ชีวิตคนไทยถูกฆ่าจากธุรกิจน้ำเมาทุก๒๐นาที ชม.ละ ๓คน ปีละ ๒๖,๐๐๐คน

ชีวิตคนไทยถูกฆ่าจากธุรกิจน้ำเมาทุก๒๐นาที ชม.ละ ๓คน ปีละ ๒๖,๐๐๐คน ยังไม่พอ ปล่อยให้น้ำเมาค้าเสรี = ฆ่าเสรี นั่งนับศพกันต่อไป รัฐบาลไทยไม่สนใจชีวิตคนไทย
ข่าวด่วน!!! กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เสนอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 ที่ได้อนุมัติยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ โดยเสนอตัดยุทธศาสตร์ที่ 5.5.4 มาตรการปกป้องความเข้มแข็งของนโยบายแอลกอฮอล์จากผลกระทบของข้อตกลงระหว่างประเทศ ออกไป เพื่อกรุยทางสำหรับการเปิดการเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปให้ได้ภายในเดือนหน้า เพราะทางสหภาพยุโรปมีทีท่าที่ชัดเจนว่า ต้องการข้อตกลงที่ให้ประเทศไทยเก็บภาษีแค่เพียงแบบเดียวและลดภาษีลงร้อยละ 90 ภายในเวลา 7 ปี

สาระสำคัญในยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ ที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการยกเลิก คือ ยุทธศาสตร์ที่ 5.5.4 มาตรการปกป้องความเข้มแข็งของนโยบายแอลกอฮอล์จากผลกระทบของข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีแนวทางดังนี้

1. พิจารณาสนับสนุนการถอน (bracketing) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบริการที่เกี่ยวข้องออกจากข้อตกลงการค้าและผลกระทบที่พึงมี และ/หรือ การละเว้นการบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าเป็นรายชื่อสินค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศ (list of commitment) ทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี โดยให้มีกระบวนการที่มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายและคำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ

2. สนับสนุนการป้องกันนโยบายแอลกอฮอล์จากผลกระทบจากข้อตกลงการค้าเสรี รวมถึง พิจารณาพัฒนานโยบายแอลกอฮอล์ของประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยต้องเน้นที่มาตรการที่มีประสิทธิผลและความคุ้มค่า เช่น การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตเพื่อชดเชยภาษีศุลกากรที่ลดลง

3. พัฒนากระบวนการเจรจาต่อรองข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ความโปร่งใส และมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง โดยลดอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมจากอุตสาหกรรมสุรา

4. พัฒนาการเรียนรู้ร่วมกันของสังคมทุกภาคส่วนถึงผลกระทบของข้อตกลงการค้าเสรีที่มีต่อสินค้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ จากข้อมูล สถิติการนำเข้าของไทย พบว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าการนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 245 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแบ่งเป็นการนำเข้าจากสหภาพยุโรปมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 75.0 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด

วัดใจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนว่าจะสนใจชีวิตคนหรือแค่ผลประโยชน์การค้า
ฝากกระจายด้วยนะครับ

ความคิดเห็นที่ 1
เมื่อก่อนเราเคยเฉยๆ ใครดื่มก็เรื่องของเค้า ขอแค่อย่าไปทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ
พอเอาเข้าจริง ประสบความเดือดร้อนมากมายจากผู้ดื่ม. จากที่เคยคิดว่าเค้าดื่มก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของเค้า แต่เวลาเกิดปัญหานี่สิคะ มันกระทบที่ส่วนรวม

ไม่สนับสนุนเรื่องพวกนี้อีกเสียงค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1