อยากรู้จังเลยครับว่ามีใครมีปัญหากับ ตม. ที่ต่างประเทศบ้างครับ แล้วเลวร้ายขนาดไหน

(แก้ไขใหม่เห็นมีคนอ่านไม่เข้าใจ)
ผมเพิ่งโดนไปมาดๆ เนื่องด้วยไม่รู้กฏหมายเรื่องวีซ่า(ในประเทศแถบลาติน) ว่าถ้าอยู่เกิน 60 วัน แล้วถึงจะต้องไปสมัคร alien identification
ผมไปรายงานตัวที่ตม (ประเทศที่ผมมาอยู่) มาสองรอบ แต่ไม่ได้เรื่องเพราะเขาก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องทำ id

พอหลังจากได้วีซ่าใหม่มา ก็นึกว่าจะไม่มีปัญหาแต่ปรากฏมาเช็คอีกที่เข้าบอกว่าต้องไปทำหลังจาก 15 วันที่ได้รับวีซ่าใหม่ถ้าไม่ไปทำโดนปรับบาน
กว่าจะรู้ก็สายไป ผมต้องโดนจ่ายค่าปรับแพงมาก
ทั้งที่เราก็แจ้งให้ทราบแล้วว่า เรามาก่อนหน้านั้นสองรอบแล้ว ตอนที่ไปตมเขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำ id แล้วหลังได้วีซ่าใหม่ ตอนที่ไปที่กระทรวงการต่างประเทศไปทำ เขาก็บอกว่าไม่ต้องทำ ไอดี
เขาแจ้งเรามายังงี้
แต่สุดท้ายท้ายสุดพอผมไปที่ตมไปถาม เขาก็บอกว่าต้องทำและของเราเลยเวลามาจึงต้องโดนปรับ
เราก็บอกว่าที่กระทรวงการต่างประเทศบอกเรามาอย่างนั้นว่าไม่ต้องมาทำก่อนหน้านี้เป็นสาเหตุที่เรามาทำช้ากับด้วยที่ทำงานจ่ายตังค์ช้า

เราก็แจ้งชื่อให้ไปตมฟังว่าใครบอกเรามาแบบนั้นเรื่องข้อมูลผิดพลาด คนที่ออกวีซ่าให้เรานั้นแหละ สรุปเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้โดนปรับ แย่มากๆเลย

ช่วงนั้นไม่มีตังค์ เพราะหายืมเงินใครไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องให้ทางบ้านโอนมาให้ แบบเจ็บใจมากๆ
เรื่องมันยาวมากจริงๆแล้วย่อให้ฟังแต่ผมรับรองได้เลยว่าเขาผิด 80%
ส่วนอีก 20% ถือว่าผมผิดเองโง่ที่ไม่ศึกษาให้ดี

มีใครเคยมีประสบการ์ณเลวร้ายกว่านี้มาแชร์ให้ฟังที่ตม ตปท หน่อยครับผมอยากรู้ เพื่อจะได้ศึกษาด้วย

ความคิดเห็นที่ 1
ตม ประเทศเทศอะไร ? เล่นเหวี่ยงแหใช้แค่คำว่า ตม = ตรวจคนเข้าเมืองซึ่งมีกันทุกประเทศ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ชั่วมากคือ ...?

รุนแรงไปไหม


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เล่ามาแล้วคนอ่าน งง มาก อ่านไปสองรอบแล้วยังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ

จับใจความว่าคุณไปอยู่เกิน แล้วไปรายงาน ตม (ที่ไหน?) ไปรายงานอะไร แล้วทำไมไม่ได้เรื่อง?

ดิฉันไม่เคยมีปัญหากับ ตม มาอ่านเฉยๆ

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ผมไปเที่ยว ทุกๆประเทศ เกือบทั่วโลก ยังไม่เคยโดนเลยครับ เดินเข้าๆออกๆ ได้อย่างสง่าผ่าเผย อาจจะเป็นเพราะบุคคลิก ก็เป็นได้


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่มีนะคะ ส่วนใหญ่ไม่ถามเลยด้วยซ้ำ
มีแต่แถบยุโรปจะถามว่าพักที่ไหน

แต่ที่แปลกว่าที่อื่นเห็นจะเป็นตม.ที่อัมสเตอร์ดัม
ตม.ประเทศอื่นเหมือนเขาสั่งมาให้เก๊กหน้าโหดให้คนกลัว
เผื่อจะลนลานแสดงพิรุธออกมา

แต่ที่อัมสเตอร์ดัมตรงกันข้ามค่ะ ยิ้มทักทาย ชวนคุยโน่นนี่
ว่าอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรที่นั่น น้ำเสียงแบบชวนคุย
แต่รู้ว่าเก็บข้อมูลเต็มที่ ถ้าเราตอบอะไรน่าสงสัย
ดิฉันว่าแบบนี้น่ากลัวว่าหน้าโหดอีก เพราะเวลาเราผ่อนคลายเราจะเผลอ
ตอบไปเรื่อยแบบไม่คิด บางทีอาจจะเผลอเล่าเรื่องที่ทำผิดกฏไปแบบไม่รู้ตัว


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เขามีหน้าที่ เขาก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องประเทศเขาตามที่ได้รับมอบหมาย ถ้ามีปัญหาก็แสดงว่าทำผิดกฏหมาย ก็ทำให้มันถูกซะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เคยมีความรู้สึกหงุดหงิดใจกับ inspector คนหนึ่งของญี่ปุ่นที่ดูแล case visa ของตนเองค่ะ อยู่มาพอสมควรที่ผ่านๆมาดีหมด พอมาเจอกับ inspector ที่ใหม่ เสียความรู้สึกพอสมควร ไปทำเรื่องต่อ visa เนื่องจาก inspector ที่ immigration ที่เคยติดต่อด้วยทั้งหมดมาในหลายๆ prefecture สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี และพยายามช่วยเหลือดีมากๆ มาเจอคนนี้ส่งเอกสารมาขอเอกสารเพิ่มเติมหนึ่งชุด เอกสารที่ขอตนเองไม่มีให้เพราะอยู่ในสถานะค่อนข้างพิเศษกว่า foreign residents ทั่วไป ตัว visa ระบุบ่งบอกไว้ชัดเจน วันไปติดต่อเตรียมจดหมายญี่ปุ่นที่วานให้เพื่อนญี่ปุ่นเขียนให้ เอกสารทางราชการที่หน่วยงานราชการญี่ปุ่นออกให้ แต่ inspector ท่านนั้นดูเหมือนไม่เปิดใจให้กับชาวต่างชาติ

พูดอังกฤษไป inspector ฟังรู้เรื่องแต่แกก็ตอบกลับมาภาษาญี่ปุ่น ซึ่งตนเองก็จับใจความได้นิดหน่อย จึงบอกไปว่าไม่เข้าใจ inspector ก็บอกกลับมาเป็นภาษาอังกฤษว่าถ้าไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเวลามาติดต่อให้มากับชาวญี่ปุ่น ซึ่ง inspector ท่านนั้นก็พุดภาษาอังกฤษได้ดี ทำให้ตนเองไม่เข้าใจแกมากนักว่าทำไมแกไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ตนเองเลยบอกเป็นภาษาอังกฤษไปว่า ทุกคนมีงานมีหน้าที่ต้องทำตนเองคงไปรบกวนใครให้มาด้วยไม่ได้ ที่ immigration มี supporting staff ที่พูดภาษาอังกฤษได้ คุณช่วยบอกให้เขามาช่วยได้ไหม เวลาพุดตนเองใช้ Could you please ตลอด..

inspector จึงไปบอกให้เจ้าหน้าที่มาช่วย ตนเองพยายามอธิบายให้ฟังที่ไปที่มาเรื่องเอกสาร ว่าทำไมถึงไม่ให้เอกสารที่ inspector ต้องการได้ แต่ inspector ตัดบทไม่รับฟัง บอกเจ้าหน้าที่ให้บอกตนเองว่าให้รอ ตนเองทำเรื่องขอดำเนินการเรื่อง visa ให้เสร็จภายในวันที่ร้องขอซึ่งก็ประมาณ 3 อาทิตย์นับจากวันที่ยื่น แต่ inspector บอกมาเป็นภาษาอังกฤษว่าไม่รับปาก

ออกจาก immigration โทรหาเพื่อนญี่ปุ่นเล่าเรื่องราวให้ฟัง เพื่อนเลยโทรไปที่ immigration ขอสาย inspector ท่านนั้นทันที inspector พุดน้ำเสียงไม่ดีบอกเพื่อนว่าเราไม่สามารถให้เอกสารที่เขาต้องการและเขาไม่เข้าใจว่าทำไม เพื่อนเลยค่อนข้างโมโหถามไปว่าแล้วคุณตรวจสอบหรือยังว่าเราผู้ยื่นดำเนินเรื่อง visa มีสถานะ visa อะไร inspector พร้อมตอบว่าไม่ได้ดู เพื่อนมีรายละเอียดอยูในมือทั้งหมดเพราะคุยกับตนเองก่อนแล้ว อธิบายรายละเอียดให้ inspector ฟัง บอก inspector ว่าคุณไม่ได้เช็ครายละเอียดของคนที่ขอดำเนินเรื่องต่อ visa แล้วคุณไปขอให้เขาเอาเอกสารตัวที่คุณต้องการได้อย่างไร

มันเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องเช็ครายละเอียด เพราะคุณคือ inspector ผมไม่ได้เป็น inspector แต่ผมต้องมาเช็ครายละเอียดทั้งหมดแล้วบอกคุณ คุณควรทำหน้าที่ของคุณไม่ใช่ให้ผมมาทำหน้าที่ให้คุณ inspector เงียบไปและกล่าวคำขอโทษ เพื่อนบอกกลับไปอีกว่าคราวหน้าอย่าไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนอื่นอีก inspector ขอโทษอีกที ก็จบการสนทนา

หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ก็ได้ visa ค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
"ประเทศแถบลาติน" ก็บอกชื่อมาสิคะ มันต้องเซนเซอร์กันเลยเหรอ ไม่เห็นเป็นไรเลย ประเทศอะไรก็ว่ามา คนอื่นเขาจะได้รับรู้ไว้ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คห.8
เนื่องด้วยว่ามันเป็นระบบคล้ายๆกันหมดเลย ไม่ได้อยากจะเซ็นเซอร์ครับแต่มีเพื่อนอีกคนที่อยู่อาเจนตินาร และชิลีก็บอกว่าเป็นคล้ายๆกันผมเลยพูดรวมๆเลย ที่ๆผมอยู่คือโคลัมเบียครับ

ที่เล่ามาแค่เกริ่นเฉยๆครับอยากรู้ว่าปัญหาของคนอื่นๆมากกว่าว่าเป็นยังไงบ้าง อยากฟังจากหลายๆคน
ไม่ว่าจะเป็นที่ สนามบิน หรือในประเทศนั้นๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าปัญหาเรื่อง ต.ม. ส่วนใหญ่ต้องตามอ่านกระทู้นะคะ ถึงจะได้อ่านหลายๆ เคส หลายๆ ประเทศ
เท่าที่เคยอ่านผ่านตามา ส่วนใหญ่ปัญหามักจะอยู่ที่การสื่อสารนะคะ และประเทศที่คนไทยมีปัญหากับ ต.ม. บ่อยๆ
หรือบางครั้งถูกส่งกลับกับไฟล์ทต่อไปทันทีคือ เกาหลีใต้หน่ะค่ะ รองลงมาก็ฮ่องกง หรือปัญหารองๆ ลงมาคือ บางครั้ง
ในพาสปอร์ตเป็นนายแต่รูปลักษณ์เป็นหญิงสาวก็มีบางประเทศไม่ให้เข้าก็มี เช่นจีนแผ่นดินใหญ่ เคยอ่านเจอในกระทู้ค่ะ

นอกนั้นตามกระทู้ที่เคยอ่านเจอ ผ่านตาแต่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ โดยเฉพาะในเรื่อง
ของการสื่อสารที่คนไทยอาจจะคุยกับ ต.ม. ไม่รู้เรื่อง หรือตอบคำถามแบบผิดๆ ตอบแบบไม่แน่ใจ หรือ บางครั้งแค่เคส
ที่ ต.ม. ต่างประเทศบางประเทศปฏิบัติกับคนไทยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แบบไม่ค่อยให้เกียรติหน่ะค่ะ แต่ก็ได้เข้าประเทศเขา
หรือไม่ก็ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในขั้นตอนศุลกากร ที่คนไทย คนเอเชีย มักจะโดนเพ่งเล็งตรวจตราในเร่องของการนำอาหาร
ท้องถิ่นจากเอเชีย หรือเครื่องปรุงอาหารจากเอเชียเข้าประเทศฝรั่งหน่ะค่ะ

หรือบางเคสที่เราพบเห็นเองจากการเดินทาง เห็นคนต่างชาติมีปัญหากับ ต.ม. ไทยก็มีค่ะ เช่น ต.ม. ไทยพูดไม่เพราะ
พูดภาษาอังกฤษแบบไม่เพราะ พูดห้วนๆ หรือ ตวาด หรือ เพื่อนเราเองเป็นคนดำที่เป็นยิวเกิดในฝรั่งเศส ถือพาสปอร์ตฝรั่งเศสจะเข้าเมืองไทยโดน ต.ม. ไทย ตรวจซักอยู่ประมาณ 10 นาทีค่ะ กว่าจะปล่อยผ่าน ส่วนใหญ่ได้ยินแต่เคสเล็กๆ ค่ะ

อ้อ เล่าอีกเคสนึง เรามีเพื่อนฝรั่งเกิดในอินเดียค่ะ เพื่อนคนนี้ถือพาสปอร์ตของประเทศร่ำรวยพัฒนาแล้ว หน้าตาเป็นฝรั่ง
ตัวขาว สูงใหญ่ แต่เวลาไปประเทศตะวันออกกลางบางประเทศ จะถูกไล่ให้ไปเข้าแถวเดียวกับคนอินเดียค่ะ เพราะ ต.ม. ของ
บางประเทศที่นั่นเขาไม่ได้ยึดตามสัญชาติค่ะ แต่ยึดตามถิ่นที่เกิด และ เพื่อนฝรั่งของเราคนนี้ ได้สแตมป์ให้อยู่ในประเทศนั้น
เท่ากับคนอินเดียค่ะ แต่ไม่เท่ากับของฝรั่งคนอื่นๆ ที่ถือพาสปอร์ตของประเทศต้นกำเนิดของเขา


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
คห 10

ว้าวๆ เป็นความรู้จริงๆครับ แต่ของผมนี้ผมคุยรู้เรื่องแบบเคลียร์มาก ก็เลยแบบเจ็บใจเล็กน้อยที่เขาให้ข้อมูลมาผิด

ผมเคยเห็นบางคนโพสประมาณว่าบินไปถึง ก็ต้องบินกลับยังไม่ทันเข้าประเทศ

และมีอีกเพื่อนผมทำงานที่บราซิลแต่มีปัญหาเรื่องเดียวกันเรื่อง ไอดีครับ เขาทำงานให้กับบริษัททัวร์ใหญ่มาก แต่ก็มามีปัญหาเรื่องที่การสื่อสารกับตมผิดพลาดตรงเขาให้ข้อมูลไม่ละเอียด อีกอย่างทางบริษัทไม่ได้จัดการให้เขา เขาไล่ให้ออกประเทศแล้วเข้าใหม่ แถมต้องเสียค่าปรับกับค่า ไอดีสักอย่าง แต่ทางบริษัทเขารับผิดชอบครึ่งนึง
ฟังแล้วแบบเสียดายเวลากับตังค์มาก

ชอบฟังปัญหาคนอื่นเวลาฟังจะได้รู้ว่าปัญหาตัวเองนี้จิ๊บๆ จะได้ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นครับ เป็นความรู้ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
สำหรับเราถือว่าโชคดีที่ยังไม่เคยมีปัญหากับตม.(และก็ไม่อยากมีตลอดไปค่ะ)
ของแต่ละประเทศที่เดินทางไป อย่างด่านตมที่อเมริกาที่ก็เจอเจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ
เพราะเราลืมกรอกI94 เจ้าหน้าที่คนนั้นช่วยกรอกให้ด้วย แถมแสตมป์ให้อยู่6เดือน
ส่วนตม.ของประเทศโคลัมเบียก็ไม่มีปํญหาอะไรเพราะแฟนเป็นคนสื่อสารให้เราทั้งหมด
เพราะเราพูดภาษาสเปนไม่ได้เลย และจนทก็ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เคยแค่เล็กน้อยกับ ตม.ของแคนาดาค่ะ กลับมาจากเมืองไทยกับลูก 2 คน ดิฉันถือ PR วีซ่า ส่วนลูกถือแคนเนเดี้ยนพาสปอร์ต ตอนแรกเจอเจ้าหน้าที่สตรี เธอถามหาจดหมายฉยินยอมให้เดินทางลำพังแม่ลูกจากสามี ดิฉันไม่มี แจ้งเธอว่าไม่ทราบว่าต้องใช้ คิดว่าใช้เฉพาะตอนออกจากแคนาดา(ขาไป สามีไปด้วยแต่กลับมาก่อนเพราะต้องทำงาน) เธอก็ทำหน้าไม่พอ หยิบเอกสารมาขีดๆ ปัดๆ แล้วบอกกับดิฉันว่าถ้าอย่างนี้ถ้าดิฉันขโมยลูกหนีสามีมาก็ได้

โชคดีมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายอีกคนมาเรียกเธอไป แล้วเค้ามาทำเอกสารต่อให้ เจ้าหน้าที่คนนี้พูดดีมาก ถามว่าแล้วตอนนี้สามีดิฉันอยู่ที่ไหน ก็บอกว่ารอรับอยู่ที่ด้านนอก จะโทรไปเช็คก็ได้ เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ครั้งหน้าก็ให้เตรียมจดหมายติดตัวไป ให้สามีเซ็นพร้อมบอกเบอร์โทรติดต่อเท่านั้น อธิบายละเอียดเลยค่ะ แล้วก็ให้ผ่านมา


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ผ่าน ตม.อเมริกาหลายครั้ง เจอแค่คนใจดี พอเห็นเป็นคนไทยชวนคุยเรื่องอาหารไทยทุกครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เคยเจอคล้ายๆกับ คห 7 ที่ฝรั่งเศส
คือ ได้ทุนต่อเนื่องจาก 2 หน่วยงานในฝรั่งเศส และได้วีซ่า 3 เดือนจากไทยไป ก่อนครบกำหนดก็ไปยื่นต่อวีซ่า โดยมีหลักฐานจดหมายจากหน่วยงานที่ให้ทุน

ตม บอกว่าจดหมายใช้ไม่ได้ เพราะหน่วยงานนี้ยังไม่ให้ทุนในขณะนี้ แต่จะให้ในอนาคตในอีก 2 เดือนข้างหน้า และเราเองก็ทำงานอยู่ที่หน่วยงานตลอดเวลา แต่ขณะที่ยื่นเรื่องรับทุนจากอีกหน่วยงานหนึ่ง ที่ทำงานบ่นมากเลยว่าเรื่องมาก แค่ tense ผิดไปตัวเดียว


หลังจากนั้นก็ไปยื่นใหม่ ไม่มีปัญหาอะไร รอไปจนเลยเวลาวีซ่าหมด พาสปอร์ตก็ไม่มีกับตัว นานเป็นมากกว่าเดือน จำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไร ไปเอากี่ครั้งก็ยังไม่ได้ เราก็อยากออกไปเที่ยวนอกฝรั่งเศส สุดท้ายเราก็ไปบอก Director ของที่เราทำงานอยู่ เขาบอกว่าเขามีเพื่อนทำงานอยู่ที่ ตม เขาจะโทรไปถามให้ บ่ายวันนั้น Director มาบอกให้ไปรับพาสปอร์ตคืนได้บ่ายนั้น

เราก็ไปรับมาได้ และเจ้าหน้าที่ก็คุยกันว่าจะคืนเงินส่วนเกินค่าวีซ่าให้เราหรือเปล่า เพราะเราไปยื่นเรื่องตั้งแต่ก่อนสิ้นปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกรา มีการเปลี่ยนแปลงค่าวีซ่าโดยลดลง เราก็รู้นะ เราก็รอดู สุดท้ายไม่คืน


เราได้รับประสบการณ์เรื่องนัดแล้วไม่ทำตามที่นัดหลายเรื่องขณะอยู่ที่ฝรั่งเศส เช่น การเปิดบัญชีธนาคารต้องนดก่อนจึงจะไปทำได้ ได้นัดแล้วเมื่อไปตามนัดเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ไม่อยู่ บอกให้มาวันอื่นอีก เราโมโหหลายเรื่องแบบไม่รักษาคำพูด


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ขึ้นชื่อลือชาก็ต้องที่เยอรมัน โดยเฉพาะกับสาวไทย

ตอนที่ซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อน ๆ ฝรั่งที่ทำงานอยู่ไทยก็เตือนว่าแน่ใจน่ะ ว่าจะไปต่อเครื่องที่เยอรมันเข้าเดนมาร์ก ไอ้เราก็อยากประหยัดเงิน เพราะถ้าบินแบบยอมไปต่อเครื่องซักหน่อย ราคาก็ประหยัดเป็นหมื่น
แต่ดันซวยตรงที่ไทยเขาออกตั๋วให้ไปแค่ที่เยอรมัน ส่วนที่ไปต่อเครื่องต้องไปติดต่ออีกที พอไปถึงตม. เค้าก็ถามเราเป็นภาษาเยอรมันก่อน ใครจะไปฟังออกย่ะ ก็ถามกลับว่าช่วยพูดภาษาอังกฤษได้ไหม หรือไม่ก็ภาษาแดนซ์ พี่ท่านที่หน้าตาหล่อเหลาก็ขึ้นเงาของปีศาจ ถามกลับแบบตะคอก ๆ ว่ามีหน้าที่ตอบอย่างเดียว แล้วก็เงียบ ไม่พูด ไม่ถาม แถมให้เพื่อนมายืนดูเราไว้ ส่วนตัวเองเอาพาสปอร์ตเราไปถือ สำรวจหารอยขีดข่วนมั๊ง จนเราทนไม่ไหว เพราะมีเวลาเปลี่ยนเครื่องแค่ชม.เดียว เลยขอเขารีบ ๆ ได้ไหม ฉันไม่มีเวลาน่ะ
โหย น้ำมันราดพี่สุดหล่ออีกรอบ หน้าตาจริงจัง ขอดูตั๋วไปเดนมาร์ก เราบอกไม่มี เพราะต้องมาเช็คอินที่นี่อีกที

ทีนี้ล่ะ เราเองก็ลนแล้ว เพราะกลัวไม่ทันเครื่อง แถมยังไม่ได้เช็คอินอีก แม่เจ้า มัน ก็ถาม ว่าทำท่าแปลก ๆ กลัวอะไร เราก็ว่าไม่ได้กลัวแต่กังวลว่าฉันอาจตกเครื่องเพราะคุณ ถามต่อถ้าไปไม่ทันจะทำยังไง เราก็บอกไปไม่ใช่ความผิดฉัน ก็แค่รอเที่ยวใหม่ ช้าหน่อย แต่ยังไงฉันก็จะไปให้ถึงเดนมาร์กวันนี้ ฉันไม่อยู่หรอกเยอรมันคุยกันก็ไม่รู้เรื่อง ครอบครัวกำลังรอฉันกลับบ้าน เพื่อน ตม อีกคนที่ยืนเฝ้าเราก็แอบยิ้ม ๆ แต่ตอนนั้น ไม่เป็นอันทำอะไร โกรธตัวเองที่พลาดมานี่ โกรธไอ้นี่ที่มันกักเราแถมสายตาดูถูก คนอื่น ๆ ก็มองเรายังกะคนผิด หน้าเลยไม่รับแขกล่ะ อีตาปีศาจก็ถามอะไรอีกเยอะแยะ ที่อยู่ งานที่ทำ ทำไมมาที่นี่ ก็ตอบไป แบบห้วน ๆ สั้น ๆ เพราะกำลังเกลียดสุดขีด สุดท้ายก็ปล่อยเรา ขึ้นเครื่องทันแบบเฉียดฉิว

แต่ก็จำมาจนทุกวันนี้ แถมเกลียด ตม ที่นี่เข้าไส้ บินไปมาไม่รู้กี่ที่ เจอแต่ที่สุภาพ ดีดี ที่นี่ที่เดียว หล่อแต่..... เกลียดจริง ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
คห 15

อารมณ์คล้่ายๆ ผมเลย ประมาณยุ่งยาก ไม่รักษาคำพูดไรประมาณนั้น 555

คห 16
ผมยืนอยู่ที่เมกาตม จนตกเครื่องเลยครับ ตอนแรกโกรธมาก แต่สายการบินออกตั๋วให้ใหม่ฟรี เลยหายโกรธเลยครับ 555

ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
นานแล้ว จำไม่ได้ว่าเหตุการณ์ละเอียดๆ เป็นยังงัย แต่ตอนนั้นต้องเดินทางออกจาก Uzbekistan แต่วีซ่าดันขาดไปหนึ่งวัน (คือวันบินออกวีซ่าหมดไปแล้ว)

เราจำไม่ได้ว่าจริงๆ กำหนดอยู่มันมาจากที่ตมขาเข้าปั้มหรือยังงัย แต่ประมาณว่าอยู่เกินวันหนึ่งแล้วก็ทำหน้าเข้มๆใส่เรา
ตอนนั้นก็ทั้งฟังไม่รู้เรื่องทั้งงงว่ามันเกินได้ยังงัยเพราะไม่ได้เปลี่ยนตั๋วหรืออะไรเลย เอาเราเข้าห้องสอบสวน
นั่งตอนนั้นคิดแต่ว่ามันจะเอากรูเข้าคุกมั้ยเนี้ย เจรจากับเพื่อนเราที่เป็นคนที่นั้นอยู่นานเลยสุดท้ายเพื่อนก็เดินมาบอก

เค้าจะเอาเงิน สรุปมันทำเป็นขู่เราเพื่อจะเอาใต้โต๊ะแค่นั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนั้นเหลืออยู่ 50 เหรียญยูเอสเลยให้ๆ ไป
ให้เสร็จร้องไห้เลย เพราะเจ็บใจมาก ทำกันได้ตอนจะจบ


ก่อนหน้านั้นก็เรื่องอยู่เกินวันหนึ่งเหมือนกันที่ไต้หวัน แต่อันนั้นความผิดกงศุลไต้หวันที่ไทย ทั้งๆ ที่ก็ขอถึงวันกลับจริงแต่ไม่รู้ทำไมเค้าให้ขาดไปวัน
ตมไต้หวันก็กักตัวเหมือนกัน แต่รอบนั้นไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ไปมหาลัยที่โน้น สุดท้ายตมทำหน้าเครียดใส่แป็บเดียวก็ปล่อยไปขึ้นเครื่อง


ไม่เข้าใจว่าทำไมชอบมีปัญหาตอนออก


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
พูดถึงไต้หวัน ก็นึกขึ้นได้ถึงขาออกก็มีเรื่องกับตมไทย ความที่คนไทยไปทำงานไต้หวันเยอะตมเค้าเลยเข้มมั่ง

ตอนนั้นไปฝึกงานที่มหาลัยที่โน้น เพื่อนที่อยู่หน้าก็บอกตมไทยว่าไปฝึกงาน เท่านั้นแหละเป็นเรื่องเลย เรียกหาใบจากกรมแรงงานทันที
ต้องอธิบายกันอยู่นานว่าไปฝึกงานทำวิจัยที่มหาลัย มีจดหมายจากอาจารย์ที่โน้นและที่เมืองไทย กว่าจะยอมปล่อยให้มาได้เกือบตกเครื่องเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ต.ม. หลายๆ ประเทศในยุโรปเนี่ย ขอบอกว่า กากที่สุดค่ะ ในการปฏิบัติกับคนไทย หลายๆ คนหลายๆ ประเทศ
พอเห็นคนไทยเห็นพาสปอร์ตไทย จะทำหน้าตาเหมือนไม่ได้ถ่ายท้องมาสัก 10 วัน และปฏิบัติต่อคนไทยราวกับ
กิ้งกือใส้เดือนก็ไม่ปาน ทั้งๆ ที่คนไทยมากมายไปเที่ยว ไม่ได้จ้องจะไปอยู่หรือไม่ได้เข้าไปทำงาน แต่พวกเราเอางานไปให้พวกเราไปจับจ่ายใช้สอย ไปช้อปปิ้ง ไปรับประทานอาหาร ไปพิพิธภัณฑ์ ไปใช้บริการขนส่งสาธารณะต่างๆ
ตั้งแต่รถเมล์ รถไฟ รถแท็กซี่ ไปยันเครื่องบิน ไปพักตามโรงแรมต่่างๆ
พวกเราคนไทยนำพาเงินตราเข้าไปหมุนเวียนในวงจรเศรษฐกิจในบ้านของ ต.ม. เหล่านั้น หึๆๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
อ่านเรื่อวงของคุณ MAOK เกี่ยวกับ immigration ที่ฝรั่งเศส ทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ได้คุยกับชาวสวิสซึ่งแกพึ่งทำเรื่องขอย้ายไปอยู่ France ถาวร ชาวสวิสท่านนี้แกเป็น director ของศูนย์การศึกษาแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังในสวิส แกไปยื่นเรื่องดำเนินการต่างๆ แกบอกว่าเจ้าหน้าที่แย่มากให้ข้อมูลแกผิดๆถูก แกเสียเวลาเดินทางหลายครั้ง ถามก็มีการแสดงกิริยาแบบถอนหายใจต่อหน้าแกด้วย มีครั้งหนึ่งเจ้าที่ที่แกต้องติดต่อด้วยทาง immigration แจ้งว่าไม่อยู่ แกถามว่าจะกลับมาทำงานเมื่อไร เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่รู้ให้ลองมาเช็คแบบเสี่ยงดวงเอาเอง แกวบอกว่าเจ้าหน้าที่ที่ฝรั่งเศสสุดสุดแล้ว ตนเองเคยได้ยินชาวต่างชาติหลายๆคนพูดว่าชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ไม่ค่อยสุภาพ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
France people is very rude , agressive ,not friendly . My American friend went there for her vacation . She said she asked local people there " Do you speak english ? " but most of people would snap her and ask in France language " Do you SPEAK FRANCE ?? . "


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ขอบคุณ จขกท ที่มาอธิบายเพิ่ม ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ ดีที่เอามาบอกจะได้ทราบกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
อิฉันไม่เคยเจอ ต.ม.เหวี่ยงเลยค่ะ ยิ่ง ต.ม.ยุโรปยิ่งชอบเพราะหล่อมากก(ฮา)

เคยไปแถวๆอเมริกากลาง ต.ม.เค้าชวนคุยด้วยเฉยเลย ทักว่ามาไกลนะ (แต่อิฉันคิดในใจว่า ดิฉันไม่ได้มาไกล พวกคุณต่างหาก มาอยู่ซะไกลเชียว)

ส่วน ต.ม.ญี่ปุ่นยิ่งตลก นอกจากจะทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้ว เค้ายังตะโกนสวัสดีสามีของดิฉันเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วย

(ทั้งๆที่ยังไม่เห็นพาสปอร์ต ทำไมรู้ว่าเป็นคนฝรั่งเศส...สงสัยว่าจะมีองค์)

ต.ม.ไทยส่วนใหญ่ก็น่ารักค่ะ อ้อ ยกเว้นคุณเปรมฤดีแด(นามสมมติ) ต.ม.ผู้หญิงที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก

ต.ม.ไทยท่านนี้จะไม่เรียกไม่ขานชื่อใครเลย

เธอเลือกใช้สรรพนามบุรุษที่สองแบบไม่ให้เกียรติกันเลย ถ้าเป็นคนไทยเค้าจะเรียกว่าพี่ ถ้าเป็นเด็กเค้าจะเรียกว่า เด็ก เด็ก

ถ้าเป็นคนต่างชาติที่ไม่ใช่หัวทองเค้าจะเรียก ยูๆ ถ้าเป็นพวกหัวทอง เค้าจะเรียก ฝรั่งๆ

คือทั้งๆที่เห็นชื่อเห็นแซ่ทุกคนในพาสปอร์ต แต่คุณเค้าเลือกที่จะใช้สรรพนามแบบนี้กับผู้มาใช้บริการทุกคน ไม่เรียกชื่อเรียกสกุล

ดิฉันมองว่าการเรียกคนแบบนี้การเลือกวิธีสื่อสารแบบนี้ หยาบคายพอๆกับการตะโกนใส่หน้าเลยทีเดียว

(อย่างไรก็ตาม มาคิดทีหลังอาจเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยท่านนี้อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก จึงไม่สามารถเรียกชื่อผู้มารับบริการได้)

...อยากจะร้องเรียนไปยังสำนักงานของคุณเค้าเหมือนกัน แต่ช่องทางสำหรับร้องเรียนทางเว็บไซต์ของสำนักงานด๋อยสนิท ส่งข้อความอะไรไปไม่ได้เลย

สงสัยมีมือดีมาตัดไฟแต่ต้นลม หุ หุ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
คุณ คห. 22 เพื่อนชาวอเมริกันของคุณ อาจจะไปถามคนฝรั่งเศสด้วยสำเนียงอเมริกันดังๆ นะคะ แล้วถามเป็น
ภาษาอังกฤษอีกต่างหาก คนฝรั่งเศสหลายคนไม่ชอบแบบนั้นค่ะ ถ้าคนฝรั่งเศสที่ถือตัวหรือไม่ชอบคนอเมริกันเป็นทุนเดิม
อยู่แล้วเจอแบบนั้น ถึงเขาจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่คำตอบที่ได้ก็จะเป็นแบบนั้นหน่ะค่ะ แบบที่เพื่อนของคุณ
ได้รับ คนฝรั่งเศสหลายๆ คนไม่ได้หยาบคายนะคะ คนนิสัยดีๆ สุภาพ พูดภาษาอังกฤษเก่งๆ มีเยอะค่ะ

คนฝรั่งเศสมากมาย เคยไปเรียน ไปทำงาน ไปใช้ชีวิตในอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย เพราะฉนั้นเขาสามารถพูดภาษา
อังกฤษได้ดี

การที่จะถามคนฝรั่งเศส หรือคนชาติไหนก็แล้วแต่ว่าเขาพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่ ควรจะหัดพูดประโยคภาษาของบ้านเขา
ถามนะคะ และก่อนถามควรจะเอ่ยคำว่าขอโทษ หรือประทานโทษค่ะ/ครับ คุณ ก่อนด้วย เช่น ขอโทษ มาดาม/เมอร์ซิเออร์
คุณสามารถพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่ แล้วถ้าเขาพูดได้เขาก็จะบอกว่าได้ค่ะ อาจจะตอบกลับมาเป็นภาษาบ้านเขา หรือ
ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษค่ะ

นี่เราตอบจากประสบการณ์ในการดีลกับคนฝรั่งเศส เคยทำงานกับคนฝรั่งเศส มีเพื่อนฝรั่งเศส
และเวลาที่ไปฝรั่งเศสเคยต้องสอบถามข้อมูล หรือถามทางกับคนฝรั่งเศสมาแล้ว เขาจะเต็มใจช่วยมากกว่า ถ้าถาม
เขาเปิดการสนทนากับเขาเป็นภาษาหรือทักทายเป็นภาษาของเขาก่อนค่ะ ไม่ต้องพูดคล่อง แต่แค่ง่ายๆ เขาก็อภิเชษฐ์แล้ว
อย่าลืมว่า คนฝรั่งเศสนั้น ภูมิใจในภาษา อาหาร แฟชั่น ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของตนเองมากค่ะ

คนหลายๆ ชาติ โดยเฉพาะคนมีการศึกษาที่ไม่ได้อยู่ในวงการท่องเที่ยวสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ทั้งนั้นค่ะ
โดยเฉพาะคนในเมืองหลวง หรือเมืองหลักๆ เมืองเอกอื่นๆ แต่อยู่ที่วิธีการถาม น้ำเสียง สำเนียงที่ถามด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ไม่เคยมีปัญหาเลยคะ ตม . สวิส พอ เห็นพาสปอร์ตไทย พูด สวัสดีครับ ชัดมากกกกกกก^^

ตม อังกฤษ ทำหน้าเข้ม ถามว่า มาทำอะไร ที่ลอนดอน พอบอกว่า มาช้อปปิ้งคะ

ถ้าปล่อยก้ากได้ คุณลุง แกคงก้าก ไปแล้ว


เดือนหน้าจะไป อเมริกา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตม ที่นิวยอร์ค คงจะไม่ใจร้ายจนเกินไป ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
เราเกือบซวยที่ ตม.ฮ่องกง ค่ะ เค้ามองเราแปลก ๆ

ถามถึงตั๋วขากลับ เรารึก็พลาดไม่ได้พิมพ์ติดมือไปเพราะขี้เกียจถือ

ถามว่าเราจะไปไหน เพราะดูแล้วเรามีวีซ่าจีนอยู่ด้วย

เราก็อธิบายเป็นวรรคเป็นเวร (ไม่รู้เค้ารู้เรื่องหรือเปล่า)

จนญาติที่อยู่อีกแถวตรวจเสร็จก็เดินเค้ามาคุยกับ ตม.ว่านี่น้องสาวฉันนะ

คราวนี้ถามเวลาบินกลับ โห ภาษาอังกฤษเราว่าห่วยแล้วนะ ตม.ฮ่องกงนี่เทพสุด

What time ? เค้าพูด เทง คือ ไม่มี ไทม์ จริง ๆ เราอ่ะฟังไม่ออก ญาติก็ช่วยกันฟังแล้วยังงง

ในที่สุดเราก็เดาได้ว่า คงเป็นเวลาเครื่องออก เราก็ เออ ทเว้นตี้ทู ค่ะ

ตม.ทำหน้าเซงเราสุดชีวิต ปั้มตราให้แบบ โกรธสุดหัวใจ

ทำให้เราหน้าจ๋อยสุดขีด นึกว่าจะได้นั่งเครื่องกลับซะแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 27