ไปเรียนต่อโทที่ OXFORD นี่ ถ้า ป.ตรีไม่ได้เกียรตินิยมอันดับ2 มีสิทธิ์มั้ยครับ

สวัสดีครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามพี่ๆเพื่อนสมาชิกในห้องนี้หน่อยนะครับ คือผมสนใจจะไปเรียนต่อโทที่ OXFORD ครับแต่คุณสมบัติข้อหนึ่งเขาบอกว่าอย่างน้อยเราต้องได้เกียรตินิยมอันดับสองจึงจะมีสิทธิ์สมัครได้ จึงอยากทราบว่าถ้าเกรดไม่ถึงเกียรตินิยมอันดับสองจะมีสิทธิ์ได้รับพิจารณามั้ยครับ
แบบว่าเกรดป.ตรีได้ 3 นิดๆจากมหาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ แต่มาสำนึกตัวก็สายไปแล้วล่ะครับ อยากไปเรียน ม.ดีๆ แต่ไม่ผ่านคุณสมบัติข้อนี้ ถ้าเราเขียน จดหมายแนะนำตัวดีๆ มีเหตุผลที่ว่าหากได้เรียนแล้วจะนำความรู้มาพัฒนาประเทศได้ (รับราชการอยู่ครับ) มีแนวโน้มว่ามีโอกาสที่เขาจะพิจารณามั้ยครับ (ถ้าไม่มีจะได้ไม่ยื่นส่งใบสมัครไป)

ความคิดเห็นที่ 1
คิดว่ายากนะ ต่อให้ได้เกียรตินิยมก็ใช่ว่าจะได้ง่ายๆ คนเก่งจากทั่วโลก มหาลัยนี้เขาเลือกได้ จะลองดูก็ได้นะ ไม่เสียหายอะไร
ต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย เช่น ประสบการณ์ทำงาน คะแนน IELTS ให้ได้สัก 8 ไปเลย sop, letter recommendation etc.
จดหมายว่าจะนำความรู้มาพัฒนาประเทศยังไม่ดีพอ ใครๆก็เขียนแบบนั้นทั้งนั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ต่อให้ได้เกียรติหนึ่งก็ใช่ว่าจะเข้าได้จ้ะ
ยิ่งถ้าจบใหม่ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นมาเป็นตัวช่วยเนี่ย ยากมาก
แล้วแต่สาขาด้วย บางสาขาที่ไม่ได้ดังมากอาจจะพอมีลุ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ผมก็อยากจะไปเรียนโท IR ที่นี่เหมือนกันครับ แต่ประสบการณ์ทำงานไม่มี มีแต่ฝึกงานที่กระทรวงฯ ไม่รู้จะทำไงดี


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าพูดตรงๆ คือ หมดสิทธิครับมีใบสมัครมาสมัครกับเขาแต่ละปีเยอะมาก เขามีเกณฑ์ไว้แล้วที่จริงในความหมายเขาคงคลุมเกียรตินิยมอันดับ 1 บ้านเรามากกว่าเสียด้วยซ้ำ ถ้าเกรดต่ำกว่าเกณฑ์เขาก็เอาใส่ตะกร้าแล้วครับคงไม่พิจารณาต่อ ซึ่งนี่เป็นแค่เกณฑ์เดียวจากอีกหลายๆ เกณฑ์ที่เขาพิจารณา


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
มีน้องที่รู้จัก จบ IR จุฬา เกรดเกือบ 3.9 ได้ทุนกระทรวงการต่างประเทศไปเรียนโท IR ที่ Oxford ผมว่า จขกท ลองดูมหาวิทยาลัยที่เหมาะกับ profile ของตัวเองดีกว่านะครับ ไม่ก็เรียนโทที่เมืองไทยให้ได้เกรดเกือบๆ 4.00 แล้วต่อโทอีกใบที่อังกฤษ ยังพอลุ้น Warwick ได้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ปโทอัพเกรดตัวเองที่มหาลัยอื่นก่อน แล้วค่อยเอาใบที่2ที่ออกฟอร์ดก็เป็นอีกทางนะ ก็เห็นรุ่นพี่ทำกันเยอะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ผมขอเห็นต่างนิดนึงนะครับ

เวลาที่มหาวิทยาลัยใดๆในอังกฤษจะรับนักศึกษาเข้าเรียนต่อมักจะ require เกรด "2:1" ขึ้นไป ซึ่งเรียกเต็มๆก็คือ Second upper class honour ซึ่งพอมาแปลเป็นไทยมันจะเป็น เกียรตินิยมอันดับ 2 บน

แต่เกรดนี้จริงๆแล้วผมมองว่าไม่สามารถเทียบได้กับเกียรตินิยมอันดับ 2 บ้านเราได้ซะทีเดียว เพราะใน UK เกรดที่เค้าแจกกันตอนจบมีแค่

1) Pass
2) Third class honour (3rd) (ไม่ได้มีทุกมหาลัยที่แจกเกรดนี้)
3) Second lower class honour degree (2:2)
4) Second upper class honour degree (2:1)
5) First class honour (1st)

ซึ่งผมมองว่าการได้ 2:1 มันง่ายกว่าเด็กไทยได้เกียรตินิยมอันดับ 2 นะครับ เพราะเห็นได้กันเยอะอยู่เหมือนกัน

ที่ยากจริงๆน่าจะเป็น 1st มากกว่า

คำถามคือ Oxford เค้าให้ค่าน้ำหนักเกรดเรายังไงก็น่าจะเป็นอีกเรื่องนึง

ผมมองว่าถ้าสมมุติเราจะเข้าคณะ Engineer แล้วสอบ GRE ได้เกือบเต็ม หรือจะเข้า MBA แล้วสอบ GMAT ได้เกือบเต็ม แต่เราได้ GPA 3.1 แล้วยื่นคะแนนตามนี้ไป Oxbridge ก็น่าจะรับครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ขออนุญาตให้ความเห็นครับ
ผมว่า ปริญญาโท โดยไม่มีประสบการณ์ทำงานเลย หรือมีเพียง 1-2 ปี และเกรดประมาณ 3 นิด ๆ คงยากอ่ะครับ (เพื่อนผมตอนนั้นเกียรินิยมอันดับ 2 ielts 8 LSE ยังตอบปฎิเสธเลยครับ) แต่หากมี profile เช่น ได้รับทุนจากรัฐบาล ทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง ประสบการณ์ทำงานอีกซักหนอ่ย ซึ่งพวกนี้สร้างกันได้ ก็มี่ความเป็นไปได้ที่เค้าจะดู proflie เราเป็นองค์ประกอบหลัก ส่วนคะแนน toefl/gmat/gre ก็ทำเท่าที่ทำได้ครับ เพราะเพื่อนผมบางคน คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่เค้ากำหนด แต่ profile โอเค มหาวิทยาลัยระดับ top 20 USA ยังรับเลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าคุณเจ้าของกระทู้จะใช้วิธีทางการทูตฯเขียนจดหมายไปแนะนำตัวใหม่...
คุณต้องเตรียมเอกสารมากมายเลยนะครับ

เอกสารจากเจ้าของทุน ถ้าไม่ใช่ทุนระดับต้นๆของประเทศก็คงยากอีก

ผมว่าเรียนต่อโทฯที่ไทยก่อนแล้วค่อยไปเอาโทอีกใบที่อ๊อกฟอร์ดจะง่ายกว่านะครับ
ว่าแต่ว่าคุณจะไปสมัครเข้าเรียนที่วิทยาลัยไหนของที่นั้นครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เห็นด้วยกับความเห็น 7,8 นะครับ ว่าถ้าในกรณีที่ GPA ไม่ได้ดีมาก แต่สอบ GRE/GMAT ได้เกือบเต็ม และมีประสปการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องและทำกิจกรรมเด่น ก็ทำให้ Profile ของเราดีขึ้น

แต่ในกรณีของประเทศอังกฤษ คณะวิศวะ, IR, Public Administration หรือ PhD ไม่ได้สอบ GRE แม้กระทั่ง Oxford, Cambridge ดังนั้น ผมว่าในกรณีของเจ้าของกระทู้ ไม่ได้มีคะแนน GRE มาช่วย แถมยังกำหนดเกรดขั้นต่ำไว้อีก (ถึงแม้ว่าที่ Oxford จะกำหนดเกียรตินิยมอันดับ 2 แต่คนที่ได้เข้าไปเกือบทุกคนก็เกียรตินิยมอันดับ 1 ถึงเหรียญทอง เรียกได้ว่าระดับหัวกะทิของแต่ละประเทศทั้งนั้น)ยากครับ และถึงแม้จะเป็นฝั่งประเทศอเมริกา คุณสอบ GRE ได้เต็ม แต่ด้วยเกรดแค่ 3.1 โอกาสในการที่จะได้เข้าเรียน Top 5 ของสาขานั้นก็ยากแล้วครับ เพราะคะแนนเฉลี่ยของคนที่เข้าได้ เค้าก็ได้กันเกือบเต็มอยู่แล้ว มีเพื่อนของเพื่อนจบวิศวะจุฬาคะแนนเกือบเหรียญทอง ได้ทุนคิง GRE เกือบเต็ม แต่โดน Berkeley ปฎิเสธ (แต่ได้ตอบรับที่ Stanford)

แต่ถ้าเป็น MBA เกรดไม่ใช่ปัจจัยหลักในการพิจารณาแน่นอน เพราะว่ายังมีประสปการณ์การทำงาน, GMAT, SOP, Recommendation, กิจกรรมที่ทำ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในกรณีของ MBA แม้ว่าจะได้เกียรตินิยมเหรียญทอง GMAT เกือบเต็ม แต่ไม่มีประสปการณ์ทำงาน โอกาสในการที่จะถูกปฎิเสธก็สูงมาก ในทางกลับกัน GPA 3.0 แต่ได้ GMAT 700+ มีประสปการณ์ทำงานมากกว่า 3 ปี ทำงานบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆในตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูง SOP เจ๋งๆ และมี Recommendation ที่ดีมาก คุณก็มีโอกาสลุ้น Top 5 MBA ได้เหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เราว่าเค้าพิจารณาหลายอย่างนะ อย่างเพื่อนเราเกียรตินิยมอันดับหนึ่งวิศวะจากมช หลายปีก่อน ได้ทั้ง Caltech กับ Berkeley ที่สำคัญมันขึ้นกับ recommendation กับผลภาษามากกว่าน่ะ ทางฝั่งอังกฤษถ้าจขกท.ทำคะแนนภาษา ielts ได้แปด มีจดหมายรับรองดี มีประสบการณ์ตรงสายซักสองปีก็คงได้


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ขอเสริมครับ เห็นด้วยกับ คห 10 ครับ
ถ้าเป็น MBA profile โดยเฉพาะประสบการณ์ทำงานว่าทำอะไรมาบ้างที่โดดเด่นกว่าคนอื่นจริง ๆ เป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา
ส่วน Toefl/Gmat เป็นปัจจัยรองลงมา
ถ้าเป็น Law ผมว่า การทำงานองค์กรภาครัฐและได้ทุนเป็นสิ่งที่ช่วยให้มีโอกาสมากขึ้น เพราะบางแห่งเค้าดูว่า benefit ที่คุณนำไปใช้มันจะช่วยเหลือส่วนรวมหรือสังคมมากกว่าประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก Toefl เป็นปัจจัยรองลงมา
เหตุผลน่าจะเป็นว่า ทั้ง MBA และ Law ต้องการคนที่เห็นภาพในการทำธุรกิจและในทางปฎิบัติ ทฤษฎีเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ใช้ประกอบ เค้าเลยต้องการประสบการณ์และความหลากหลายครับ
ขณะที่บางสาขาเช่น สายวิชาชีพ น่าจะดูคะแนนที่จบเป็นหลัก เพราะต้องการคนที่เข้มแข็งทางด้านนั้นจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
อ่อ แนะนำอีกทางเลือก ถ้ามีเวลาและมีงบประมาณจริง ๆ นะครับ บางคนเลือกที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษแบบไม่ได้ u top แต่ก็ ranking ดีพอสมควรก่อน 1 ใบ และทำคะแนนให้ได้ดีๆ แล้วไปต่อ oxbridge ครับ เพื่อนผมบางคนก็ทำอย่างนั้น แม้ไม่มีประสบการณ์แต่ก็ได้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
สมัยนี้เกรดเฟ้อมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ลามมาจนระดับมหาวิทยาลัยกันแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 14