อยากทราบจำนวนตนไทย ที่โดดวีซ่า แต่ละประเทศ ค้นหาได้ที่ไหนบ้าง

ค้น กูเกิ้ล ก็ไม่เห็นมีข้อมูล
จะหาได้ที่เว็บไหนบ้าง เขามีลงบันทึกไว้หรือเปล่า
ประเทศใหนที่คนไทย โดดมากที่สุด
เพราะการโดดวีซ่า ใช่ไหม ที่ทำให้คนไทยต้องขอวีซ่ายาก
หรือมีสาเหตุอื่นอีกไหม ถ้าในอดีตหรือว่าตอนนี้ คนไทยไม่ทำชื่อเสียไว้
ทั้งเรื่องโดดวีซ่า เรื่องยาเสพติด ค้ามนุษย์ การค้าประเวณี
มันคงไม่ยาก ขนาดนี้ใช่ไหม
อดีตกับปัจจุบัน ภาพพจน์ คนไทยดีขึ้นหรือแย่ลง ยากหรือง่ายขึ้น
สำหรับการขอวีซ่า



จริงหรือไม่ประเทศเกาหลีใต้ ถึงไม่ต้องวีซ่า แต่ก็ยังไม่ให้เข้าประเทศ
ถ้าดุไม่น่าไว้ใจ เห็นบอกว่าคนไทย โดนส่งตัวกลับด้วย
อยากรู้ว่ากี่เปอร์เซ้นต์ของคนที่ไป คือเห็นเขาพูดกัน
ที่ผ่านก็เยอะ ที่ส่งกลับไม่รู้เท่าไหร่ ไม่ทราบว่าจริงไหม
มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอหรือพูดกันเล่นๆขำๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นสู้ให้ขอวีซ่า
ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ เห็นแต่ละคนพูดถึง ตม. ที่นั่นกวนประสาทมากๆ

ความคิดเห็นที่ 1
ในเมื่อ โดด แล้ว จะไปรู้จำนวนกันได้อย่างไร
เรื่องการส่งกลับก็เหมือนกัน เขาไม่มีสถิติออกมาเปิดเผย
แล้วที่ว่า เห็นแต่ละคนพูดถึง ตม. ที่นั่นกวนประสาทมากๆ นั้น
ตกลงไปได้เห็นมากี่คนนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
อย่าคิดว่าเป็นแค่คนไทย ถ้าอยู่ต่างประเทศเองแล้วจะรู้

ว่าพวกที่ชอบโดดวีซ่าคือ พวกแขก


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ไปเกาหลีใต้ คนไทยไม่ต้องทำวีซ่าจริง .....

จำได้ว่า เมื่อนานมาแล้ว ที่ห้องบลู มักจะถกกันเรื่องนี้
ที่ไปเที่ยวเกาหลี ไม่ได้เข้าเกาหลีแล้วก็ต้องกลับ .....

แม้แต่ไปกับทัวร์ บางทีก็ไม่ได้เข้า ... จนทัวร์เขียนไว้ว่า ..
ถ้าไม่ได้เข้าประเทศ บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดใดทั้งสิ้น มาณนั้น

ตอนนี้ ไม่รู้เป็นอย่างไร


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
แวะมาทักทายคุณ butterfly angel ค่ะ จำกันได้นะคะ? ดิฉันเองค่ะ ที่เข้าไปร่วมพูดคุยแสดง
ความคิด้ห็นในกระทู้ฟิลิปปินส์ และ รัสเซีย ของคุณที่ห้องบลูค่ะ

ดิฉันขี้เกียจตอบกระทู้นี้ค่ะ แต่ไปลากลิ้งค์กระทู้เกี่ยวกับเรื่องคล้ายๆ กับที่คุณถามมาในกระทู้ของคุณนี้ด้วย
เอามาให้คุณอ่านค่ะ คุณอ่านไปเรื่อยๆ นะคะ แล้วจะเจอ คห. ที่ดิฉันไปแชร์เอาไว้เกี่ยวกับ ต.ม.
เกาหลีใต้ที่สนามบินอินชอนด้วยค่ะ

http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H12355925/H12355925.html

นอกนั้นก็ไม่มีอะไร แต่แค่อยากจะขอร้องคุณ butterfly angel ว่า เมื่อคุณกลับมาจากทริปอิหร่านแล้ว
ขอให้คุณกรุณาสละเวลามาทำรีวิวอย่างละเอียดด้วยนะคะ จะเป็นพระคุณยิ่ง

ชาตินี้ดิฉันยังตายไม่ได้ค่ะ ถ้ายังไม่ได้ไปอิหร่าน และ ถ้ายังไม่ได้ไปเห็นอิสฟาฮาน ดิฉันหน่ะหาข้อมูล
อิหร่านมาหลายปีแล้วค่ะ แต่ดิฉันไม่มีโอกาสไปเลย เพราะ

1. เพื่อนร่วมทางของดิฉันแต่ละคน ที่เดินทางด้วยกันประจำ ถือพาสปอร์ตของประเทศฝรั่งที่เป็นปฏิปักษ์กับ
อิหร่าน หรือประเทศที่แซงชั่นอิหร่าน นอกจากจะถือพาสปอร์ตฝรั่งแล้ว รูปร่างหน้าตาก็ยังเป็นคอเคเชี่ยนอีก
ถ้าดิฉันจัดทริปไปอิหร่านขึ้นมา และขอร้องแกมบังคับให้พวกเขาไป เกิดบ้าจี้ไปขึ้นมา ถ้าหากเกิดอันตราย
กับพวกเขา หรือมีคนมาลักพาตัวไปเป็นตัวประกัน......ส่วนที่เหลือคงต้องไปติดตามกันในข่าว BBC
หรือ CNN นี่คือเหตุผลแรกที่ยังไม่เคยไปสักที

2. ส่วนเหตุผลที่สองนี้ อยากไปคนเดียว แต่ต้องไปรวมกลุ่มกับกรุ๊บทัวร์ที่มีแต่ลูกทัวร์ไทย จึงยังไม่ได้ไป
สักที

ดิฉันเคยติดต่อบริษัทชื่อดังที่รับจัดทัวร์ไปอิหร่านโดนเฉพาะ และเจ้าของบริษัททัวร์มีร้านอาหารไทย
ในหลายๆ เมืองของอิหร่าน แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ค่ะ เพราะอยากไปกับเพื่อนๆ กลุ่มฝรั่ง ไม่อยากไปกับ
กรุ๊บคนไทยที่ไม่รู้จักกัน_แต่อย่างน้อยกรุ๊บคนไทยที่ไปเที่ยวอิหร่าน ดิฉันเชื่อได้อย่างหนึ่งว่า เขาคง
เที่ยวบ้านเมืองที่เจิรญแล้วจนเบื่อ และคนที่ไปเที่ยวอิหร่านต้องมีความสนใจในอารยะธรรมเปอร์เซีย
ในระดับหนึ่ง

________________________

อ้อ ตรงนี้ขอตอบกระทู้ของคุณนิดนึงค่ะ ตอบตอนท้ายๆ ที่คุณถามมาว่า ตอนนี้ภาพพจน์ของคนไทยดีขึ้น
หรือแย่ลงอย่างไร ในภาพรวมเท่าที่ดิฉันเห็นแย่ลวค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สถานทูตหลายๆ ประเทศ หรือ
ต.ม. ของหลายๆ ประเทศเขาค่อนข้างจะรู้วิธีดู และวิธีแยกแยะคนไทยค่ะ หลายๆ ประเทศเขาให้เกียรติ
ทุกคนไม่ว่าสัญชาติไหนเสมอกัน แต่หลายๆ ประเทศที่เจ้าหน้าที่ยังยึดติด ยังหัวโบราณ หรือยัง
เป็นกบใน Coconut Shell อยู่ เขาก็ปฏิบัติต่อคนสัญชาติต่างๆ แบบเหมารวม และมีแบ่งแยก
การปฏิบัติสำหรับแต่ละสัญชาติแตกต่างกันไปค่ะ เช่นอาจจะนอบน้อมหรือกลัวฝรั่งผิวขาว
ดีกับญี่ปุ่น แต่ปฏิบัติกับคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโด เวียตนาม ไทย ฟิลิปปินส์
หรือคนอินเดียไม่ดี หรือปฏิบัติต่อคนผิวดำไม่ดีค่ะ แล้วแต่


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ก่อนคุณไปอิหร่านถ้ายังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ดิฉันแนะนำเลยนะคะ เรื่อง The Queen and I ค่ะ
เป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีเกี่ยวกับชีวิตบางช่วงของอดีตพระจักรพรรดินีฟาร่าห์ ดิบาห์ ปาลาวี
สุภาพสตรีที่ดิฉันอยากพบที่สุดในโลก ตามที่ได้เล่าให้คุณฟังเอาไว้ในท้ายกระทู้ฟิลิปปินส์ของคุณแล้ว
ว่าทำไม

ส่วนหนังสือที่แนะนำให้อ่าน ถ้าหากว่าคุณยังไม่เคยอ่านนะคะ คือหนังสือชื่อ An Enduring Love :
My Life with The Shah : A Memoir

นี่คือลิ้งค์รายละเอียดของหนังสือค่ะ ลองเข้าไปอ่านรีวิวดูนะคะ
http://www.amazon.com/An-Enduring-Love-Life-Memoir/dp/1401359612


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ผมทราบจากเจ้าหน้าที่โดยตรงแต่ลืมตัวเลขเสียแล้ว
สำหรับอเมริกา จีนโดดมากกว่าไทยมาก เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เราเคยไปเกาหลีก็ไม่มีปัญหานะเดินเข้าไปเฉยๆ นี่แหละ ส่วนหนึ่งเพราะกรุ๊ปที่ไปด้วยเค้าไปเที่ยวต่างประเทศกันบ่อยๆ ไม่มีโดด เราว่า ตม. เค้าจะดูเฉพาะคนที่เค้าสงสัยมากกว่า ถ้าเค้าสงสัยก็ซวยไป แต่ถ้าบริสุทธิ์ใจก็อย่าไปกลัว ยิ่งไปกลัวก็ยิ่งโดนน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
ที่ตั้งกระทู้เพราะอยากรู้ และสงสัยมานาน
เพราะมันมีผลกับเราโดยตรง เวลาเราไปขอวีซ่า
จะได้เข้าใจและยอมรับ ทุกอย่างมันมีเหตุและผล ไม่ใช่
คิดไปเอง เออเอง สรุปเองแบบมั่วๆ

เดี๋ยวคนนั้นพูดอย่างนั้น คนนี้พูดอย่างนี้
เกี่ยวกับเรื่อง โดดวีซ่าของคนไทย
ก็เลยอยากได้ข้อมูลจริงๆ
ข้อมูลไม่เป็นที่เปิดเผย มิน่าละ
ถึงค้นหาไม่เจอ คงจะเป็นเรื่องที่รู้กันภายใน
และคงจะเป็นความลับ ทางราชการ ที่พูดๆกันก็คง
จะเป็นเรื่องปากต่อปาก

ส่วนเรื่องวีซ่าเกาหลี ก็คงแล้วแต่ประสบการ์ณของแต่ละคน
ที่ไปเจอกระมัง ไม่รู้หาข้อสรุปได้หรือยัง ได้ยินมาก็รับไม่ได้
ถ้าเป็นแบบนั้น ปกติก็ไม่ค่อยเห่อกระแสเกาหลีเท่าไหร่
มันน่าสนใจที่ไม่ต้องขอวีซ่านี่แหล่ะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
ก็อยากจะไปให้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่มาได้ยินเรื่อง การส่งตัวกลับ
ไม่ให้เข้าประเทศแล้ว เหวอ จิตตก มีแบบนี้ด้วยเหรอ จะลองเข้า
ไปค้นหาข้อมูลเก่าๆดู ใครมีก็แป๊ะลิงค์เพิ่มให้หน่อยครับ

ttp://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H12355925/H12355925.html
กระทู้นี้คงจะโดนลบไปแล้วมั้ง หาไม่เจอครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คุณ Been there, done that จำได้สิครับ
เคยอ่านความเห็นของคุณก็หลายกระทู้อยู่ เท่าที่มีเวลา

จะกลับมาให้ข้อมูลการเดินทางดูแน่นอน ที่ห้องบูลนะ
เรื่องที่ยากที่สุดของอิหร่าน คงจะเป็นเรื่องวีซ่านี่แหล่ะ
ตอนนี้ผมก็ยังไม่ 100% นะ แต่ทางเอเจนซี่ทางโน้น เขาตอบรับมาแล้ว
ว่าจะได้รหัสประมาณ ต้นเดือนสิงหาคม พอได้รหัสก็ไปขอวีซ่าที่สถานทูตไทย รหัสตรงกันก็ออกวีซ่าให้ ต้องเช็คกับสถานทูตบ่อยๆสำหรับประทศ
อิหร่าน กฎเปลี่ยนแทบจะรายเดือนก็ว่าได้ ตามไม่ทัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
คงได้ไปแน่ๆ ตั๋วก็จองแล้ว ของ iran air ส่วนข้อมูลก็พอจะเดินทางไปเองได้ มีแผนแล้ว มี shiraz isfahan แน่นอน รอแบบใจจดใจจ่อก็แต่รหัส วีซ่า
นี่แหล่ะ แต่ก็อุ่นใจหน่อย เพราะทางโน้นยืนยันมาแล้ว
ว่าจะไปตั้งแต่สงกรานต์แล้ว ติดต่อเอเจนซี่ที่ค้นหาเอง จากกูเกิ้ล
ก็ติดต่อไป เขาก็ตอบมาตกลงราคากันราคากันเรียบร้อยแล้ว ว่าจะจองทัวร์
เขา แล้วให้เขาออกจดหมายเชิญเรา ตอนนั้นคงจำกันได้ ที่ชาวอิหร่านมาปาระเบิดที่บ้านเรา สุขุมวิท 71 ตอนนั้นสถานทูตอิหร่านที่ไทยวุ่นวายมาก
เอเจนซี่ที่โน่น ก็ไม่ตอบเมลืเราเลย หายจ้อยไปเลย เมล์ไปทวงก็เฉย
ไปโพสต์ใน wall เขาที่ face book fanpage ก็ไม่ตอบเรา การบริการแย่มาก

จนมีคนไทยที่ไปเที่ยวอิหร่าน เขาแนะนำมาให้ใช้เอเจนซี่นี้ ก็โอเค
ตอบเมล์เร็วใช้ได้เลย ไม่เหมือนกับเอเจนซี่ที่แล้ว เป็นสัปดาห์ที่เดียว กว่าจะตอบกลับมาแต่ละครั้ง จะติดต่อกับคนอิหร่านแนะนำให้ทำแต่เนิ่นๆเลยประมาณ สัก 3 เดือน ล่งหน้า ไม่งั้นจะให้เราจ่ายเพิ่ม ถ้าอยากได้ รหัสเร็วๆ ถ้าเราดำเนินการใกล้ๆกับวันเดินทาง
ส่วนพวกตะวันตก เห็นในข้อมูลเว็บไซด์ คนอเมริกัน ที่ขอวีซ่า ได้ถึง 100%
เลยนะ ยกเว้นนักข่าวที่เขาไม่ออกวีซ่าให้ ไม่รู้จะจริงหรือเปล่า
เขาไม่ถูกกันขนาดนั้น ยังออกวีซ่าให้คนอเมริกันด้วยเหรอ มีอะไรถามเขาเลย แต่งงเหมือนกันนะ เวลาเราถามอะไรไป ถาม 10 คำถาม ตอบมาแค่
2-3 ข้อ หลายครั้งแล้ว
ลองเข้าไปอ่านและดูขั้นตอน
ขอวีซ่า คนไทยขอแบบ voa ได้ด้วยนะ อยู่ได้ 14 วัน แต่ก็ต้องขอรหัส
เหมือนกัน ผมเองภาษาก็ งูๆปลาๆ ลองเข้าไปอ่านดู มีขั้นตอนแนะนำ ละเอียด ตอนโอนเงินก็ต้องโอนไปประเทศอื่น เพราะอิหร่านโดนคว่ำบาตร
ได้วีซ่าเรื่องอื่นก็คงไม่น่าจะยากแล้ว ข้อมูลหาค่อนข้างยาก ไม่มีใครมารีวิว
เลย

http://iranianvisa.com/ ลงอ่านดูครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
คุณ Been there, done that
ถ้าหาเพื่อนไปไม่ได้ ไปคนเดียวเลยครับ
เท่าที่อ่านรีวิว มา ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่ไปคนเดียวก็บ่อยนะ
และเขาและเธอล้วนบอกว่า ปลอดภัย
ไม่งั้นคงไม่ตัดสินใจไปคงเดียวหรอก
ปกติก้ไปไหนคนเดียวอยู่แล้ว
แต่ไปเป็นกลุ่ม ยังไงมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว
มีคนถ่ายรูป มีคนหารค่ารถ เหมาไปไหนก็ง่าย
แต่ในเมื่อมันไม่มีใครไปด้วย ก็ต้องฉายเดี่ยวกันล่ะ
ไม่งั้น ชาตินี้ทั้งชีวิต คงไม่ต้องไปไหนกันพอดี


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ฮ่าๆๆ คุณ butterfly angel ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่เข้ามาคุยกับดิฉันใน คห. 9-10
ดิฉันถูกใจ คห. 10 มากๆ ค่ะ ดิฉันเองปกติส่วนใหญ่แล้วก็เที่ยวคนเดียวนะคะ แต่ดิฉันจะเลือกว่าที่ไหน
ที่สามารถไปคนเดียวได้ หรือบางครั้งบางทริปดิฉันมีความจำเป็นที่จะต้องผจญภัยคนเดียวค่ะ

แต่ในหลายๆ ทริป หลายๆ ประเทศเราไปกันมากกว่า 1 คนขึ้นไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกลุ่มของดิฉัน
ไม่ได้เที่ยวกันแบบตัวติดกันนะคะ คือเราแต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวค่ะ เช่นอาจจะแยกกันสักครึ่งวัน
แยกย้ายกันไปเที่ยวแบบส่วนตัว แล้วนัดมาเจอกันที่ร้านกาแฟ หรือกลับมาเจอกันที่โรงแรม เจอกัน
ตอนทานอาหารค่ำ อาหารกลางวัน หรือบางทีก็ติดกันตลอด แล้วแต่สถานะการณ์ค่ะ

เรื่องเที่ยวอิหร่านกันเองของคนไทย ดิฉันเคยอ่านหนังสือของคุณกาญจนา หงษ์ทองค่ะ คุณกาญจนา
เธอเที่ยวเก่งเหลือเกิน และเขียนหนังสือสนุก ดิฉันนับถือเธอมากๆ ในเรื่องเที่ยวค่ะ และชอบ
คุณเพลงดาบแม่น้ำร้อยสายในเรื่องเที่ยวด้วย ชอบคุณนิ่ม-กรกฎ พันลภรักษา คุณคำผกา(ฮิมิโตะ)
คนนี้ดิฉันนับถือเธอในเรื่องเที่ยวโดยเฉพาะเกียวโตที่เธอรู้จักเมืองนี้ดีเท่าๆ กับสันคะยอมค่ะ
ชอบคุณ ม.ย.ร. มะลิ นักเที่ยวหญิงไทยผู้เก่งกล้าทั้งหลาย อ้อ คุณชลิสา เดอซูซ่าด้วยค่ะ
และอีกหลายๆ ท่านในห้องบลูแพลเน็ต

ดิฉันจะเข้าไปอ่านในลิ้งค์เรื่องวีซ่าอิหร่านที่คุณ butterfly angel ให้มานะคะ ส่วนที่ดิฉันเคยติดต่อ
ดิฉันติดต่อเอเจ้นท์ที่ชำนาญในเรื่องทัวร์อิหร่านอันนั้นเขารับทำให้หมดค่ะรวมทั้งวีซ่าด้วย

ล่าสุดคุณ butterfly angel ทราบแล้วใช่ไหมคะว่าทางการอิหร่านปิดร้านกาแฟโดยเฉพาะใน
กรุงเตหะรานหมดแล้วนะคะ เพราะอ้างว่าเป็นแหล่งมั่วสุม และบางแห่งวัยรุ่นไปสูบบารากู่กัน
เสียดายค่ะ ดิฉันยังไม่เคยไปเลย อยากไปนั่งดื่มกาแฟคุยกับคนอิหร่าน

ส่วนเรื่องวีซ่าไม่ต้องจิตตกค่ะ ขอให้มองโลกในแง่บวกเข้าไว้ พวกเราบริสุทธิ์ใจที่จะเข้าไปเที่ยว ไปชม
บ้านเมือง ไปทำความรู้จักกับคนท้องถิ่น ไปดูประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนะธรรม งานฝีมือของเขา
พวกเราเอาเงินไปจับจ่ายใช้สอยให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศเขา ดิฉันคิดแบบนี้ค่ะ
และมองเห็นว่าการขอวีซ่าเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ดิฉันยอมรับในข้อนี้

ยังมีผู้คนอีกหลายๆ สัญชาติค่ะ ที่ขอวีซ่าไปไหนมาไหนยากกว่าคนไทย หรือขอแล้วแต่ไม่ได้เลย
เท่าที่ดิฉันเคยเจอมา และเคยพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
เช่นคนตุรกี คนลิเบีย คนปากีสถาน คนเวียตนาม คนพม่า คนอินโดนีเซีย คนอินเดีย เป็นต้นค่ะ

คนจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อก่อนนี้ขอวีซ่าเข้ายุโรปแผ่นดินใหญ่ อังกฤษ อเมริกา ยากและยุ่งยาก
แต่เดี๋ยวนี้ประเทศร่ำรวยเหล่านั้นแทบจะอุ้มคนจีนแผ่นดินใหญ่เข้าประเทศ และผ่อนปรน
ลดหย่อน ในเรื่องการขอวีซ่าท่องเที่ยวให้แก่คนจีนแผ่นดินใหญ่มากมายค่ะ หลักๆ คือเรื่องของ
"เงิน" นั่นแหละค่ะ ไม่มีไรมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ใน คห. ที่ 9 คุณ butterfly angel บอกว่าภาษาของตัวเอง งูๆ ปลาๆ เพราะฉนั้นถ้าหากว่า
คุณสนใจที่จะอ่านหนังสือชีวประวัติของอดีตพระจักรพรรดินีอิหร่าน คุณสามารถหาเล่มที่แปลเป็น
ภาษาไทยแล้วมาอ่านได้นะคะ เล่มที่แปลเป็นไทยใช้ชื่อว่า "ความทรงจำของ ฟาร่าห์ ปาลาห์วี"

ดิฉันลากลิ้งค์ของร้านหนังสือซีเอ็ด ในหน้าที่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้มาให้คุณนะคะ คุณสามารถสั่ง
จากอินเทอร์เน็ทได้เลย

http://www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?CategoryId=398&No=9789747223507

หรือให้ติดต่อสำนักพิมพ์ศรีสารา ของนิตยสารพลอยแกมเพชรค่ะ

ส่วนภาพยนตร์เรื่อง The Queen and I ตอนที่ดิฉันไปชม ตอนนั้นมาฉายที่งานเทศกาลภาพยนตร์
นานาชาติที่กรุงเทพฯ เมื่อราวๆ 4 ปีที่แล้ว หนังเรื่องนี้มีซับไทเทิ่ลภาษาอังกฤษ และบทสนทนาในเรื่อง
ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ตอนที่มาฉายที่เมืองไทยมีซับไทเทิ่ลภาษาไทย เป็นภาพยนตร์ที่เรียกความ
ทรงจำในวัยเด็กของดิฉันที่นั่งชมข่าวจากจอทีวีขาวดำ ในช่วงที่การเดินขบวนซึ่งนำโดย
อยาตอลลา โคไมนี่ ครุกรุ่นถึงขีดสุด และข่าวยังมีต่อเนื่องเรื่อยมาในทีวี ในตอนที่พระเจ้าชาห์ และพระ
จักรพรรดินีต้องเดินทางรอนแรมไปทั่วโลกจนพระเจ้าชาห์สิ้นพระชนม์ และประเทศที่อยู่เคียงข้าง
พระเจ้าชาห์เสมอ คือประเทศอียิปต์ ซึ่งครั้งหนึ่งพระเจ้าชาห์เคยอภิเษกสมรสจากเจ้าหญิงแห่งอียิปต์
และในปัจจุบันนี้พระศพของท่านถูกฝังอยู่ที่ประเทศอียิปต์

คุณสามารถเข้าไปชมตัวอย่างภาพยนตร์กึ่งสารคดีเรื่องนี้ได้ในยู้ทุ้ย เข้ากูเกิ้ล แล้วพิมพ์คำว่า
The Queen and I part 1 นะคะ มีคนมาอัพภาพยนตร์เรื่องนี้ลงในยูทุ้ย มีซับไทเทิ่ล
ภาษาอังกฤษค่ะ ถึงคุณจะออกตัวว่าภาษาไม่แข็งแรง แต่ดิฉันอยากให้คุณเข้าไปชมค่ะ
แล้วคุณจะได้เห็นความสง่างาม ขัตติยะมานะ ความฉลาดเฉลียว การดำรงรักษาเอาไว้ซึ่งพระเกียรติยศ
ของทั้งพระองค์เองและของพระเจ้าชาห์ และพระอารมณ์ขัน ของอดีตจักรพรรดินีฟาร่าห์ ดิบาห์ ปาลาห์วี
บุคคลที่ดิฉันอยากจะพบเห็นให้เป็นบุญตามากี่สุดในโลกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
คุณ : Been there, done that!

คนจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อก่อนนี้ขอวีซ่าเข้ายุโรปแผ่นดินใหญ่ อังกฤษ อเมริกา ยากและยุ่งยาก
แต่เดี๋ยวนี้ประเทศร่ำรวยเหล่านั้นแทบจะอุ้มคนจีนแผ่นดินใหญ่เข้าประเทศ และผ่อนปรน
ลดหย่อน ในเรื่องการขอวีซ่าท่องเที่ยวให้แก่คนจีนแผ่นดินใหญ่มากมายค่ะ หลักๆ คือเรื่องของ
"เงิน" นั่นแหละค่ะ ไม่มีไรมาก
........
แม่นแล้วครับ และเหตุการณ์นั้นมันก็เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งเคยอยู่ทั้งจีนและไทยบอกผมว่า นักเรียนจีนโดดวีซ่าอเมริกาเหลายเท่ามากเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับนักเรียบนไทย เมื่อราวห้าหกปีมานี่เอง


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คุณอิสวาสุ คุณต้องมาเห็นกับตาของตนเองที่สิงคโปร์นะคะ คุณถึงจะเชื่อ ตอนค่ำๆ ตามท้องถนน
ในสิงคโปร์ จะมีรถซุปเปอร์คาร์แพงๆ เช่น เฟอร์รารี่ เบ๊นซ์สปอร์ต บีเอ็มสปอร์ตคันจิ๋ว พอร์ช
ออกมาวิ่งกันเพ่นพ่านนะคะ ราวๆ ทุกๆ 7-8 ใน 10 คันส่วนใหญ่คนขับและเจ้าของคือคนจีนจาก
แผ่นดินใหญ่ที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ค่ะ

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการขยายอิทธิพลของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ในสิงคโปร์ในยุคปัจจุบัน
ดิฉันขอเรียนเชิญคุณอิสวาสุเข้าไปอ่านได้ใน คห. 10 และ 11 ในกระทู้จากโต๊ะประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน
AEC จากกลุ่มย่อยของกระทู้ในห้องสีลม ที่ดิฉันได้เข้าไปร่วมให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเอาไว้นะคะ

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B12276127/B12276127.html

____________________________

อย่างที่เรียนให้ทราบ ดิฉันเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น ตอนไปญี่ปุ่นกรุ๊ปทัวร์จากจีนแผ่นดินใหญ่เยอะมากๆ ค่ะ
เยอะอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่กรุ๊ปทัวร์พวกนี้ส่วนใหญ่เขาเที่ยวแต่ที่หลักๆ เพราะต้องทำเวลาชะโงกทัวร์
ดิฉันตรงไหนถ้าเลี่ยงกรุ๊ปจีนได้จะเลี่ยงค่ะ เพราะไม่ว่าจะเจอที่ไหน อุปนิสัยหลักๆ ของกรุ๊ปทัวร์จีนคือ
"เหมือนจับปูใส่กระด้ง, โวยวายเสียงดัง, ชอบแซงคิว และ ซูมกล้องใหญ่มว๊ากกก ค่า"

เมื่อปลายปีที่แล้วดิฉันไปบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม ไปเยี่ยมเจ้าหนูเมเนคิน พิสส์ ที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
รูปปั้นเด็กยืนฉี่อันโด่งดังของประเทศเบลเยี่ยม มองไม่เห็นเจ้าหนูเมเนคิน พิสส์ค่ะ เพราะซูมกล้องของกรุ๊ป
ทัวร์จีน บังมิด (เพราะเจ้าหนูตัวเล็กมากค่ะ)

กรุ๊ปทัวร์จีน ส่วนใหญ่ชอบพวกเงินสดค่ะ เห็นควักออกมาแต่ละทีเป็นฟ่อนๆ ไม่ว่าจะเจอที่ประเทศไหน
แบงค์ใหม่กริบทั้งนั้นเลยค่ะ

ที่สิงคโปร์เขามีสำนวนว่า "คนจีนแผ่นดินใหญ่มาสิงคโปร์มาจ่ายตลาด ซื้อผัก ผลไม้ ซื้อหญ้า ซื้อปลา"
แต่จริงๆ แล้วเขามาซื้อคอนโดฯ ซื้อบ้านกันค่ะ และหลายๆ คนไม่ผ่อนด้วย ซื้อเงินสดค่ะ
และไม่ใช่ถูกๆ มูลค่าหลายแสนยูเอสดอลล่าร์ หรือเป็นหลักล้านยูเอสดอลล่าร์ขึ้นไปค่ะ
และหลายๆ คนตัดสินใจในระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง คืออาจจะมาเที่ยว แล้วเลยแว่บไปซื้อคอนโด
เขาจึงมีสำนวนว่าคนจีนแผ่นดินใหญ่แวะมาจ่ายตลาดที่สิงคโปร์ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ชอบพวกเงินสด แก้เป็นชอบพกเงินสด ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ขอลิงค์ เอเจนซี่ นั้นหน่อยได้ไหม
เผื่อมีโอกาสใช้บริการ อาจจะดีกว่าที่ผมติดต่ออยู่ก็ได้

หนังสือของกาญจนา มีหลายเล่มเลย เรื่อง หลงรักอิหร่าน ของเธอ
ก็เคยอ่านผ่านๆ ตอนนั้นไม่สนใจประเทศนี้เลย ไม่คิดว่าจะได้ไปจริงๆ
เลยไม่ได้ซื้อเก็บไว้ แล้วมีอีกเล่มเป็นของกลุ่มข้าราชการหญิงเขียน
ข้อมูลดีเหมือนกัน อ่านสนุก แต่เขาถูกรับเชิญ ในนามของรัฐบาลอิหร่าน
อ่านแล้วไม่ไ้ด้อารมณ์เหมือนพวก นักท่องเที่ยวแบกเป้ เพราะเรามีอารมณ์ร่วม

ส่วนหนังที่แนะนำมา เข้าไปดูที่ you tube แล้ว ความยาว ประมาณ 10 นาที
ว่างๆจะไปดูอีกที

เสียดายมากที่ร้านกาแฟปิด ไม่รู้ร้านสูบชิชา ปิดไปด้วยหรือเปล่า เดินผ่าน
แล้วหอมมาก ทั้งๆที่ไม่สูบบุหรี่นะ แต่อยากลองเหมือนกัน ตอนนี้แพร่ระบาด
มาตามผับ เมืองไทยแล้วไปสมุย ภูเก็ต ไปบาหลีก็เจอ แต่เขาบอกว่าร้ายแรงกว่าบุหรี่หลายเท่านัก เขาบอกว่าคนอิหร่าน ลึกๆแล้วต่อต้าน รัฐบาล หลายอย่าง และเขาก้ไม่ได้เกลียดคนอเมริกันด้วย เรื่องนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลต่างหาก เรื่องนี้ก็อยากรู้เหมือนกัน จริงๆแล้วสังคมที่นั่น เป็นยังไงกันแน่


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เรื่องเงิน นี่มันมีอำนาจจริงๆนะ
เปลี่ยน นิสัย คนก็ได้
คนยุโรปตอนนี้ เห็นคนเอเซีย
หัดพูด หนีห่าวๆ กันแล้ว
ใครอยู่ยุโรป มายืนยันหน่อยครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
คุณ butterfly angel ดิฉันไม่มีเวลาพิมพ์ยาวๆ นะคะ แค่แวะเอาลิ้งค์ บริษัทจัดทัวร์อิหร่านมาแปะให้คุณ
ก่อนค่ะ เป็นบริษัทรับจัดทัวร์ไปอิหร่านประเภท "ตัวแม่" ของเมืองไทยเลยทีเดียว เพราะเจ้าของทัวร์
เป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในอิหร่านมานานแล้ว มีร้านอาหารไทยในหลายๆ เมือง

นี่ค่ะ เข้าไปดูรายละเอียดได้เลยนะคะ เขามีแพ็คเกจสำเร็จรูปขาย และรับจัดให้เฉพาะกรุ๊ปค่ะ
ดิฉันเคยบอกความต้องการให้ไป ว่าอยากไปไหนบ้าง เขาก็เสนอราคาให้มาค่ะ

http://thaiorchidtour.com/indexiran.html

ส่วนเรื่องหนัง The Queen and I ทั้งเรื่องหาดูได้ในยูทุ้ยนะคะ มีคนมาอัพไว้แบ่งเป็นหลายตอนเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
มาคุยต่อค่ะ_คุณ butterfly angel ร้านสูบชิชาในอิหร่านก็ปิดไปด้วยค่ะ และเพราะร้านกาแฟหลายๆร้าน
ที่นั่นมีที่ให้สูบชิชาด้วย ที่จริงการสูบชิชามีมาในเมืองไทยหลายปีแล้วนะคะ ย่านนานาเหนือ สุขุมวิท
ซอย 3 ซอย 3/1 ชิชาแถวนั้นหน่ะหอมมากๆ เลยค่ะ ดิฉันเคยเดินผ่านบ่อยๆ เพราะชอบไปรับประทาน
อาหารตะวันออกกลางแถวนั้น ไปมาราวๆ ยี่สิบปีแล้ว และมันมีมานานมากแล้วค่ะ แต่เพิ่งมาฮิตกัน
ในหมู่นักเที่ยววัยรุ่นชาวไทยในย่านอื่นๆ เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง ส่วนในสิงคโปร์จะหาสูบได้ง่ายย่านท่องเที่ยว
ตรงอาหรับสตรีท แต่ชิชาที่สิงคโปร์ของบางร้านในสิงคโปร์เวลาเดินผ่านแล้วได้กลิ่น ชวนเวียนหัวมากๆ ค่ะ
เหมือนกลิ่นสังเคราะห์ ไม่หอมเหมือนเวลาผ่านไปแล้วได้กลิ่นในย่านคนตะวันออกกลางของกรุงเทพฯ

คนอิหร่านมากมายจริงๆ แล้วทันสมัยและมีการศึกษานะคะ แล้วส่วนใหญ่หน้าตาดีด้วย
ดิฉันเคยเจอคนอิหร่านที่มาจากอเมริกา ดูท่าทางรวยๆ มีชาติตระกูล การศึกษาดีทั้งนั้น

และดิฉันมีเพื่อนชาวสิงคโปร์เชื้อสายอิหร่านเปอร์เชี่ยนค่ะ ก็เป็นสิงคโปเรี่ยนที่ผู้ดีมีวัฒนธรรม มีมารยาทสังคม ไม่เหมือนสิงคโปเรี่ยนทั่วๆ ไปโดยเฉพาะเชื้อสายจีน

เคยดูสารคดีเกี่ยวกับอิหร่านทางช่องบีบีซี สารคดีเชิงท่องเที่ยว ไม่เกี่ยวกับการเมือง ดูแล้วใจจะขาดรอนๆ
อยากไปอิหร่านค่ะ เพราะบ้านเมืองของเขาสวยงาม น่าสนใจมากๆ

ท่านเอกอัคราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยคนปัจจุบันที่เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน (คือเป็นคนแขก
ปากีสถานที่เกิดในอังกฤษหน่ะค่ะ เป็นแขกเลยไม่ใช่ฝรั่ง) ก็เคยใช้ชีวิตในวัยเด็กและเรียนหนังสือที่
กรุงเตหะราน และ คนไทยบางครอบครัวก็เคยใช้ชีวิต(เกี่ยวกับเรื่องงาน) ในประเทศอิหร่านสมัยพระเจ้าชาห์
เรืองอำนาจนะคะ

เรื่องหนีห่าว ในยุโรปเหรอ ดิฉันไม่เคยเจอกับตัวเองนะ แต่ไปตุรกีโดยเฉพาะเวลาไปตลาดแกรนด์บาซาร์
ที่อิสตันบูล เจอพ่อค้าทักว่าหนีห่าวตลอด ยกเว้นมีสองคนที่พูดสวัสดีกับดิฉันเป็นภาษาไทยชัดมาก
ถ่ามไถ่คุยกัน ได้ความว่ามาเมืองไทยบ่อยและมีแฟนคนไทย จึงคุ้นเคยกับคนไทยดี เขาทักดิฉันว่าสวัสดี
โดยที่ดิฉันยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเสียด้วยซ้ำ ทายแม่นจริงๆ ทั้งๆ ที่ดิฉันไม่ได้ใส่รองเท้า Fitflop
และไม่ได้หิ้วกระเป๋า Longchamp รุ่น Le Pliage เลย ฮ่าๆๆ (เวลาที่ดิฉันเจอคนไทย
ที่ต่างประเทศไม่ว่าที่ไหน จะสามารถแยกได้ทันทีตั้งแต่ 300 เมตร เพราะมักจะเจอกระเป๋า Longchamp
และถ้าเป็นรองเท้าแตะคีบต้องใส่ Fitflop เท่านั้น_เป็นอุปทานหมู่? )


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
อ้อ คุณ butrerfly angel หนังสือเที่ยวอิหร่านของกลุ่มข้าราชการไทย ชื่อว่าหนังสืออะไรคะ
และออกมานานแล้วหรือยัง ดิฉันสนใจที่จะไปเสาะหามาอ่านค่ะ กรุณามาบอกชื่อด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ขอมายืนยันค่ะ ว่าบางชาติตอนนี้ในยุโรปเขาให้ความสำคัญกับจีนมากค่ะ ตอนนี้เราพักที่ยุโรป ประเทศหนึ่ง มีร้านchina shopอย่างกับ 7elevenบ้านเราเลยค่ะ

แถมโรงเรียนสอนภาษาจีนก็มีเยอะทีเดียว คนจีนมีสัดส่วนถือหุ้นไฟฟ้าในประเทศนี้ด้วยนะค่ะ แต่เราคืืดว่าก้ไม่ใช่ทุกชาติในยุโรปนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
คุณ : BTDT เมื่อปีก่อนผมไปเนเทอแลนด์ เหลือบไปเห็นปากการาคาหมื่นกว่าเหรียญนิดๆ ผมเลยถามคนขายว่า ขายได้กี่ด้ามแล้ว ใครซื้อ เขาบอกว่าตอนนี้ขายไม่ได้แต่เคยขายให้คนจีนไปแล้ว ผมเลยแถมท้ายว่า เงินนี้สร้างบ้านที่ประเทศผมได้หนึ่งหลัง เขาเลยบอกว่าอย่าสร้างบ้านเลยซื้อปากกาดีกว่า ผมยอมแพ้คนขาย


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ฮ่าๆๆ ขำที่คุณอิสวาสุบอกว่ายอมแพ้คนขาย แล้วคนขายขายเก่งแบบนั้นเป็นพ่อค้าชาวดัชท์หรือเปล่าคะ
หรือว่าเป็นชาวเปอร์เชี่ยน หรือ ตุรกี หรืออัฟริกัน หรือคนอินเดียคะ

คนจีนแผ่นดินใหญ่หน่ะค่ะคุณอิสวาสุ อย่าว่าแต่ซื้อข้าวของแบรนด์เนมจากร้านทั่วโลกเลย
อย่าว่าแต่ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่สิงคโปร์อย่างกับไปจ่ายตลาดเลย อย่าว่าแต่ซื้อปากกาแพงๆ ด้ามเดียว
เลยค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้หน่ะ เข้าไปกว้านซื้อปราสาท ซื้อชาโต้ต่างๆ ในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส และ
ซื้อไร่องุ่นซื้อชาโต้ที่ผลิตไวน์ด้วยค่ะ

คนจีนแผ่นดินใหญ่ส่วนใหญ่เขาจะชอบอะไรๆ ที่ออกแนวฝรั่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วดิฉันเห็นว่ารสนิยมของเขา
ยังไม่นิ่งค่ะ ยังไม่ตกผลึก ยังไม่ได้ขัดเกลา หลายๆ คนรับไปได้แต่เปลือกแต่เข้าไม่ถึงแก่น
แต่เขาแค่มีเงินจับจ่ายแค่นั้นเอง และอำนาจเงินของเขาสูงรสนิยมของเขาโฉ่งฉ่าง เศรษฐีใหม่พอๆ กับพวก
ตะวันออกกลาง และมีเงินเหมือนๆ กัน ทำอะไรต้อง"Loud" ต้องเยอะเอาไว้ก่อน ไม่เหมือนคนญี่ปุ่น
เขาจะเงียบๆ หน่อย รสนิยมดี ชอบใช้ของดีๆ แต่ไม่มากเกินไป คนจีนใต้หวันก็โอเคค่ะ ดูมีชาติตระกูล
มีรสนิยมดี มีมารยาทสุดแล้วในจำนวนคนจีนชาติต่างๆ ที่ดิฉันเคยเจอมา


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ดัชท์ แก้เป็น ดัทช์ (Dutch) ค่ะ ขออภัย


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
คุณ : BTDT คนขายเป็นอินโดเนเชียครับและสวยด้วย

คุณบอกว่า "ยังไม่นิ่งค่ะ ยังไม่ตกผลึก ยังไม่ได้ขัดเกลา หลายๆ คนรับไปได้แต่เปลือกแต่เข้าไม่ถึงแก่น" คุณจะบอกว่า "เถื่อน" หรือเปล่า
คุณทำให้ผมคิดถึงเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ตอนเราเข้ามากรุงเทพใหม่ๆ นานโขแล้ว เพื่อนบอกว่าถ้ามีเงินแล้วจะเอาฟันแม่ออกให้หมดแล้วใส่ฟันทอง(หมายถึงเลี่ยมทอง) กินหมากแล้วบ้วนน้ำหมากข้างถนนแถวเยาวราช ยิ้มให้เห็นฟันทองแล้วให้ตำรวจจับ ไร้สาระดีนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ใน คห 13 ที่บอกว่า คนจีนแผ่นดินใหญ่เดี๋ยวนี้ขอวีซ่าเข้าเมกาได้ง่าย แทบจะถูกอุ้มเข้าไปนั้น เพราะเศรษฐกิจจีนดี นั้น ไม่จริง

เมื่อเร็วๆนี้ คนจีนที่รู้จักไปยื่นขอวีซ่าเข้าเมกาพร้องกับเลขาส่วนตัวที่พูดอังกฤษได้ แต่ตัวเองพูดแทบไม่ได้ ปรากฏว่าตัวเองได้วีซ่ามาแค่ปีเดียวตัวเลขาถูกปฏิเสธ คนจีนที่ว่านี้มีกิจการใหญ่โตในจีน และมาลงทุนผ่าน บีโอไอ อีก 4 โรงงานในไทย

ทุกวันนี้ในเซี่ยงไฮ้วันๆมีคนจีนเข้าคิวรอขอวีซ่าวันละเป็นพัน และถูกสัมภาษณ์พิจารณาอย่างเข้มงวดมาก จีนเป็นประเทศหนึ่งที่ยื่นขอใบเขียวได้ Priority date นานมากๆพอๆกับประเทศอินเดีย และไม่สามารถสมัครวีซ่าล็ตโต้ได้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ขอบคุณคุณ Rapier ที่กรุณามาแชร์ค่ะ เราหมายถึงกรุ๊ปทัวร์จีนที่เข้าไปท่องเที่ยวในอเมริกา ยุโรป
ออสเตรเลีย ค่ะ เดี๋ยวนี้กฏเกณฑ์ลดหย่อนผ่อนความตึงเอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่พวกเขามากๆ ค่ะ

เคสที่คุณเล่ามานั่นก็ต้องมีอะไรสักอย่างนะคะ ที่ทำให่ทางสถานทูตอเมริกันหรือสถานกงสุลอเมริกัน
ในจีนไม่ไว้ใจค่ะ และถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าทางสถานทูตอเมริกันทราบเขาก็ไม่ลังเล
ที่จะไม่ออกวีซ่าให้ หรือให้แต่ให้น้อยมากค่ะ ไม่เกี่ยวกับว่าการเงินการศึกษาของคุณจะดีแค่ไหน

เรื่องที่คนจีนไปเข้าแถวรอยาวๆ วันนึงมากมายเป็นมานานแล้วนะคะ เวลาที่ดิฉันไปเซี่ยงไฮ้
และโดยเฉพาะเวลาไปปักกิ่งเห็นเป็นประจำค่ะ โดยเฉพาะแถวของอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส
ยาวมากๆ คนไปรอมืดฟ้ามัวดิน เป็นแบบนี้มานานมากเกือบสิบปีแล้วค่ะ

เรื่องสัมภาษณ์อาจจะเข้มงวดเหมือนเดิม แต่เรื่องกฏระเบียบของเวลาในการพิจารณา การอำนวย
ความสะดวกในการยื่นมีมากขึ้นค่ะ หรือเช่นของอังกฤษ ของฝรั่งเศสในปัจจุบันยื่นผ่านตัวแทน
เช่น VFS หรือ TLS เป็นต้น

คุณอิสวาสุ ไม่ใช่เถื่อนนะคะ แต่ว่ารับมาแบบ งงๆ หน่ะค่ะ คือประมาณว่ายังจับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่เอาหล่ะ มีเงินซื้อซะอย่าง และคนขายก็เต็มใจขายให้ เพราะได้เงินนี่ ร้านบูติคหรูๆ แบรนด์เนมระดับโลก
ลงทุนตกแต่งร้านในเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง อย่างใหญ่โต ข้าวของเพียบค่ะ คล้ายๆ กับที่มอสโคว์
และที่สิงคโปร์ และอินโดนีเซียด้วย ลูกค้าหลักคือชาวจีนนั่นเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ดิฉันพยายามหาข่าวที่เกี่ยวกับการลดหย่อนกฏระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการยื่นวีซ่าอเมริกา
เชงเก้น และ อังกฤษ ในอินเทอร์เน็ทมาให้คุณ Rapier ดูนะคะ แต่หาไม่เจอค่ะ แต่ข่าวพวกนี้ดิฉันเคย
อ่านผ่านตามาจริงๆ ไม่เกิน 1 ปีที่ผ่านมานี่เองค่ะ ทั้งจากสื่อที่เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
ซึ่งเป็นข้อมูลข่าวสารที่แพร่ในประเทศไทย หรืออ่านเจอที่ต่างประเทศค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
^^^^^
^^^^^
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ในการไปท่องเที่ยวหน่ะค่ะ
พิมพ์ไม่ครบ ขออภัย


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ตอนนี้ไม่ทราบ แต่เมื่อสามปีที่แล้วเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันในจีน(ตอนนี้มาอยู่ไทย) เล่าให้ฟังว่าเข้มงวดมากเหมือนที่คุณ : Rapier พูดถึง และเขาเล่าต่อว่า มีคนจีนมีกิจการมากและต้องการไปทำธุรกิจจริงๆที่อเมริการุ่มร่ามเข้าไปขอและถูกปฏิเสธมา แต่คนที่เล่าบอกว่าในที่สุดก็ได้วีซ่า
คุณ : BTDT พูดถึง กรูปทัวร์คนจีน ที่ร้านอาหารจีนชื่อ Win Buffet ที่แลนด์มาร์ก ใกล้บ้านผมจะมีทัวร์จีนมาทุกวันประมาณเที่ยง ทางร้านจะจัดให้ไปนั่งกลุ่มเดียวกันเพื่อความสดวก โล้งเล่งได้สมใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
หนังสือชื่อ อิหร่านในรอยจำ ออกก่อนของกาญจนา
คงสัก 2-3 ปีได้แล้ว หยิบมาอ่านผ่านๆ ที่ร้านหนังสือ
เพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจประเทศนี้เลย ก็เบลอๆนะ
ว่าใช่กลุ่มข้าราชการหรือเปล่า ถ้าผิดขออภัย เพราะนานแล้ว
แต่เนื้อหาจำได้คร่าวๆ ประมาณว่า คนอิหร่านเป็นคนที่ต่อต้านรัฐบาล
ไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐ และชื่นชมว่าผู้หญิงอิหร่าน
ถ้าได้ประกวดนางงาม ประเทศเวเนซูเอล่า คงมีคู่แข่งแน่ๆ
ส่วนผู้ชายนักเขียนเธอก็ชมว่าหล่อเหลือเกิน ชมไม่ขาดปาก
และวัยรุ่นหญิงสมัยใหม่ ก็ชอบถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว
ไม่ได้เก็บตัวซะทีเดียว และเรื่องที่เธอวิจารณ์รัฐบาลในแง่ลบ
เรื่องการแขวนคอ คนที่เป็นเกย์ ประมาณนี้แหล่ะ และก็มีเที่ยว
ตามสถานที่ต่างๆด้วย มีอีสฟาฮาน ด้วยมั้งไม่แน่ใจ ลองไปหาดูครับ


ร้านชิชาก็ปิดด้วยเหรอนี่ แย่จังเลย
ตอนไปสิงคโปร์ ที่ย่านอาหรับ มีคนนั่งสูบ
อยู่หลายกลุ่ม เดินผ่านกลิ่นคล้ายแอ๊ปเปิ้ล หอมมาก
ยังอยากลองเลย ถ้าได้นั่งสูบในประเทศต้นกำเนิดคงจะดีไม่น้อย


ถ้าได้ถ่ายรูปกับผู้หญิงมุสลิม คงจะดีมาก เพราะ
เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะไปขอเธอถ่ายรูป แต่ผู้หญิงด้วยกัน
คงไม่เท่าไหร่


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
เพิ่งรู้ว่า คนจีน ไปกับทัวร์ยังขอวีซ่า ยากอีกเหรอ
แสดงว่าเมื่อก่อนนี่ คงยากมากกว่านี้หลายเท่าแน่เลย
เห็นคนไทยจัดไปยุโรปหลายๆประเทศ แสดงว่า
คนไทยไปกับทัวร์ ง่ายกว่าคนจีนเหรอครับ

แต่เคยอ่านเจอ จีนแผ่นดินใหญ่ ตอนนี้ทำให้เศรษฐกิจ
ของฮ่องกงเงินสะพัดมากเพราะคนจีน ยิ่งพวกสินค้าแบรนดฺ์เนม
จะขายดีมาก คนจีนไม่รู้หรอกว่า ยี่ห้ออะไร จะซื้ออันที่แพงๆไว้ก่อน
เฟื่องฟูขนาดนั้นเลยเหรอ



ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
เอาหนังสือมาฝากครับ

http://www.se-ed.com/eshop/(A(gIg9idB-zQEkAAAAZjM1MjdiNWEtYWIwZS00M2E0LTliNjktYzA3MWMyZjg1YmJmi-69r6nIz08XxegmWbJDUm7Y7-c1))/Products/Detail.aspx?CategoryId=4&No=9789741654123


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
คุณ butterfly angel ดิฉันขอแวะมาขอบคุณคุณสำหรับข้อมูลของหนังสือสั้นๆ ก่อนนะคะ

คนจีนหน่ะค่ะ เมื่อไม่เกิน 15-20 ปีมานี้เอง อย่าว่าแต่จะขอวีซ่าไปต่างปนะเทศยากเลยค่ะ แม้แต่การ
จะไปต่างมณฑลต่างเมืองภายในประเทศของตนเอง ก็ยังต้องขออนุญาตจากทางการก่อนเลยค่ะ เพราะ
ประชาชนธรรมดาๆ ของจีนแผ่นดินใหญ่ในสมัยนั้นไม่สามารถไปไหนๆ ได้ตามอำเภอใจแม้แต่ภายใน
ประเทศของตนเอง

คุณ butterfly angel นักร้องชื่อคุณโต วงซิลลี่ฟูลส์เนี่ย คนอิหร่านะคะ แต่เขาเกิดที่เมืองไทยโตเมืองไทย
พวกตระกูลบุนนาคนี่ก็เชื้อสายเปอร์เชี่ยน ตระกูลของคุณดำรง และคุณมาโนช พุดตาน ก็ใช่ เป็นมุสลิม
เชื้อสายเปอร์เชี่ยนค่ะ (ส่วนมุสลิมอย่างท่าน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ นี่มุสลิมสายมาเลย์ _ที่เมืองไทย
มีมุสลิมหลายสาย)

ดิฉันจะไปลองหาหนังสือเล่มที่คุณแนะนำมาอ่านดูค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ขอขอบคุณคุณอิสวาสุ ใน คห. 30 ด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
ความคิดเห็นที่ 17 คุณ butterfly angel

คห.ต่างๆที่ตอบ ไปๆมาๆ ห่างจากกระทู้เยอะมากมาย


ที่สวิสนะคะ ยังไม่มีร้านทั่วๆไปเตรียมพูดว่าหนีห่าวค่ะ หรืออาจมีที่เมืองใหญ่ก็ได้นะคะ

สิบกว่าปีก่อน คนจีนจะมาในรูปของการลงทุนร้านอาหารจีน ซึ่งเงินทุนหนากว่าชาวเวียตนามที่เปิดร้านอาหารจีน

จากนั้นจุดอิ่มตัวมาเยือน ชาวจีนที่มาลงทุน จะมาในรูปการรักษาสุขภาพ เช่นการฝังเข็ม การใช้ขวดแก้วที่รมควันกดไปตามจุด ที่เรียกกันง่ายๆว่ากดสูญญากาศ (ดิฉันอาจให้คำไม่ถูกต้องนะคะ)

ต่อมาต้องต่อสู้กับประสิทธิภาพของการรักษา ซึ่งบริษัทประกันและโรงงานผลิตยาต่างๆในสวิส ต่อต้าน เพราะหากประชาชนไปใช้บริการเยอะ ก็หมายถึงความหายนะของการผลิตยาทีเดียว

ไม่กี่ปีมานี้ ได้มีการรอมชอม ให้ผู้ที่ไปรับบริการสามารถเคลมเงินได้ หากว่าทำประกันชั้นหนึ่งเท่านั้น หรือว่าหากว่าทำประกันชั้นสามัญ แต่หมอสั่งให้ไปได้ก็มีสิทธิ์เรียกเงินจากประกันสุขภาพได้

ปกติแล้วหมอมักจะสั่งให้ไปบำบัดกับนักกายภาพบำบัดชาวสวิสมากกว่า เพราะเนื่องจากระบบอาชีพต่อเนื่องจากอาชีพหมอ ที่ทางสวิสผลิตนักกายภาพบำบัดในแต่ละปี มีพอสมควร หากไม่มีงานเข้า ก็หมายความว่ารัฐไม่สนับสนุนอาชีพนี้

จึงเป็นไปได้ยากที่รัฐจะสนับสนุนการรักษาแบบจีน

ปัจจุบันนี้ คนจีนจะมาในรูปของการซื้อโรงงาน เช่นโรงงานนาฬิกาของสวิส ที่ซื้อต่อมาจากบริษัทพอร์ช(ปอร์เช่)

แต่กฎหมายของสวิสยังคุ้มครองนักผลิตนาฬิกาชาวสวิส ไม่ให้คนจีนเข้ามาทำงานในโรงงานนาฬิกาที่สวิส เว้นแต่จะสอบผ่านได้ว่ามีคุณภาพทัดเทียมชาวสวิสจริง

ซึ่งที่จริงแล้ว เป็นการอนุญาตให้ต่างชาติมาซื้อกิจการได้ แต่ต้องจ้างคนสวิสทำ
เฉกเช่นเดียวกับปัจจุบันนี้ มีชาว อเมริกันมาซื้อโรงงานอุตสาหกรรมเหล็กมากมาย เช่น โรงงานเหล็กที่ผลิตน็อตเพื่อเชื่อมสะโพก หัวเข่า ในร่างกายคนเรา

ผู้ที่จบวิศวกรรมด้านนี้ไม่มีวันตกงาน (ในขณะนี้นะคะ) เพราะว่าคนเรามีอายุยืนกว่าเมื่อก่อน และการเจ็บปวด ไม่ใช่มาจากอายุเท่านั้น แต่มาจากการเกิดอุบัติเหตุ หลายๆทางเช่นจากการขับรถ หรือว่าเล่นกีฬาเป็นต้น

แต่สิ่งหนึ่งที่กลับมาหลังจากการหมดยุคผู้นำเหมา คือการถ่มน้ำลายไม่เลือกที่ ไม่ว่าจะไปที่เมืองต่างๆ หากว่าเจอทัวร์คนจีนที่ไหน หันไปเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ได้ยินเสียงถ่มน้ำลายค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
รวมกันอาจจะยังไม่ถึงล้าน ฮิ


ตอบกลับความเห็นที่ 36