ขอถามเรื่อง Work permit สิงคโปร์ จ้า

ระยะเวลาการขอ Work permit นานหรือเปล่าค่ะ
ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
เราเป็นคนจัดการทุกอย่าง หรือว่า ต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท
เพราะว่า เมื่อเรียนจบเลยจะไปทำงานต่อที่สิงคโปร์ค่ะ

ตอนแรก MD ของบริษัทโทรมาให้ส่งเอกสารพวก Transcript(ระยะ 3 ปี) กับใบรับรองว่าเราเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยนี้
แล้วพาผ่านไปสักวันนึง ทางนั่นบอกว่า ถ้าทำตอนนี้ไม่ได้เพราะกว่าจะไป อีก 9 เดือน ประมาณเดือนเมษายนค่ะ
เค้าบอกว่าทำได้ให้ก่อนมากสุด แค่ 3 เดือน
ก็เลยเปลี่ยนมาให้รอได้รับใบ Transcript ครบหลักสูตรก่อนเลย ค่อยมาทำเรื่องใหม่
คือในใจกลัวจะโดนเค้า reject มากค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าบริษัทที่สิงคโปร์เป็นบริษัทที่มั่นคง มีชื่อเสียง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ
ส่วนเอกสารว่าต้องใช้อะไรบ้าง ทางบริษัทจะเป็นคนยื่นเรื่องเอกสารให้เรา แล้วเค้าก็จะระบุเอกสารว่ามีอะไรบ้าง (Transcript, Copy of Passport, Resume, etc.) เราก็เตรียมเอกสารส่งไปให้เค้า ซึ่งสามารถแสกนแล้วส่งไปทาง e-mail ได้เลยครับ

อย่างของผม ทำ Employment Pass (EP) (work permit ของประเทศสิงคโปร์) ผมส่งเอกสารไปให้บริษัทที่ทำเรื่องยื่นให้ วันรุ่งขึ้นก็ได้รับเมล์ตอบมาเลยครับว่า EP อนุมัติแล้ว ตกใจและงงมากๆ เพราะเร็วมากกก

ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เคสของเรานะคะ....บริษัทจะส่งเอกสาร EP มาให้กรอกค่ะ เราก็กรอกแล้วสแกนส่งกลับไป พร้อมหลักฐานการศึกษาและผลตรวจร่างกาย บริษัทจะกรอกรายละเอียดส่วนที่เป็นของบริษัท ยืนออนไลน์ แล้วจะได้ In Principal Approval letter มา เวลาเข้าประเทศก็เอาส่วนนึ้โชว์ ตม. เราจะมีเวลาสามสิบวันในการติดต่อทำ EP แล้วก็จะอยู่ต่อได้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ บริษัทจะส่งใบนัดมาให้ วันแรกที่เราไปบริษัท HR จัดการเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย เราก็เอาเอกสารชุดนั้นไปยื่นที่ EP Center ตามใบนัด อีกประมาณ 1 สัปดาห์เค้าก็นัดไปรับบัตรประจำตัวค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ช่วยคอนเฟิร์มให้ตามคุณ JinJu คห. 2 เลยค่ะ และเมื่อได้รับบัตร EP บัตรเขียวแล้ว
เวลาเข้าออกประเทศสิงคโปร์ คุณสามารถใช้ออโต้ เกท ได้เลยค่ะ โดยที่ไม่ต้องมีสแตมป์ขาเข้าขาออกใน
พาสปอร์ตอีกต่อไป

ในกรณีของคุณ จขกท. นี้ให้ระวังบริษัทที่สิงคโปร์เปลี่ยนใจค่ะ เพราะคนสิงค์ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ที่มี
ความอดทนไม่สูง รอคอยอะไรไม่ค่อยเป็น

จะทำอะไรล่กๆ เร็วๆ เข้าว่าเอาไว้ก่อน และอะไรก็แล้วแต่เพื่อคำนึงถึงผลประโยชน์
ของตนเองเป็นที่ตั้งเอาไว้ก่อน และคนพวกนี้ส่วนใหญ่มีทักษะในการฟังเท่าไหร่นัก เขาไม่ฟัง และชอบคิด
ไปเองก่อน และเมนทาลิตี้ไม่เหมือนพวกเราคนไทย และ ไม่ค่อยคิดนอกกรอบนะคะ

นอกเสียจากว่า คุณ จขกท.จะมีคุณสมบัติอะไรพิเศษที่เกี่ยวกับงานนี้โดยตรง เขาต้องการคุณไปช่วย
เพราะยิ่งคุณจบมาใหม่ๆ ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน เขาไม่จำเป็นต้องให้เงินเดือนสูงๆ ค่ะ
หลายๆ บริษัทหรือหลายๆ ห้างร้านในสิงคโปร์จ้างพนักงานโดยเน้นที่เรื่องค่าแรงถูกๆ เอาไว้ก่อน
โดยที่จะได้แรงงานหรือพนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ หรือแทบจะไม่เคยผ่านการเทรนนิ่งมาก่อนค่ะ
หรืออาจจะผ่านการเทรนนิ่วมาแล้ว แต่ทำงานไม่เป็นก็มีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
พิมพ์ตกหล่นค่ะ ที่จริงจะพิมพ์ว่า ไม่ค่อยมีทักษะในการฟังเท่าไหร่นักค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
นี่พี่ คห. 3, 4 นะคะ กลับมาอีกครั้ง เพราะนึกได้ว่า อยากจะแนะนำว่าให้ตุณ จขกท. เผื่อใจเอาไว้เลยค่ะ
ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ยุ่งยากเกินไป ใช้เวลารอยาวนานเกินไป คนประเทศนี้ส่วนใหญ่จะไม่สน ไม่คอยนะคะ
แล้วถัาเขาจะปฏิเสธอะไร เขาไม่ปฏิเสธตรงๆ แต่จะปฏิเสธแบบอ้อมโลก และจะพยายาม Twist ด้วยค่ะ
ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ราบรื่น สะดุด ติดขัด คือความผิดของทางฝ่ายคุณ ไม่ใช่ฝ่ายเขา คนประเทศนี้
ส่วนใหญ่แล้วเป็นแบบนี้ค่ะ หัวหมอแบบนี้ แล้วโกหกตาใสเก่งมากๆ แต่ไม่เนียนด้วยค่ะ

และอยากจะเตือนว่าถ้าจะมาใช้ชีวิตที่สิงคโปร์ต้องแกร่งนะคะ จะมาเป็นคุณหนูหรือคนใจดีไม่ได้
จะมาทำแอ๊บแบ๊วไม่ทันคนไม่ได้ (นี่ไม่ได้ว่าคุณนะคะ แค่จะบอกว่าแคแร็คเตอร์แบบไหนที่ไม่เหมาะ
กับการมาใช้ชีวิตมาทำงานที่สิงคโปร์ค่ะ)
มิเช่นนั้นจะถูกเอาเปรียบ ถูกรังแกค่ะ เพราะสังคมที่สิงค์ฯ คนส่วนใหญ่เห็นแก่ตัวมากๆ หยาบคาย
ไม่มีมารยาทสังคม คนไทยที่ได้รับการอบรมมาดีๆ มีมารยาทสังคมจะทนคนพวกนี้ไม่ได้นะคะ
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในสิงค์ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน คุณจะสามารถพบเห็น
หรือประสบด้วยตนเอง ถึงความเห็นแก่ตัว ความไร้มารยาทของคนประเทศนี้บางส่วน ทุกๆ วันค่ะ

แต่คนสิงค์ส่วนใหญ่ ชอบคนไทย เพราะคนไทยหลายๆ คน
ไม่เถียง ไม่ชอบปกป้องสิทธิของตนเอง หรือชอบหยวนๆ ค่ะ คนพวกนี้จึงได้ใจ และคนสิงค์ฯ ส่วนใหญ่เลย
มักจะมีชิพฝังอยู่ในหัวว่า คนไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องมาจากต่างจังหวัด การศึกษาน้อย
และต้องจนค่ะ

//คนประเทศนี้นิสัยดีๆ มีนะคะ แต่น้อย และเขามีรัฐบาลที่มีวิสัยกว้างไกลค่ะ และถ้าประเทศนี้ปราศจาก
บุรุษที่ชื่อว่า ลี กวน ยิว แล้วไซร้ ประเทศของเขาจะไม่สามารถมายืนอยู่แถวหน้าในระดับโลกในหลายๆ
ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่งคั่ง ความเจริญทางวัตถุได้ในแบบทุกวันนี้ค่ะ เพราะคน
เกินครึ่งเป็นประชากรที่ไม่มีคุณภาพค่ะ

//ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ จากสิ่งที่พบเห็นจริง และเกิดขึ้นจริง จาการสังเกตการณ์จริง จากประสบ
การณ์จริงค่ะ

//ในเคสเรื่องงานของหนู จขกท นี้ ขอให้ระวังการปฏิเสธทางอ้อม แบบอ้อมๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5