เศรษฐกิจยุโรป ที่ว่าแย่ มันแย่ขนาดไหน

ไม่รู้เหมือนกัน แต่เท่าที่สังเกตู รู้สึกว่าจะมีขอทานเยอะขึ้นนะ

ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศ กรีซ ที่ทำท่าจะล้มละลาย

ไม่รู้อีกคนเพราะไม่ได้อยู่ในประเทศที่ล้มละลาย เราอยู่สวิสคนก็ใช้จ่ายกันปกติ

มุมมองเรานะคะ
เราเคยอยู่ออส เมื่อเกือบสามปีก่อน ที่ค่าเงินตกลงไปที่ 22 บาท ต่อหนึ่งออสเตรเลียนดอลลาห์ ซึ่งผลกระทบตอนนั้นมาจากเลย์แมนล้ม เลยสั่นสะเทีอนไปหมด แต่ปัจจุบันค่าเงินออสแข็งมาก แตะที่ 32-33 เลยทีเดียว จากมุมมองเราเราว่าคนออสฯ ใช้จ่ายนะ แต่ไม่ระเบิดระเบ้อ ฟุ้งเฟ้อ ล้มเลยลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเข้มแข็ง
ปัจจุบันเราอยุ่ลอนดอน ลดทุกชั้น ทุกแผนก คนแน่นมากกก (แต่จะหนาแน่นเป็นพิเศษหากร้านน้ันได้รับความนิยมจากหัวดำนักช็อป) ทั้งช็อป ทั้งกิน จ่ายสะบั้นแหลก แต่ที่น่าจะกระทบ คงเพราะอัตตราการว่างงานและการที่คนของที่นี่ขอbenefitsจากรัฐ (โดยไม่ทำงาน) คลอดลูกได้บ้านฟรี ค่ารถสาธารณะไม่ต้องจ่าย ค่าแท็กซี่มีให้สำหรับคนแก่ที่ไม่สามารถดูแลให้ แล้วรัฐจะเอามาจากไหนมากมายอุ้มคนเหล่านี้ และที่สำคัญตอนนี้คอนเซอร์เวทีฟ พยายามจะถีบ(แอบแรง^^")คนต่างชาติออกนอกประเทศ รายได้จากนักเรียนก็มากอยู่เนาะ แถมมาเจอพิษโอลิมปิก ที่ขนาดร้านในย่านไฮสตรีท ยังออกมาการันตีว่ารายได้หายไปอย่างน่าตกใจ ร้านอาหารที่เราทำอยู่ ก็ใจกลางเมืองเลย แต่กลับเงียบบบบบ มากกกก ตั้งแต่โอลิมปิกเริ่มมาเลยล่ะ เงินก้อนเอาไปสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกีฬาระกับชาติ แตทว่าเงินที่คาดการว่าจะได้จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามากลับน้อยนิด...
กรีซ(อ่านอาติเคิลมา) ที่ว่าแย่เพราะคนที่นันไม่จ่ายภาษี แล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนมาใช้? คิวต่อไปที่น่าจับตาก็คืออิตาลี่กับสเปน ที่ก็มีรูปแบบคล้ายๆ กัน เศรฐกิจเลยเน่า..

ประมาณนนี้อ่ะค่ะ (source..ความเห็นส่วนตัวบวกกับอ่านอาติเคิลในหนังสือพิมพ์ค่ะ^^)

เยอรมนีไม่เจอผลกระทบนะ หรือเพชรไม่รู้สึกเองมั้ง ถ้าออกไปเที่ยวในประเทศนอกยูโรโซน ก็จะแลกตังค์ได้น้อยกว่าที่เคย TT

เดนมาร์กก็ยังอยู่ดีกินดีอยู่ค่ะ เห็นว่ายุโรปเศรษฐกิจไม่ดี แต่คนที่นี่ก็ยังใช้จ่ายกันตามปกติ เที่ยวกันโครมๆเหมือนเคยทำ

ระบบโครงสร้างเศรษฐกิจ ระบบการเงิน การคลัง การธนาคาร ของเดนมาร์กถูกวางมาดีด้วยค่ะ

แต่รัฐก็หาทางประหยัดรายใช้จ่ายมากขึ้นค่ะ เช่น สวัสดิการทางสังคม บางอย่างก็ตัดให้เหลือน้อยลง หรือสร้างกฎเกณฑ์การได้รับสวัสดิการนั้นๆมาเพิ่มขึ้น รัฐคงจะกลัวว่าเศรษฐกิจจะแย่ตามหลายๆประเทศในยุโรปค่ะ

ที่ฟินแลนด์ส่งผลกระทบเหมือนกันค่ะ ทั้งเรื่องอุปโภคบริโภคค่ะ ราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องค่ะ และค่าเงินตกไปเยอะค่ะ หลังจากที่ปัญหาเศรษฐกิจของสเปนฟองสบู่แตก คล้ายกับกรณีที่กรีซเคยเป็น ค่าเงินก็ตกฮวบค่ะ 1EUR ไม่ถึง 40 บาทไทยค่ะ หลายๆบริษัทมีการปลดพนักงานจำนวนมาก และบางแห่ง(ซึ่งหลายแห่งเหมือนกัน)จำเป็นต้องปิดกิจการเลยค่ะ ทั้งยังมีการปรับเพิ่มภาษีทั้งสินค้าและบริการหลายรายการเลยค่ะ ก็ถือว่าไม่ค่อยดีนักค่ะฝั่งยุโรปช่วงนี้ แต่ถ้าถามว่าเดือดร้อนขนาดหนักไหม ความเป็นอยู่ของคนที่นี่ก็ไม่ถึงกับเดือดร้อนหนักหนามากมายนัก ก็ยังสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้ค่ะ แต่ช่วงหน้าเทศกาลต่างๆจากการดูรายงานข่าว รายงานว่า เงินไม่ค่อยหมุนเวียนเหมือนเดิมค่ะ ปปช บ่นว่าของแพงเลยไม่อยากฟุ่มเฟือยค่ะ อย่างที่ จขกท ว่าค่ะ การค้าขายไม่คึกคักค่ะ หวังว่าคงพอช่วย จขกท ได้บ้างซักนิดนะคะ ^^

เมื่อตอนปี 2008 ที่ยุโรปหลายประเทศกระทบอย่างแรง
อย่างเช่นสวีเดน ปลดคนงานเยอะมาก

แต่นอร์เวย์ไม่กระทบ คนยังใช้จ่ายกันปกติ แต่เท่าที่เห็นคนเขาก็ไม่ค่อยจะฟุ่มเฟือยกันอยู่แล้ว เพราะของมันแพง

แต่เวลาไปเที่ยวต่างประเทศกันงี้ ใช้กันกระจุย เหมือนพวกเก็บกด คนปกติปีนึงก็เที่ยวต่างประเทศกันปีละครั้ง

ตั้งแต่ปี 2008 จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นผลกระทบที่นอร์เวย์ แต่เห็นความเปลี่ยนแปลงคือคนต่างชาติเข้ามาหางานเยอะขึ้น บางคนก็เข้ามาขอทาน มาขโมยของ

ที่สเปนค่าครองชีพแพงขึ้นค่ะ ราคาสินค้าขยับขึ้นทีละนิดๆ รัฐขึ้นภาษีรายได้ อัตราคนว่างงานสูง มีการปลดคนเยอะ ธนาคารมีการลดจำนวนสาขาลง บ.มีการปิดตัวลง
สถานที่ราชการบางที่ อย่างรพ.ใกล้บ้านเรา ก็เคยมีป้ายประท้วงรัฐเพราะถูกลดเงินสนับสนุน เคยดูข่าวผู้คนรวมตัวกัน30-40คนบุกปล้นซูเปอร์มารเกตหอบอาหารและของใช้กลับบ้าน
เพราะไม่มีเงินจะใช้จ่าย ข่าวคนถูกไล่ออกจากบ้านเพราะไม่มีเงินผ่อน ตำรวจเอากำลังเป็น10นายไปค้นของลากคนออกมา คนที่ถูกไล่ก็ร้องห่มร้องไห้ไม่มีที่ไป ดูแล้วสงสารมากๆ
คนไทยตกงานก็ยังกลับบ้านต่างจ.ทำไร่ทำสวนได้ แต่คนที่นี่ส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง จะมีชีวิตอยู่ดีกินดีก็ตอนที่มีงานทำ แต่ตกงานเมื่อไหร่ตายอย่างเขียดทันที

สภาพสังคมก็คล้ายๆไทยตอนเกิดฟองสบู่แตกค่ะ ได้รับผลกระทบทุกคนมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป คนที่ยังมีงานทำก็ยังมีการใช้จ่ายเหมือนเดิม แต่อาจประหยัดมากขึ้น
งานก็หายาก เมืองที่เราอยู่เป็นเมืองท่องเที่ยว ปกติจะคึกคักในช่วงหน้าร้อน ปีนี้ก็หงอยๆนิดหนึ่ง

ญาติๆที่ฝรั่งเศสบอกว่า มันกระทบคนจน กระทบคนชั้นกลางบ้าง ไม่กระทบคนรวย

คนจนและหรือแรงงานไร้ฝีมือถูกกระทบมากเพราะถูกออกจากงานบ้าง สมัครงานเท่าไรก็ไม่ได้งานบ้าง

กลุ่มคนจนๆบางกลุ่มเคยมีรายได้พอถูๆไถๆแต่ตอนนี้ถูกออกจากงานหรือลดวันจ้างงานในขณะที่ยังต้องซื้อหาของกินเหมือนวันที่มีงานมีรายได้ มันก็ทำให้พวกเค้าอยู่ลำบากขึ้น

ทำให้ขอทาน โจร ขโมยเพิ่มขึ้น

ส่วนคนชั้นกลางยังคงกินอยู่ตามปกติ แต่จะคิดซื้อบ้านซื้อที่ดินหรือซื้อหาทรัพย์สินชิ้นใหญ่ๆแบบง่ายๆเหมือนช่วงเศรษฐกิจดีก็ไม่ได้เพราะค่าแรง โบนัสอะไรต่อมิอะไรไม่ได้ขึ้น

ตรงกันข้ามทรัพย์สินชิ้นใหญ่ๆกลับแพงขึ้นๆเพราะคนรวยมากๆที่มีทรัพย์มีทุนอยู่ในมือเค้าไม่ได้เจ๊งไม่ได้ล้มละลายถึงกับต้องปล่อยทรัพย์สินมาขายกินในราคาถูกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอเมริกา

ตรงกันข้ามเค้ากลับมั่งมีมากขึ้นเพราะย้ายเงินย้ายการลงทุนไปที่เอเชีย หรือถ้าย้ายการลงทุนไม่ได้เค้าก็แค่ปลดพนักงานออกหรือไม่รับลูกจ้างเพิ่ม ไม่เพิ่มเงินเดือนลูกจ้างเดิม

ธุรกิจของเค้าก็ยังคงดำเนินไปได้เรื่อยๆ ถึงจะไม่รวยอู้ฟู่แบบเศรษฐีใหม่แต่เค้าก็ยังคง รวยเหมือนเดิม

เราอยู่ออสเตรเลีย ไม่รู้ว่าจขกท อยู่เมืองไหน เพราะเราเข้าใจว่าตอนนี้ออสโดนผลกระทบค่อนข้างเยอะนะ

ประมาณสองเดือนก่อนรัฐบาลควีนแลนด์ปลดพนักงาน 3000 กว่าคน นี่คือคนทำงาน gov นะคะโดนเต็มๆๆ

เดือนก่อน เทลสตาร์ บิ๊กนัมเบอร์วันทางโทรศัพท์ก็ประกาศ ว่าทยอยให้คนออกอีกหลายร้อยคน
วันนี้ บริษัทชอคโกแลต Darrel Lea ของออสก็โดนขายกิจการไปแล้ว คนตกงานอีกเยอะ เพราะเขาจะทำการปรับโครงสร้างองค์กร

ยังมีอีกเยอะที่ปรับโครงสร้าง แล้วส่วนที่ไม่ทำกำไรก็โดน ที่นึกออกก็ บิลลาบง สายการบินแควนตัส หลายเดือนก่อนก็แอร์ออสเตรเลีย ไม่รู้ว่าจำได้ไหม

เราว่าคนที่นี่ใช้จ่ายน้อยลง สินค้าฟุ่มเฟือยก็ขายไม่ค่อยออกนะ

ที่สวิสคนออกมาทานนอกบ้านไม่คึกคักเท่าเมื่อสองสามปีก่อน
เสื้อผ้าอะไรเซลล์กันตลอดๆคนก็ยังไม่ค่อยจะซื้อ
ค่าครองชีพแพงขึ้น แต่โชคดีโจรขโมยยังไม่ค่อยมี นอกจากเมืองใหญ่ๆ

จะเล่าให้ฟังค่ะ ประสบการณ์จริง ตัวจริง เสียงจริง จากไอร์แลนด์ค่ะ

เริ่มแรก คนตกงานเยอะมาก กิจการปิดตัวเป็นว่าเล่น ปรับค่าแรงขั้นต่ำลงมา พนักงานเราก็ลดลงมา เช่น จากเดิม ลูกค้าหนึ่งร้อยคน เราจะใช้พนักงานห้าคนทำงาน ตอนนี้เราก็ลดลงมาเหลือสองคน แต่ต้องทำงานให้ทันนะคะ

เมื่อคนตกงานเยอะ ทางรัฐก็ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือ ดังนั้น คิวการรับเงินช่วยเหลือ จะยาวมากๆๆๆๆ หลายร้อยเมตรกันทีเดียว


เมื่อมีการจ่ายเงินค่าช่วยเหลือคนตกงานเยอะขึ้น ทางรัฐก็จะมาขูดรีดภาษีจากเจ้าของกิจการมากขึ้น และ เพิ่มภาษีในสินค้าต่างๆ น้ำมัน บุหรี่ ภาษีบ้าน ทีวี ไฟฟ้า ขึ้นหมด ได้ข่าวว่าอีกสองวันจะขึ้นค่าแก๊สอีกสามเปอร์เซนต์ อีกตุลานี้จะดูบัตเจตอีกว่าต้องเพิ่มอีกเท่าไหร่ รัฐมีหน้าที่รีดภาษี เงินค่าภาษีทุกวันนี้ที่ผับไม่ต้องเดินทางไปยื่นแล้วค่ะ ทางสรรพากรจะมาสวัสดีที่บ้านบ่อยมาก และวันดีคืนดีก็จะมีเจ้าหน้าที่มาโผล่ที่ผับ เพื่อตรวจจับผิดเครื่องคิดเงินในผับ พร้อมที่จะขูดรีดทันที ถ้ามีการกระทำความผิด แต่ไม่ใช่ขูดรีดแบบเข้ากระเป๋านะ เพราะเจ้าหน้าที่ที่นี่เคร่งมาก เข้ารัฐอย่างเดียว


บริษัทใหญ่ๆ อย่าง แมคมานารา หรือ ควิน ก็ล้มไม่เป็นท่า หลายต่อหลายร้าน หลายกิจการปิดตัวลง ไม่ใช่ว่าขายของไม่ได้นะ ขายได้อยู่แต่ไม่พอต่อค่าภาษี ถ้าจะเปิดร้านขายของ นอกจากราคาของแล้วต้องบวกค่าภาษีไปด้วยนะ ขายถูกๆเดี๋ยวไม่มีเงินจ่ายค่าภาษี

สภาพผู้คนโดยทั่วไป ที่ตกงานกันเยอะแยะ เค้าก็สุขสบายดีนะ รับเงินจากรัฐ อยู่บ้านรัฐ ลูกไปเรียนฟรี ตกค่ำก็ไปดื่ม วันหยุดก็ไปเที่ยวกัน เราเห็นเยอะนะ

แต่ภาระหนักจะมาตกกับเจ้าของกิจการ เพราะโดนรีดค่าภาษีกันหนักหน่วง


เกษตรกรไม่ค่อยกระทบมาก เพราะมีงานทำตลอด มีการจ่ายภาษีในอัตราที่ต่ำ และรัฐให้การช่วยเหลือบางส่วนอีก


ตามร้านค้า แหล่งช๊อปปิ้ง คนจะใช้จ่ายน้อยลง รอซื้อของลดราคามากขึ้น บนถนนรถจะน้อยลง เพราะน้ำมันแพง ยิ่งหลังสามทุ่ม บนถนนสายหลัก ยังไม่ค่อยมีรถวิ่งเลย เงียบมาก คนอยู่บ้าน ซื้อเหล้าเบียร์จากห้างสรรพสินค้ามาดื่มที่บ้านแทนที่จะออกไปดื่มตามผับบาร์เหมือนเมื่อก่อน



และคนเริ่มออกไปนอกประเทศมาขึ้น ไปหางานทำที่อื่น ไปออสเตรเลียก็เยอะ บางคนก็ไปเมกา บางคนก็ไปไทย ไปจีน ระส่ำระสาย



ส่วนผลกระทบต่อเราโดยตรงนะ เราต้องจ่ายภาษีแพงขึ้น ข้าวของแพงมาก ค่าภาษีที่เก็บเพิ่มในหลายรายการ เช่น บ้าน ทีวี

มีการหักเงินในด้านสวัสดิการเยอะมาก เมื่อกี้ดูข่าวจะหักเงินเด็กพิการอีก เอากันเข้าไป

แต่ถ้าถามว่า เราอยู่ลำบากมั้ย เปลี่ยนแปลงไปเยอะหรือเปล่า สำหรับตัวเราเองนะ ไม่ใช่ประชากรโดยส่วนรวม เราไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่ อาจจะรายได้ลดลง รายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่กิจการบ้านเรายังโอเคอยู่ ไม่มีหนี้สิน แล้วอาคารต่างๆก็เป็นของเราเองไม่ได้เช่าเค้า


แต่ในสายตาเรานะ คนไอริช มีสองประเภท คือ พวกที่ไม่เดือดร้อน อยู่ไปวันๆ รอรับเงินรัฐ รับมาเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายหมด ไม่มีเงินเก็บ แต่ไอร์แลนด์ไม่ค่อยมีขอทานค่ะ ตำรวจที่นี่เข้มมาก ถ้ามีการแสดงแล้วเปิดหมวก กระทำได้ แต่ถ้าไปนั่งแล้วขอเงิน จะโดนจับนะ เพราะที่นี่มีศูนย์ช่วยเหลืออยู่ ถ้าไม่มีเงินไปขอเงินได้ ไม่ต้องไปนั่งขอให้เสียเวลา คนประเทศไหนก็ได้ถ้ามาตกทุกข์ได้ยาก จะมีศูนย์ช่วยเหลืออยู่

กับอีกประเภทหนึ่ง คือ มีฐานะทางการเงินในขั้นที่ดี มีเงินเก็บมากพอที่จะจับจ่ายใช้สอย แต่จะใช้อย่างระมัดระวัง มีการวางระบบที่ดี เค้าก็ใช้ชีวิตได้ปกติ


ปล.. ถ้าอ่านแล้วสับสน ขอโทษด้วยนะ เพราะเรามีความรู้สึกว่าภาษาไทยเราเริ่มแย่มาก เขียนประโยควกวน พยายามจะฝึกเขียนมากขึ้น

ของนอร์เวย์ไม่มีกฏหมายห้ามขอทานค่ะ คนต่างชาติเลยเข้ามาขอกันเยอะ ช่วงหน้าร้อน