เรียนเมืองนอกก็ไม่จบ เอากลับมาเรียนที่ไหนดี

น้องชายเรียนไฮสคูล (ชั้น ม.6 ) แต่ไม่จบเหลืออีก 2 ตัีว (สอบตกวิชาสังคมและภาษาอังกฤษ) แล้วทางแม่ของน้องต้องการให้เด็กกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทย โดยการเทียบโอน 2 วิชาที่เรียนไม่ผ่านนี้ ซึ่งได้สอบถามข้อมูลตาม better plus และ wsc แล้ว แต่ทางสถาบันมีวุฒิม.ปลายระบบอเมริกา ซึ่งตัวเด็กเรียนอยู่ประเทศแคนนาดา ซึ่งทางบ้านของเด็กไม่รู้ว่าตัวเด็กเรียนไม่จบ และไม่อยากให้อยู่เรียนซ่อมวิชาที่ตก เพราะทำให้เด็กเสียเวลาและโอกาสในการเรียนอีก 1 ปี รวมทั้งทำตัวเกเรด้วย และไม่อยากให้อากงผิดหวังในตัวหลาน
รบกวนเวลาทุกท่านในนี้ช่วยแนะนำสถาบันเรียนที่มีวุฒิระบบเดียวกับประเทศที่น้องเรียน ว่าเรียนที่ไหนได้บ้างที่ได้วุฒิตามที่น้องเรียนที่ประเทศแคนนาดา และใช้เวลาในการเรียนไม่นานเพราะอยากให้เด็กเข้ามหาวิทยาลัย ได้โดยไม่เสียเวลาในตัวเด็ก
ขอบคุณค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ถามหน่อยทำไมซ่อมวิชาที่ตก ต้องทำให้เสียเวลาเรียน1ปีอะ ไม่ขอเค้า resit ละ ถ้าย้ายมาไทยได้ทุกที่ละถ้ามีผลการเรียน แต่ยังไงอาจจะเสียเวลา1ปีนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เรียน คุณ poomer123
ทางเด็กแจ้งกับแม่ว่า ทางโรงเรียนให้เรียนเพิ่มเติมเพื่อสอบซ่อม จึงทำให้เสียเวลาค่ะ จึงอยากนำเด็กกลับมาเรียนที่เมืองไทย ซึ่งคิดว่าน่าจะใช้เวลาในการเรียนน้อยกว่าที่นั่น จึงอยากรบกวนที่เรียนให้น้องที่ไม่ใช่ระบบอเมริกา ที่เมืองไทยด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เรียนอีก 1 ปี
อบรมนิสัยให้ดี
แล้วค่อยเข้ามหาลัย


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ลองติดต่อสอบถาม โรงเรียนนานาชาติ จ. ภูเก็ต


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ขอแนะนำอย่างหนึ่งคือ
การเรียนไม่ว่าจะเรียนกี่ปีก็ไม่มีคำว่าเสียเวลา
แม้ว่าจะเป็นการเรียนเพื่อซ่อมวิชาที่ตกไปหรือเริ่มเรียนตอนสายไปแล้ว1ปีก็ตาม
เพราะเมื่อเรียนคนที่ได้ประโยชน์ก็คือเด็กที่เรียนไม่ใช่ใครอื่น

แนะนำว่าให้ลงสอบซ่อมเสียให้เสร็จ
แล้วหากจะคิดย้ายกลับมาเรียนในไทยก็ค่อยทำ

เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นหนีปัญหาไม่จบสิ้น
เรียนนอกก็เรียนไม่จบ เรียนในประเทศก็จะเรียนไม่ได้
เพราะไม่ได้วิชาอะไรกลับมาเลย
การเสียเวลาจริงๆคือคนที่ไม่พยายามทำอะไรให้สำเร็จ
นั่นคือเสียเวลาจริงๆ
แต่การเรียนซ่อมวิชาที่ตกไม่เสียเวลาเลยมีแต่จะทำให้ดีขึ้น

ไม่เคยเห็นเด็กนอกคนไหนที่หนีปัญหาจากเมืองนอกจะเรียนได้ดีในไทยซักคน
กลายเป็นสร้างปมปัญหาให้เด็กเพิ่ม
เป็นพ่อเป็นแม่ต้องสามารถบังคับลูกให้ได้ดีให้ได้
ไม่ใช่ตามใจเด็ก


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
http://www.srivikorn.ac.th/


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ลองหาโรงเรียนอินเตอร์ในไทยดูนะ เค้ารับหมดแหละถ้ามาจากเมืิองนอก แล้วทางครอบครัวต้องบอกกับเด็กด้วยว่าต้องตั้งใจ ต้องเลิกเกเรได้แล้ว โตแล้ว บอกเค้าเรียนเป็นเรียนเล่นเป็นเล่นดีที่สุด


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ เรียนคุณยายมีลูกหลายคนมีหลานเป็นโหล
ใจตัวเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ทางแม่เด็กไม่อยากให้เสียเวลา เพราะต้องการให้เด็กเข้ามหาวิทยาลัยอินเตอร์ที่เมืองไทย ซึ่งจะเริ่มสมัครประมาณเดือน พ.ย.55 นี้ แต่ถ้าเรียนเพิ่มเติมเพื่อสอบซ่อมที่นั่น กว่าจะเสร็จก็ประมาณต้นปีหน้า บวกกับความร้อนใจกับความกลุ้มใจของเจ้าของกระทู้ด้วย กลัวจะไม่ทันเรียน และเห็นว่าถ้ากลับมาเรียนตามโรงเรียน better... ฯลฯ ใช้เวลาเพียง 1-2 เดือน เด็กก็จะทันเข้ามหาวิทยาลัยพอดีค่ะ
ขอบคุณทุกท่านค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
หลานเคยเจอเคสเหมือนกัน ติดวิชาเดียว คิดว่าวิทยาศาสตร์ ทำให้ไม่สามารถขอเทียบ ม ปลายที่กระทรวงได้ และขอกลับไปโรงเรียนเก่า เขาก็ไม่รับคะแนนจากนิวซีแลนด์สักวิชาเดียว และถ้ากลับไปเรียนต่อให้จบที่นิวซีแลนด์ ก็ต้องอีก 1 ปีเลย ทั้งๆที่พี่ของหลานอีกคนก็กลับมาเรียนโรงเรียนเก่าโรงเรียนเดียวกันนี้ เขาก็รับและให้ขึ้นชั้นต่อไปเลย คือ ม 5 ก็เท่ากับไม่ได้เสียเวลา
แต่คนน้องโรงเรียนเดียวกันไม่รับเทียบอะไรทั้งสิ้น จึงต้องไปเริ่มเรียน ม 4 ใหม่เลย เสียเวลาไปอีก 2 ปี


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ขออนุญาตแนะนำรร. นี้ดูคับ เพราะผมก็จบจากที่นี่มา
www.rais.ac.th ราคาไม่แพงเลย และเป็นอินเตอร์ มี Diploma คับ

ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ไม่มีสติปัญญาอะไรจะแนะนำได้

แต่คันปากอยากออกความเห็น

คุณแม่ของน้องตรรกะเพี้ยนๆเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้เอง ถึงได้ผลิตลูกเพี้ยนๆไม่อยู่ในกรอบในกติกาออกมา (ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นของแท้)

ลูกเรียนไม่ดี แทนที่จะคิดให้ลูกเรียนเสริมเรียนเพิ่มเยอะๆเพื่อให้ความรู้แน่นๆ

กลับไม่ยอม แถมยังจะดึงดันให้ลูกที่เรียนไม่เอาไหนรีบขึ้นเรียนชั้นสูงเร็วๆอีก

แบบนี้พอลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก็จะเป็นปัญหาอยู่อีกเหมือนเดิม

คุณแม่ไม่ลึกซึ้งเลยนะคะ รู้ทั้งๆรู้ว่าขยะอยู่ตรงไหนแต่ไม่เก็บกวาด เลือกเอาพรมมาวางทับไว้ซะงั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 11