คนท้องอยากเที่ยว...ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ...

ปกติวันหยุดช่วงวันปิยมหาราชของทุกปี ปลาทองและคุณแฟนจัดทริปเที่ยวประจำปี ไปกันแบบตามอำเภอใจ เน้นเที่ยวทางตอนเหนือ
เน้นสัมผัสบรรยากาศของปลายฝนต้นหนาว ไปเสพความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ไปฟอกปอดปีละครั้งแบบหนำๆ
ไปนอนเอนหลังใกล้ชิดพื้นดินและผืนหญ้า ไปเที่ยวแบบไม่ต้องแต่งหน้า ให้น้ำเย็นๆ บนดอยแตะผิวหน้าแล้วรู้สึกตึงๆ
แหม...มันช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ (เคยรู้สึกเหมือนกันบ้างมั๊ยคะ???)

แต่ปีนี้ไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ปีนี้ปลาทองและแฟน เราได้เปลี่ยนสถานะจากแฟน เป็นสามี-ภรรยากัน
และกำลังจะมีสมาชิกใหม่ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในท้องของปลาทอง 6 เดือน

ตอนนี้ปลาทองกำลังวางแผนเที่ยวช่วงต้นเดือนธันวาคม อยากไปสัมผัสธรรมชาติและสูดอากาศดีๆ
แต่ป่านนั้นปลาทองก็คงท้องราวๆ เกือบ 8 เดือนแล้ว เลยอยากขอไอเดียจากเพื่อนๆ หน่อยค่ะ
ว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้างเหมาะสำหรับคนท้องอย่างปลาท้องบ้าง เข้าใจว่าเที่ยวถึกๆ แบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว

ตอนนี้ที่มีคิดๆ ไว้คือเที่ยวเกาะล้าน เอาใกล้ๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า การนั่งเรือข้ามไปเกาะสำหรับคนท้องมันอันตรายมากมั๊ยคะ?
หรือจะไปเที่ยวเขื่อนแก่งกระจานดี แต่คงไม่ได้นอนกางเต็นท์เหมือนทุกปี ปีนี้คงต้องยอมหาบ้านพัก
(เดี๋ยวถ้าปลาทองตัวน้อยๆ คลอดออกมาเมื่อไหร่ แม่ปลาทองจะพาตะลุยดอยให้หนำเลย 555) รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ

ปล. ได้โปรดอย่าบอกให้นอนผึ่งพุงกลมๆ อยู่กับบ้านเลยนะคะ เห็นใจคนท้องอยากเสพธรรมชาติด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ปีแรก เราไปเที่ยวเชียงราย ขึ้นภูชี้ฟ้า ไปดอยผาตั้ง เที่ยวดอยแม่สลอง พระตำหนักดอยตุง

ปีที่ 2 ไปเที่ยวเขาใหญ่-วังน้ำเขียว นอนเต็นท์คืนนึงที่บ้านไร่ตับเต่า แล้วก็ไปเอนหลังนอนสบายๆ ที่เดินดินดูดาว
จำได้ว่ากินเห็ดแทบทุกมื้อ ผักสดเยอะมาก

ปีที่ 3 เที่ยวปาย-ห้วยน้ำดัง แบบไม่ได้ตั้งใจ แวะไปทำธุระที่เชียงใหม่ เลยยุให้คุณแฟนตีรถขึ้นปาย ฟลุ๊คมากว่าหาที่พักได้
และก็เป็นครั้งแรกที่คุณแฟนได้เที่ยวดอยแบบกางเต็นท์นอนที่ห้วยน้ำดัง


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ปีที่เราไปปาย ตัดสินใจเข้าไปหาบ้านพักที่บ้านไม้หอม ตอนนั้นราคาห้องพัก 1 คืน คืนละ 5-600 บาท โชคดีมากเหลือห้องสุดท้ายและว่างแค่คืนเดียว
คืนนั้นเราหาอะไรกินง่ายๆ จากร้านแถวๆ ที่พัก > เดินเล่นถนนคนเดิน > ตื่นแต่เช้าไปเที่ยวหมู่บ้านสันติชล ความตั้งใจหลักคือ...ไปกินขาหมู-หมั่นโถวยูนนาน
จากนั้นเรากลับไป check out แล้วก็เช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวเมืองปาย > เที่ยวน้ำตกหมอแปง > เดินเล่นสะพานประวัติศาสตร์
ต้มไข่กินที่โป่งน้ำร้อนท่าปาย > กินเค้กจิบกาแฟที่ Coffee in Love (สังเกตว่ากินตลอดทริป อิอิ)

จากนั้นก็ไปห้วยน้ำดัง เช่าอุปกรณ์ กางเต็นท์นอน กินมื้อค่ำกันที่ร้านอาหารสวัสดิการของอุทยาน ตื่นเช้ามาตีรถกลับกรุงเทพฯ

เป็นทริปที่สร้างความประัทับใจให้คุณแฟนเป็นอย่างมาก ก็คุณแฟนไม่เคยนอนกางเต็นท์ตามอุทยาน
และหลังจากนั้นก็เกิดอาการติดใจ ทำให้เราต้องหาที่กางเต็นท์นอนอย่างน้อย 1 คืนในทุกทริปประจำปีของเรา 555


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ปีถัดมา ปลาทองเลือกจะไปเที่ยวที่ภูทับเบิก-เขาค้อ เราออกเดินทางกันตอนหัวค่ำ เพื่อให้ทันมื้อเช้าเพราะกองทัพของเราต้องเดินด้วยท้อง
เราจึงไปเริ่มกันที่ร้านขนมจีนเจสัน อร่อยๆ กับขนมจีน 5 สี น้ำยาสารพัดอย่าง ผักสดๆใส่ตะกร้าเสิร์ฟไม่อั้น ไข่ต้มยางมะตูมเยิ้มๆ อิ่มแล้วเดินทางต่อไป

เรามุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก หาที่กางเต็นท์ แวะเที่ยวเล่นที่ใกล้ๆ แล้วก็เตรียมมื้อเย็นที่เริ่มกันตั้งแต่ 4 โมง ทริปนี้เราเตรียมเต็นท์มาเอง (มั่นใจแบบผู้มีประสบการณ์ เคยกางเต็นท์มาแล้วนี่...)
เต็นท์ที่เราเตรียมมา เราได้มาฟรี ตั้งแต่ได้มาไม่เคยลองกางดูเลย...ป้ายแท็กที่ห้อยไว้เขียนไว้ว่าสำหรับ 2 คน พอกางจริงนั่งหัวเราะกันอยู่ 2 คน
เพราะตัวปลาทองกะคุณแฟน ใหญ่อย่างกับหมี


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เราคลอดลุกวันที่ 15 กพ จำได้ว่าปีใหม่ ของปีนั้น นั่ง สปีดโบ๊ท ไปเกาะล้านกะสามีค่ะ

แม่ชอบเที่ยว อิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
สรุปเรื่องเต็นท์ เราเลยต้องนอนตะแคงกันทั้งคู่ตลอดคืน (จะพลิกตัวทีก็ต้องคอยสะกิดอีกคนให้พลิกตาม 555 สมน้ำหน้าตัวเอง)

เราเที่ยวเล่นใกล้ๆ ที่พัก จากนั้นก็กลับไปเตรียมอาหารเย็นที่เริ่มเร็วกว่าปกติคือ 4 โมงเย็น เราเตรียมหมูกระทะและลูกชิ้นปิ้ง เมนูโปรดของเราสำหรับทริปนี้
และเป็นครั้งแรกที่เราได้จุดเตาทำอาหารในการมาแค้มป์ปิ้ง วิชาลูกเสือเนตรนารีที่ร่ำเรียนมา ได้ใช้จริงๆ ก็ตอนนี้แหละ
เต็นท์ข้างๆ คงทนดูอยู่นาน เห็นจุดเตาไม่ได้สักทีเพราะถ่านชื้น เลยเอาแอลกอฮอล์แข็งมาให้ พร้อมกับให้ผัดเผ็ดเครื่องในไก่ กุ้งอบเกลือและลองกองพวงใหญ่ๆ มาให้
(เริ่มเห็นเสน่ห์ของการเที่ยวแบบนี้ขึ้นมาในทันใด อิอิ..ปลาทองหมายถึงความมีน้ำใจนะ ไม่ได้เห็นแก่กินแต่อย่างใด
ว่าแล้วปลาทองก็ส่งลูกชิ้นปิ้งไปเป็นฑูตสันถวไมตรีเป็นการตอบแทน)

กินอิ่มแล้วรีบเข้านอน เราตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นจากในเต็นท์แคบๆ ของเรา (ที่นอนตะแคงกันทั้งคืนนั่นแหละ)
เดินตระเวนถ่ายรูปในไร่กะำหล่ำปลี แล้วเก็บสัมภาระ ไปเที่ยวกันต่อที่ภูหินร่องกล้า ทั้งลานหินแตก ลานหินปุ่ม ผาชูธง เรียกว่าเก็บ RC กันเลยทีเีดียว

เสร็จแล้วมุ่งหน้าสู่เขาค้อ เราแวะจิบกาแฟกันที่ Route 12 แวะเที่ยวที่ไร่บีเอ็น กินมื้อกลางวันกันที่ไร่จันทร์แรม เข้าเช็คอินที่ "ในสายหมอก"
เสร็จแล้วออกมาซื้อของสดเล็กๆ น้อยๆ ที่ร้านของฝากสำหรับมื้อค่ำของเรา เรายังมีวัตถุดิบหมูกระทะเหลืออยู่และได้เห็ดหอมสดมาทำเมนู เห็ดหอมย่างซีอิ๊ว ย่างกันสดๆ (ปลาทองขออนุญาตทางรีสอร์ทแล้วนะคะ ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทยังมานั่งชิมเห็ดหอมสดด้วยกันเลย คริคริ)

เราตื่นแต่เช้ามาดูทะเลหมอก ที่แม้จะหนาไปหน่อย ฟุ้งไปหน่อย แต่ก็ิิอิ่มใจและตื่นตาไม่น้อย จากนั้นเราก็เช็คเอ้าท์และเที่ยวเล่นใกล้ๆ อย่างอนุสรณ์สถานผู้เสียสละและฐานกรุงเทพ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก แวะจิบกาแฟที่เขาค้อกาแฟสดที่แยกรื่นฤดี

แล้วตีรถกลับกรุงเทพฯ โดยที่ไม่ลืมรองท้องมื้อกลางวันกันด้วยไก่ย่างวิเชียรบุรี ที่ร้านไก่ย่างตาแป๊ะ 2 ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ล่าสุดปีที่แล้ว หลังจากน้ำท่วมช่วงตุลาคม ทำให้เราต้องเลื่อนทริปประจำปีไปเป็นต้นเดือนธันวาคม ปลาทองเลือกขึ้นเหนืออีกเช่นเคย

ทริปนี้เลยไปกันที่ ม่อนแจ่ม-ดอยผ้าห่มปก-ดอยอ่างขาง เราออกเดินทางกันตอนหัวค่ำ ไปถึงม่อนแจ่มตอนตีห้ากว่าๆ รอประตูเปิด 7 โมงเช้า ถ่ายรูปเล่นจนเริ่มหิว

เลยแวะที่ไร่องุ่นเอเดน พอได้ขนมบ้าง..จริงๆ จะไม่แวะก็ได้..แต่แอบจิตใจดีนิดนึงตรงที่ช่วงที่ไปเที่ยวนั้นทางไร่เก็บค่าเข้าชมเพื่อนำไปสร้างสนามฟุตบอลให้เด็กๆ
นางงามอย่างปลาทองก็เลยรีบหยอดแบงค์ 20 ไป 2 ใบเป็นค่าเข้าชม

เราแวะเที่ยวชมความงามของดอกไม้และรองท้องมื้อเช้ากันที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่นี่มีดอกไม้สวยๆ รออวดโฉมอยู่เพียบ

เสร็จแล้วมุ่งหน้าไปวัดพระพุทธบาทสี่รอย ตั้งใจไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่นี่มานานแล้ว โชคดีได้ปิดทองฝังลูกนิมิต มาเที่ยวด้วย ทำบุญด้วย อิ่มใจจริงๆ

เราแวะกินอาหารจากร้านใกล้ๆ แถวนั้น กราบพระเสร็จก็ตีรถมุ่งหน้าสู่ดอยผ้าห่มปก เกือบไปไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายแต่โชคยังเข้าข้างเลยทันรถเี่ที่ยวสุดท้ายพอดี

ถึงบนดอยเราหาที่กางเต็นท์ ได้โซน D ปีนี้เราเตรียมเต็นท์ใหม่มา หน้าเต็นท์เขียนว่าสำหรับ 2-3 คน แต่ด้วยความชะล่าใจ
เต็นท์ฟรีไม่เคยลองกางเหมือนเคย...ขนาดกว้าง x ยาว มันต่างกับของปีก่อนนิดเดียว (หรือปลาทองกับคุณแฟนตัวใหญ่ขึ้นหล่ะเนี่ย)
นอนตะแคงอีกเช่นเคย เราเลยคุยกันไว้ว่าจะไปหาซื้อเต็นท์ใหม่เอาแบบสำหรับ 4-5 คนไปเลย...แต่ก็เถียงกันอีกว่าใหญ่ไปมั๊ย เก็บยากรึเปล่า?
(แต่คิดดูแล้วเรากำลังมีสมาชิกเพิ่มมาอีก 1 คนฉะนั้นใหญ่ไว้ก่อน ลูกจะได้มีที่นอนสบายๆ เผื่อลูกดิ้น 555)

ปีนี้เราเตรียมเมนูจิ้มจุ่มมากินบนดอยกัน...เพื่อกันหน้าแตกจากการจุดเตาเราเลยใช้เป็นเตาสนามแบบใช้แก๊สกระป๋องมาแทน
กลิ่นหอมของน้ำซุป หอมซะเต็นท์อื่นๆ ถามว่าหอมกลิ่นต้มยำจังเลย ใครทำต้มยำบนดอยเนี่ย...(เิ่อิ่ม ทำจิ้มจุ่มจ้า)แล้วก็มีข้าวเหนียวกับไข่เจียวร้อนๆ อิ่มท้องกันไป..

เราตื่นตั้งแต่ีตีสามเตรียมเดินขึ้นสู่ยอดดอยผ้าห่มปก เริ่มออกเดินเท้า..ความรู้สึกเหมือนนานมาก คุณแฟนดันเป็นไข้ไม่สบาย เราจึงหยุดกันที่ม่อนวัดใจ (แค่ 500 เมตรก็หมดแรงแล้ว)
เลยกลับไปนอนพักที่เต็นท์และเริ่มมื้อเช้ากันด้วยโจ๊กซองใส่ไข่ อร่อยล้ำเลอค่าจริงๆ เสร็จแล้วเก็บของลงจากดอย
แวะแช่น้ำพุร้อนที่ทำการอุทยาน แล้วแวะไปไหว้พระที่วัดท่าตอน โชคดีอีกแล้ว ช่วงนั้นละครธรณีนี่นี้ใครครองมาถ่ายทำ
ว่างจากกองถ่ายทีมงานจะมาไหว้พระกันที่วัด เลยได้เลยสวนกับญาญ่าและณเดชน์แบบระยะที่เรียกว่ากระทบไหล่ดาราเลยทีเดียว อิอิ

จากนั้นมุ่งหน้าสู่ดอยอ่างขาง นอนกลางดินกันมาคืนนึงแล้ว คืนที่สองขอนอนสบายๆ ภายใต้ผ้าห่มไฟฟ้าที่รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขางแล้วกัน
เช็คอินเสร็จแล้วไปเดินเล่นที่สถานีเกษตรอ่างขาง ขับรถออกมาเที่ยวเล่นที่บ้านขอบด้ง ชมพระอาทิตย์ตกดิน กินโรตีบนดอย
และวนรถมาหามื้อค่ำกินกันแถวด้านหน้าสถานีเกษตร ได้มันเผา ข้าวโพดปิ้งกลับไปกินที่พัก
ยังไม่รวมไก่ต้มโสม นมสดใส่น้ำผึ้งของคุณแฟนอีกนะ อิ่มพุงกางกันเลย 555

เราตื่นแต่เช้าไปใส่บาตรที่จุดชมวิวบ้านขอบด้ง (ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นเพราะเห็นแต่หัวคนและขาตั้งกล้องเต็มไปหมด)
แล้วก็ได้โจ๊กเห็ดหอมใส่ไข่ร้อนๆ รองท้อง แวะกลับไปถ่ายรูปเล่นที่สถานีเกษตรอีกครั้ง เช็คเอ้าท์แล้วตีรถกลับกรุงเทพฯ

ขากลับแวะซื้อของฝากที่กาดทุ่งเกวียน ลำปางอีกนิดหน่อย ไม่มากมายอะไร แค่ไส้อั่ว แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ข้าวแต๋น ถ้วย จาน ชามไก่ ฯลฯ
พอดีเป็นคนเพื่อนเยอะค่ะ...ซื้อไปฝากเขาทั้งน้านนนน 555

ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ปลาทองมีคำถามเพิ่มเติมค่ะ...

ถ้าจะไปเที่ยวภูเรือ จ.เลย ท้องเกือบๆ 8 เดือนเนี่ย...น่าจะไหวมั๊ยคะ?

อยากไปชมต้นไม้สวยๆ ดอกไม้สีสดๆ โดยเฉพาะต้นคริสต์มาสเนี่ย...สีสดจริงๆ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
หัวอกเดียวกันเลยค่ะ เราึขึ้นเหนือทุกปีใหม่มีทั้งแบบสบายๆ ในเมืองและแอดเวนเจอร์บุกป่าฝ่าดอย แต่ปีนี้มีน้องตอนปีใหม่คง 6 เดือนแล้วเลยต้องยุบ Trip ไกลๆ โดยปริยาย แต่ยังค่ะเรายังไม่ยอมแพ้ตามประสาคนชอบเที่ยวเลยกะว่าปีนี้ขอแบบใกล้ๆ อาจเป็นวังน้ำเขียว / สวนผึ้งหรือทองผาภูมิก็น่าสนใจ

คุณปลาทองลองดูแถวทองผาภูมิก็ไม่เลวนะคะแล้วเลยไปกางเต็นท์ที่ป้อมปี่อากาศก็ดีใช้ได้เลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ช่วง 4-6 เดือนเป็นช่วงที่เที่ยวได้สบายตัวสุดอะค่ะ ... ช่วงใกล้ๆ 8 เดือนคงต้องดูอีกทีค่ะ
การนั่งรถทางไกล ต้องคอยสลับเปลี่ยนท่านั่ง พยายามนั่งเหยียดขาไว้ค่ะ แต่ช่วงนั้นน่าจะมีอาการปวดหลัง ปวดขาเยอะขึ้นแล้วค่ะ



ส่วนคุณลูกลิงน้อย เราก็พาลูกวัย 6 เดือนเศษๆ ไปเที่ยวเหนือมาอาทิตย์นึงได้ตอนปีใหม่เมื่อ 2 ปีก่อนโน้น เมื่อก่อนเราก็นอนเตนท์ค่ะ แต่พอมีลูกก็เปลี่ยนเป็นนอนห้องพัก ดูเรื่องน้ำว่าใช้น้ำประปา
ส่วนตัวเราว่าพาลูกไปตอน 6 เดือนนี่กำลังสบาย น้องเพิ่งเริ่มอาหารเสริม เราก็งดให้อาหารเสริมไปช่วงนึงตอนเที่ยว ให้กินนมแม่ (เข้าเต้าเป็นหลัก) ถ้าไปช่วงที่น้องทานอาหารเสริมนานแล้ว ต้องเตรียมของไปเยอะมากๆ เลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
แนะนำอย่างจริงใจ
แปดเดือนนอนอยู่บ้านเถอะค่ะอย่าหาเรื่องเลย
การไปพักผ่อนเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ควรดูความเหมาะสมด้วยนะค่ะ
แต่ละคนสภาวะร่างกายแตกต่างกันค่ะ
คนท้องแก่ควรจะอยู่ใกล้อะไรที่พร้อมค่ะ ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมแล้ว
เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทุกสถานการณ์ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
คนร่างกายแข็งแรงก็เกิดปัจจัยความเสี่ยงได้เช่นกันนะค่ะ
เวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้แก้ปัญหาทันท่วงที และไม่ต้องมานั่งโทษตัวเองเมื่อสายค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เข้าใจนะคะ เพราะปกติชอบอากาศเย็บสบายๆ แต่ไม่ชอบลำบาก 555
ไปวังน้ำเขียวแล้วประทับใจค่ะ อากาศสบาย โอโซนก็ดี คนก็ไม่พลุกพล่าน
ที่สำคัญ ตลาดนัดหน้าปากซอยที่พัก อาหารสดถูกมากกกกก

ยังไงลองไป search ใน เฟชนะคะ baan sukphrom เคยไปแล้วชอบ ที่พักเล็กๆ สะอาด เดินทางง่าย


ตอบกลับความเห็นที่ 11