ผมเพิ่งได้Australian citizenมาเดือนนี้ครับกำลังตัดสิินใจกลับบ้าน(กทม)

หลังจากที่อยู่ซิดนีย์มาเกือบห้าปีเพื่อให้PRกลายเป็นCitizenship ทุกอย่างก้อมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งในชีวิต เมื่อที่้บ้านบอกให้กลับมากรุงเทพฯเถอะกลับมาตั้งต้นใหม่ หาธุรกิจทำเอง ไม่ต้องรอหางานใหม่ที่ออสฯทำ ตอนนั้นแม่เราโกรธมากบอกว่าทำอะไรอยู่ที่ออสฯ เสียเวลามามากแล้วกลับบ้านเราเถอะ อยู่ต่อไปก้อตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ไม่ได้ จริงๆ แล้วประเทศนี้ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่ในสภาวะตอนนี้อาจไม่เหมาะกับเราที่ยังว่างงานอยู่และว่างมาหลายเดือนแล้วด้วย มีเงินกินเงินใช้(แม้จะไม่ทำงาน)แต่เรื่องของกำลังใจและอนาคตนั้นไปหาเอาจุดหมายหน้าน่าจะดีกว่า เพราะหน้าที่การงานเราก่อนมาออสฯนั้นดีกว่าตอนที่ได้งานที่นี่มากนัก ถึงแม้ว่าเงินที่นี่จะได้มากกว่าแต่ฝรั่งที่นี่กำมะลอเหลือเกิน
อีกอย่างคือจะได้เจอแม่ด้วย แม่อายุเยอะแล้วเหมือนกัน ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนแล้วเราเองก้อคิดถึงเขาด้วย
แต่ก้ออยู่มาตั้งนานหลายปีแล้วพอจะไปจริงๆ ก้อรู้สึกลังเลและคิดถึงขึ้นมา ตอนนี้เริ่มโละของแล้วเตรียมแพ็คส่งUPS 25Kg Boxกลับกรุงเทพฯ
ใครเคยกลับไทยไปแล้วกลับมาออสฯอีกบ้างไหมครับ

ความคิดเห็นที่ 1
คุณมีทางเลือก ก็กลับไปเมืองไทยก่อน ถ้าอยู่ไม่ได้ หรือทนคิดถึงที่นี่ไม่ไหว ก็กลับมา

อยู่ออสมาเกือบ 10 ปี ไม่เคยคิดถึงเมืองไทยเลย(คือหมายถึงไม่ได้จะเป็นจะตายอยากกลับเมืองไทย) พ่อแม่ก็ยังไม่แก่ พวกท่านยังทำงานกันอยุ่ มีน้องสาว(แต่กลายเป็นชาย)คนเดียวก็อยุ่กับพวกท่าน
แต่พอช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เราก็คิดอยากไปอยุ่เมืองไทยซักปี เพราะคิดว่าอย่างไรซะค่าใช้จ่ายมันก็คงจะถูกกว่าที่นี่แน่นอน บ้านก็ให้เขาเช่าไป แต่คิดไปคิดมา ไม่อยากกลับซะงั้น คิดมากกกกกกแล้วรักที่นี่ ชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ขัดสนอะไร เพียงแต่มันเหนื่อยกับการทำงานที่ไม่ค่อยจะได้เงิน งานมันยากขึ้น ลูกค้าน้อยลง เราเลยหมดกำลังใจทำงาน

แต่ตอนนี้ หลังจากคิดมานานหลายเดือน ไม่อยากไปเมืองไทยแล้ว อาจจะไปเที่ยวสักเดือน ประมาณต้นปีหน้า แต่คิดว่าคงไม่ไปอยู่เป็นปีๆ

มีเพื่อนสามีหลายๆคน รวมถึงเพื่อนๆของเราจากเมืองไทยด้วย เวลาพวกเขามาเยี่ยม มาพักกับพวกเรา มาใช้เวลานิดหน่อยที่นี่ ทุกคนตกหลุมรักออสเตรเลีย(ที่ ที่เราอาศัยอยู่)

คนนี้เพิ่งกลับไปสวิทเมื่อวันอาทิตย์ มาเยี่ยมเราแค่สามวัน เพราะมีงานถึงได้มา แต่ก็เคยมาหาเราเมื่อปีที่แล้ว เค้าชอบที่นี่มากมาย เค้าบอกว่า คุณภาพชีวิต(เค้าเป็นพวกเอาท์ดอร์) ดีกว่าที่สวิท อะไรๆก็ดูลงตัว ต้นไม้ต้นหญ้าเต็มไปหมด อากาศดี ทุกอย่าง เพอร์เฟคสำหรับเค้ามาก เรากับสามีก็เลยมองหน้ากัน และคิดว่าพวกเราควรจะพอใจในสิ่งที่เรามี(กับที่ที่เราอยู่) เพราะคนข้างนอกยังชอบเลย แล้วเราจะทิ้งไปอยู่ที่อื่นเหรอ

กลับไปก่อนค่ะ อย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกที บางทีคุณอาจจะรักเมืองไทยจนไม่อยากกลับมาที่นี่อีกก็ได้ คิดว่าคุณคงยังไม่มีครอบครัว แต่ถ้าคุณมีครอบครัว คุณคงอยากจะอยู่ที่นี่มากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คนเราก็นานาจิตตังครับ เอาที่ตัวเองสบายใจเป็นหลักดีกว่า
ที่เชียงใหม่ ผมเจอคนออสเตรเลี่ยนอพยพมาอยู่ถาวรหลายคน
หลายครอบครัว บอกเมืองไทยน่าอยู่กว่ามาก มาแล้วไม่คิดอยากกลับ
อยากกลับเลยรักมาก

แต่ผมก็รู้จักคนไทยหลายคนที่อยากไปอยู่ออสเตรเลีย บางคนเคย
ไปเรียน เคยไปใช้ชีวิต ก็ชอบและก็อยากไปอยู่ถาวร

เอาที่คุณสบายใจเถอะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เราเคยอยู่ ตปท. มาก่อน แล้วก็กลับไปอยู่เมืองไทย แต่ระหว่างอยู่เมืองไทยก็ยังเดินทางไปเรื่อยๆ อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง
ปัจจุบันนี้อยู่เมืองไทยบ้างอยู่ต่างประเทศบ้างสลับกันไป และ ยังคงเดินทางไปเรื่อยๆ อยู่กับที่บ้าง ไม่อยู่กับที่บ้าง

หลายสิบปีที่ผ่านมา เราค้นพบว่า เราชอบอยู่เมืองไทยที่สุด และ ชอบเอเชียที่สุด

คุณ จขกท. ลองกลับมาอยู่เมืองไทยก่อน แต่ขอบอกว่าคุณไปอยู่ซิดนี่ย์มา 5 ปี การที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยบ้านเกิดอีก
คุณต้องปรับตัว และให้เวลากับตัวเองอย่างน้อยๆ 1 ปี กว่าที่อะไรทุกๆ อย่างจะเข้าที่เข้าทางค่ะ

เมืองไทยหน่ะ ไม่ได้เลวร้ายนะคะ เมืองไทยอย่างไรก็บ้านค่ะ แต่การอยู่เมืองไทยอย่างมีความสุข คุณต้องรู้ว่า
ตรงไหนควรเลี่ยง ตรงไหนควรระวัง คนประเภทไหนควรหลีกเลี่ยง สังคมประเภทไหนควรหลีกเลี่ยง ต้องอยู่อย่างมีสติ
เหมือนๆ อยู่ซิดนี่ย์ค่ะ เพราะซิดนี่ย์ หรือหลายๆ เมืองในออสเตรเลีย อาจจะปลอดภัยกว่าเมืองไทยตรงที่บ้านเมือง
มีขื่อมีแป แต่เรื่องฉกชิงวิ่งราว ยกเค้า ปล้นบ้าน แทงกันตาย ตีรันฟันแทง ปัญหายาเสพย์ติด ที่ออสเตรเลียก็มีทุกเมือง
ใช่ว่าจะปลอดภัย เรื่องคนหายที่ออสเตรเลียก็มีบ่อยๆ

ขอให้คุณกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างมีความสุขค่ะ ยิ่งถ้าคุณมีเงินเยอะๆ มีกินมีใช้แบบที่เล่ามาในเนื้อกระทู้
คุณภาพชีวิตของคุณที่เมืองไทยจะดีกว่าที่เมืองนอกอีกค่ะ มีคนไทยมากมายที่มีคุณภาพชีวิตดีๆ ไม่จำเป็นว่าต้องไปอยู่
เมืองนอกถึงจะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ค่ะ

ออสเตรเลียมีธรรมชาติสวยงาม อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นประเทศที่ไกลมากๆ ไกลจากทุกแห่งในโลก
อารมณ์เหมือนติดเกาะ หรือ นั่งเครื่องบิน 2-3 ชั่วโมงก็ยังไม่ได้ไปถึงไหนเลย ยังอยู่ในออสเตรเลียค่ะ

แต่ที่เมืองไทยนี่ นั่งเครื่องบินแค่ 1, 2, 3 ชั่วโมง คุณสามารถพาตัวไปอยู่ในประเทศอื่นๆ ได้อีกหลายๆ ประเทศค่ะ

เมื่อหลายปีก่อน ดิฉันเคยจะต้องย้ายไปอยู่ออสเตรเลีย เมื่อไปสำรวจสถานที่แล้ว รู้สึกหดหู่มาก และรู้ว่าตัวเองจะไปอยู่
เมืองนั้นไม่ได้แน่นอนค่ะ เพราะไม่มีอะไรเลยสำหรับดิฉัน ดิฉันชอบธรรมชาติ ชอบป่า เขา ชอบทะเล ชอบเดินป่า
แต่ชอบใช้ชีวิตในเมือง มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองค่ะ

คุณซิดนี่ย์แมนมีกะตังค์ ถ้าอยู่เมืองไทยแล้วเบื่อๆ หรือคิดถึงออสเตรเลียเมื่อไหร่ คุณสามารถบินกลับไปได้ทุกเมื่อนะคะ
หรือบินไปยุโรป ไป Refresh ตัวเอง ไปชาร์จแบต แล้วค่อยกลับมาเมืองไทยใหม่ค่ะ หรือไปญี่ปุ่น อย่าจมอยู่กับ
ออสเตรเลียค่ะ เพราะถ้าคุณคิดถึงแต่ชีวิตที่นั่น คุณจะไม่สามารถ Move On ได้นะคะ คุณต้องออกมาพบเจอ
เมืองใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ วิถีชีวิตใหม่ๆ ค่ะ ต้องหลุดจากความเคยชินมาก่อน

ฮ่าๆๆ และชอบใจตรงที่บอกว่า "ฝรั่งกำมะลอ" ค่ะ ถ้าคุณซิดนี่ย์แมน มีเวลาพิมพ์ และ ไม่รังเกียจที่จะแชร์ ก็ขอความกรุณา
เข้ามาขยายความหน่อยนะคะ ว่ากำมะลออย่างไรในมุมมองของคุณ

สำหรับดิฉัน เบื่อคำว่า และ เบื่อ Attitude แบบ "Australia Way" ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
กรุงเทพฯ และ ประเทศไทยในอีกหลายๆ จังหวัด ยังมีอะไรดีๆ สวยๆ งามๆ ซ่อนอยู่เยอะค่ะ แต่คนไทยเองไม่ค่อยรู้จัก
หรือมองข้ามไป ดิฉันขออวยพรให้คุณ SydneyMan ค้นหาสิ่งดีๆ ของกรุงเทพฯ และเมืองไทยให้พบนะคะ
ไม่ต้องพบหมด แค่พบบ้าง แค่นั้นดิฉันก็ดีใจแล้วค่ะ และ เมื่อพบแล้วคุณจะทราบเองค่ะ ว่าทำไมดิฉันซึ่งเคยใช้ชีวิต
ที่ ตปท. มาก่อน และ มีโอกาสได้ไปเห็นโลกมาพอสมควรถึงไม่เคยดูถูกบ้านเมืองของตนเอง และ อยากอยู่เมืองไทยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เราว่าต่างคนต่างใจนะ เพราะเห็นหลายคนที่กลับไปเมืองไทย อยู่ไม่ได้ แล้วก็กลับมาออสฯ

อีกคนตอนย้ายตามสามีไปแคนาดา ร้องห่มร้องไห้ ไม่อยากไปจนถึงขั้นไม่สบาย แต่ที่เจอล่าสุด ถามว่าจะกลับไปอยู่เมืองไทยหรือเปล่า เธอตอบว่าไม่ อยู่แคนาดาดีกว่า เมืองไทยให้อยู่แป๊บๆ หรือไปเที่ยว เอา แต่ถ้าให้ไปอยู่ถาวรเลย ไม่เอา งงเหมือนกันว่าตอนไปจะเป็นจะตายให้ได้เพราะไม่อยากไป แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ายังไงๆ ก็ไม่ยอมกลับไปอยู่เมืองไทย

แต่บางคนที่เขาย้ายกลับไป ก็เห็นมีความสุขกว่านะ บอกว่าอยู่ออสฯ ทำงานให้ตายก็ไม่โต กลับไปเมืองไทย ไปทำกิจการของตัวเองดีกว่า ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว พ่อแม่พี่น้องด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ

@คุณPoomPimTMBอยู่เมืองไหนเหรอครับ มีคุณพ่อของเพื่อนสมัยเรียนเคยบอกมาว่าอยู่ที่ออสฯนะก้อทำได้แค่มีกินมีใช้ไปวันๆ ถ้าขยันๆหน่อยก้อพอมีเก็บมีบ้านสวยๆสะดวกสบายอยู่ได้ แต่จะรวยเป็นเศรษฐีเลยนั้นยาก อยู่เมืองไทยอาจมีสิทธิรวยมากกว่าที่นี่

@คุณBTDTคอมเม้นมาน่าสนใจดีครับ
ส่วนที่ผมว่า"ฝรั่งกำมะลอ"ในความเห็นส่วนตัวผมนั้น ผมหมายความถึงฝรั่งที่ผมได้เจอในออสฯจะพูดเก่งโม้เก่งมาก แต่เขาไม่ได้ทำอย่างที่พูดหรอกเหมือนแกแค่ผายลมไปทั่วไม่เลือกที่ ฝรั่งที่นี่ชอบนักเรื่องสอนคนเอเชียให้รู้จักAussie Wayของเขาทั้งๆที่มันไม่เห็นจะได้เรื่องได้ราวอะไรเลย ผู้ชายจะปากหวานเหมือนพวกเต๊นท์ขายรถมือสอง ชอบอ้างกฎหมายโน่นกฎหมายนี่กับคนต่างชาติ ส่วนตัวเขาเองไม่เห็นจะปฏิบัติตามกฎเลย
ที่เขาประเด็น"กำมะลอ"จริงๆ คือฝรั่งไม่มีเงินแต่จะแสดงออกและพูดราวกับตัวเองเป็นเศรษฐี คุยฟุ้งทั้งคุณสามีฝรั่งและภรรยาไทยว่าพวกเขามีประสบการณ์ด้านโน้นด้านนี้ คบคนโน้นคนนี้เป็นใหญ่เป็นโตมาก่อน โม้ไปโม้มาก้อจะวกเข้าเรื่องว่ามีตังค์เท่าไหร่ไหนเอามายืมหน่อยสิ ถ้าจะเป็นเพื่อนกันจริงก้อต้องเอาตังให้ยืม คนพวกนี้เก่งมากเรื่องจัดฉากหาคนเรียงคิวเข้ามาพูดเชียร์แขกแทนตัวเอง เบื่อมากจริงๆเจอแต่เรื่องโดนขอยืมตัง ผมก้อว่าผมไม่ใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับแบรนด์ดังๆแล้วนะครับ ทำไมถึงคิดว่าผมมีเงินให้ยืมได้ ทีกับคนที่เขาตะโกนป่าวร้องอยากให้คนรู้ว่ารวยนักรวยหนา ทำไมคนเหล่านี้ถึงไม่กล้าเอ่ยปากขอยืมเงินเขา ว่าแล้วก้อเซ็งเป็ดครับ (ทำไมถึงต้องเป็นเป็ดด้วยก้อไม่รู้)
ถ้าผมจะไปเที่ยวลอนดอน ไม่รู้ว่าควรไปช่วงไหนดีครับ ผมชอบช้อปปิ้งแล้วก้อชอบไปชมสถาปัตยกรรมและInterior Designของบ้านฝรั่งสมัยใหม่นะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าหางานoffice ไม่ได้กลับเถอะครับ

ได้ citizen ไปทุกประเทศในโลกได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
สมัยที่ไทยเศรษฐกิจรุ่งสุด ๆ ช่วงนั้นมีเพื่อนที่อยู่ออสฯจนได้สัญชาติ พูดง่าย ๆ คือ
มีหลักปักฐาน บ้านช่องที่โน่น ก็ยังมาทำงานที่ไทย เพราะช่วงนั้นเมืองไทยมีสารพัด
โครงการ งานเยอะมาก ซึ่งยังไม่นับรวมพวกชาวออสซี่แท้ ๆ ที่ยกสมัครพรรคพวก
เข้ามาทำงานตามที่บริษัทจัดหาผู้เชี่ยวชาญไปล่ามาได้

ถ้าพูดกันตามตรง คนทำงานจำนวนมากย้ายบ้านตามหน้าที่การงาน เพียงแต่คนไทย
เพิ่งจะมีคนทำงานอย่างนี้ในยุคสิบกว่าปีนี้เอง ในอดีตก็จะเป็นชาวตะวันตกเสียส่วนมาก
อาจจะเป็นเพราะบริษัทของพวกเขามีสาขาแพร่หลายไปในหลายประเทศ

เรื่องย้ายไปย้ายมา หรือย้ายไปตามแหล่งงาน หรือตามถิ่นที่เราคิดว่า เราจะมีอนาคต
ก็คงเป็นเรื่องธรรมดา ดีเสียอีกที่ทำให้คนเราไม่ยึดติด แต่ข้อเสียก็มี...โดยเฉพาะ
ค่าขนย้าย ถ้าไม่มีนายจ้างช่วยออกค่าใช้จ่ายให้

ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
จขกท คะ
ลอนดอนถ้าชอบช็อปปิ้งแนะนำให้ไปช่วงเดือนมิถุนายนไม่ก็ธันวามกราค่ะ. ช็อปแหลกแน่ๆ. แต่ว่ามิถุนาอากาศดีกว่า
ถ้าชอบ interior design เราขอแนะนำ geffrye museum แถบ hoxton ค่ะ ลอง google ดูค่ะ
ตึกเป็นโรงพยาบาลและโบสถ์เก่า. ตอนนี้ทำเป็นมิวเซียมเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและinteriorบ้านอังกฤษวิวัฒนาการตั้งแต่ 1600 ถึงปัจจุบันเลยค่ะ. มีพวกเครื่องเรือนด้วย เราก็ชอบดูตึกเหมือนกัน. ชอบพิพิธภัณฑ์นี้มาก. เหมือนว่าจะฟรีด้วย หรือไม่ก็ไม่ค่อยแพง จำไม่ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ฮ่าๆๆ เข้ามาขำคอมเม้นท์ของคุณซิดนี่ย์แมนค่ะ ขำเรื่องเซ็งเป็ด นั่นสิคะ ทำไมเป็ดต้องมาเป็นแพะรับบาปในเรื่องนี้ด้วย
แล้วแพะทำไมต้องรับบาปด้วย จามรีรับบาปแทนไม่ได้เหรอ

ส่วนเรื่องฝรั่งกำมะลอ เข้ามารับฟังนะคะ คนแบบนี้มีทุกที่ค่ะ เขาเอ่ยปากขอยืมเงินคุณเนี่ย คงเพราะมาด
และไลฟ์สไตล์หรือเปล่าคะ ไม่เกี่ยวกับการแต่งตัวหรอก ก็เพราะคุณไม่ใช้ของแบรนด์เนมกระมังคะ เค้าจึงคิดได้ว่า
คุณซึ่งมีเงินอยู่แล้ว น่าจะมีเงินเหลือเยอะกว่าคนอื่นเพราะไม่ได้หมดไปกับของแบรนด์เนมค่ะ ฮ่าๆๆ

ลอนดอนเหรอ ยุโรปเหรอคะ เราชอบไปตอนช่วงปลายปีราวๆ ไตรมาสที่ 3 ของปี ช่วงหน้าออทั่มต้นฤดูใบไม้ร่วงค่ะ
ราวๆ ตั้งแต่กันยา ไปจนถึงกลางๆ พฤศจิกาหน่ะค่ะ เราว่าช่วงนี้น่าเที่ยวอังกฤษที่สุด ถ้าพ้นช่วงนี้ไปแล้ว
ก็ต้องช่วงหน้าสปริง ฤดูใบไม้ผลิค่ะ ราวๆ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษา ไปจนถึงกลางๆ มิถุนาค่ะ

แต่เราชอบเที่ยวตอนหน้าออทั่มค่ะ เพราะยังไม่หนาวมาก ถึงจะเริ่มหนาวแล้วแต่ยังมีหางๆ ของความอบอุ่นเหลืออยู่
และของอังกฤษมีกระแสน้ำอุ่นพัดผ่านในช่วงออทั่มต้นๆ วินเท่อร์ค่ะ ทำให้อบอุ่น ส่วนช่วงต้นหน้าฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงนั้นยังมีหางๆ ของหน้าวินเท่อร์เหลืออยู่บางวันหนาวค่ะ และบางครั้งเดือนเมษาแล้ว หมดหน้าหนาวแล้ว
แต่หิมะที่อังกฤษยังตกอยู่ก็มีค่ะ

ช้อปปิ้งที่อังกฤษ ถ้าจะช้อปเอาเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋ากลับมาใช้เมืองไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน ก็ต้องไปตรงช่วงหน้า
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และ ต้นฤดูใบไม้ร่วง แต่ถ้าอยากจะไปช้อปพวกเครื่องกันหนาวต่างๆ แบบคลาสสิคมาเก็บเอาไว้ใช้
เวลาไปเมืองนอกหน้าหนาว ก็ต้องไปตอนกลางๆ หรือปลายๆ หน้าฤดูใบไม้ร่วง หรือไปหน้าวินเท่อร์ หรือปลายหน้า
วินเท่อร์

ส่วนเรื่องสถาปัตยกรรมเก่าๆ มีอยู่ทั่วไปหลายเมือง สวยๆ ทั้งนั้นค่ะ ลอนดอน อ็อกซ์ฟอร์ด เคมบริดจ์ บาธ
แคนเธอเบอรี่ เดอร์แรม วินด์เซอร์ วินด์เชสเตอร์ ชิคเชสเตอร์ หรือแถบมณฑลเค้นท์มีปราสาทน่าสนใจหลายแห่ง
ธรรมชาติสวยงามก็แถบเล๊คดิสตริค แถบคอร์นวอลล์ หรือลงไปทางใต้ๆ ของลอนดอน แถบอารันเดล แถบกิลด์ฟอร์ด
เยอะแยะค่ะ

ประเทศอังกฤษหน่ะสวยค่ะ โดยเฉพาะในหน้าร้อน แต่ดิฉันไม่ชอบไปอังกฤษหน้าร้อนค่ะ เพราะร้อนเกินไป

ส่วนเรื่องอินทีเรีย ดีไซน์ อันนี้ก็ต้องไปตามร้านอาหารเก๋ๆ โรงแรมเก๋ๆ หรือถ้ารู้จักบ้านคนเก๋ๆ แฟลตของคนรวยๆ หรือคนที่
แต่งบ้านเก่งๆ รสนิยมดีๆ ก็ไปดูนะคะ หรือไม่ก็ต้องซื้อหนังสือประเภทคอฟฟี่เทเบิ้ลบุ๊คมาดูค่ะ

แฟลตที่ปารีสก็แต่งเก๋ๆ เยอะค่ะ คนปารีเซียงแต่งบ้านได้Torแหล๋ดี และชอบมีทวิสต์ด้วย สไตล์เดียวกับดิฉัน แต่งบ้าน
สไตล์มิกซ์แอนด์แม็ทช์ค่ะ

//เรื่องฝรั่งกำมะลอแบบที่คุณซิดนี่ย์แมนเล่ามา มีทุกที่นะคะ ไม่ใช่แต่เฉพาะที่ซิดนี่ย์เท่านั้น ฝรั่งพวกนี้บางทีก็หลอกพวก
เดียวกันเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะชอบหลอกคนเอเชียที่ยกย่องบูชาฝรั่งค่ะ โดยใช้ความเป็นฝรั่งหลอกทำมาหากิน

ดิฉันเพิ่งกลับมาจากเกาหลีใต้ หลังจากที่ไม่ได้กลับไปมาเป็นปี ในแง่ของความคลั่งวัฒนธรรมฝรั่งของคนเกาหลีใต้บางส่วน
ดิฉันพบเห็นว่ามีมากกว่าเดิมค่ะ ทำให้พบว่ามีฝรั่งเข้าไปแฝงทำมาหากินโดยใช้ความเป็นฝรั่งเป็นตัวช่วยอยู่ไม่น้อย
แล้วคนเกาหลีก็ให้ความสนใจค่ะ เพราะเขาเป็นฝรั่ง


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
พิพิธภัณฑ์ที่คุณ PuppyPower เล่ามาน่าสนใจค่ะ จะโน๊ตเอาไว้นะคะ ขอบคุณค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
อยู่ซิดนี่ย์ตอนบนค่ะ เลยซิดนี่ย์ขึ้นมาประมาณ 1 ชั่วโมงขับรถ มีชายหาดหลายแห่ง คนส่วนใหญ่ยังเป็นออสซี่ค่ะ ไม่เหมือนทางในเมืองหรือทางตะวันตก แต่คนแก่เยอะ หุหุ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
คุณ PoomPim..TMB อารมณ์เดียวกันเลย ทำงานยากขึ้น ได้เงินน้อยลง พาลอยากเลิกทำ

ตอนนี้วันๆ ผมก็เลยร่ำๆ หาแต่เรื่องจะหนีเที่ยวอย่างเดียว 555

วันพุธหน้าก็จะไปอีกแถวๆ New England region ไปซักสิบวัน อิอิ

หลังจากนั้นค่อยไป South East Coast กับ South Australia Bay อิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คุณดอสขา ทำงานไม่มีเงิน แต่มีเงินเที่ยวอ่ะ แต่เราสิ อยากเที่ยวใจจะขาดแต่ไม่มีเงินเที่ยว อิอิ

เที่ยวให้สนุกนะคะ ไม่เป็นไร อะไรๆมันคงจะดีขึ้นค่ะ นี่ดอกเบี้ยอาจจะลงมาอีก ตอนนี้งานเราเริ่มมีมาเรื่อยๆค่ะ แต่อย่างว่า มันก็ยากขึ้น เงินน้อยลงแต่ต้องกินต้องใช้

คุณดอสก็เที่ยวไปก่อน รอดูรูปอยู่เรื่อยๆ อิจฉาอ่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
มาคิดดูตอนนี้ ที่ตอนนั้นธนาคารไม่ให้กู้ซื้อบ้านก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้เลยไม่มีหนี้ สบายกายสบายใจ หนีเที่ยวได้ไม่รู้สึกผิด 555


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เคยไปเรียนอยู่ที่ออสประมาณเกือบ 6 ปีค่ะ พอเรียนจบก็สมัคร PR ทิ้งไว้แล้วก็กลับมาทำงานเมืองไทยได้เกือบ 6 ปี
ตอนนี้เพิ่งกลับมาที่ออสใหม่ได้ 2-3 เดือนค่ะ และ plan ว่าจะอยู่ที่นี่อย่างน้อย 3 ปี แล้วค่อยว่ากันใหม่
เพราะเราเป็นลูกคนเดียว ก็คงต้องกลับไปดูแลพ่อ แม่เหมือนกัน
ที่กลับมาออสครั้งนี้เพราะอยากลองหา ปสก ทำงานที่นี่ดูบ้าง เห็นเค้าว่าหายาก (ยิ่งช่วงนี้ด้วยแล้ว) แต่ก็ยังอยากลองดู
ถึงแม้ตอนอยู่เมืองไทยจะได้งานดี บริษัทดี profile ดี เจ้านายดี แต่เป็นคนชอบความเปลี่ยนแปลง ก็เลยตัดสินใจมา
ไม่ได้หวังว่าจะมากอบโกยอะไร เพราะรู้ว่าค่าครองชีพที่นี่สูงขึ้นมาก tax โหด หวังแต่ว่าจะมาเอา ปสก ล้วนๆ
ช่วงนี้ว่างงานอยู่ก็ลงเรียนเก็บความรู้ไปเรื่อยๆค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
จริงๆ Tax ไม่โหดนะครับ จะว่าไปแล้ว Tax ถูกลงกว่าเดิมสำหรับคนโสดเพราะเค้าเพิ่มเงิน Offset ให้ แต่คนมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู ตอนนี้เซ็งเลยเพราะโดนตัดความช่วยเหลือ Spouse/Child Offset


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
@คุณd3mari

มันก้อขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะsign leaseบ้านของตัวเองแล้วอยู่แบบส่วนตัวหรือว่ายอมที่จะไปแชร์บ้านร่วมกับคนอื่นด้วยนะครับ เพราะว่าทำงานออฟฟิศเนี่ยสมมติคุณได้70K per annumก้อจะได้Grossประมาณ$1,346/weekหักภาษีสมมติว่า25%ก้อจะเหลือ Netประมาณ$1,000/week ต่อจากนี้ก้อขึ้นอยู่กับวิธีการใช้เงินของคุณนะครับว่าจะทำให้เหลือมากเหลือน้อยแค่ไหนและมีเก็บเท่าไหร่

เพียงแต่ว่าค่าจ้างสำหรับคนต่างชาติถือPRที่ไม่เคยทำงานที่ออสฯเลยเนี่ยจะเริ่มต้นแตกต่างกันมาก ถ้าทำกับคนจีนที่ผมเคยเห็นเริ่มต้นที่ประมาณ$30Kหรือต่ำกว่านิดหน่อยก้อมี หารแล้วได้Gross$577/week บางทีเจอให้ทำPart-timeอีกต่างหาก OTไม่มี แต่ถ้าคิดว่ามาเรียนTAFEก้อจะรู้สึกดีขึ้นมากครับเพราะว่าคุ้มมากๆ คุ้มกว่าเรียนมหาวิทยาลัยอย่างเทียบกันไม่ได้เลย แถมFacilities & Library ของTAFE NSWก้อดีเกือบจะเทียบชั้นมหาวิทยาลัยได้เลย

ผมเคยได้ยินว่ามีเด็กไทยบางคนมาทำงานอย่างเดียวในครัวร้านอาหารไทยสามารถทำได้มากถึงวีคละ$800-$1,000 แบบหนีTax แต่ว่าต้องทำแบบวันละ2กะอย่างต่ำทุกวัน ว่างก้อไปต่องานคลีน แบบว่าไม่เห็นเดือนเห็นตะวันกัน หรือไม่ก้อล้างชามกันจนมือทะลุกันไปเลย เขาเหล่านี้ไม่เคยโผล่ไปเข้าเรียนเลยเพียงแต่จ่ายเงินต่อค่าเรียนเพื่อให้ได้วีซ่าอยู่ต่อเท่านั้นเอง

ช่วงนี้ราคาของGroceryแพงขึ้นมาประมาณ25-30% ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สก้อแพงขึ้น แต่งานหายาก เงินยิ่งหายากใหญ่ วันก่อนผมไปหาหมอโดยใช้Medicare bulk bill หมอยังคอยจี้ให้ผมอย่าลืมเซ็นต์ชื่อในใบเบิกค่ารักษาไม่งั้นเดี๋ยวเขาเก็บเงินMedicareไม่ได้ เรียกว่าขนาดวิชาชีพหมอยังdesperate for moneyเลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เสียดายแทนจัง อยากได้จังเลย
แล้วรออีกกี่ปีจึงจะได้ซิติเซ่นคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
อ้าว เพิ่งเห็น ความเห็นของคุณดอสและคุณ sydneyman ค่ะ
ตอนนี้ก็แชร์บ้านอยู่ค่ะ คาดว่าถึงจะเปลี่ยนที่อยู่ครั้งต่อไปก็คงยังจะต้องแชร์บ้านอยู่ดี ประหยัดกว่ากันเยอะ
ส่วนเรื่องงานก็กังวลนิดหน่อยค่ะว่าcase เราอาจจะหางานยากหน่อย (architect) แต่จะลองดูค่ะ
นี่เราเพิ่งสมัครเรียนโทแบบ part time ไป เริ่มเรียนปีหน้า กะว่าถ้าได้งานช่วงนั้นก็ดีไปจะได้เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
จะได้เหนื่อยตายไปเลย 555
แต่ถ้ายังหางานไม่ได้ก็ก้มหน้าก้มตาเรียนต่อไป .....

เอิ่ม ขอโทษที เหมือนเข้ามาบ่น ไม่ได้ช่วยอะไร จขกท เลย เหะๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 20