อึดอัดและเหนื่อยใจกับงานที่ทำจังเลย---กระทู้ระบาย+ขอกำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะ

คิดอยู่นานว่าจะตั้งกระทู้ดีมั้ย ไม่รู้จะพูดกับใคร อยากมาคุยให้เพื่อนๆฟังเผื่อได้ความคิดเห็นดีๆว่าควรจะเอายังไงกับการทำงานที่นี่ต่อดี

เราทำงานเป็น travel Agent ใน ซานฟรานซิสโกค่ะ ทำมาได้เดือนนี้เข้าเดือนที่ 5 แล้ว ท้าวความแต่ต้นเลย เราไม่ไ้ด้ชอบงานออฟฟิศเท่าไหร่ เพราะการนั่งอยู่ในออฟฟิศหน้าจอคอมทั้งวัน มันไม่ใช่เราเลย เราทำงานสนามบินมาก่อน ได้เดิน ได้ทำนู่นทำนี่ไม่หยุดสนุกมาก เราชอบงานประเภท Fast pace น่ะค่ะ เพิ่งย้ายมาเมกาเดือนสิงหาปีที่แล้ว ได้งานที่นี่ตอนเมษาที่ผ่านมา

ก่อนได้งานเราก็นึกในใจว่าจะไหวมั้ยน้า ต้องมานั่งทำงานในออฟฟิศอีกแล้ว (เคยทำเอเจนซี่ที่ไทยมาก่อนค่ะ ทำได้แค่ 5 เืดือนก็ออกเพราะไม่ชอบลักษณะการทำงานออฟฟิศ กลับไปทำงานสายการบินเหมือนเดิม)

เจ้าของบริษัทเป็นคนมาเลย์ (แขก) ตอนวันสัมภาษณ์ก็บอกเราว่า ให้เงินเดือน(บอกเลยดีมั้ยเนี่ย) $1,800 เพราะอายุยังน้อยและประสบการณ์น้อย(อายุ 26 เราทำเอเจนซี่มา 5 เืดือน นอกนั้นทำสายการบินประมาณ 3 ปี)พอครบ 3 เดือนผ่านโปรจะขึ้นให้เป็น $2,000 ทำงาน 9 โมง -5 โมง เย็น เราก็โอเคเงินก็พอใช้ได้ แต่ที่นี่เป็นบริษัทเล็ก ทั้งบริษัทมี 5 คน ไม่มีสวัสดิการ

พอเราทำงานได้ครบหนึ่งเดือนก็เรียกเรามาคุย พร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกคนที่กำลังจะไปพักร้อน 2 เดือน (คนนี้อายุเยอะแล้วค่ะ จะ 50 แล้ว ทำงานที่นี่มานานแล้ว) ก็คุยไปเรื่อยนู่นนั่นนี่ แล้วพูดถึงเรื่องว่าจะรับอีกคนเข้ามาทำงาน เป็นคนเกาหลี เคยทำงานที่นี่มาแล้วครั้งนึง แต่ลาออกไปตอนคลอดลูก เพื่อกลับไปพักที่เกาหลี คุยไปคุยมาก็หันมาทางเรา แล้วก็บอกว่า เราต้องขยัน ต้องตั้งใจทำงานนะ แล้วหันกลับไปคุยกับเพื่อนร่วมงานเราว่า "If it doesn't work outwith her I will have Kelly replace her, that's my plan" (เคลลี่ คือคนทีี่รู้จักกันมานานแล้ว เธอทำงานอยู่อีกเอเจนซีนึง แต่อยากมาทำงานให้ที่นี่ แต่เธอตัดสินใจไม่ได้ซักทีว่าจะมาไม่มา)

เราก็แบบ...อะไรกัน เราทำงานยังไม่ครบโปรเลย แล้วที่ผ่านมาเราก็ทำได้ตลอด มาทำงานอาทิตย์เดียวเราก็จองตั๋วเป็น รับลูกค้า จัดแพ็คเกจเองได้แล้ว ไม่ต้องให้ใครมาประกบ เค้าแทบไม่ต้องเทรนอะไรเราเลย เพราะโปรแกรมที่เค้าใช้อยู่ก็อันเดียวกับที่เราเคยใช้ เรามารื้อฟื้นแป็บเดียว เราก็ต่อได้เลย ทำไมพูดตัดกำลังใจอย่างนี้ เราฟังแล้วเหมือนไม่เชื่อว่าเด็กอย่างเราจะทำได้ (เราก็ว่าำไม่เด็กนะ แต่เราอายุน้อยที่สุดแล้ว เพราะแต่ละคนไม่ต่ำกว่า 35)

ตอนนั้นเราก็ปล่อยมันผ่านไป พยายามทำมาเรื่อยๆ เดือนต่อมา เพื่อนเกาหลีก็มาทำงาน เพื่อนอีกคนก็ไปพักร้อน เพื่อนเกาหลีนี่อายุ 39 แล้วค่ะ มีลูกชาย 2 ขวบ (เรามีลูกสาว 1.6 ขวบ) เค้าเป็นคนดีนะ ทำงานเก่งมาก แล้วเค้าชอบงานเอเจนซี่มาก ว่างไม่ได้หานู่นหานี่มาทำตลอด แต่เค้าทำงานแค่ 9 โมง ถึง บ่าย 3 รับเงินเดือน $2,500 พอเรารู้ก็ติดใจนิดนึง เพราะเค้าทำงานน้อยกว่าเรา แต่ได้มากกว่าเยอะ เราก็ไม่ได้อะไรเพราะเค้าก็แก่กว่า และประสบการณ์ทำงานคงเยอะกว่ามากด้วย

ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องเงินเดือน พยายามอย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลยค่ะ เพราะตอนที่เรารับงานนี้ ข้อเสนอนี้เราเองเป็ฯคนที่พอใจใช่ไหมคะ ถ้าไปคิดเปรียบเทียบโน้นนี้ เราจะรู้สึกไม่ดี แต่ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงเงินเดือนแตกต่าง ... เจ้าของบริษัทจะสามารถอธิบายได้ค่ะว่าทำไม จริงๆหลักการบริษัท เค้าจะต้องให้ทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนที่จ้างนะคะ แสดงว่า ผู้หญิงเกาหลีคนนั้น คงมีผลงานที่ทำให้บริษัทพอใจถึงได้รับการเสนอมาแบบนี้ รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีด้วย

ทำงานต้องแข่งกับตัวเองเท่านั้นค่ะ อย่าไปเปรียบกับคนโน้นคนนี้แล้วทำให้ไม่สบายใจ แต่ถ้าทำงานดีเมื่อไหร่ ผลตอบแทนจะได้รับมาเท่านั้นค่ะ หลักการบริษัท จะเพิ่มเงินเดือนให้ทีละนิดๆนะคะ อดทนรอหน่อย

ส่วนคำพูด...ไม่จำเป็นต้องสนใจค่ะ พูดตรงๆ พูดต่อหน้านี่แหล่ะดีที่สุด ดีกว่ามาพูดลับหลังกันค่ะ ถ้าเราทำงานดีแบบที่เค้าหวัง เราก็อยู่ต่อได้สบายค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ระหว่าง 3 เืดือนช่วงโปรนี่ เราไม่ลา ไม่สาย ไม่ไปไหนเลยเพราะกลัวไม่ผ่านโปร เราจะลำบาก เพราะรถสามีโดนชน ได้เงินประกันมาก็เอาไปซื้อคันใหม่ (มือสอง) ที่รุ่นใหม่กว่าตัวที่โดนชน(โตโยต้า ปี 1995) เพราะคันนั้นตอนโดนด้านหลังยุบไปเ้ลย โครงสร้างมันไม่แข็งแรงเท่ารถใหม่ ดีว่าตอนนั้นลูกเราไม่ได้อยู่ในรถ ไม่งั้นคงเจ็บ เพราะ คาร์ซีทก็อยู่ด้านหลัง สรุปว่าเราต้องมีงานทำเพื่อช่วยกันผ่อนรถ ช่วงนี้ก็มีปัญหาเรื่องพี่เลี้ยงลูกบ้าง บางวันพี่เลี้ยงก็มาไม่ได้ เราก็หัวปั่นว่าจะหาใครมาเลี้ยงแทนวันนึงได้บ้างเพราะไม่กล้าลา ลูกไม่สบายยังไม่กล้าลา้เลยกลัวตกงาน

แต่เืพื่อนเกา่หลีตั้งแต่เข้ามาทำงาน เธอได้ลาเป็นว่าเล่น ลูกป่วย เดย์แคร์หยุด ฯลฯ ลาตลอด จนเราแปลกใจว่า นี่เค้าไม่กลัวไม่ผ่านโปรเลยหรอ (เรากลัวเพราะว่าบอสเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก ไล่คนออกเป็นว่าเล่น ด่าลููกค้าที่เรื่องมากว่า"Go to H-ll" ผ่านโืีทรศัพท์ก็ทำมาแล้ว ตะโกนใส่ลูกน้องก็ทำบ่อย ตอนเราทำงานนี่ก็ำไล่พนักงานทำบัญชีออก)

เจ้านายเราซื้อคอมพ์ฯตัวใหม่ให้เธอ ซื้อเก้าอี้ใหม่ให้ จะเอาอะไำรเพิ่มให้หมด คือก็เข้าใจนะ ว่าคนเคยทำงานกันมาก่อน แต่แบบได้อภิสิทธิ์เยอะมาก แต่เค้าก็ตั้งใจทำงานมากเหมือนกัน เราเองไม่ใช่ว่าไม่ทำ แต่เวลาเราทำ เราทำเร็ว มี request เข้ามา 5 คน เีี่ราทำไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็เสร็จ โทรศัำพท์เราก็รับตลอด พอเราทำเสร็จเร็ว เราก็ไม่มีอะไรทำ ไม่รู้ว่านึกการทำงานของเอเจนซี่ออกมั้ยนะคะ คือ เรารับอีเมล์ รับโทรศัพท์ของลูกค้าที่ต้องการซื้อแพ็คเกจ หาข้อมูล ติดต่อ local operator เพื่อขอราคา (บริษัทนี่ทำทัวร์ไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ)แล้วติดต่อกลับ ลูกค้าพอใจก็ทำ บุ๊คกิ้งตั๋วเครื่องบินต่อ ฯลฯ

พอเราว่างเราก็เปิดอินเตอร์เนตไปเีรื่อย อ่านข่าวเมืองไทยบ้าง ดูโรงแรม บางทีก็หาความรู้เกี่ยวกับประเทศที่บริษัททำทัวร์ ส่วนเพื่อนเกาหลี ถ้าไม่มีรีเควส เค้าจะไปรื้อไฟล์เก่าๆ มานั่งคัด เพราะระบบเก็บข้อมูลของบริษัทนี้แย่มาก (จริงๆ) ไม่เป็นระบบ เรียกว่า ถ้าลูกค้าเก่ามาก็หาข้อมูลเก่าไม่เจอหรอก ต้องขอใหม่ บางทีเค้าก็เรียกให้เราทำ บางทีเค้าก็ไม่เรียก ถ้าเค้าเรียกแล้วเราไม่ยู่งอยู่กับลูกค้าของเรา เราก็ทำให้ทุกครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เรายอมรับว่า ไม่มี เอ่อ..passion กับการทำงานที่นี่เลย คือไม่ได้ชอบงานจริงๆ แต่ที่ทำอยู่ก็เพื่อเงินนี่แหละ เราก็ทำเต็มที่นะคะ ถ้างานเสร็จเท่านั้นเราถึงเล่นอินเตอร์เนต

แล้วจุดที่ทำให้รู้สึกแย่กับงานก็เพิ่มขึ้นมาอีก คือพอครบ 3 เดือนแล้ว เจ้านายไม่มีการเ้รียกเราเข้าไปคุยเรื่องผ่านโปร (บริษัทนี้ไม่มีสัญญาว่าจ้างให้เซ็นค่ะ มีแค่ W2 เท่านั้น เราเคยถามแล้วตอนจะเริ่มงานว่า ไม่มีสัญญาจ้างให้เซ็นหรอ เค้าก็บอกไม่มี เพราะเป็นบริษัทเล็กๆ

ครบ 3 เดือน เค้าก็ไม่ได้ขึ้นเงินให้ตามสัญญา บอกว่าให้รอเพื่อนที่ไปพักร้อนกลับมาก่อน ค่อยว่ากัน (คนที่ำไปพักร้อน เป็นคนสัมภาษณ์งานเราซะส่วนใหญ่ เจ้านายสัมภาษณ์นิดเดียว) นี่ผ่านไป 2 รอบเช็คแล้วก็ยังไม่ได้ขึ้น เพื่อนที่ไปพักร้อนเพิ่งจะกลับมา

เมื่อวานเจ้านายก็มาคุยกับเพื่อนที่เพิ่งกลับมาจากพักร้อน(เป็นคนมาเลย์เหมือนกัน) เรื่องพี่คนไทยคนนึงที่เค้าเคยทำงานอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นลาิิออกไป เพราะมีปัญหากับเจ้านาย แต่ตอนนี้เค้ากำลังจะได้กรีนการ์ด แล้วก็จะกลับมาทำงานที่เมกาได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อนมาเลย์สนิทกับพี่คนนี้มากกก ชอบเรียกเราเป็นชื่อพี่คนนี้อยู่บ่อยๆ พูดภาษาอังกฤษกันอยู่ดีๆ เจ้านายก็พูดเป็นภาษา บาฮาซา กับเพื่อนมาเลย์ แล้วพยักเพยิดมาทางเรา แล้วเพื่อนมาเลย์ก็พูดเป็นภาษาอังกฤษว่า "You're so mean" คือไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้ แต่เราว่าเจ้านายคงพูดกับเธอว่า เดี๋ยวจะไล่เราออกแล้วจ้างพี่ัคนนั้นกลับมาแทน

คืือเราฟังบาฮาซาไม่ได้ แต่เราก็พอเดาได้นะจากอากัปกิริยานะ..


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
คือเราเจอ แบบนี้่บ่อยๆ เราท้อนะ ทำงานให้เต็มที่ แต่โดนปฏิบัติเหมือนเป็นลูกจ้างชั้นสอง เงินก็ไม่ได้ขึ้น แถมเจ้านายยังจ้องจะเอาเราออกทั้งๆที่เราก็ตั้งใจทำงาน เราขายแพ็คเกจได้มากกว่า 10 รายแล้ว แถมดูแลลูกค้าถ้ามีปัญหาให้อย่างดี อย่างคนนึงพออกทริปไปก็เจออาหารเป็นพิษ เราตามให้ทุกอย่าง เปลี่ยนไฟลท์ รีฟัน จนตอนนี้เป็นเพื่อนกันไปแล้ว เค้ายังแนะนำเพื่อนเค้าให้มาซื้อทัวร์กับเราเลย

เราก็รู้ว่างานมันหายาก งานสายการบินที่นี่เราก็ไปทำไม่ไหว ได้เงินมาไม่คุ้มค่ารถ เลยต้องหางานที่ไม่ไกลเกินไป เราเหนื่อยใจ ตื่นมาก็ไำม่อยากไปทำงาน เพื่อนก็ไำม่มีรุ่นเดียวกันคุยไปก็ไม่รู้เรื่อง เพื่อนร่วมงานเราดีนะ นิสัยดีมาก แต่เราโดนเจ้านายปฏิบัติแบบแตกต่างอ่ะ

จะหางานใหม่ดีมั้ยคะ หรือทนทำต่อไป เราเองก็ไม่อยากให้เรซูเม่มันดูแย่เพราะเปลี่ยนงานบ่อย แต่ด้วยความที่เราไม่ชอบงานแบบนี้ เราก็ไม่มีแรงบันดาลใจ แถมมาโดนทำแบบนี้ มาทำงานก็ยิ่งไม่มีความสุข มันเหมือนโดนเผาผลาญความเป็นตัวเอง มันรู้สึกชีวิตหดหู่อ่ะค่ะ เหมือนดราม่านะ แต่ถ้าใครที่ำไม่มีความสุขกับการทำงานคงเข้าใจ เรารู้สึกเหมือนโดนดูดพลังชีวิตไปหมด มันเบื่อชีวิต กลับบ้านก็อยากจะร้องไห้ตลอด

เฮ้อ...


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้างั้นก็คงต้องเตรียมอะไรไว้บ้างค่ะ เพราะหากถูกไล่ออก เชิญออก ไม่ว่ากรณีใดๆตามที่เขาอ้าง เราจะไ้ด้ไม่เสียหลักมากเกินไป

ยังไง การลองมองหางานอื่นๆ ที่มีตารางชัดเจน ก็น่าจะช่วยได้บ้าง

ส่วนงานนี้ ทำไปจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะบางส่วนก็สามารถมาจุนเจือครอบครัวได้อยู่ค่ะ

เศรษฐกิจแบบนี้ ยากที่จะควบคุมค่ะ วันไหนที่ได้กำไรน้อย เขาต้องหาโอกาสคัดพนักงานออกเพื่อรักษาสถานะบริษัทไว้ แล้วเป็นไปได้มาก ที่คุณไม่อยู่แล้วคนอื่นก็ยังสามารถทำงานแทนคุณได้อยู่

คงต้องพิสูจน์ตัวเอง ให้เราดูมีคุณค่าต่อบริษัทมากกว่านี้ค่ะ คุณลองสังเกตุคนเกาหลีคนนั้นดู ว่าเขาทำอะไรบ้างนอกเหนือจากหน้าที่ เพราะมันหมายถึงการอยากพัฒนาบริษัท ไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่แต่ละวันแล้วจบ ระบบไหนที่มันยุ่งยาก ก็มานั่งคิดจัดระบบช่วยกัน แล้วความสัมพันธ์ในองค์กรก็สำคัญค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ใช่ค่ะ เพราะตอนนี้เจ้านายก็บ่นถึงว่าไม่ค่อยมีลูกค้า เพราะมันเกือบเลยหน้าท่องเที่ยวแล้ว
ช่วงที่เพื่อนไปพักร้อน 2 เดือน เรากะเพื่อนเกาหลีสองคนก็ช่วยกันทำงานสบาย ไม่ถึงกับทำไม่ทัน

คือด้วยศักยภาพการทำงานของเพื่อนเกาหลีกับเพื่อนมาเลย์ที่กลับมาก็เอาอยู่แน่นอน
เพียงแต่ว่าถ้าใครลาพักร้อนอีกคนจะโหลดเยอะ

ลืมเล่าไปว่าเพื่อนเกาหลีจะไปพักร้อนเดือน พฤศจิกายน นี่แล้วค่ะ ทำงานไม่ทันไรก็จะไปพักร้อน เราไปไหนไม่ได้ถ้าทำงานไม่ครบปี...เจอไปอีกดอก

ยอมรับว่าไม่มีแรงจูงใจจะช่วยพัฒนาบริษััทแบบที่บอก เพราะเจ้านายแสดงออกแต่ต้นแล้วว่าไม่เชื่อมั่นตัวเรา สามเดือนแรกเราตั้งใจมากกก ทุ่มเต็มที่ พอผลที่ออกมาคือเงินเดือนไม่ได้ขึ้นตามสัญญาแถมเจ้านายยังคงอยากหาคนอื่นมาแทนเราอยู่ดี ไม่ได้ดูเลยว่าเราทำงานได้ เราดูแลลูกค้าจนได้รับการบอกต่อ..ท้อนะคะ มันเหมือนเป็นแรงฉุดกลับว่า จะทุ่มเทไปทำไม ไม่เคยเห็นความดี แถมยังดูถูกดูแคลนกันตลอดน่ะ

แล้วอีกอย่าง ภาษาอังกฤษเราดีพอสมควรนะคะ แต่เราสู้เพื่อนเกาหลีกับเพื่อนมาเลย์ไม่ได้ เพราะเค้าอยู่เมกากันมา 5-6ปี แล้ว งานแบบนี้ต้องใช้ศิลปะในการพูดหว่านล้อมลูกค้าเยอะมาก นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เราอึดอัดนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
"จะหางานใหม่ดีมั้ยคะ หรือทนทำต่อไป"

ไม่มีความสุข ก็ทำงาน ที่มีความสุข ดีกว่าไหมคะ?


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้างั้น งานประเภทนี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณเท่าไหร่นะ เพราะเรื่องการคุยกับลูกค้าและหาแรงจูงใจให้เขามาซื้อทัวร์กับเราเนี่ย มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวคนจริงๆ เหมือนคนทำงานเซลล์ ต้องอึด อดและทนด้วย หายอดให้ได้ด้วย สีหน้าท่าทาง การเก็บอารมณ์ การแสดงออกทางน้ำเสียง ปากหวาน พูดรู้จักกาละเทศะ .... คนเกาหลีคนนั้น ทำได้ดีไหมคะ

เพราะถ้าเขาทำได้ดีกว่า งั้นแสดงว่า หัวหน้าคงพอใจพอสมควร แต่กฏของการลาพักร้อน คงใช้ได้กับทุกคนที่ทำได้ค่ะ ถ้าคุณครบ 1 ปี ก็คงลาได้เช่นกัน ดังนั้นอันนี้ไม่ต้องคิดมากค่ะ

งานบริษัท ไม่มีเรื่องบุญคุณอะไรมาก มีแต่เรื่องของการทำงานดี ไม่ดี พอใจไม่พอใจ

ถ้าวันนึงที่คุณลาออก แล้วตำหนิบริษัทต่างๆนานา เขาก็คงไม่สนใจคุณหรอกนะคะ ถ้าใครอยู่ได้ ทำได้เขาก็เอา เพราะเขาคือคนจ่ายเงินเดือน

ถ้าเราไม่พอใจ เราไม่ชอบ เราเบื่อ แล้วเรามีที่ไป ก็แค่ลาออก มาเท่านั้นเองค่ะ

แต่ถ้าเราเลือกไม่ได้ เราต้องอยู่ เราต้องทำ .... พยายามปรับทัศนคติใหม่ ปรับใจ แล้วปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนที่ถูกเลือกบ้าง อย่าไปสนใจในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรา ทำตามหน้าที่ให้เต็มที่ก็พอ โดยเฉพาะเรามาใหม่ ยิ่งต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ

คิดซะว่า เรามีคนที่ต้องรับผิดชอบที่บ้าน มีคนที่รอเราอยู่ จะช่วยได้บ้างค่ะ อดทนแค่นี้ คงไม่ทำให้เราแย่ไปกว่านี้หรอกนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
งานบริษัท ไม่มีเรื่องบุญคุณอะไรมาก มีแต่เรื่องของการทำงานดี ไม่ดี พอใจไม่พอใจ
คุณ : Mnki..
..
ผมจำคำพูดทนายคนหนึ่งได้เสมอ Nothing personal . It is money that we are after..


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าจขกทจำเป็นต้องทำงานนี้ต่อไป ท่องไว้ในใจ ว่า คนพวกนี้ไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องของเรา ไม่ต้องแคร์ว่าเขาจะปฎิบัติกับเราไม่เท่าคนอื่น เรามาทำงานเพื่อเงิน ถ้าวันใหนมีโอกาสที่ดีกว่าก็จะไป


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
คนเกาหลีพองานว่าง จะรื้อแฟ้มมาจัดใหม่
ส่วนคุณพองานว่างเล่นเน็ต
คนเกาหลีชอบงาน
แต่คุณไม่มี passion กับงาน ทำเพื่อเงิน
ทุกอย่างอยู่ที่คุณเขียนมานั่นแหละ
นายคุณก็คงเห็น


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ไม่เถียงนะคะ คุณผ่านมา แต่เจ้านายอคติกับเราตั้งแต่เริ่มงาน พอเราทำดีก็ไม่เห็นหัว จ้องคอยแต่จะตำหนิ เราทำงานเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เราไม่ชอบงาน แต่ด้วยการได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างตั้งแต่ต้นยิ่งทำให้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ตอนแรกคิดว่าถ้าได้สังคมการทำงานที่ดีคงทำให้สนุกกับงานขึ้นได้ มาเจออย่างนี้มันหดหู่

ขอบคุณทุก คห นะคะ จะพยายามไม่คิดมาก. อยากสร้างแรงจูงใจในการทำงานมากกว่านี้ แต่เจอแบบนี้คือแบบพอจะฮึดขยันขึ้นมาก็มาพูดให้เสียกำลังใจน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ทำให้ดีเกินคาด แล้วเค้าจะยอมรับคุณค่ะ สู้ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เข้าใจว่า เพื่อนร่วมงานที่เป็นสาวเกาหลีจะเก่ง ทำเงินให้บริษัท เจ้าของบริษัทถึงเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
แต่เจ้านายอคติกับเราตั้งแต่เริ่มงาน พอเราทำดีก็ไม่เห็นหัว จ้องคอยแต่จะตำหนิ
.
ไม่น่าจะอคติตั้งแต่ต้น ไม่งั้นรับมาทำไม
เจ้านายไม่อยู่แต่ตาเขายังอยู่ก็ได้
ตำหนิแล้วเขาจะได้อะไรขึ้นมา ผลงานดีขึ้นคุณทำงานเป็นมากขึ้น ตามที่เขาต้องการ

ถ้ายังคิดอยู่ต่อลองทุ่มให้เต็มที่ซิครับ ชอบไม่ชอบก็ทำให้สุดตัวสวละเวลา และคอยดูผล ในขณะที่หางานอื่นไปด้วย ลูกผมทำงานที่ไม่ชอบเกือบครึ่งปี ลาออกไปแล้วเขายังโทรมาตามให้กลับไปทำใหม่หลายครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
สวัสดีค่ะคุณอิสวาสุ ปกติได้แต่อ่านคอมเมนท์คุณในกระทู้อื่น ไม่คิดว่าจะได้คุยกันผ่านกระทู้ของเราเองขอบคุณมากค่ะ

บอกตามตรงว่า ที่เจ้านายรับเราเข้ามา คิดว่าเป็นเพราะเป็นความต้องการของเพื่อนมาเลย์(จีน) คนที่เพิ่งไปพักร้อนกลับมาต้องการให้รับเรามากกว่าค่ะ คนนี้เป็นคนสัมภาษณ์งานเราตั้งแต่ต้น เป็นคุณแม่ลูกสามอายุ 49. ทำงานกับที่นี่มาตั้งบุกเบิก(เจ้านายเราผู้ชายค่ะ แขกมาเลย์) เรียกได้ว่าเป็นมือขวา เจ้านายค่อนข้างเกรงใจอยู่มาก


เพื่อนคนนี้เล่าให้ฟังว่า เจ้านายชอบทำผิดพลาดโดยการรับคนแบบอุปถัมภ์ คือรับคนรู้จัก คนชาติเดียวกันบ้างบางทีก็รับคนจากงานฝากของเพื่อน พอเข้ามาทำแล้วก็มีปัญหาอยู่เรื่อยเพราะบางคนก็ไม่มีความรู้โดยตรง รับมาก็ทำงานไม่ได้ พอทำไม่ได้ เจ้านายก็โมโห สุดท้ายก็ไล่เค้าออก อย่างเรานี่คือรับมาแทนคนก่อนหน้าเราที่ไม่ผ่านโปร เป็นผู้ชายคนเมกัน เพื่อนเจ้านายมาฝากงาน รับเค้ามาทำ marketting ให้แต่สุดท้ายก็ไปผลักให้เค้าทำเซลล์ด้วย ซึ่งเค้าไม่เคยใช้โปรแกรมทำตั๋วมาก่อนเลย ไม่เคยทำ travel agency เค้าก็ต้องไปเรียนโปรแกรมใหม่ ทำให้ช้าและด้วยความที่เค้าไม่ถนัดด้านนี้่ (sale). ก็ทำงานไม่คล่องคือคนเข้ามารับรู้ว่าจะมาทำการตลาดแต่ต้อชมาทำอย่างอื่นน่ะค่ะ ในที่สุดก็ไม่ให้เค้าผ่านโปร

ส่วนเพื่อนร่วมงานอีกคนนึงเป็นคนเนปาล คนนี้เคยทำเอเจนซี่ที่อื่นมาก่อน ทำงานดีแต่บุคลิคส่วนตัวเป็นคนพูดช้าและมักจะทำงานเป็นอย่างๆให้เสร็จไป เจ้านายก็ไม่ชอบบอกว่าช้าก็ไล่เค้าออกแล้วไปรับคนฟิลิปปินส์ อายุ50 ประสบการณ์เยอะมาแทน เพื่อนมาเลย์ทักท้วงก็ไม่เชื่อ สุดท้ายทำงานด้วยกันไม่ได้เพราะคุณเธอวางตัวเป็นใหญ่ ไม่ฟังใครและสร้างปัญหาหลังจากมาทำงานได้ 3 วัน สุดท้ายเจ้านายก็ต้องไล่่ออกภายใน 1 อาทิตย์ เพื่อนมาเลย์ก็เลยบอกว่าให้ไปตามคนเนปาลกลับมาทำงาน

พอเค้ากลับมา ก็ไปรับคนเมกันมาทำงานเพิ่ม ซึ่งก็เป็นคนที่ไม่ผ่านโปรแล้วเรามารับช่วงแทน หลังจากนั้นเจ้านายก็ไปทะเลาะกับคนทำบัญชี ไล่เค้าออกแล้วโยกเพื่อนเนปาลมาทำบัญชีกับ payroll แทนจนถึงตอนนี้น่ะค่ะ

หนึ่งในสาเหตุที่เลือกเราเข้ามาคงเป็นเพราะว่าเราใช้ระบบเป็นและเคยทำมาแล้ว เพราะเพื่อนมาเลย์จะไปพักร้อนยาว 2 เดือน ตอนต้นเดือน มิถุนา ที่ผ่านมา (เราเข้ามาเมษา) ทำให้ต้องหาคนที่ทำเป็นมาทำเพราะไม่มีเวลาสอนด้วยน่ะค่ะ ซึ่งเราไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย เพื่อนมาเลย์ก็ได้ไปพักร้อนอย่างไม่ต้องกังวล เรื่องก็เป็นมาแบบนี้ล่ะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
สวัสดิการไม่มี เงินไม่มาก สัญญาไม่มี ไม่ชอบงาน นายจ้างแย่ หางานใหม่โลด ได้งานใหม่แล้วก็ลาออก แต่ถ้าหายังไม่ได้ก็ทำใจ ทนทำไปก่อน อย่าคิดมาก อย่าไปน้อยใจ ถ้าทำงานบริษัทมั่นคงถามหาความยุติธรรมได้ แต่ทำบริษัทอย่างนี้ ทำใจจนกว่าจะได้งานใหม่


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
คุณ : โตช้าแก่เร็ว...
"สวัสดิการไม่มี เงินไม่มาก สัญญาไม่มี ไม่ชอบงาน นายจ้างแย่" ฟังดูดีนะนะนี่ สั้นๆและชัดเจน

ทนทำไปก่อน ทำให่เต็มที่ ในขณะที่หางานใหม่ไปด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
สังเกตุดูว่าแล้วพนักงานที่ทำงานด้วยกันขณะนี้เขาก็ทำกันมาตั้งแต่เปิดกิจการ และบางคนก็หลายปีพอสมควร ก็เป็นที่น่าสังเกตุว่า คนเหล่านี้ทำไมเขาถึงอยู่กันได้นานขนาดานั้น เป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าเจ้านายเขาเป็นคนอย่างที่ว่า (ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อตามที่คุณเล่าให้ฟัง) พนักงานเก่าๆๆ เหล่านั้นก็คงจะออกกันไปหมดแล้ว คงไม่กลับมาทำกันอีกต่อไป

ต้องพยายามอย่าไปมีอคติกับงานที่เราไม่ชอบตั้งแต่แรก งานก็คืองาน พนักงานเก่าาๆๆ เขาก็คงจะผ่านอุปสรรคมาเช่นเดียวกับคุณไม่มากก็น้อย ยิ้มเข้าไว้ อย่าเอาเวลาไปสนใจมองคนอื่นว่าจะคอยจับผิดอะไรเรา ก้มหน้าก้มตาทำงาน คนอื่นเขายังทนทำกันได้มาเป็นหลายๆๆ ปี แล้วคุณละไม่ลองพยายามดุสักนิด อายุคุณยังไม่มาก พอที่คนเหล่านั้นเขาจะเชื่อฝีมือ เพียงแต่คุณยังคิดแบบคนรุ่นใหม่ ที่อาจจะไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นคนที่เขามีประสบการณ์มากกว่า

โชตดีนะครับ ยิ้มสู้งาน ลองให้โอกาสผู้ร่วมงานรอบข้างบ้าง ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวคุณเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ทำงานต่อไปเรื่อยๆให้เต็มที่และก็หางานใหม่ไปด้วย ถ้าได้งานใหม่ก็ออกเลย เพราะเท่าที่ดูไม่รุ่งอ่ะ เหมือนกับรอวันเค้าไล่ สู้ไปก่อนดีกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ผ่านไป ๒๐ ท่านแล้วนะคะ ขอให้กำลังใจคุณ I'm in awe ค่ะ

มีคำแนะนำดังนี้ จากที่อ่านดู คุณมีประสบการณ์สายการบิน ๓ ปี
และทำเอเจนซี่มา ๕ เดือน เริ่มรู้สึกกดดันกับบรรยากาศ ไม่แฮ็ปปี้ว่างั้น

ขอถามก่อนว่า อยากเปิดกิจการของตนเองหรือเปล่า เป็นซับเอเจ้นท์

อันนี้ประสบการณ์ตรงของดิฉันนะคะ คือเริ่มติดต่อขอทำโฮมออฟฟิซค่ะ
คุณสามารถหาผู้ช่วยได้ ๑ หรือ ๒ คน และติดต่อกับทางซิตี้ ตั้งชื่อบริษัท

นำหลักฐานทางการเงิน เครดิต และประสบการณ์ทำงาน นโยบายคร่าวๆ
ไปแจ้งขอเปิดกิจการส่วนตัวที่บ้าน เขาจะดำเนินเรื่องให้ตามกฎท้องที่ค่ะ

ภาษาของคุณ ที่ว่าโอเค น่าจะสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง
พอผ่านขั้นตอนได้ใบอนุญาตมาแล้ว การกระจายข่าวประชาสัมพันธ์
เริ่มหลังจากรู้แหล่งโฮลเซลเล่อร์นะคะ ไปติดต่อที่สำนักงานติดแอร์ไลน์
น่าจะไม่ยากสำหรับคุณ ที่อยู่กับสิ่งแวดล้อมนี้มา ๓ ปี ในอุตสาหกรรม
การท่องเที่ยว ก็อยู่ที่การเตรียมแผนโพรโมทนี่ล่ะค่ะ ขอให้ตั้งใจให้เต็มที่

จากนั้น พอมีลูกค้าเริ่มเข้ามา คุณก็ทราบอยู่แล้ว ขอรายละเอียดชื่อ สกุล
ให้เขาส่งโทรสารมา ขอหมายเลขพาสปอร์ตและสำเนาที่ยังมีวาระใช้งาน
และอื่นๆตามที่สายการบินกำหนด ถ้าเขาแค่ตรวจสอบราคา คุณก็บอกไป
โดยเช็คกับโฮลเซลล์ตลอดเวลา (เขามีแฟ้มและอัพเดทมาให้ศึกษาก่อน)

จากนั้น เข้าสู่การดึงใจลูกค้า เรื่องราคาตั๋วบินนี้ แล้วแต่ว่าจะคิดกำไรต่อใบ
มีพิเศษสำหรับกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ กับการเสนอบริการส่งตั๋วให้ถึงบ้าน ในท้องที่

ดิฉันทำอยู่ในช่วง ก่อน ที่จะเกิดวินาศกรรมเวิร์ลเทรด ก่อนที่สายการบิน
หลายสายจะเข้าสู่ภาวะวิกฤต เมื่อประมาณทศวรรษก่อนน่ะค่ะ รายได้ดีค่ะ

สะดวกใจ ไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่มีข้อแม้ว่า ต้องมีความละเอียด
และก็ลดหย่อนผ่อนปรนกับลูกค้าได้บ้าง หลายคนเขาสะดวกกว่าไปซื้อ
กับทางสำนักใหญ่หรือบริษัทในเมืองนะคะ เป็นลูกค้าประจำก็มีมากค่ะ

สำคัญที่สุดคือความซื่อตรงสุจริต เกี่ยวกับราคาตั๋ว และการให้ข้อมูลบิน
เวลาที่ลูกค้าติดต่อกลับมาแล้ว จดไว้ว่าคนไหนเราต้องคอนเฟิรฺ์มอีกครั้ง
และรับผิดชอบในทุกกรณีที่เกิดเทคนิคผิดพลาดด้วยค่ะ ซึ่งไม่ควรเกิด

แทนที่จะเล่นเน็ท ก็จักแฟ้มบัญชีลูกค้านะคะ และเก็บทุกอย่างให้ลับ
เพราะเราจะทราบอินโฟที่สำคัญของเขาทั้งหมด คุณต้องเป็นคนวางใจได้

ถ้าทำโฮมออฟฟิซ ถึงจะไม่ได้เงินเดือนประจำ แต่ถ้าคุณดีลกับคนไทยได้
อาจจะได้มากกว่าจากการเป็นลูกจ้างงานของบ.ใหญ่ ทำไปนานๆมีเครดิต

มาร์คไว้ค่ะ ว่าแค่แนะนำให้เป็นทางเลือก ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดอยู่นะคะ
แต่ในกรณ๊ที่มีลูกเล็กอยู่ ดีสำหรับเขาและคุณ เพราะคุณทำงานได้อิสระ

เสาร์อาทิตย์ก็ทำได้ ในกรณีที่ส่งตั๋วให้ลูกค้า หรือนัดมารับ สับช่องให้ดี
สมมุติว่าได้กำไรพอประมาณ หาลูกค้า ๒๕ ถึง ๓๐ คนต่อเดือน ทำแม่นๆ
คุณจะได้รายได้สูงกว่าที่รับจ้าง ต่อไปภายหน้า ทำออฟฟิซได้ช่วยคนไทย

ช่วงดิฉันทำ มีผู้สูงอายุในความรับผิดชอบ เป็นการทำงานที่เหมาะกับตน
และได้เงินมาเป็นค่ายา ค่าหมอ ค่าฉุกเฉินต่างๆ สนุกด้วยค่ะ ชอบใช้ภาษา
ได้ความรู้ใหม่ๆ ได้เพื่อนใหม่ ไม่ต้องมีปัญหากับใครมาก นอกจากลูกค้า

มีจุกจิกพวกถามแล้วเลืก อะไรบ้าง ไม่มากนะคะ เราจะค่อยชำนาญขึ้น
ค่อยๆคิด ก้าวช้าๆ มั่นคง จะพอช่วยให้สบายใจนะคะ เลือกทางที่ปรับได้

ขอให้เข้มแข็งและมองไปข้างหน้าค่ะ น้องยังเป็นผู้สร้างผู้ผลิตได้อีกนาน
เรื่องที่จะต้องหลั่งน้ำตา ยังมาไม่ถึง มองคนที่เขาไม่มีโอกาสมาอยู่ที่นี่

ซาน ฟรานซิสโก นะคะ ดินแดนแห่งการแสวงหาและเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

Fight for your rights and always be calm kha.


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
เพิ่มข้อมูล กรณีที่จะทำโฮมออฟฟิซจริง ดูด้วยว่าบ้านของใคร
และต้องมีบัญชีธุรกิจนะคะ สำหรับการรับบัตรเครดิต ตรวจสอบให้ดี

ที่คุณว่าไม่ชอบง่านนิ่งๆในสนง. ก็ทำควบคู่กับการบริการนำเที่ยวด้วยไง
แต่ต้องเป็นคนเปิดมากขึ้น หาเครือข่ายเข้าให้ได้ ติดต่อกับเมืองไทย
ทดลองดูค่ะ หายานพาหนะที่สะดวกกับกลุ่มเดินทาง ศึกษาสิ่งแวดล้อม
แค่คิดโครงการนี้ ก็มีเรื่องให้ทำอีกมาก ไม่มีเวลาคิดเรื่องเพื่อนร่วมงาน

วิธีแก้ปัญหาดีที่สุดสำหรับคนชอบเคลื่อนไหวอย่างคุณคือเป็นนายตนเอง

โชคดีนะคะ ประยุกต์บทเรียนเก่าให้เข้ากับความใฝ่ฝันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
เอาแบบที่เราสบายใจนะงานทุกที่ย่อมมีปัญหา นะคะ อย่าเช่นคนเกาหลีว่างเข้าก็จะทำอีกอย่างคุนก็ทำอีกอย่างมันมีืสิ่งที่ชอบสิ่งที่อยากทำแตกต่างกันความคิด ต่างกันนะคะ
ความ คิดการเปรียบเทียบกับคนเก่าให้น้อยลง เพราะจะทำให้เราไม่สบายใจในเวลาทำงาน
เอาใจเจ้านายสังเกตความชอบของเจ้านาย พนักงานคนเกาเราก็สังเกตและเอาใจ ตีซี้ไว้ทำตัวน่ารักเข้าไว
พึงมาทำเองเอาลองผานโปรแล้วว่ากัน แต่คุนโชคดีมากที่เข้าไม่ต้องมาสอนงานคุณนะพอสอนแล้วทำไม่ค่อยได้นะน่าเครียดกว่า เราเคยไปสมัครงานคนสอนสอนให้เราผิดๆนะแล้วบอกหัวหน้าว่าเราทำไม่ได้เราก็เอา คนเก่าเข้าไม่อยากให้คนใหม่มาแบ่งเงินเดือนแย่กว่าอีกอดทนนะคนอื่นได้แยอะไม่มากนิเรายังไม่ถึงปีทำดีทำได้เดียวเข้าเปลี่ยนความคิดเอง ใช้เวลา กว่าจะได้ใจของทุกคน พออยูไปนานๆก็ค่อยตอรองเอาเพื่อคนเกาเกาออกไปเราก็เป็นคนเกาละ


ตอบกลับความเห็นที่ 23