การหาเพื่อนต่างชาติหน่อยนะคะ

สวัสดีค่ะนี่เป็นครั้งแรกที่ตั้งกระทู้ในห้องนี้ตื่นเต้นนิดหน่อย ฮ่า ๆ (เราตั้งกระทู้น้อยมากและตื่นเต้นทุกครั้งที่ตั้ง) คิดอยู่นานเลยค่ะว่าจะตั้งหัวกระทู้ว่าอะไรดีเพราะอยากเล่าอยากระบายชีวิตตัวเองคร่าว ๆ (มั้ง) ด้วยและขอคำแนะนำในการหาเพื่อน เพราะฉะนั้นมันอาจจะยาวอยู่สักนิดถึงแม้จะทราบว่าหลายคนไม่ค่อยชอบอ่านอะไรยาว ๆ เลยไม่รู้จะมีใครสนใจอ่านไหมแต่รบกวนช่วยอ่านหน่อยนะคะและขออภัยไว้ก่อนถ้าเราเขียนแล้วทำให้จับใจความได้ยาก แหะ ๆ แบบว่าเขียนไม่เก่งน่ะค่ะอาจจะวกไปวนมาสักหน่อย

ตอนนี้เราอาศัยอยู่ที่สวีเดนปีครึ่งแล้วแต่ก่อนหน้านั้นก็มาได้มาเยี่ยมคุณแม่แล้วสองครั้ง ครั้งที่สองก็ได้เจอกับแฟนเลยได้ทำวีซ่าฐาวรมาอยู่ที่นี่โดยรวมแล้วถือว่าคุณภาพชีวิตค่อนข้างดีกว่าตอนอยู่เมืองไทยค่ะ เพราะอยู่ที่เมืองไทยค่อนข้างจะเหลาะแหละไปวัน ๆ แป่ว อ่อ บอกไว้ก่อนว่าเราอายุ 23 จะ 24 แล้วค่ะกำลังเรียนวิชาผู้ช่วยพยาบาล จริง ๆ เราเรียนภาษาแค่ 8 เดือนและตอนเรียนกรุ๊ป A,B เราเรียนเองคือก็ไปเรียนตามปกตินะแต่พอดีไปเจอกับครูที่ค่อนข้างใจดีมาก ๆ มากซะจนไม่ค่อยมีอะไรให้นักเรียนทำ -"- แกค่อนข้างจะชอบคุยและไม่ค่อยชอบให้นักเรียนเครียดเลยสอนวันละนิดละหน่อยซะอย่างนั้น เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มแรกนี่เราอ่านแล้วก็ทำความเข้าใจเองค่ะ นี่เองคือปัญหาเรามีความรู้ด้านภาษาไม่แน่นพอจริงอยู่ว่าตอนทำข้อสอบคะแนนที่ได้ก็ค่อนข้างดี (ไม่รู้ว่าครูปล่อย ๆ มากไปรึเปล่า) แต่พอสอบเสร็จก็ลืมคำศัพท์และความรู้ต่าง ๆ ก็ทิ้งไว้ในห้องเรียนนั่นแหละ แล้วเราก็จะได้พูดภาษาสวีดิชเฉพาะในห้องเรียนซึ่งอาทิตย์นึงไปโรงเรียนแค่ 3 วัน อยู่บ้านแฟนก็พูดแต่ภาษาอังกฤษและส่วนใหญ่เราตอบเป็นภาษาไทยค่ะ (เพราะแฟนพูดไทยและเข้าใจภาษาไทยค่อนข้างมาก) เซ็ง ฮ่า ๆ

พอเรียนจบ (ได้ไงก็ไม่รู้) ก็ต่อวิชาผู้ช่วยพยาบาลเลยค่ะทั้งที่ภาษาก็เน่ามาก ๆ บอกตรง ๆ เลยนะคะ เราพูดได้แบบที่คนฟังยังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เขียนอ่านก็ยังงั้น ๆ แต่ครูที่สอนแกเป็นคนใจดีมาก ๆ พยายามช่วยเราตลอดและบอกเราเสมอๆ ว่าอย่าท้ออย่าหยุดให้กำลังใจดีมาก ๆ ถึงแม้เราจะบอกกับตัวเองว่าหยุดเถอะ ๆ วันละ 38 รอบแต่พอเช้าวันต่อไปเราก็วิ่งขึ้นรถไปเรียนอยู่ดี และอีกอย่างตอนอยู่เมืองไทยเราเรียนม. ปลายไม่จบ มานี่เลยอยากเรียนอะไรให้จบซักอย่างและที่สำคัญคุณแม่แกดีใจมาก ๆ พอเราบอกว่าเราจะเรียนเราเลยหยุดไม่ได้ แม้วิชานี้จะทำให้เราเครียดจนน้ำหนักลดไป 4 กิโลใน 2 อาทิตย์แรกที่เรียนก็ตามเพราะเนื้อหาวิชาค่อนข้างยากสำหรับคนที่ไม่เก่งภาษาอย่างเรา เวลาทำงานกลุ่มเราก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงคนอื่นตลอดพอต้องทำงานกับเพื่อนร่วมชั้นคนสวีดิชเราก็จะเครียดขึ้นมาทันทีจนสั่นถึงแม้พวกเค้าคอยบอกว่าไม่เป็นไรเข้าใจ ๆ แต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้อยู่ดี

อย่างที่เขียนไปตอนต้นแล้วว่าเราอยากหาเพื่อนอยากมีเพื่อนมาก ๆ ค่ะ ซึ่งจริง ๆ ที่นี่ก็มีคนไทยอยู่พอสมควรถึงแม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ติดชายแดนนอร์เวย์ (คนไทยไม่ว่าที่ไหนก็มี ฮ่า ๆ) ซึ่งคนที่เราสนิทมีแค่คนเดียวอายุก็ไล่ ๆ กันแต่นางทำงานทุกวันเลยไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เราต้องการที่สุดตอนนี้คือเพื่อนที่เป็นคนสวีเดนเหตุผลอย่างแรกคืออยากฝึกภาษาค่ะถึงแม้เราจะอ่านเท่าไหร่มันก็ไม่เคยเข้าไปอยู่ในสมองเราเลยลืมตลอด ๆ อันนี้สำหรับคนหัวขี้เลื่อยอย่างเรานะคะ เราเคยหาเพื่อนใน penfriend ค่ะที่ต้องเป็นเว็บนี้เพราะไม่รู้จักเว็บอื่น ๆ เวลาพิมพ์คำว่าหาเพื่อนในสวีเดนส่วนใหญ่จะเป็นเว็บหาคู่ ห่วย เราส่งข้อความไปให้หลาย ๆ คนแต่ที่ตอบกลับมามีแค่ 2-3 คนและสองคนในนั้นบอกกับเราว่า เค้าไม่ได้อยากมีเพื่อนเป็นคนไทยมันไม่ใช่หน้าที่ ๆ เค้าจะต้องมาทำความรู้จักกับเราประมาณนี้ แป่ว แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าเราแค่แนะนำตัวและเขียนว่าอยากทำความรู้จักกับเขาเท่านั้น พอลองเปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนที่โตกว่าสัก 20 ปลายถึง 30 เค้าก็บอกว่าเค้าอยากจะรู้จักกับคนอายุใกล้เคียงกันมากกว่า เง้อ เศร้าอีกรอบเลยเลิกค่ะ สงสัยจะหน้าตาไม่น่าคบ ฮ่า ๆ แล้วอีกอย่างเราพูดไม่ค่อยเก่งค่ะไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรดี

บางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ลองพยายามเป็นเพื่อนกับเพื่อนร่วมชั้น แหะ ๆ ถ้ามันง่ายก็ดีสิคะ แบบว่าถึงจะทำงานกลุ่มร่วมกันแต่มันก็สานสัมพันต่อไม่ได้สักทีถึงแม้เราจะชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศพยายามถามถึงความสนใจของพวกเขา บอกความสนใจของเราบ้างถึงเขาจะไม่ถามก็ตาม เค้าก็ตอบกันนะคะแต่จบแค่นั้นก็จบไม่เคยถามอะไรเราต่อเลย เวลาพักเที่ยงเราก็เสนอหน้าไปขอเค้านั่งด้วยแต่ส่วนใหญ่เค้าก็เป็นกลุ่มเพื่อนกันมาก่อนอยู่แล้ว เค้าก็จะคุยกันแต่เรื่องที่เราไม่รู้เรื่องแฟนคนนั้น ลูกคนนี้คนข้างบ้านงานปาร์ตี้ บลา ๆ สุดท้ายหงอยคนเดียวเหมือนเดิม

ทำไมมันยากอย่างนี้คะในการหาเพื่อนเราพยายามที่จะส่งยิ้มให้หลาย ๆ คนที่เดินผ่านกันเดินสวนกัน (แต่มีหลายคนบอกว่าตอนเราทำหน้าเฉย ๆ เหมือนคนหน้าบึ้งตลอด) พอหน้าหนาวมาเราก็อยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่แล้วเราก็จะมีคุณโรคซึมเศร้ามาอยู่เป็นเพื่อนนั่งร้องไห้ได้แม้กระทั่งแค่ลมพัด แหะ ๆ เราเลยคิดว่าถ้ามีเพื่อนสักแค่คนหรือสองคนเราจะไม่เป็นอีก ( มันหายไปในหน้าร้อนค่ะแต่ดูท่าแล้วจะกลับมาอีก ป่อย) ถึงแม้คุณแม่เราจะโทรมาหาบ่อย ๆ ก็ตามแต่มันก็ไม่เหมือนกันกับการมีเพื่อน คนที่เราคุยได้ทุก ๆ เรื่องกอดคอกันเฮฮานินทาผู้ชายหรืออะไรหลาย ๆ อย่างที่เพื่อนเค้าทำกันมันเป็นอะไรที่เราโหยหาที่สุด ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านจนจบ (จะมีไหมเนี่ย) ขอโทษที่ยาวไปหน่อยและขอคำแนะนำนะคะขอบคุณมากค่ะ

(เริ่มเขียนตั้งแต่ตี 2 นี่ตี 3 แล้วค่ะพรุ่งนี้คงกลายร่างเป็นหมีแพนด้าไปเรียน)

ความคิดเห็นที่ 1
พยายามหาเพื่อนร่วมชั้นให้ได้ครับ เข้าใจว่าคุณพยายามแล้วนะครับ แต่ก็พยายามต่อไปครับ เชิญเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านก็ได้ สองสามคน ก็ว่าไป

เท่าที่อ่านความตั้งใจคุณมีอยู่แล้วแหล่ะครับ ขอให้พยายามต่อไปแล้วมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 1-1
"พยายามหาเพื่อนร่วมชั้นให้ได้ครับ เข้าใจว่าคุณพยายามแล้วนะครับ แต่ก็พยายามต่อไปครับ เชิญเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านก็ได้ สองสามคน ก็ว่าไป

เท่าที่อ่านความตั้งใจคุณมีอยู่แล้วแหล่ะครับ ขอให้พยายามต่อไปแล้วมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง


"
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่รู้จะช่วยได้มากหรือน้อยนะคะ ตอนนี้เรามาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนอยู่ที่มหาลัยในฟิลิปปินส์ แต่เพื่อนที่เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนด้วยกันส่วนมากจะมาจากฝรั่งเศส เยอรมันเป็นส่วนใหญ่ เค้าจะไม่ค่อยเข้าหาเราก่อนหรอค่ะ แต่เป็นเราที่ต้องเข้าไปทำความรู้จักหรือพูดคุยกับเค้าก่อน คนพวกนี้เค้าไม่เหมือนกับคนไทยหรือคนเอเีชียที่แบบเห็นหน้ากันบ่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็ยิ้มให้กันเวลาที่เจอ เพราะในความคิดของเค้าคือถ้าตราบใดที่ไม่เคยคุยกัน ถึงจะเคยเห็นหน้ากันในคลาส เราก็คือคนแปลกหน้าสำหรับเค้าอยู่ดี เราเข้าใจนะคะ เพราะก่อนหน้านี้เราก็เจอเค้าน์เจอร์ช็อคแบบนี้ แล้วก็รู้สึกเหงามากๆเหมือนที่เจ้าของกระทู้รู้สึก แต่ตอนนี้เราโอเึคแล้ว เราค่อนข้างจะขี้่อาย แต่เราต้องเปลี่ยนด้วยการชวนเค้าคุยก่อน ชวนเค้าไปกินข้าวเย็นด้วยกัน หลังจากนั้นพอรู้จักซักพักแล้ว ถ้าเค้าจัดปาร์ตี้หรืออะไรก็ไปเถอะค่ะ จะได้รู้จักคนเยอะๆนะ เราไม่รู้ว่าพวกสวีดิชเค้าเป็นยังไง แต่พวกฝรั่งเศสเค้าจัดปาร์ตี้กันบ่อยมากๆ มันเลยทำให้รู้จักกับคนเยอะขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ทำขนมไปแจกเลยค่ะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
มีแฟนด้วยไม่ใช่เหรอ แต่ขอแนะนำให้กลับเมืองไทยดีกว่า

หากว่ายังไม่อยากจะกลับเมืองไทย ก็ทำตัวให้ร่าเริง คิดแต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและภูมิใจ หากว่าหาไม่เจอ volunteer ออกไปช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่ามัวแต่นั่งน้อยอกน้อยใจว่าไม่มีเพื่อน หรือไม่เข้าใจภาษาพอเพียง

หากว่าเรียนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากภาษา หันไปเรียนวิชาชีพ อาจจะง่ายกว่าที่เป็นอยู่เวลานี้เพราะอยู่ในเมืองไทย ก็ยังไม่จบ ม ปลาย วิชาพยาบาลนั้น ไม่ใช่ง่ายๆครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกคำตอบนะคะเรื่องปาร์ตี้นั้นเราคงยังไม่กล้าค่ะ เพราะไม่สนิทกันถึงขั้นที่จะชวนไม่ใช่ไม่อยากแต่บางทีอาจจะดูเป็นเรื่องแปลกสำหรับเค้าเราคิดอย่างนั้นนะคะ แต่ถ้ามีโอกาสสนิทกันกว่านี้เราชวนแน่ ๆ ค่ะ

ส่วนเรื่องปาร์ตี้เราคิดว่าคงจะมีบ่อย ๆ อยู่มั้งคะสังเกตุจากหนุ่มข้างบ้านตั้งแต่อยู่มาเคยถูกเชิญครั้งเดียวเองตอนนั้นดีใจมาก ๆ แต่เผอิญว่าแฟนของคนที่เชิญเราเค้าไปมีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงไทย คนที่เราเคยเกือบจะได้เป็นเพื่อนเค้าเลยคุยกับเราและคุณแม่เราน้อยลงซะอย่างนั้น ทั้งที่ตอนนั้นเธอสนใจทุกเรื่องเกี่ยวกับเมืองไทยมาก ๆ ตอนนี้เลยได้แค่เซย์ไฮเท่านั้นค่ะ อีกอย่างเมืองที่เราอยู่เล็กมากค่ะคนก็น้อยวัยรุ่น ๆ เรายิ่งน้อยมากเพราะไม่ได้มีมหาลัยเลยลำบากไปหน่อย แต่ก็ค่อนข้างสงบและปลอดภัยมาก ๆ ซึ่งเราค่อนข้างชอบคนที่นี่มากกว่าคนเมืองใหญ่ ๆ

เรื่องขนมนี่คงต้องฝึกปรือฝีมืออีกยาวมาก ๆ เลยค่ะเพราะเรากินได้ไม่กี่คำก็ยังต้องทิ้งแหะ ๆ

เรื่องแฟนเรา เค้าอายุมากกว่าเราค่อนข้างมากค่ะเพราะฉะนั้นเพื่อนเค้าเลยมีแต่คนรุ่น ๆ เดียวกันเวลาเราไปร่วมวงนั่งคุยด้วยเลยค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ไม่สนุกเท่าไหร่ อีกอย่างเค้าเจอกันน้อยมากด้วย และเราก็ไม่คิดจะกลับไปใช้ชีวิตที่เมืองไทยเร็ว ๆ นี้แน่ค่ะ

และเรื่องเรียนนั้นเราทราบดีค่ะว่ายากอย่างที่บอกว่าเคยคิดจะหยุดในหลาย ๆ ครั้งเพื่อที่จะไปหางานอะไรก็ได้ทำก่อนสักปีเพื่อฝึกภาษาและจะได้เจอกับผู้คนด้วย แต่เราก็เสียดายเวลาเรียนในเมื่ออนาคตเราตั้งเป้าไว้แล้วว่าเราจะทำงานในสายงานนี้ถ้าเราออกไปทำงานยังไงก็คงย้อนกลับมาเรียนอยู่ดี เลยคิดว่าเรียนให้มันจบ ๆ ไปเลยดีกว่าซึ่งแน่นอนว่าสำหรับเราคงใช้เวลามากกว่าคนอื่นมากเพราะเราเรียนแค่ 3 จาก 5 วิชา ซึ่งเรื่องเวลาเรียนไม่ได้เป็นหากับเราและทางโรงเรียนค่ะเราเรียนเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่เราไหว เรื่องอาสาสมัครนั้นเราอยากจะทำอยู่แล้วค่ะแต่ว่าจะช่วยเหลืออะไรใครได้ยังไงถ้าสื่อสารไม่เก่งพอเราคิดอย่างนี้นะคะ แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เรื่องอาสาสมัคร ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาครับ ไปช่วยเขาตามโรงพยาบาล
ช่วยเปิดกล่องนมให้คนไข้ ช่วยหั่นอาหารให้คนแก่ ช่วยเหลือคนไข้จำพวกที่ไม่มีญาติพี่น้อง และจะเป็นผลดีกับตัวคุณเอง อีกแยะ ในเรื่องเรียน

สำคัญมากๆ ทำให้ตนเองภาคิภูมิใจกับงานช่วยเหลือของเรา อาจจะทำให้คุณได้ความคิดว่า คนอื่นๆ เขาแย่ยิ่งกว่าเรา แล้วเราจะไปเศร้าเรื่องไม่มีเพื่อนไปทำไม

ใช้เวลาเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นๆ อาจจะทำให้เรามีความสุขครับ ได้ความสุขแล้วคงจะร่าเริงไปเอง คงทำให้คนอื่นๆอยากเข้ามาเป็นเพื่อนกับเรา


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
มันไม่ใช่หน้าที่ ที่เค้าจะต้องมาทำความรู้จัก

มันไม่ใช่คำซ้ำนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
อ้อ ถ้าอย่างที่คุณแนะนำมาเราไม่แน่ใจว่าที่นี่ต้องการคนไหมนะคะแต่ยังไงเราจะลองถามเค้าแน่นอนค่ะ เพราะเรื่องดูแลคนแก่นี่ที่นี่จะมีผู้ช่วยพยาบาลที่เป็นคนทำงานตรงนี้ในส่วนของบ้านพักคนชราและสำหรับบางคนที่ต้องการคนดูแลแต่ยังคงพักอยู่ที่บ้านตัวเอง อ้อ รวมถึงด้านคนพิการเหมือนกันค่ะซึ่งเราเรียนผู้ช่วยก็เพื่อที่จะไปทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็มีบางส่วนที่ทำงานตรงนี้ได้โดยไม่มีต้องมีวุฒิ แต่เราเห็นว่าช่วงนี้เศรฐกิจไม่ค่อยดีเรียนให้ได้วุฒิดีกว่าอาจจะเป็นผลดีกับเราในอนาคต ส่วนเรื่องผู้ป่วยตามโรงพยาบาลนี่เราไม่แน่ใจค่ะ แน่นอนค่ะว่าเราอยากทำอะไรสักอย่างที่ทำให้เราสามารถภูมิใจในตัวเองได้ ที่เราอยากมีเพื่อนก็เพราะว่าเราแค่เหงาเท่านั้นเองค่ะ แต่จริง ๆ เราค่อนข้างจะร่าเริงนะคะจนออกจะเกินไปสักหน่อย คุณแม่บอกมา ฮ่า ๆ

ไม่รู้ว่าเขียนไปอ่านแล้วจะงงไหม เพราะเรากำลังงงมาก ๆ เมื่อคืนสุดท้ายก็ไม่ได้นอนค่ะ แป่ววว


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
อ้อ ขอบคุณค่ะคุณเด็กหญิงกุ๊งกิ๊ง อ่านตอนแรกแล้วงงอะไรหว่า 55 เราจะพยายามไม่เขียนผิดแล้วค่ะแต่อันนี้คงเป็นความเข้าใจผิดของเราเอง และก็เข้าใจผิดมาตลอดว่าคำที่มันเหมือนกันและวางอยู่ใกล้กันสามารถใช้ไม้ ๆ ได้ (ขออภัยค่ะลืมแล้วว่าชื่ออะไร)


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เข้ามาอ่านดูกระทู้ของคุณ จากประสบการณ์ของตัวเองนะคะ อย่าเพิ่งท้อ ถ้าคุณเรียนจบแล้วเข้าไปทำงานก็จะได้เพื่อนจากที่ทำงานเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อยู่ที่สวีเดนเหมือนกันคะ อยู่มา9ปีแล้ว มาครั้งแรกตอนอายุ25 แต่ย้ายมาอยู่ตอนอายุ 28 คำนวนเอาละกันนะคะ^^ แต่อายุจะห่างจากน้องสักหน่่อยแต่ก็ถ้ามีอะไรให้แนะนำก็ยินดีคะ ส่วนภาษาพี่คิดว่าเราก็สามารถพัฒนาภาษาได้เองนะคะ อยู่ที่ความสนใจของเรามีแค่ไหน อาศัยเพื่อนที่โรงเรียนที่น้องไปเป็นประจำและที่บ้าน ดูหนังดูข่าว อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านหนังสือที่เราสนใจในภาษาสวีเดน ก็ช่วยเราได้มากคะ การคบเพื่อนต่างชาติจะยอมรับเรายากมากโดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะมีอะไรที่ต่างกัน และเข้าหาค่อนข้างยากนอกจากเราจะเจอคนที่เปิดใจรับเราจริงๆสำหรับต่างชาติอย่างเรา สำหรับพี่ไม่มีเพื่อนสนิทเป็นต่างชาติเลย และพี่มีเพื่อนสนิทคนไทยก็มีแค่คนเดียวเหมือนกัน แต่สำหรับเด็กที่โตมาจากที่นี่ เขาจะมีเพื่อนต่างชาติได้ง่ายเพราะเขาโตมาด้วยกัน เรียนด้วยกันตลอด ฉนั้นค่อนข้างจะต่างกันกับเรากับเด็กที่โตที่นี่กับคนที่มาอยู่ที่นี่และโตแล้ว พี่ก็ไม่ได้เก่งภาษาเท่าไร แต่ก็พอสนทนาได้รู้เรื่อง และเรียนจบแค่ SFI กะ SASแค่เดือนเดียว และทำงานมาตลอด มีอะไรจะให้แนะนำก็ได้นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เรามีเพื่อนต่างชาติจากไปเรียน SFI แต่เพื่อนคนสวีเดนนี่ยังไม่มีเหมือนกันค่ะ
พอดีเราต้องไปๆกลับๆทำงานที่เมืองไทย เลยต้องพักเรื่องเรียนภาษาไว้
ตอนมาใหม่ๆไม่มีเพื่อนก็เหงาค่ะ ทำงานให้ทางเมืองไทยอยู่ที่บ้านไม่เจอผู้คนนอกจากแฟน
พอได้ออกไปเรียน SFI นี่มีความสุขมาก เจอเพื่อนหลายชาติ สนุกดี มีปาร์ตี้ครั้งคราว
เราเลิกเรียนไปแล้วยังพยายามเกาะกลุ่มอยู่

เราว่าหาเพื่อนจากที่เรียนง่ายที่สุด แต่คนที่สวีเดนคุยทักทายเป็นเรื่องปกติ แต่จะคบเป็นเพื่อนจริงจังมันไม่ง่ายเลย แบบว่าเข้าถึงยากค่ะ คิดเหมือนความคิดเห็นที่ 11 เลยค่ะ
อย่าเพิ่งท้อนะคะ
เราไปเข้ากลุ่ม Swedish Lesson ในเว็บ couchsurfing ไว้ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
ลองเข้าไปดูนะคะ จะแปะลิ้งค์ไว้ให้ แต่ website down อยู่ค่ะ ลองอากู๋ดูนะคะ
อาจจะหาคนช่วยฝึกภาษาได้ เว็บนั้นไม่ใช่เว็บหาคู่ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณมากค่ะ ขอสารภาพเลยนะคะจริง ๆ แล้วเป็นคนชอบเรียนภาษามากถึงจะไม่ได้เก่งมากเรียนเข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่งแต่ตอนเรียน SFI มีความสุขทุกวันกับการไปเรียนค่ะถึงแม้ช่วงกรุ๊ปสุดท้ายจะเริ่มยากจนทำใหหงอยไปบ้าง แต่เพื่อนร่วมชั้นเราส่วนใหญ่มีแต่วัยกลางคนจนถึงปลายไปแล้วค่ะ รุ่นใกล้ ๆ กันไม่มีเลยนอกจากพี่คนไทยซึ่งเค้าก็มีครอบครัวและกลุ่มเพื่อนของเขา คือเราไม่ใช่ว่ากระแดะนะคะแต่ว่าบางทีการใช้ขีวิตของพวกพี่เค้ากับเราค่อนข้างต่างกันมากเราเลยไม่ค่อยสนิทกับเค้าเท่าไหร่ ( จริง ๆ แล้วเค้าไม่คบ ฮ่า ๆ) นอกนั้นก็มีพวกคนดำค่ะแล้วก็ประเทศใกล้เคียงประปรายซึ่งก็อายุมากกว่าเราเยอะมาก ป่อย แต่ทุกคนก็คุยกันดีค่ะแต่ไม่มีใครสนิทกันเท่าไหร่

พอมาเรียน vård och omsorg แล้วฝรั่งเพียบเลยค่ะรุ่นเดียวกันก็มีไล่กันก็เยอะแต่ว่าวัยรุ่นที่นี่เป็นอย่างที่พี่ คห ที่ 11 กับคุณ คห 12 บอก พยายาม ๆ แต่ก็ยากค่ะ เรื่องเว็บไซต์ก็ขอบคุณนะคะ ส่วนเพื่อนตอนทำงานอยากให้ถ้าจนถึงตอนนั้นยังไม่มีเพื่อนก็ขอให้มีสักที 555


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ผมอยู่นอร์เวย์นะ

ปัญหาของการสอนภาษาให้ชาวต่างชาติคือ เค้าจะสอนให้คุณพูดได้ แต่อ่านและเขียนได้น้อย ดังนั้น ภาษาที่คุณได้จะไม่แม่นพอให้คุณเรียนต่อได้อย่างไม่ติดขัด อีกอย่างคุณอย่าไปเลียนแบบสำเนียงการพูดจากคนไทยด้วยกัน ให้เลียนแบบจากแฟนคุณ

วิธีแก้ปัญหา อ่านหนังสือพิมพ์เยอะๆ พวก Expressen หรือ Aftonbladet ก็พอช่วยได้ หลังจากนั้นให้ลองซื้อนิยายภาษาสวีดิชมาเล่มนึงแล้วนั่งอ่าน สิ่งนี้จะทำให้คุณได้แกรมม่า และศัพท์ที่เค้าใช้กันตามตำราเรียน

ผมเรียนภาษานอร์วีเจียน 1 ปี (ก็ 8 เดือนเหมือนคุณแหละ) และต่อโท ช่วงเทอมแรกของการเรียนโทเป็นภาษานอร์วีเจียนก็นรกเหมือนคุณนี่แหละ ไหนจะ dialekt ต่างเป็นสิบๆ ไหนจะตำราเรียนทั้งอังกฤษ นอร์วีเจียน เดนิช สวีดิช ไหนจะคำศัพท์แปลกๆ อีกไม่กี่เดือนก็จะชินครับ

เรื่องเพื่อน ผมก็เพื่อนน้อยมากตอนเรียน ที่คบกันมีแต่ต่างชาติ ไม่มีคนนอร์เวย์เลย อันนี้ไม่แปลกครับที่เราจะสนิทกับต่างชาติด้วยกัน ยังดีกว่าไม่มีเพื่อน ส่วนเพื่อนนอร์เวย์จะมาได้ก็ตอนทำงานนี่แหละครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
คนที่เราคบ เค้าก้ออยู่สวีเดนค่ะ เหนเค้ามี้เพื่อนเยอะออกค่ะ จนลืมคนทางนี้ไปแล้วล่ะค่ะ อาจจะด้วยเวลาที่ต่างกัน กับต่างคนต่างก้อยุ่ง เค้าเรียนหนักเราเองก้อเรียนหนัก ตอนนี้ไม่รุ้เลยว่าจะเปนยังไง น้อยใจบ่อยๆที่เค้าไม่เคยเหนค่าเราเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
1 ทำไมมันยากอย่างนี้คะในการหาเพื่อนเราพยายามที่จะส่งยิ้มให้หลาย ๆ คนที่เดินผ่านกันเดินสวนกัน (แต่มีหลายคนบอกว่าตอนเราทำหน้าเฉย ๆ เหมือนคนหน้าบึ้งตลอด)

2 พอหน้าหนาวมาเราก็อยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่แล้วเราก็จะมีคุณโรคซึมเศร้ามาอยู่เป็นเพื่อนนั่งร้องไห้ได้แม้กระทั่งแค่ลมพัด แหะ ๆ

3 ที่เราอยากมีเพื่อนก็เพราะว่าเราแค่เหงาเท่านั้นเองค่ะ แต่จริง ๆ เราค่อนข้างจะร่าเริงนะคะจนออกจะเกินไปสักหน่อย คุณแม่บอกมา ฮ่า ๆ

Sitคนเดียวแล้วหลอนในตอนกลางคืน

กอ่นที่จะไปช่วยคนอื่น ก่อนที่จะออกไปหาเพื่อน ก่อนที่จะไปเรียนหนังสือ เราต้องยอมรับตนเองก่อนนะครับ ว่าเป็นคนที่ค่อนข้างร่าเริง หรือว่า ซืมเศร้า หรือว่าอย่างไร

แต่ผมยังขอยันให้คุณออกไปช่วยเหลือคนอื่นๆนะครับ ไม่ก็ต้องออกไปหาจิตแพทย์สอบสวนเอาเองแล้วกัน ว่าตนเองกำลังต้องการอะไร.....


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
คุณ hollywop เราคิดว่าเรารู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไงนะคะ คือช่วงหน้าหนาวเนี่ยบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างทำให้เรารู้สึกหดหู่ค่ะ ด้วยประชากรก็น้อยเมืองก็เงียบอย่างกับเมืองร้างไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เลยได้แต่อยู่บ้านคนเดียว ทีนี้เราสังเกตุตัวเองได้ว่าเข้าค่ายจะเป็นโรคซึมเศร้าเลยไปปรึกษาหมอแต่ไม่ใช่จิตแพทย์นะคะ เป็นหมอทั่วไปก่อนเค้าให้คำแนะนำเรามาว่า อาจจะเป็นเพราะเนื้อหาที่เรียนค่อนข้างยากเราเลยเครียดมากเกินไป เลยพาลเครียดในหลาย ๆ เรื่องจนทำให้ไม่มีความสุข เค้าเลยไม่ส่งเราไปหาจิตแพทย์เพราะเรายังไม่ถึงขั้นอยากฆ่าตัวตายน่ะค่ะ ทีนี้ในเมื่อเราพอจะได้คำแนะนำมาและจากคำพูดบางคนที่บอกมาว่าเราค่อนข้างจะหน้าบึ้ง เราเลยพยายามปรับให้ดีขึ้นด้วยการทำตัวให้ปกติและร่าเริงให้มากขึ้นค่ะ แต่อาการหดหู่นี่พออากาศร้อนขึ้นมันก็หายไปนะคะเลยร่าเริงได้โดยอัตโนมัตแบบไม่ต้องพยายาม :)


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
มันเป็นปัญหาของคนสวีเดนด้วยค่ะที่เขาค่อนข้างจะปิดตัว ทำงานที่เดียวกันเป็นปี เดินสวนกันทุกวัน ก็ไม่รู้จักกันซักที เคยไปปาร์ตี้กัน จับมือแนะนำชื่ิอกันแล้ว คุยกันแล้ว อีกสามวันเจอกันใหม่ เค้าก็ทำหน้ามึนอีก แต่อันนี้ไม่ได้หมายถึงทุกคน แต่ส่วนมากค่ะ ยกเว้นสวีดิชบางคนที่เขาอยากเรียนรู้ เขาจะเปิดเมืิ่อเราพยายามคุยกับเขา เรื่องที่ว่าคุยแล้วเขาไม่ต่อบทสนทนา อันนี้เรื่องจริง เจอมาบ่อย เรื่องพยายามแจกยิ้ม จากประสบการณ์ตรง ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับคนสวีเดน

สำหรับตัวเราเอง เราไม่มีความอดทนและพยายามจะรู้จักกับคนที่ตีหน้ามึนตลอดเวลา ถ้าลองหลายครั้งแล้วไม่เวิร์คเราไปคุยกับคนอื่นดีกว่า อาจจะเป็นสวีดิชคนอื่นที่เปิดกับคนต่างชาติ หรืออาจจะเป็นต่างชาติชาติอื่นไปเลย

แต่ถ้าคุณยังไม่มีแผนกลับไทย และอยากมีเพื่อนก็ต้องลองพยายามตื้อๆ ดูค่ะ อีกอย่างคุณอาจลองหาเพื่อนที่อายุต่างก็ได้ค่ะ บางทีอาจจะคุยเรื่องเดียวกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
อยากเก่งภาษาจะต้องให้แฟนพูดสวีดิชด้วยสิคะ ทำไมพูดไทยกันล่ะ แล้วเมื่อไหร่จะเก่งสวีดิช เรื่องเพื่อนฝรั่งนี่ขอให้ทำใจนะคะ ยากมากยิ่งกว่างมเข็มในบ่อนะ (ไม่ใช่มหาสมุทร) เพราะฝรั่งสวีดิชไม่เอาใครเลย พวกเขาเองเขายังไม่คบกันสนิทสนมมากมายนัก น้อยคนมากที่จะคบกันอย่างถึงบ้านถึงช่อง ดีที่สุดคือ ตั้งหน้าเรียนภาษาไปค่ะเพราะจะได้เก่งและทันคนอื่นและจะได้ทำงานเร็วๆๆมีรายได้ พอทำงานได้จะหาเพื่อนได้เองจากการทำงาน ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำงานหาเพื่อนยากมาก เพื่อนคนต่างด้าวหรือแม้แต่เพื่อนคนไทยด้วยกัน เข้าใจอยู่ว่ามันก็ไม่ง่ายนักเพราะความต่างกันเกินไปนั่นเอง ต่างกันมากเกินไปก็เข้ากันได้ยากอยู่ เข้าใจหนูดีมากเลยค่ะ ไปเรียนกลางวัน เลิกเรียนเข้าห้องสมุดไปหาหนังสือเด็กอ่าน ยืมได้ทีละเดือนนะคะหนังสือน่ะ ยืมหนังสือนิทานเด็กที่สนุกๆๆมาอ่าน เช่น Emil - Lotta อ่านไปวันละ 5-10 หน้าเปิดดิกไป หนูยังเด็กมาก ความจำยังดีอยู่มากนะอายุเท่านี้น่ะ และหนังสือพวกนี้เป็นหนังสือสนุกสำหรับเด็ก แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราอ่านก็ยังสนุก อ่านไปหัวเราะไปเลยล่ะ ทำให้อยากติดตามอ่านต่อไป ภาษาจะได้วันละนิดค่ะ อีกหน่อยก็เก่ง เรื่องการหาเพื่อนที่นี่น่ะ ยากจริงๆๆ แต่อยู่ไปสักพักเราจะอยู่ได้นะคะ จะยากก็ตรง 2-3-4 ปีแรกที่มาอยู่ใหม่ๆๆ พอพ้นช่วงนี้ไปได้จะทำให้เราปรับตัวอยู่ได้เองล่ะ หาอะไรทำไปค่ะ เย็บผ้า ทำขนมหรือปักผ้าไป ทำกับข้าวให้แฟนไป มีเรื่องทำเยอะนะคะถ้าเราหาทำเพื่อจะได้ไม่ฟุ้งซ่านนี่ล่ะ ลองดูนะคะ ไปยืมหนังสือมาอ่านดีที่สุด ทำให้เราเรียนจบเร็วขึ้น พอได้งานทำมีรายได้จะลืมเรือ่งเพื่อนไปเลยล่ะเพราะไม่มีเวลาจะคิดนั่นเองค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
อยู่ไปนานๆแล้วอาจจะอยากไม่อยากรู้จักใครมากก็ได้ค่ะ ^__^ อย่าคิดมากนะคะน้อง

จากประสบการณ์ตรง พี่มาอยู่เดนมาร์กเข้าปีที่ 6 เรียนภาษาอยู่ปีครึ่ง เรียนสายอาชีพผู้ช่วยพยาบาลอยู่ปีครึ่ง ตอนนี้ทำงานบ้านพักคนชรามาจะปีแล้ว

ตอนไปเรียนสายอาชีพใหม่ๆนะ ไฟแรงมาก อยากทำงานกลุ่มกับคนที่นี่ พี่ชอบพรีเซนต์งานหน้าห้องนะ ทั้งๆที่ภาษาพอไปวัดไปวาได้เนี่ยแหล่ะ

แต่พอนานๆไป เหมือนคนที่นี่เขาจะนั่งแยกฝั่งไปทางเขา ส่วนคนที่ย้ายมาจากต่างประเทศก็จะนั่งแยกอีกฝั่งหนึ่ง เหมือนเขาจะชัดเจนว่าไม่อยากทำงานร่วมกับเรา 555 อ้อแต่เวลามีรายงานกลุ่ม ทำงานกลุ่ม พี่ขยันตลอดนะ จบมาก็ได้คะแนนสวยเลยที่เดียว อันนี้ครอบครัวสามีชมมา

เพื่อนคนไทยพี่ก็ไม่ได้ขวนขวายหาตั้งแต่ย้ายมาอยู่ใหม่ๆ วัดไทยพี่ก็ไม่เคยไป แต่รู้นะว่าอยู่ตรงไหน เพื่อนคนที่นี่พี่ก็มีจากที่ทำงานตอนนี้ ชีวิตก็มีความสุขดี ออกจะยุ่งๆกับงานหลวง งานบ้าน ไม่มีเวลาไปนั่งเมาท์กับเพื่อนสมัยเรียนที่ร้านกาแฟเลย

เห็นด้วยเรื่องฝึกภาษานะคะ พี่กับแฟนหักดิบพูดภาษาแดนิชตั้งแต่เข้าเดือนที่ 4 เลย เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แรกๆก็ไม่ได้เข้าใจทั้งประโยคหรอก คือมันมีหลายคำที่ยังไม่ได้เรียน แต่พอฟังไปเรื่อยๆ จับใจความโดยรวมไปเรื่อยๆมันก็เข้าใจได้เอง

เริ่มพูดภาษาสวีดิชกับแฟนเร็วๆนะ เริ่มเร็ว กำไรเห็นๆ จะได้ฝึกเรื่องสำเนียงด้วย อีกทั้งยังมีเรื่องพวกคำพังเผย เปรียบเทียบอีกมากมาย น้องอายุยังน้อย น่าจะเรียนรู้ภาษาได้ง่ายนะ พี่มาเรียนภาษาใหม่ก็ปาไป 27 แล้ว สมองไม่ค่อยอยากจะซึมซับเท่าไหร่

พี่ทำงานกับคนที่นี่ตั้งแต่ยังเรียนภาษาในโรงเรียนไม่จบด้วย คือเรียนไปได้เกือบๆปีก็หางานทำเลยพอได้งานเต็มเวลาตอนกลางวันทำ ก็ย้ายไปเรียนภาษาช่วงค่ำแทน สนุกดีนะ เรียนภาษามาแล้วได้ใช้กับคนรอบข้าง ออกเสียงถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่คนรอบข้างก็ใจดีช่วยแก้ไขสำเนียงให้พี่เสมอๆ

ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ปกติ โรงเรียนภาษาเขามีหลายระดับให้เรียนนี่ค่ะ ถ้าพอมีเวลาว่าง ก็ไปหาที่เรียนเพิ่มสิ ส่วนเรื่องเพื่อนนี่ เลิกคิดไปก่อน หายากมาก เข้าใจว่ายังเด็ก คงอยากมีเพื่อนไว้คุยไว้เล่น แต่คุณไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว ที่นี่ถ้ามีครอบครัวแล้ว ก็ควรเน้นครอบครัวก่อนล่ะ สามีอายุห่างกันเยอะแต่คุณก็แต่งงานกับเขาไปแล้ว เขาก็เหมือนเพื่อนคนนึงละที่คุณมี ใช้ให้คุ้ม อิอิ

เล่นเน็ทหาเพื่อน ระวังสามีระแวงเอานะค่ะ เจอมาเยอะ แรก ๆ ก็เล่นคุย นาน ๆ ไปนัดเจอ สุดท้ายก็...


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
อยู่สวีเดนเหมือนกัน เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อ
อยากแนะนำว่าต้องเข้มแข็งและเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้ได้
อย่าไปหวังว่าคนสวีดิชจะหันมาเป็นเพื่อนกับเราง่ายๆ
ช่วงหน้าหนาวบรรยากาศชวนหดหู่อารมณ์แปรปรวนง่าย
คุณควรตกแต่งบ้านใหม่ เปิดไฟสว่างมีเสียงเพลงทำนองรื่นเริง
ยิ่งถ้าอยู่บ้านเดี่ยวแถวนอกเมืองไม่ค่อยเจอผู้คนจะหดหู่มากกว่าปกติ
การออกไปทำงานมีเพื่อนมีสังคมข้างนอกช่วยได้เยอะค่ะ
ผ่านช่วงสามปีแรกแล้วอะไรก็จะดีขึ้นเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 22