20 ข้อควรทราบเกี่ยวกับการสอบ IELTS เพื่อขอ WAH/WHS

20 ข้อควรทราบเกี่ยวกับการสอบ IELTS เพื่อขอ WAH/WHS

ข้อควรทราบเกี่ยวกับการสอบ ielts สำหรับผู้สนใจโครงการ Work and Holiday Australia และ Working Holiday Scheme New Zealand สำหรับคนที่ยังไม่มีผลสอบครับ

1) การสอบ IELTS เป็นการทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษ ในสกิลฟัง พูด อ่าน เขียน ออกแบบโดยมหาวิทยาลัย Cambridge ในประเทศอังกฤษ

2) การสอบ IELTS ในประเทศไทย มีสองหน่วยงานที่จัดสอบคือ British Council และ IDP ผลสอบใช้ได้เหมือนกันทั้งสองที่ ส่วนที่จะต่างกันคือ ค่าสอบ , สถานที่ และอุปกรณ์ในการสอบ (ของ British Council จะมีหูฟังให้ ส่วนของ IDP จะเป็นลำโพง – ข้อดีของการมีหูฟังคือการที่เราควบคุมระดับความดังของเสียงได้เอง และลดโอกาสการโดนรบกวนจากภายนอกครับ)

3) IELTS มีสองแบบคือ General Training (GT) และ Academic Module (AC) โดยผู้สอบส่วนใหญ่จะบอกว่าแบบแรก (GT) ง่ายกว่าพอสมควร ซึ่งจะต่างกันใน part listening

4) การสอบแบบ GT ส่วนมากใช้ในการขอวีซ่า วีซ่าย้ายถิ่นฐานต่างๆ

5) การสอบแบบ AC ใช้ในการเรียนต่อในระดับต่างๆ เป็นหลัก

6) การสอบเพื่อขอวีซ่า WAH/WHS ใช้ ielts แบบไหนก็ได้แล้วแต่เราถนัด

7) คะแนนเต็มของ IELTS คือ 9.0 (Overall) แบ่งแยกออกเป็นคะแนนย่อยแต่ละสกิลตามที่เราเทสไป เช่นสอบได้ ฟัง 5.0 พูด 5.0 เขียน 6.0 อ่าน 6.0 เฉลี่ยออกมาจะได้ Overall score = 5.5 เป็นต้น

8) คะแนนที่ ผู้ขอวีซ่า WAH/WHS ต้องการคือขั้นต่ำ 4.5 Overall : จะมี part ไหนต่ำกว่า 4.5 ก็ได้ (สำหรับ NZ) สำหรับของออสเตรเลีย ในปี 2015 มีการเปลี่ยนคือจะขอ Overall Score 4.5 และแต่ละ Band จะต้อง 4.5 ด้วยครับ : อาจจะมีการอลุ้มอล่วยบ้างโดยการให้ยื่น IELTS ที่บางแบนด์อาจจะไม่ถึง 4.5 ก่อนแล้วยื่นใหม่ที่ผ่านตามกำหนดมา

9) การได้คะแนนสูง ต่ำ เช่น IELTS 7.5 กับ IELTS 5.0 ไม่มีผลต่างกันในการพิจารณาวีซ่า หลักการคือให้ได้ขั้นต่ำ 4.5 ก็ถือว่าโอเค แต่ยิ่งคะแนนยิ่งก็ยิ่งได้เปรียบในการใช้ชีวิต หางานในออสเตรเลีย ตลอดจนโอกาสในการเรียนต่อ

10) จำนวนที่นั่งของการสอบแบบ GT กับ AC จะต่างกันที่อัตราส่วนประมาณ 1 (GT) : 3 (AC) เช่น สอบ GT เปิด 100 ที่ และ AC เปิด 300 ที่ ต่อรอบเป็นต้น

11) น้องๆ WAH ส่วนมากมักจะขอสอบแบบ GT กันมากกว่า หากไม่ได้มีแผนเรียนต่อ (คือถึงจะมีแผนเรียนต่อ สถาบันหลายๆที่ก็ให้ทำ Placement test วัดระดับกันอีกทีได้) ดังนั้นทำให้โควต้าที่นั่งเต็มค่อนข้างเร็ว

12) British Council และมีการจัดงานให้ความรู้เกี่ยวกับ WAH/WHS และการสอบ IELTS ให้กับผู้สนใจด้วย

13) นอกจากนี้ ก็ยังมีการจัดสอบรอบพิเศษแบบ GT สำหรับผู้สนใจโครงการ WAH/WHS อีกด้วย

14) ข้อดีของการสอบรอบพิเศษคือ มีโควตาที่นั่ง General Training เพิ่มให้ เปิดสอนเพื่อติวสอบ และได้ลดความกดดันโดยการสอบร่วมกับเพื่อนๆที่สนใจโครงการด้วยกัน

15) Deadline ของการสอบ IELTS เพื่อให้มีสิทธิ์สมัครโครงการ WAH/WHS

16) ทาง Thaiwahclub วางแผนว่าจะเปิดติว IELTS รอบพิเศษ เป็นกรุ๊ปใหญ่ เรียน 1 เดือน ในระหว่างวันที่ 28 มีค – 25 เมษ.

17) ดังนั้นรอบพิเศษที่จะเปิดสอบ General Training กับทาง British Council ให้

18) อื่นๆที่ควรทราบ : ใครที่จบตรี international program มา ไม่ต้องสอบ IELTS ครับ

19) อื่นๆที่ควรทราบ 2 : ใครที่จบเอกภาษาอังกฤษ( โปรแกรมไทย) ไปเรียนภาษา ไปทำงานต่างประเทศมา เทียบแทน IELTS ไม่ได้ต้องสอบครับ

20) ผล IELTS มีอายุ 2 ปี เคยสอบได้แล้ว ได้คะแนนเยอะ แต่หมดอายุแล้วใช้ไม่ได้แล้วนะครับ