ตอบ คห 4

ตัวเลขเหล่านี้ได้มาจากการสำรวจจำนวนประชากรในแต่ละชุมชน หรือที่เรียกว่า Census หากอยากรู้ว่า Census มันคืแอะไรอีก ก็เข้าไปดูใน Wikipedia เขาจะอธิบายได้ชัดเจน

คห 4 ก็อยู่ในเมกา น่าจะรู้ว่าการสำรวจสัมโนประชากรเขาทำกันเมื่อใด อย่างไร

ส่วนเรื่องการที่จะรู้ว่า ผู้ที่อยู่อย่างผิดกฏหมายหรือไม่ รู้แล้วก็จับส่งตัวกลับไปนั้น นี่แหละคือช่องโหว่อันเบ้อเริ่มเทิ่มของประเทศนี้ ไม่ใช่ว่าทางการจะไม่ทำการจับส่งหรืออย่างไร แต่มันไปติดที่ข้อปฏิบัติตามตัวบทกฏหมาย ที่มีการระบุถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน คำว่าประชาชนในที่นี้ กฏหมายตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริการะบุว่า ทุกผู้คนเมื่อเหยียบอยู่บนแผ่นดินเมกันนี้แล้ว จะได้รับสิทธิความคุ้มครองของกฏหมายตามรัฐธรรมนูญอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้น จนท รัฐจะสุ่มสี่สุ่มห้ามาตั้งด่านตั้งป้อมตรวจจับคนอยู่อย่างผิดกฏหมายไม่ได้ ไม่เหมือนเมืองไทย ตอนคำๆหรือช่วงเช้าวันอาทิตย์ไปดูแถวๆบางบอน ฝั่งธนบุรีซิ ใต้สะพานลอยถนนพระรามสอง จะมีตำรวจมายืนหลบอยู่ใต้สะพานลอย คอยเรียกตรวจรถเท็กซี่ที่มีผู้โดยสารนั่นมาเต็มคันรถ เรียกจอดแล้วขอตรวจบัตร 9 ใน 10 เจอพม่านั่งมาเต็มเพื่อจะเดินทางไปซื้อของในห้างโลตัส พระรามสอง หรือตอนเย็นๆประมาณ 6 โมงเย็นก็ตั้งด่านตรวจรถบรรทุกที่วิ่งผ่านถนนในซอยเพชรเกษมที่ทะลุบางบอนได้ เพราะเป็นช่วงเลิกงานคนงานพม่านั่งกลับบ้านกัน

ทีนี้ คงรู้แล้วซิว่า How & Why.


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
อ้อ ลืมตอบอีกข้อนึงไป เรื่องที่ว่าหากย้ายที่อยู่ก็ไม่มีใครทราบอยู่ดี นี่แสดงว่าผู้ถามคงยังอยู่เมกาไม่เก๋าพอ จึงคงยังไม่ทราบว่า กระเหรี่ยงต่างด้าวที่มาอยู่ในเมกา โดยเฉพาะที่มาด้วยวีซ่าท่องเที่ยวแล้วโดดนั่นนะ แม้นว่าเมกาจะไม่มีทะเบียบ้านเหมือนเมืองไทย แต่เจ้าตัวต้องไม่ทำการติดต่อใดๆจากทางไปรณษณีย์เลย เช่นเมื่อวันอรกมาเหยียบเมกาแล้ว ก็ตัด๘ดการติดต่อทุกชนิดที่มีชื่อตัวเองไปปรากฏอยู่บน Address มิเช่นนั้นชื่อตัวองจะไปปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลของทาง Post office ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแห่งชาติ ถึงแม้นจะย้ายที่อยู่กี่สิบครั้งก็ตาม ถ้าสามารถไม่แจ้งย้ายตามพวกเมล็หรือจดหมายการติดต่อก็แล้วไป ก็คือยังเป็นที่อยู่เก่าอยู่ แต่ในทางปฏิบัติถามว่าเป็นไปได้ไหม ในการใช้ชีวิตในเมกาเป็นเวลาปีๆนี่ ไม่มีการติดต่อใดๆเลยรึ? ไม่มทีการทำบัตรเครดิตอะไร จ่ายค่านำค่าไฟ หรือบิลอะไรต่างๆเลยรึ?


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เบื่อพวกอยู่อย่างผิดกฎหมายมาก สามีเราทำงานเสียภาษี พวกอยู่อย่างผิดกฎหมายมาออกไข่กันเต็มไปหมด ไม่ว่าไทย-เทศ ลูกออกมามีสิทธิเท่ากับคนที่เสียภาษี แล้วพวกนี้พยายามเอาเปรียบทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น เรื่องโรงเรียนเด็ก แจ้งแต่ว่าพ่อแม่รายได้ต่ำ ไม่ต้องจ่ายแม้กระทั่งอาหารกลางวันของเด็กซื่งถูกมาก มื้อละ 1.5 ดอลล์ ถ้ารายได้น้อยแต่ยังพอจ่ายได้ค่าอาหารแค่ม้ื้อละ 25 เซ็น ตามสัดส่วนรายได้ พวกนี้แจ้งแต่ low income ฟรีทุกอย่าง ของรัฐ แถมขอฟู้ดแสตมป์ได้อีก
แต่ขอบอกพวกนี้โดยเฉพาะคนไทยที่นี่ เท่าที่เห็นใช้แต่ของแบรนเนมกันทั้งนั้น คุยกันแต่อวดร่ำอวดรวยมาจากไทย รวยกันจังจากเมืองไทย แล้วโดดวีซ่ามาเป็นกรรมกรกันทำไม ไม่เข้าใจนโยบายรัฐบาล ทำอะไรกันอยู่ มาแบกรับภาระพวกนี้อยู่ทำไม


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ขอบพระคุณ คุณ Rapier มากมากค่ะ ที่ไขข้อกระจ่างให้ทราบ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
อยากรู้ว่าคนที่โดดวีซ่านี่เป็นคนไทยอยู่เยอะไหมครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อยากให้gift คห8 แต่หมดซะก่อน ถูกใจค่ะ ดิฉันทำงานที่บ้านก็ทำเรื่องจายภาษี เหมือนกัน แต่ลูกไปโรงเรียนยังต้องจ่ายเต็มๆทุกอย่าง

เคยมีนักเรียนคนไทย2คนที่รู้จักทำงานร้านอาหารไทยรับเงินสดเน้นๆ ซื้อของใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีอยู่วันหนึ่งน้องผู้หญิงเกิดไม่สบายเข้าไปนอนโรงพยาบาลค่าใช่จ่ายทั้งหมด$20000ขอทยอยจ่ายก็จ่ายแค่2เดือนแรก มีจดหมายทวงมาก็ไม่จ่าย

ต่อมา 2คนนี้มีลูก หาหมอฟรี ได้ยาฟรีคลอดฟรี ได้คูปองนมผงฟรี คลอดได้1ปีก็กลับเมืองไทนเนื่องด้วยวีซ่านักเรียนหมดอายุ ขนซื้อไอแพ็ด เครื่องเสียงลำโพง. ของแพงกลับเมืองไทย. ส่วนหนี้ที่เหลือทิ้งไว้ให้คนเสียภาษีใช้หนี้ไป โคตระสบาย

ไม่เท่าไหร่เคยถามพวกแม็กที่มีลูกหลายๆคนว่าถ้าลูกต้องเข้ามหาวิยาลัยจะส่งไหวหรือ. นางตอบว่าทำไมต้องเรียน ไปไม่เป็นเลยดิฉัน เริ่มเห็นอนาคตของอเมริกาชัดเจนขึ้นละ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
คนอยู่ผิดกฏหมาย ไม่มีใครตอบ Census หรอกค่ะ กลัวสารพัดจะโดนจับ อีกอย่างการไม่มีตัวตนเลยจะปลอดภัยที่สุด


หาข้อมูล Illegal ตามนี้ค่ะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Illegal_immigration_to_the_United_States


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
คนอยู่ผิดกฎหมายดิฉันก็เบื่อค่ะ แต่เบื่อพวกไม่ทำงานแล้วโกง SSI มากกว่า
พวกผิดกฎหมายอย่างน้อยยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่พวกโกหกหลอกลวงว่าทำงานไม่ได้
รอรับ SSI แบบนี้น่าเบื่อยิ่งกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบนเป็นอย่างมาก พวกโกง SSI นี่น่าเบื่อกว่า พวกผิดกฏหมายอย่างน้อยทำงานแลกเงิน ไม่ได้โกงรัฐ จะว่าไปเมื่อไหร่พวกฟาร์ม
หรือเก็บผักผลไม้ไม่มี Illegal alien เมื่อใดก็จะต้องจ่าย Minimum wages ให้พวก Legal ไปทำแทน เมื่อนั้นพืชผักผลไม้จะต้องแพงขึ้น

จะว่าไปแม่บ้านที่มีสามีเลี้ยง ถึงไม่ต้องทำงานเสียภาษีแต่ไม่ต้องเป็นภาระของรัฐ แต่ถ้าคิดให้ดีสามีเอาไปเคลมภาษีทำให้จ่ายน้อยลง ปลายปีก็เคลมกลับคืนมาอีก เป็น
ภาระทางอ้อมสำหรับคนที่ทำงานเสียภาษีให้รัฐ มีแบบนี้เยอะที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ผมว่ามันเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปดูถูกคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายเปรียบเสมือน"สัตว์"นะครับ พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีความเป็นคนอยู่ แม้จะอยู่อย่างผิดกฏหมาย การที่พวกเขาเหล่านั้นมีลูก (คลอดลูกนะครับ ไม่ใช่ออกไข่) มันก็เป็นเรื่องปกติของมนุษยปุถุชนทั่วไป ผมขอมองต่างมุมแบบนี้นะครับ เด็กที่เกิดบนผืนแผ่นดินสหรัฐ นับเป็นพลเมืองสหรัฐเหมือนกัน หากเด็กพวกนี้ไม่ได้รับการศึกษา (หรือแม้แต่อาหารที่เหมาะสม) เมื่อโตขึ้นไปจะไม่ยิ่งเป็นภาระกับประเทศเพิ่มขึ้นไปอีกเหรอครับ

ผมกลับมองว่ารัฐบาลกำลังหว่านพืชหวังผล เศรษฐี นักวิทยาศาสตร์ หรือคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆคน ไม่ได้เกิดในตระกูลที่เพียบพร้อมนะครับ การให้โอกาสพวกเด็กเหล่านั้นในวันนี้ อาจเป็นประโยชน์ต่อประเทศไม่มากก็น้อย อยากให้ลองคิดดูว่าคนเราเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน ส่วนคนที่จ้องจะเอาเปรียบและแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายเสมอไป คนพวกนี้มีอยู่ทุกที่ทั่วโลกแหล่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เข้าใจคห15นะคะ ดิฉันเห็นเด็กก็อดเอ็นดูและสงสารไม่ได้

ยกตัวอย่างลูกสาวดิฉันเกือบ5ขวบ ต้องไปเรียนโรงเรียนที่ไกลบ้านออกไปเพราะคลาสเรียนสำหรับเด็กเกิดปลายปี ซึ่งโรงเรียนนี้ เกรดไม่ดีเลยแค่2จาก10 ก็ต้องเรียนเพราะลูกเกิดไม่ทันเกณ์.เด็ก 8 ใน. 10 เด็กแม็กซิกัน. รอปีหน้าย้ายมาเรียนโรงเรียนในเขตบ้านเกรด9จาก10

และทุกวันศุกร์ดิฉันจะไปช่วยครูที่โรงเรียนปัญหาหลักๆคือผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนไม่ว่าจะมีประชุมเพื่อแนะนำวิธีการเล่นการสอนกับลูกที่บ้าน. คุณครูออกเงินส่วนตัวเพื่อซื้อเกมส์แล้วให้เด็กเอากลับบ้านไปเล่นแต่มีข้อแม้ว่าต้องให้ผู้ปกครองต้องช่วยดูแลและรักษาของก็ไม่มีใครอยากจะทำ. แต่ทุกวันไปรับไปส่งเห็นพ่อกับแม่มารับส่งลูกพร้อมกันทุกวัน 8โมง - 11.30 นึกในใจแล้วงานไม่ทำกันหรือ

อย่างที่บอกเรารู้จักหลายครอบครัวซึ่งดูไปก็น่าสงสารนะ แต่พอเริ่มคุยก็บอกตามตรงสงสารไม่ลง. เอาลูกไปโรงเรียน1 จูงอีก1 ในรถเข็นอีก1 เผลอๆ ท้องอีกด้วย ลองไปดูใน craiglist. สิคะ เกี่ยวกับของใช้พวกแม่และเด็กอ่ะ เอานมกระป๋องที่ได้ฟรีๆ มาขายกันเป็นล่ำเป็นสัน. มันน่าสงสารไหมละ.


วันก่อนอยากจะกระโดถีบนังแม่คนหนึ่ง. เวลาไปรับลูกที่โรงเรียนรถผู้ปกครองจะจอดแถวต่อกันไปจากหน้าประตูโรงเรียนใครมาก่อนก็ได้จอดใกล้ วันนั้นเราออกเร็วก็ได้จอดใกล้สุด รถคันอื่นๆก็มาจอดต่อๆกันไป อยู่ๆมีรถแวนมาจอดขวางอีกเลนส์ซึ่งมันจอดไม่ได้. พอเห็นลูกออกมาจากห้องเรียนเราวิ่งไปรับลูกก็รีบกลับมาที่รถเพื่อกลับบ้านแค่ออกไม่ได้ เราก็บีบแตรบอกให้หลบเพราะจะออก มันบอกยังไปไม่ได้ต้องรอลูกมันก่อนและมันต้องจอดตรงนี้เพราะในรถมีลูกอีกสองคน มันจอดไกลไม่ได้ไม่อยากเอาลูกลง ดิฉันต้องถอยแล้วค่อยๆหลบมันเอง เลยบอกงั้นก็เชิญหล่อนมายืนดูเด็กตรงท้ายรถชั้นแล้วกัน มันมองหน้าตาขวาง เอากะมันดิ

สรุปแล้วตรูผิดตรงไหนที่มีลูกคนเดียว แต่มาเร็วอละได้จอดใกล้ๆประตูเนี่ย แถมหล่อนจอดขวางเลนส์แบบหน้าด้านมากกกกกกก

ขนาดดิฉันมีคนเดียว ยังต้องเก็บเงินตั้งแต่ตอนนี้เลยกลัวไม่มีเงินให้ลูกเรียน

ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
คห 12

เวลาหาข้อมูลเพื่อโต้แย้งหาให้ถ่องแท้ก่อน ข้อมูลที่โพสมาของ Wikipedia เกี่ยวกับ Illegal immigarnt นะเขาอ้างถึงที่มาของข้อมูลว่ามาจาก The Center of Immigrantion Studies (CIS) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ได้รับการสนับสนนทางการเงินและทำงานให้กับ Cencus Bureau & Department of Justice ชอบหาข้อมมูลจาก Wikipedia ก็ไปหาดูในนั้นได้


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณปลาสลิดแดดเดียวนะครับ ว่าเราเสียภาษีอย่างถูกต้องแล้วเหมือนโดนคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายมาเอารัดเอาเปรียบ แต่ผมอยากให้แยกประเด็นนิดนึงนะครับ ก่อนอื่นผมไม่ได้เข้าข้างคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายนะครับ ผิดหรือถูกมันเห็นกันชัดอยู่แล้ว เรื่องประเด็นการศึกษา ผมว่ารัฐบาลมองภาพรวมมากกว่าและพยายามยื่นโอกาสให้เด็กได้เรียนระดับนึง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด หากพ่อแม่ไม่มีเงินส่งจริงๆ รัฐบาลให้เรียนฟรีได้ถึงแค่ High School เท่านั้นเอง และผมก็เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อแม่นะครับที่อยากให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนดีๆทั้งนั้น แต่ที่แปลกใจคือทำไมถึงมีการย้ายมาเรียนข้ามเขตได้ด้วยหรือครับ เพราะปกติเคยได้ยินมาว่าเด็กต้องเรียนในเขตที่ตัวเองอาศัยอยู่เท่านั้น(กรณีเรียนฟรีนะครับ) ถ้าข้ามเขตพ่อแม่ต้องเสียเงินค่าเรียน

ส่วนเรื่องพฤติกรรมหรือการกระทำของคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมาย ผมไม่อยากให้คุณปลาสลิดแดดเดียวนำมาใส่ใจมากเกินไป เพราะคุณคงไปเปลี่ยนอะไรไม่ได้ คงต้องทำใจและเข้าใจว่าวัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อมของเรากับพวกเขาไม่เหมือนกัน คุณมองอนาคตในระยะยาว ในขณะที่พวกเขาอาจมองแค่วันนี้วันพรุ่งนี้เท่านั้น การจะไปปรับเปลี่ยนทัศนคติหรือความคิดพวกเขาคงเป็นเรื่องยาก


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ยืนยันค่ะ คนอยู่ผิดกฏหมายไม่มีใครตอบ Census


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ขอบคุณค่ะคุณริวคุง พอดีclass ที่ลูหเราเรียนมันเป็นclass ใหม่ที่ตั้งขึ้นมาสำหรับเด็กที่เกิดหลังเกณฑ์ อธิบายยังไงดี งงเอง ซึ่งมีแค่บางโรงเรียนค่ะ. โรงเรียนในเขตบ้านไม่มีก็ต้องไปโรงเรียนนั้นแทนค่ะ พอปีหน้าก็จะย้ายมาในโรงเรียนในเขตบ้านแทน

เรื่องทัศนเคติอะไรนั่นคงไม่คิดจะเปลี่ยนใครหรอกค่ะ เกินความสามารถ แต่แค่ก็อย่าเอาเปรียบกันมากเกินไปแค่นั้นเอง ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด ตั้งแต่เปิดเทอมมาเจอมาหลายอย่างค่ะ แต่บางคนก็ดีนะคะคุยกันอย่างปกติ เพียงแต่บางครั้งรู้สึกน้อยใจเป็นบางครั้งค่ะ


เรานับถือคนที่พยายามว่ายน้ำข้ามฝั่งเองมากว่าพวกที่รอขอนไม้มาถึงตัวแล้วเกะข้ามไปอะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ว่าจะแวะมาเติม เปลี่ยนใจ


เข้าใจคุณปลาสลิดฯ เหมือนกัน

มีร้ายกว่านั้นอีกค่ะ เยอะด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ตอบคุณริวคุง ดิฉันไม่ได้ดูถูกว่าพวกนี้เป็นสัตว์ แต่อาจใช้คำไม่ถูกต้องตามความคิดของคุณ แต่ก่อนตอนที่ดิฉันยังไม่มีลูก ดิฉันไม่เคยรังเกียจคนพวกนี้เข้าใจว่าทุกคนอยากมีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ

แต่พอมีลูก ตั้งแต่ไปฝากท้องที่โรงพยาบาล ได้เริ่มเห็นความไม่เท่าเทียมกันของคนที่ต้องเสียภาษี กับคนที่อยู่โดยไม่ถูกต้อง ครอบครัวดิฉันทำงานเสียภาษี ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มจากส่วนที่ประกันไม่คุ้มครอง co pay คนอยู่อย่างไม่ถูกต้องแจ้งว่าอนาถา ทุกอย่างฟรี ไม่มีการตรวจสอบว่าไม่มีรายได้จริงหรือไม่

เอาแค่จากประสบการณ์ตรงของดิฉันเอง แค่เฉพาะคนไทย ตั้งแต่นักศึกษา ยันเจ้าของกิจการ ที่ตั้งท้องออกลูก อนาถาเกือบทั้งหมด ฟรีหมด ซื่งจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ฟรีมีรายการแจ้งยอดให้จ่าย แต่ตอบกันง่าย ๆ ว่าไม่จ่ายค่ะ ไม่มีรายได้ แต่มาคุยว่าค่าคลอดเป็นแสนเป็นล้านให้คนที่ไทยฟัง แถมยังบอกกับเราอีกว่าอย่าลืมเอาแพมเพิสจากโรงพยาบาลมาเยอะ ๆ นะ ฟรี เด็กเกิดมาตาดำ ๆ ดิฉันไม่รังเกียจหรอกค่ะ แต่รังเกียจพ่อแม่ที่มีความคิดเยี่ยงนี้ ประเด็นคือตรงนี้ ไม่จ่ายรัฐก็ทำอะไรไม่ได้

อเมริกาดีตรงที่สิทธิความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ได้รับการรักษาพยาบาลเท่าเทียมกัน การศึกษาเด็ก ๆ เท่าเทียมกันในโรงเรียนรัฐ ไม่แบ่งแยกลูกคนรวย คนจน คนอพยพ เพราะเขากลัวเป็นปัญหาสังคมในภายหน้าหากเด็กไม่ได้รับการศึกษา ตรงนี้ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง
แต่ไม่ว่าใครที่อยู่ในประเทศนี้ ประเทศที่่ว่ากันว่ามีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน คนเหล่านี้ ไม่ว่าจะอยู่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม ไม่เคยคิดที่จะสละความเห็นแค่ตัวเพียงเล็กน้อย คืนอะไรให้กับประเทศที่ให้โอกาสกับคุณกับลูกของคุณที่ได้สิทธิความเป็นซิติเซ่นหรือ คนพวกนี้ภาคภูมิใจมากที่มีลูกได้เป็นซิติเซ่น ซิติเซ่นคือได้ของฟรี รัฐสวัสดิการฟรี จึงตั้งใจมาออกไข่ ขอใช้คำนี้อีกครั้งเพราะมันทนไม่ไหวจริง ๆ ดิฉันไม่ได้อยากทำตัวเป็นคนมือถือสากปากถือศิล เห็นใจเพื่อนมนุษย์ มันหลงประเด็น เพียงแค่คิดให้เป็น เลวให้น้อยหน่อย เห็นแก่ตัวน้อยหน่อย สอนลูกให้สละประโยชน์ส่วนตัวบ้าง คิดให้เป็นระหว่างผิดชอบชั่วดี เริ่มจากจุดเล็ก ๆ น่าจะทำให้สังคมดีขึ้น

ความเห็นแค่ประโยชน์ส่วนตัวแม้เพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัว มองเห็นอนาคตของชาติว่าจะเป็นไปในทางไหน แก่งแย่ง เอาอัดเอาเปรียบ ฉกฉวยโอกาส ขาดความเป็นระเบียบ ตรงนี้ดิฉันรังเกียจมาก ๆๆๆๆ เพราะอะไรรู้ไหมค่ะ เพราะอนาคตของลูกดิฉันต้องอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอย่างนั้น ถ้าคุณมีลูกและคาดเดาแนวทางในอนาคตของสภาพแวดล้อมที่ลูกคุณอยู่ได้ คุณจะมีความคิดไม่ต่างกับดิฉัน

อเมริกาเป็นประเทศที่มีคนมากมายหลากหลายสายพันธ์ เป็นเมืองร้อยพ่อพันแม่ ทุกคนแตกต่าง ไม่ได้น่ารังเกียจ มีความเป็นมนุษย์เท่ากัน ทุกสิ่งทุกอย่างการตั้งกฎเกณฑ์ กฎหมายในสังคมเป็นสิ่งสมมติที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่น่าแปลกใจที่คนทำงานเสียภาษีถึงได้รังเกียจคนเหล่านี้อย่างมาก ไม่ได้รังเกียจความเป็นคน แต่รังเกียจความเห็นแก่ตัวของพวกนี้อย่างมาก

ดฺิฉันเข้าใจความคิดคุณปลาสลิดแดดเดียว เพราะอ่านที่คุณตอบกระทู้อยู่บ่อยๆ ดิฉันโชคดีกว่าคุณตรงที่รายได้น้อยกว่า ได้รับรัฐสวัสดิการดีกว่า เข้าใจคุณดีที่คุณพูดเสมอว่ารวยไม่พอที่จะมีลูกอีกคน และจนไม่พอที่จะได้รับสวัสดิการจากรัฐ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
คลาส เตรียมความพร้อม transition to kindergarten หรือเปล่าคะ ลูกเราก็เข้าค่ะ เพราะเกิดหลัง cut off date วันที่ 1 กันยา เด็กที่เกิดหลังกันยาแต่ก่อนธันวา เข้าคลาสนี้ได้ แล้วปีหน้าก็เข้า kindergarten ปกติ
บางโรงเรียนไม่มีคลาสนี้จริงค่ะ ถ้าไม่เข้าก็ต้องรอปีหน้าเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ใช่ค่ะคุณ chilla. โรงเรียนใกล้บ้านไม่มีคลาสนี้ค่ะ ลูกสาวเราเกิด1 ธันวาพอดี


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ดิฉันทำงานอยู่ รร เห็นอะไรมามากกับเรื่องอย่างนี้ กับคนที่เขาลำบากจริงๆก็มี เห็นใจ แต่บางคนก็ rob the system อย่างช่างมันฉันไม่แคร์

น้ำท่วมปากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ขอแชรค่ะ ได้มาจาก forward mail Joe and Jose

You have two families: “Joe Legal” and “Jose Illegal.” Both families have two parents, two children, and live in California . . .

Joe Legal works in construction, has a Social Security Number and makes $25.00 per hour with taxes deducted.

Jose Illegal also works in construction, has NO Social Security Number, and gets paid $15.00 cash “under the table”.

Ready? Now pay attention . . .

Joe Legal: $25.00 per hour x 40 hours = $1000 per week, or $52,000 per year. Now take 30% away for state and federal tax; Joe Legal now has $31,231.

Jose Illegal: $15.00 per hour x 40 hours = $600 per week, or $31,200 per year. Jose Illegal pays no taxes. Jose Illegal now has $31,200.

Joe Legal pays medical and dental insurance with limited coverage for his family at $600 per month, or $7,200 per year. Joe Legal now has $24,031.

Jose Illegal has full medical and dental coverage through the state and local clinics and emergency hospitals at a cost of $0 per year. Jose Illegal still has $31,200.

Joe Legal makes too much money and is not eligible for food stamps or welfare. Joe Legal pays $500 per month for food, or $6,000 per year. Joe Legal now has $18,031.

Jose Illegal has no documented income and is eligible for food stamps, WIC and welfare. Jose Illegal still has $31,200.

Joe Legal pays rent of $1,200 per month, or $14,400 per year. Joe Legal now has $9,631.

Jose Illegal receives a $500 per month Federal Rent Subsidy. Jose Illegal pays out that $500 per month, or $6,000 per year. Jose Illegal still has $31,200.

Joe Legal pays $200 per month, or $2,400 for car insurance. Some of that is uninsured motorist insurance. Joe Legal now has $7,231.

Jose Illegal says, “We don’t need no stinkin’ insurance!” and still has $31,200.

Joe Legal has to make his $7,231 stretch to pay utilities, gasoline, etc.

Jose Illegal has to make his $31,200 stretch to pay utilities, gasoline, and what he sends out of the country every month.

Joe Legal now works overtime on Saturdays or gets a part time job after work.

Jose Illegal has nights and weekends off to enjoy with his family.

Joe Legal’s and Jose Illegal’s children both attend the same elementary school. Joe Legal pays for his children’s lunches while Jose Illegal’s children get a government sponsored lunch. Jose Illegal’s children have an after school ESL program. Joe Legal’s children go home.

Now, when they reach college age, Joe Legal’s kids may not get into a state school and may not qualify for scholarships, grants or other tuition help, even though Joe has been paying for state schools through his taxes, while Jose Illegal’s kids “go to the head of the class” because they are a minority.

Joe Legal and Jose Illegal both enjoy the same police and fire services, but Joe paid for them and Jose did not pay.

You get the picture?


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
เหลือบมองหัวข้อกระทู้แล้วต้องขอโทษและขออนุญาต จขกท.นะครับ หากการตอบกระทู้ของผมพาออกนอกประเด็นไป

ตอบคุณ lookpapa นะครับ คนที่รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไม่ได้เป็นแบบที่คุณเคยเจอหรือประสบมาทั้งหมดนะครับ การไปเหมารวมคงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะคงมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆอยู่ ส่วนคนจำพวกที่เป็นแบบที่คุณ lookpapa เคยเจอก็มีอยู่จริงเช่นกัน

ผมขอแตกเป็นสองประเด็นละกัน

ประเด็นแรก สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็น US citizen หรือ US national แต่ได้รับความช่วยเหลือด้าน Medicare คงต้องมองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษยธรรม ทำให้ผมนึกถึงคดีที่หมอคนหนึ่งไปพัวพันกับการฆาตกรรม หมอคนนี้ก็จ้างคนงานพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายมาทำงานในไร่ตัวเองเหมือนกัน วันนึงคนงานคนนี้โชคร้ายประสบอุบัติเหตุระหว่างการทำงาน ตกลงมาขาหักทั้งสองข้าง แต่ไม่ได้รับการรักษา เพราะนายจ้างไม่สนใจและตัวเองก็ไม่มีเงินด้วย ปัจจุบันคนงานคนนี้เป็นคนพิการเนื่องจากขาผิดรูป ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เขาอาจจะไม่เป็นคนพิการถ้ามีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขา เช่น ยอมให้เขาใช้สิทธิของโครงการ 30 บาท หรือรักษาฟรี ผมเชื่อเหลือเกินว่าถ้าคุณ lookpapa เลือกได้ก็คงไม่ยอมปล่อยให้เขาพิการเช่นกัน ผมอยากจะบอกว่าการให้ความช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่มันเหมือนเป็นดาบสองคม เพราะคนบางส่วนก็กลับอาศัยช่องโหว่ของระบบตักตวงผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ตรงจุดนี้เองที่รัฐบาลต้องหันมาปรับปรุง

ประเด็นที่สอง คือลูกที่เกิดจากคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมาย (หรือถูกกฏหมายแต่ขอรับความช่วยเหลือ) ผมมองว่าเป็นการลงทุนอย่างนึง เพราะพลเมืองย่อมเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดของประเทศ รัฐบาลย่อมคาดหวังว่าเมื่อเด็กเหล่านี้มีโอกาสได้เกิด ได้ศึกษาเรียนรู้ วันนึงต้องมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศเช่นกัน ผมขอยกตัวอย่าง Selena Gomez ละกัน เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และผมเชื่อว่าครอบครัวเขาคงขอรับความช่วยเหลือไม่อย่างใดก็อย่างนึงจากรัฐบาล (อันนี้ไม่มีข้อมูลนะครับ คงไปหาที่ไหนไม่ได้ แต่ผมประเมินจากบทสัมภาษณ์บางส่วนของเจ้าตัวเอาเอง) ปัจจุบัน Selena ทำรายได้ต่อปีเท่าไหร่(ผมไม่รู้อีกเหมือนกัน -_-) แต่ที่แน่นอนคือตอนนี้เขากำลังจ่ายภาษีให้รัฐบาล เด็กคนอื่นๆก็เช่นกัน วันหน้าก็ต้องตอบแทนคืนกับประเทศไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ปล.ผมแค่เสนอมุมมองของผมในอีกด้านหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินความคิดเห็นของท่านอื่นๆแต่ประการใด หากความคิดเห็นของผมทำให้สมาชิกท่านใดไม่สบายใจ ผมก็ขออภัยไว้ณ.ที่นี้ด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ตอบคุณ Pammeluff นะครับ

Forward mail ที่ Copy มานั้นดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่นะครับ

ประเด็นแรกเรื่องค่าแรงของ illegal worker ดูจะสูงเกินกว่าความเป็นจริงมากไป เพราะการจ้างแรงงานเถื่อนมีโทษค่อนข้างสูงพอสมควร คงไม่คุ้มค่าหากนายจ้างประหยัดแค่ $20,000 ต่อปีต่อคน ในขณะที่ถ้าโดนจับได้มีสิทธิ์ติดคุกและอาจถูกปรับถึงหัวละ $10,000 (ยังไม่นับค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกเยอะถ้าต้องขึ้นโรงขึ้นศาล) เพราะฉะนั้นค่าแรงต้องต่ำกว่า $15/hr แน่นอน

ประเด็นที่สอง ผู้ที่เสียภาษีก็ได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษีหากมีบุตร ซึ่งในForward mail ไม่ได้นำมาคิดด้วย การ Claim Tax Return ถ้าหากมีการใส่จำนวนบุตรลงในช่อง Dependents รัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือกลับมาบางส่วน (ดูจากรายได้ของ Joe Legal น่าจะได้คืนไม่น้อยกว่า $5,000นะครับ) อยากจะบอกว่าตรงนี้เองรัฐบาลลงทุนกับเด็กทุกคนที่เป็นพลเมืองของเขานะครับ มากน้อยลดหลั่นกันไป (สำหรับเด็กที่พ่อแม่ไม่ได้เสียภาษีก็จะไม่ได้สิทธิ์ตรงนี้ แต่ไปได้รับสิทธิ์ตรงอื่นๆแทนไป)

ประเด็นที่สาม การขอ Welfare บางประเภทเช่น food stamps จำกัดสำหรับคนอเมริกันหรือคนบางกลุ่มเท่านั้น คนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายนี่คงไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือนี้ แต่หากมีลูกซึ่งเป็นพลเมืองอเมริกันเท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิ์ แต่ต้องมีหลักฐานประกอบต่างๆมากมาย ซึ่งคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายจะไปหาได้จากไหน เพราะฉะันั้นการขอความช่วยเหลือจึงค่อนข้างจำกัดไม่ได้เยอะขนาดที่บรรยายใน Forward mail

คนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายจะไปขอ Federal Rent Subsidy เลยหรือครับ มันไม่เป็นการแสดงตัวตนมากเกินไปหรือครับ ถึงลูกจะเป็น Citizen ไม่ได้หมายความว่าจะปกป้องพ่อแม่ที่อยู่อย่างผิดกฏหมายได้นะครับ (เอ๊ะ หรือว่ามี แสดงว่ากล้ามาก)

ประโยคสุดท้ายนี่ยิ่งเกินจริงเลยครับ
"Joe Legal and Jose Illegal both enjoy the same police and fire services,..."
มีคนอยู่อย่างผิดกฏหมายคนไหนที่ enjoy the police services บ้างครับ เห็นมีแต่หนีให้ห่างตำรวจกันทั้งนั้น (อย่าว่าแต่คนอยู่อย่างผิดกฏหมายเลย คนถูกต้องยังไม่อยากเข้าใกล้เลยให้ตายเหอะ)


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
เป็นกำลังใจให้คุณ lookpapa ด้วยคนค่ะ เราคนมีลูกหัวอกเดียวกันเข้าใจว่าใคร ๆ ก็อยากหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเนาะ


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ผมเจ้าของกระทู้ครับ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกๆความเห็นที่เข้ามาแสดงในกระทู้นี้ ผมเองในฐานะที่มาปักหลักตั้งฐานอยู่ในเมกานี่ตั้งแต่สมัยวีซ่าใช้ตรายางประทับ และเป็นแบบ B1/B2 Indefinately ไม่มี Validity ใคร่ขอแสดงมุมมองผมเองแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ดังนี้ ปัญหา Illegal immigrant นี่เริ่มต้นมาจาก คำที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาว่า "That All Men Are Created Equal Under The Same Law" ซึ่งเป็นต้นกำเหนิดแตกหน่อแตกกอกลายพันธ์มาเป็นปัญหาต่างๆในปัจจุบัน บางยุคถึงกับใช้รากเง่านี้ไปในทางการเมือง เช่นรัฐแคลิฟฟอเนียร์ ที่มีผู้อยู่อย่างผิดกฏหมายมากที่สุดในประเทศ และเมื่อออกลูกออกหลานได้เป็นนักการเมือง ก็พยายามออกกฏหมายมาเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องชนชาติของตนเอง ทั้งนี้โดยอาศัยคำบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนั่นเอง

ทีนี้ มามองในมุมของผู้ที่ดั้นร้นย้ายถิ่นฐานมาอยู่อย่างถูกกฏหมาย ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มาใช้ชีวิตโดยเป็น Law abiding citizen ผ่านขั้นตอนทางกฏหมายเข้าเมืองสหรัฐอันเข้มงวดกวดขันกว่าจะได้เป็นผู้อยู่อย่างถูกกฏหมาย เราท่านคงไม่ปฏิเสธว่า หลายๆท่านกว่าจะได้รับใบเขียวใช้เวลาไม่ตำกว่า 10 ปี ทั้งๆที่เป็นพี่น้องร่วมครรภ์มารดาเดียวกัน หรือผู้ถือใบเขียวขอให้ลูกเมียที่อยู่กันคนละประเทศ แต่ต้องใช้เวลาไม่ตำกว่า 3-5 ปี กว่าที่ครอบครัวจะได้อยู่กันพ่อแม่ลูกพร้อมหน้ากัน เมื่อได้ใบเขียวมาปักหลักอยู่แล้ว ก็ต้องเป็นพลเมอืงดีเสียภาษีให้รัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย ต้องจ่ายค่าอินชัวร์รันด้านการรักษาพยาบาล แต่แล้วท่านจะให้พวกเขาทำใจได้ไง ที่มีพวกที่อยู่อย่างไม่ถูกกฏหมาย ไม่เสียภาษีให้รัฐ (อาจจะอ้างว่าเสียไม่ได้ เพราะไม่มีเบอร์โซเชี่ยล ไม่มีใบ (เขียว) ก็ตาม)
เข้ามาใช้เงินภาษีของพวกเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน มีลูกหลานออกมาแย่งของเล่นในสนามเด็กเล่น แย่งที่นั่งใน รร รัฐบาลของพวกเขา มันแฟร์กับพวกเขาไหมครับ?

ดังนั้นเราคงไปตำหนิผู้ที่ต่อต้านไม่เห็นด้วยกับพวกที่มาอยู่อย่างผิดกฏหมายคงไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะในความจริงแล้วพวกที่อยู่ผิดกฏหมาย มาสร้างความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นจากความเดือนร้อนที่มีมากอยู่แล้ว นั่นคือ เมื่อเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะตกตำ งานการหายากหาเย็น ผู้ที่พอมีงานทำก็ต้องโดนหักเสียภาษีให้รัฐ แล้วเงินจากภาษีเหล่านี้ก็ยังนำไปสนับสนุนผู้ที่ไม่เสียภาษีให้ได้รับประโยชน์ด้วย อย่างนี้จะทำใจได้ไงละครับ?


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
คริ คริ คริ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ตอบคุณ Rapier นะครับ ผมมิได้ตำหนิผู้ที่มีความคิดเห็นต่างนะครับ แค่ไม่เห็นด้วยกับการใช้คำพูดบางคำที่ดูรุนแรงเกินไป ซึ่งผมไม่ได้กล่าวถึงอีกเลย เพราะเข้าใจความรู้สึกคุณ lookpapa นะครับว่าบ้านของเรา เราผ่อนส่ง จ่ายค่าน้ำค่าไฟ เสียภาษี ดูแลอย่างดี อยู่ๆมามีคนแปลกหน้ามาอาศัยอยู่ด้วยเฉยเลย แถมใช้น้ำไฟฟรีอีก เป็นการเพิ่มภาระกับเรา(แถมแย่งงานเราอีก) เป็นใครก็ย่อมต้องโกรธ เกลียดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ปัญหา illegal immigrants มันละเอียดอ่อน และซับซ้อนนะครับ ไม่ใช่แค่แจ้งตำรวจจับหรือเตะออกนอกบ้านแล้วมันจะจบนะครับ (เรื่องการไม่เสียภาษี หรือลักลอบทำงาน ผมไม่โต้แย้งนะครับ ผิดหรือถูกกฏหมายกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งผมก็ได้กล่าวไว้แล้วเช่นกันในความคิดเห็นด้านบน)

คราวนี้ลองมามองปัญหาละกันนะครับ ถ้าคุณเป็นประธานาธิบดีตอนนี้คุณจะแก้ปัญหานี้อย่างไร สมมุติว่าคุณตัดงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือคนอยู่อย่างผิดกฏหมายทั้งหมดเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐ เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เสียภาษี (ทำได้อยู่แล้ว แต่จะจำกัดอยู่แค่คนผิดกฏหมายหรือเหมารวมคนที่มีรายได้ต่ำแต่ถูกกฏหมายด้วย) หลังจากนั้นจะทำอย่างไรต่อไปอีก? ผลักดันคนเหล่านี่ออกนอกประเทศ? ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เพื่อการdeportคนเหล่านี้ออกนอกประเทศสูงมากนะครับ ผมประเมินจากจำนวนคนอยู่อย่างผิดกฏหมายที่คุณ Rapier โพสไว้ในความคิดเห็นแรก แล้วรัฐจะเอาเงินงบประมาณมาจากไหน? (เฟดพึ่งประกาศ QE3ไปเองนะครับ) สมมุติว่ามีงบประมาณตรงนี้ละกัน หลังจากนั้นต้องออกมาตรการป้องกันการเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายให้สูงขึ้นไปอีก (เสียงบประมาณอีก) แล้วหลังจากนั้นล่ะ? จะเอาอย่างไรกับเด็กของคนเหล่านั้น?

จะ Deport กลับไปพร้อมพ่อแม่มั๊ย? เคยมีเคสพ่อแม่ถูกส่งกลับแต่เด็กถูกส่งไปยังสถานรับเลี้ยงนะครับ แล้วคุณว่าไม่เป็นภาระกับรัฐบาลเลยหรือ? จากที่เคยให้ความช่วยเหลือบ้าง กลายเป็นรับภาระมาเต็มๆเลยคราวนี้ ไหนจะค่าเรียน ค่าที่อยู่อาศัย ค่าน้ำค่าไฟ ค่าคนดูแล ค่าเสื้อผ้า อาหาร อื่นๆ แล้วรัฐจะเอาเงินงบประมาณมาจากไหน? หรือคุณคิดว่าพ่อแม่เด็กเหล่านี้ไม่ได้เสียภาษี เด็กเหล่านี้จึงไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือด้วย? แล้วเด็กจะอยู่รอดได้อย่างไร?

ผมแค่เสนอมุมมองอีกด้านเท่านั้น ไม่ได้สนับสนุนให้กระทำผิดกฏหมายด้วย เพียงแต่อยากให้มองภาพรวมเท่านั้น ประเด็นคือรัฐบาลให้ความช่วยเหลือเพราะเด็กเหล่านั้นเป็นพลเมืองสหรัฐ มันเหมือนกับการให้กู้ยืม แล้วเด็กเหล่านี้เมื่อโตขึ้น มีงานทำ ก็จ่ายคืนมาในรูปภาษีเท่านั้นเอง ผมว่ารัฐบาลเข้าใจปัญหาดี พยายามแก้ไขให้ดีที่สุดแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาและงบประมาณ คงไม่ใช่วันนี้ วันพรุ่งนี้ ลองคิดดูสิครับ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการเดินประท้วงของคนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายในรัฐๆหนึ่ง (หลายท่านคงนึกออก) จำนวนคนประท้วงมีเป็นล้านนะครับ ทำไมไม่จับส่งกลับประเทศเลยล่ะตอนนั้น ท่านส่งสัยหรือไม่?

สุดท้ายนะครับ ความยุติธรรมและเท่าเทียมกันมันไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้หรอกครับ มันมีแค่ในอุดมคติเท่านั้น สมัยอดีตประธานาธิบดีคลินตัน ยอมให้คนที่อยู่อย่างผิดกฏหมายเปลี่ยนสถานะเป็นคนถูกต้องได้(แบบมีเงื่อนไขนะครับ) คุณว่ายุติธรรมกับพวกคุณหรือไม่? แล้วคุณคิดว่ายุติธรรมหรือไม่ ที่คนที่มีรายได้เท่าคุณแต่เสียภาษีมากกว่าคุณ เพราะไม่ได้แต่งงาน หรือมีลูก เลยไม่ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี? (ผมมีเพื่อนที่คิดแบบนี้จริงๆนะ เขาเปรยๆว่าอยากแต่งงานมีลูกเพื่อขอลดหย่อนภาษีบ้าง)


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
คุณ ริวคุง ผมเคยได้อ่านผ่านตาที่ไหนจำไม่ได้ ฝรั่งคุยกันว่าไปหาผู้หญิงแต่งงานที่ไทยแลนด์ซิ พาไปอยู่เมกา
ได้ทั้งคนดูแล ปรณนิบัติ ได้ทั้งเมีย แถมไปหักภาษีได้อีกด้วย what a deal

....อ่านแล้วสลดใจมากๆ.....

ปัญหาเรื่องที่ถกกันอยู่นี่ฝรั่งเจ้าของประเทศ(ส่วนมาก)เขาไม่เห็นสนใจเรื่องพวกนี้ ถือว่าเราทำงานเสียภาษีราย
ได้ให้รัฐก็ I've done my share จบ เรื่องเหล่านั้น It's not for me to decide or able to do anything about it.


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
ตอบคุณ Techie นะครับ ปัญหาที่เราสนทนากันนี่ ฝรั่งก็มีการถกเถียงกันนะครับ โดยเฉพาะในรัฐที่แรงงานเถื่อนจำนวนมากอย่าง CA ถึงขนาดที่มีนักการเมืองบางคนจับมาเป็นประเด็นว่าสาเหตุที่มีการหลั่งไหลของแรงงานเถื่อนเข้ามายังอเมริกา เพราะคำที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐ(อย่างที่คุณ Rapier ได้ยกตัวอย่างมา) ได้ถูกตีความให้ผิดเพี้ยนจากเจตนารมน์เดิมของผู้ร่าง ผมเข้าใจว่าคุณ Rapier กำลังจะสื่อถึง 14th Amendment ที่เขียนไว้ว่า "All persons born or naturalized in the United States, and subject to the jurisdiction thereof, are citizens of the United States and of the State wherein they reside" (ซึ่งแน่นอนไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย มนุษย์เราก็ตีความของกฏหมายที่เขียนไว้ไปคนละแบบ ดูัตัวอย่างได้จากผู้พิพากษา 2 ท่าน คดีคล้ายๆกัน แต่ตัดสินไปคนละแบบก็มี)

โดยมีบางท่านตีความของ 14th Amendment ไว้ว่าน่าจะหมายถึงเด็กที่เกิดจากพลเมืองสหรัฐที่อยู่อย่างถูกต้องตามกฏหมายจึงจะได้สิทธิ์นั้น บ้างก็ว่าต้องการปกป้องไม่ให้ทาส(ในอดีต)ถูกส่งกลับไปอัฟริกาหลังสงคราม Civil War ฉะนั้นจึงไม่ได้หมายรวมถึงเด็กที่เกิดจากคนที่เข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย เพราะ Illegal mom is not subject to the jurisdiction ส่วนอีกกลุ่มกลับมองว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง แล้ว illegal mom คนเดิมขนยาเสพติดข้ามพรมแดนมาแล้วถูกจับได้ก็ไม่ต้องรับโทษเช่นกันด้วยเหตุผลเดียวกันคือ she is not subject to the jurisdiction! แต่ในความเป็นจริงแล้ว Any person inside the United States is "under the jurisdiction of the United States." Unless they are a diplomat inside an embassy ใช่หรือเปล่าครับ? ประเด็นคือกฏหมายภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันทำไมถึงได้เลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด คุณ Techie พอจะมองปัญหาออกมั๊ยครับว่ามันซับซ้อน

ผมอยากจะย้ำอีกทีว่าไม่ได้สนับสนุนผู้กระทำผิดนะครับ และปัญหาไม่ได้เกิดจากเด็กเหล่านั้นนะครับ พ่อแม่พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้กระทำผิด แล้วเด็กเหล่านั้นต้องร่วมรับผิดชอบหรือไม่? เขาเลือกเกิดได้หรือ? คุณรู้หรือไม่เรื่องที่ผมเล่าว่าพ่อแม่ถูกส่งตัวกลับประเทศ ในขณะที่ลูกถูกส่งไปสถานรับเลี้ยงจบแบบไหน? เด็กเสียชีวิตครับ จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่มันถูกต้องแล้วหรือครับที่เราจะหยิบยื่นความตาย (ไม่ตายจริงก็เหมือนตายทั้งเป็น) ให้กับเด็กที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ ผมเคยมีความรู้สึกเหมือนกันกับคุณ Rapier คุณlookpapa คุณปลาสลิดแดดเดียว และอีกหลายๆคนที่คิดว่าถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด จนกลับมาคิดว่าถ้าวันหนึ่งผมกับแฟนประสบอุบัติเหตุตายไปล่ะ เราไม่ได้เสียภาษีแล้ว ลูกเราจะทำอย่างไร? จะมีคนสนใจให้ความช่วยเหลือหรือไม่? ผมจึงไม่อยากมองอะไรด้านเดียวอีก เพราะการมองโลกแต่ด้านดีเพียงด้านเดียวก็เหมือนเราเป็นคนประมาท แต่ถ้าเรามองแต่ด้านไม่ดีเพียงด้านเดียว เราก็เป็นคนที่ปิดกั้นตัวเองเหมือนกัน

จากประสบการณ์ที่ผมได้เจอมาเราแก้ปัญหาด้วยการเดินทางสายกลางได้นะครับ ไม่ต้องตึงตามกฏหรือหย่อนยานจนเกินไป ผมขอยกอีกตัวอย่างละกัน หลายท่านคงเคยขับรถโดยใช้ถนน Local ที่มีแค่สองเลนวิ่งสวนกลับไปมาได้ หากท่านเจอเหตุการณ์ที่รถฝั่งที่ขับสวนมาแซงไม่พ้น ท่านจะทำอย่างไร? ยึดถือความถูกต้อง ขับในเลนของท่านต่อไปแม้ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือท่านจะหลบลงข้างทางนิดนึง แล้วค่อยไปต่อ?

ปล. ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนี้เป็นความคิดเห็นสุดท้ายสำหรับผมนะครับ คงไม่ได้กลับมาตอบอีก และขออภัยทุกท่านที่การออกความคิดเห็นของผมในบางจุดอาจทำให้ท่านไม่สบายใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 34