ร้านค้าที่ตลาดคลองลัดมะยม ช่วยติดป้ายบอกราคาสินค้ากันหน่อยนะคะ

วันนี้ไปตลาดคลองลัดมะยมมาค่ะ
ตลาดนี้มีของกิน ของใช้เยอะมาก เดินช๊อปปิ้งกันเพลิน

แต่ มีหลายร้านมากๆที่ไม่ติดป้ายบอกราคาสินค้า
ทั้งร้านอาหารและร้านขายของ

ช่วยรณรงค์เรื่องนี้กันหน่อยเถอะค่ะ



พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒
http://www.pub-law.net/library/act_conspro.html

ความคิดเห็นที่ 1
เห็นด้วยค่ะ
ของกินตรึมเลยที่นี่ เราถามราคาก่อนซื้อตลอดเลยค่ะไม่ว่าจะที่ไหน ใดๆ
บางทีติดป้ายราคาโต้งๆ แต่ขายอีกราคาประจำเลย เง้อ..


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
บางที..หยิบยก พรบ. มาอ้างอิง มันก็ใช่ว่าจะได้ผลอะไรขึ้นมานะครับ

คือ..มันต้องนึกถึงความเป็นจริง กับพ่อค้า-แม่ขาย ทั้งหลายแหล่ให้ได้ครับ

บางคน..ก็อาจจะอาศัยพูดมันไปเลย ว่า...กี่บาท ! เพราะคนที่อยากจะซื้อ..ไงแล้ว เค้าก็ต้องถาม ว่า..."กี่บาท ค่ะ" , "หอนี้..เท่าไรครับ"

บางคนที่ค้าขาย...เค้าก็อยากจะลดต้นทุน ต่อให้มีตัวสติ๊กเกอร์ที่แปะราคา มันอาจจะถูกมากๆ แต่ด้วยความเป็นชาวบ้าน เค้าก็มองข้ามสิ่งเหล่านี้ออกไป

มันจะไม่เหมือนกับ supermarket ในห้างกันหรอกครับ เพราะในห้างฯ เค้าก็ต้องทำให้ลูกค้าเห็นราคา ซึ่งมันเป็นมาตรฐานอย่างหนึ่ง

แต่..ถ้าจะเปรียบเทียบกับตลาดน้ำ มันจะเปรียบเทียบกันไม่ได้ครับ

ทุกๆ ตลาดน้ำ..ละครับ ! ลองคุณไปเดินเล่นดูซิ ผมก็เห็นเป็นแบบนี่แหระ คือ...ไม่ค่อยมีป้ายติดให้รู้หรอก มีแต่ถาม และเค้าก็ตอบ เพราะบางทีต่อให้มีราคาติด ใช่ว่าจะต้องมีคนมาซื้อเสมอไป

ขนาดติดราคาไว้แล้ว....บางทีคนเราก็ยังถามอีก ว่า..."อันนี้เท่าไร..ค่ะ"

จนบางที แม่ค้าก็ไม่อยากจะติดก็ได้ เพราะคงเจอแบบนี้มาเยอะ ทั้งเห็นราคา แล้วก็ต้องมาถาม แล้วก็ไม่...ซื้อ 5555 ............" ตรู ไม่ติดมันแล้วเว้ยยยย "

แต่ผมก็ไม่รู้นะ...ว่า จขกท. ไปเจอะเจออะไรมาแบบแย่ๆ หรือว่าไปซื้อของทาน แล้วคิดว่า มันน่าจะราคาเท่านั้น เท่านี้ แต่พอเค้าเก็บตังค์ ก็พึ่งมารู้ทีหลัง แล้วคุณก็ดันไม่พอใจ ตรงนี้ ผมก็เดา..เอาละนะ

ติดราคา มันก็ดีนะครับ ! ตรงนี้ไม่ได้มาค้าน

แต่..ก็ต้องคิดถอยหลังไปอีกหลายๆ อย่าง กับตรงที่เค้าไม่คิดติด..ไงครับ ว่า..มันเพราะอะไรกันบ้าง

แต่ผมคิดว่า...เค้าอยากจะลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด ลำพังทำของกินมาขาย หรือขนมต่างๆ บางทีก็ใช่ว่าจะได้กำไรอะไรๆ แบบมากมายนัก

ตลาดทั้งประเทศ..ละครับ คุณ จขกท. ! มันจะเป็นซะแบบเนี้ยยยแหระ ต่อให้มี พรบ. ชนิดแบบกฏเหล็ก.....มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้เมืองไทยมันมีมาตรฐาน..หรอกครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เราไม่ได้เจอเหตุการณ์อะไรร้ายๆมาหรอกค่ะ

ตลาดคลองลัดมะยม เป็นตลาดที่เราชอบมาก มากกว่าทุกตลาดน้ำที่เคยไปมา

การติดป้ายแสดงราคาสินค้า
เป็นการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้านั้นๆ
นอกจากนี้ยังแสดงถึงความจริงใจของผู้ขายด้วย



หากการติดป้ายแสดงราคาสินค้า คือมาตรฐานหนึ่งที่ควรทำ
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำหรือ supermarket ก็ควรทำให้ได้มาตรฐานเช่นกัน

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ตอนผมขายของนะครับ บางทีไม่อยากติดราคา เพราะว่าติดราคาแล้วลูกค้ามองราคาแล้วก็ไป
อาจจะด้วยว่าเป็นสินค้าราคาสูง คือพวกจานชาม ใบล่ะ 20 -50 บาท แต่พอไม่ติดราคา ลูกค้า
ก็จะเข้ามาถาม

ทำให้เกิดโอกาสการเสนอขายสินค้าครับ ได้พูดได้คุยได้บอกคุณลักษณะ ประโยชน์ คุณสมบัติ
มีโอกาสขายได้สูงครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ก็อย่างที่ผมบอกไปนั้นแหระ คือ...

มันควรคิดให้ได้ ว่า...ทำไมเค้าถึงไม่คิดแปะราคาให้เห็น

บางทีติดไปแล้ว แล้วก็ยังมาถามอีก ผมไปที่ไหนก็เห็นยังถามกันเรื่อย

หรือ ผมกำลังจะซื้อเป็ดซัก 1 ตัว ราคาก็ห้อยไว้ ก็ยังมาถามอีก (ขนาดผมเอง ก็ยังถาม 555) เพราะมันเป็นธรรมชาติของคนเรา.....อย่างหนึ่ง

หรือพูดง่ายๆ คนไทยเรา มักต้องการคำยืนยันจากปากแม่ค้า มากกว่าดูราคาด้วยสายตา..นะครับ

สิ่งของบางอย่าง บางทียายแก่ๆ เค้าไปหามาจากไร่ จากสวน เช่น ตำลึง...เอย ,ชะอม..เอย และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับพืชผัก

ก็จะมีคนมาถาม ยายก็ตอบๆ กันไป ว่า...กำละ 5 บาทบ้าง 10 บาทบ้าง ยายก็ขายตามอัตถภาพกันไป

พอแต่ละคนอยู่กันที่บ้าน เค้าก็จะไม่ค่อยนึกกันหรอก ว่า...ควรต้องเขียนราคาบอก

หรือ....ต่อให้เขียน และไหนจะต้องมาตอบอีก ว่า..เท่านั้น..เท่านี้

สรุปแล้ว ! บางทีคนไปถาม ก็ไม่ได้ซื้อหรอก บางทีมันก็ทำให้แม่ค้ารู้สึกว่า....แล้วจะไปติดราคาบอกไปกันทำไม

หรือ...เดินผ่านร้านขนมจำพวก สาคูใส้หมู ,ข้าวเกรียบปากหม้อ

ร้านแบบนี้ เค้าก็มักจะทำขาย ณ เดี่ยวนั้น มันจะได้ดูแล้วน่ากิน ใหม่ๆ ร้อนๆ สดๆ

แม้ค้าเค้าก็จะต้องปากหวานไว้ก่อน......" ชุดละ...20 บาทจ้า "

ต่อให้เค้าไม่พูด แต่ของแบบนี้ คนเราที่ไปเดินเที่ยวกัน..มันก็ย่อมรู้แก่ใจอยู่แล้วว่า...สมัยนี้ มันคงจะยากมากๆ ละนะ ที่จะไปเจอะเจอสาคู ชุดละ 10 บาท

ยังไงๆ แล้ว....ถ้าเคทลักษณะแบบนี้ บางทีเค้าก็ไม่จำเป็นต้องมาเขียนบอกหรอก ว่า...ถุง 20 บาท เพราะคนซื้อคงเดาใจในราคาได้ ว่า..ต่ำๆ สมัยนี้ มันต้อง 20 บาทอยู่แล้ว

คือ...ถ้าคุณอยากจะให้ตลาดน้ำ มีมาตรฐานเหมือนกับ super....... ผมคิดว่า...อีก 100 ปี เมืองไทยเราก็จะเป็นแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ อะครับ

คือ..มันเปรียบกับ super.... ไม่ได้นะครับ ! เพราะใน super... มันก็เป็นของห้างฯ มันก็สมควรแล้วละ ที่จะต้องติดราคาให้เห็นแบบแน่ชัด คือ...ใครคว้ามา ก็ต้องจำยอมจ่ายตามราคานั้นๆ

แต่....กับตลาดน้ำ ! ณ ตรงนั้น มันก็ไม่มีแคชเชียร์ตรงทางออกไง มันไม่มีรถเข็นใส่ของให้เข็น มันจะมีแต่ของขาย กับคนขายยื่นอยู่เคียงข้างกัน

เพราะ..วิถีการดำเนินขีวิต ระหว่างในห้างฯ กับ ตลาดน้ำ มันไม่เหมือนกันนิ

ในห้างฯ ของจะขายได้ หรือไม่ได้ พนง. ก็ยังได้เงินเดือนเท่าๆ เดิม แต่ตลาดน้ำ..เค้าหากินแบบ เช้ากินค่ำ..ไงครับ

เค้าก็ต้องอาศัยปากพูดไปเลย เค้าก็เลยไม่สนใจในด้านของความมีมาตรฐาน...ไงครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ผมก็ว่าควรติดราคา นะครับ


เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ขอบคุณคุณ bye u คุณ Greenapple1 คุณ bluelittle คุณ KU_EE ที่ช่วยกันแชร์ความคิดเห็นนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ควรติดครับ

เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน


เพราะถามแต่ละครั้ง มักได้คำตอบไม่เหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ร้านไหนไม่ติดราคาเราก็ไม่เข้าไปซื้อหรอกค่ะ เพราะถ้าติดราคาเราจะได้ประเมินได้ว่าคุ้มค่าแก่การซื้อไหม ตลาดแถวบ้าน ขนาดสาคูไส้หมู เขายังติดป้ายเลยว่ากล่องละ 20 บาท หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท

ใครจะมาอ้างว่าติดเพราะแม่ค้าเสียเวลา เราว่าไม่ถูกหรอกค่ะ การติดของที่คุณต้องขายอยู่ประจำอยู่แล้ว ไม่ได้เสียเวลาหรือประโยชน์อะไร

ปล. เราเป็นแม่ค้าขายของในจตุจักรพวกงานตกแต่ง ของทุกชิ้นก่อนขึ้นโชว์เราต้องติดป้ายราคาบนสินค้าทุกชนิดค่ะ ให้ลูกค้าตัดสินใจเลยว่าจะซื้อหรือเปล่า


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ตลาดตามชนบท บ้านนอก ไม่ใช่ในเมืองใหญ่ ๆ เมืองท่องเที่ยว แม่ค้าชาวบ้าน

ไม่ค่อยมีใครติดราคาขายกันหรอกครับ อยากทราบราคา ต่อรอง สอบถามข้อมูล

ก็พูดคุยกันได้ ไม่ซื้อหาก็พูดคุยกันได้ อย่างน้อยก็ได้พูดจาปราศรัยกันก็ยังดี


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ผมว่าติดราคาดีกว่านะ โดยเฉพาะอบต.เองจะต้องช่วยกันชี้แจงให้พ่อค้าแม่ค้าช่วยกันสร้างมาตรฐาน.....คือหากทำให้มันเป็นมาตรฐานเดียวกันได้ก็ช่วยยกมาตรฐานให้ดีขึ้น.......และหากจะมีใครไม่เห็นด้วยและไม่อยากติดราคาสินค้า.....อีกหน่อยหากไม่มีใครเข้าไปอุดหนุนเขาก็จะต้องปรับตัวเข้าหาสังคมเอง(คือยอมเหนื่อยเอาตอนต้นมือหน่อย-กว่าจะอธิบายให้คนหัวบ้านหัวเมืองเข้าใจน่ะ)......โดยเฉพาะตลาดริมน้ำแบบนี้มักจะมีชาวต่างชาติเข้าไปอุดหนุนเยอะ........การติดราคาก็จะช่วยให้เขาอยากซื้อสินค้าของเราได้อีกส่วนหนึ่ง........เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปเดินดูตลาดน้ำตลิ่งชัน เห็นมีฝรั่งเดินเยอะเลย.......มีฝรั่งแก่ๆกลุ่มหนึ่ง4-5คน เดินเข้าไปซื้อสัปรส แม่ค้าเขาสื่อกับฝรั่งไม่ได้(เขาขายถุงละ20บาท)......แม่ค้าชู2นิ้วให้ฝรั่งดู.......(ในความหมายก็คงจะ20บาทนั่นแหละ) แต่การชู2นิ้วมันไม่ได้หมายถึง20บาทเสมอไปนะครับ....สรุปแล้วฝรั่งคงนึกว่าถุงละ2บาท....(ก็แม่ค้าชู2นิ้วไง-แล้วฝรั่งก็ไม่รู้ว่าเงิน2บาทนั่นมันมีค่าเท่ากับกี่ดอลล่าร์)แกก็หยิบสัปรสไป5ถุงเท่ากับจำนวนคน แล้วส่งเงินให้20บาท......(กะว่าจะได้เงินทอนมาอีก10บาทไง)....ผมยืนดูอยู่อึดใจหนึ่งก็รู้ว่าต่างคนต่างคิดไปคนละทาง.......ก็เลยต้องเข้าไปประสานให้......นี่หากแม่ค้าแกเขียนราคาติดเอาไว้ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นนะครับ....เพราะมันไม่มีโอกาสตีความไปในทาง2บาทหรือ20สตางค์ได้...ก็เขียน20฿...ทั้งไทยและฝรั่งก็จะเข้าใจได้เหมือนกัน....เราเข้าใจได้เพราะค่าครองชีพมันเป็นตัวกำหนด ส่วนฝรั่งก็จะหายกังขา เพราะมันเป็นสามัญสำนึกว่าเขามาประเทศไทยที่ใช้สกุลเงินบาท.........ผมเขียนมาด้วยความปรารถนาดีกับทุกฝ่ายนะครับ ไม่ได้มีเจตนาจะต่อล้อต่อเถียงและเอาชนะคะคานแต่อย่างใด........เขียนโดยประสบการณ์ของคนอายุเกือบ70ปีที่อยากเห็นเมืองไทยเดินไปข้างหน้า....อีก2ปีแล้วละที่เราจะเข้าสู่สังคมอาเซียน....อะไรทำให้เป็นมาตรฐานได้ก็ทำเสียเถอะ.......ไม่งั้นหากคนเวียตนามเอาเงิน20ด่องมาจ่ายเป็นค่าสัปรส20บาทไทย.......ก็จะหายบ้ากันไปข้างหนึ่ง


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
แค่ติดราคามันจะยากอะไรนักหนา!?!?! ไปมาหลายรอบ ชอบตลาดนี้มาก แต่ก็ขัดใจเหมือนจขกท. ที่นั่นเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ชาวบ้านเอาของมาขายแล้วครับ แทบไม่เหลือแล้วครับไอ้วิถีชีวิตชาวบ้านหน่ะ วัยรุ่นเอาของมาขายเปิดร้านก็เยอะแยะ เขตเค้าก็ส่งเสริมจนยิ่งใหญ่ ควรทำให้เป็นมาตรฐานได้แล้วครับ

ที่นี่มันกรุงเทพฯนะครับ ถ้าเป็นตลาดแถวตะเข็บชายแดนก็ว่าไปอย่าง


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ก็เห็นด้วยนะ ว่า..ควรต้องติดราคา !

แล้ว....อีก 5 ปี ,อีก 10 ปี ถ้าเค้ายังไม่ติดกันละครับ.......คนในนี้จะทำอย่างไร ?

คนในนี้...ต่างมีการศึกษา ,มีหน้าที่การงานที่ดี ก็ย่อมมีความเข้าใจ ซึ่งผมเองก็..เข้าใจ

แล้วทีนี้ ! จะไปให้คนที่เค้าไม่มีความเข้าใจ มองภาพของการมีมาตรฐานไม่ออก ตรงนี้ไงครับ มันสำคัญยิ่งนัก เพราะพ่อค้า-แม่ขายทั้งหลาย เค้า...ไม่เข้าใจไงครับ รวมไปถึง..ไม่สนใจอีกต่างหาก

แล้วทีนี้ ! คนเราในนี้จะไปเปลี่ยนแปลงความนึกคิดของพวกเค้าได้อย่างไร

ผมไม่ได้ไปเข้าข้างเค้านะครับ ! แต่ผมจะพูดถึงอีกมุมมองหนึ่ง ว่า...เพราะอะไร ทำไมเค้าถึงไม่ทำกัน

ตลาดน้ำในเมืองไทย ผมไปจนชนิดที่ว่า...ทะลุ ปุโปร่งเป็นว่าเล่น แม้แต่กระทั้ง...ตลาดน้ำสี่ภาค (ที่พัทยา) ผมไปซื้อเขนียวปิ้งใส้กล้วย.....เค้ายังไม่เห็นติดราคาไว้เลย

เสื้อผ้าที่ห้อยแขวนขายตามร้านต่างๆ บางร้านก็ติด บางร้านก็ไม่ติด.....เอ่ออเว้ย มันก็ไม่มีมาตรฐาน

นี้...ขนาดเป็นตลาดน้ำที่มีฝรั่ง-ญีปุ่น-เกาหลี เดินกันเพียบ มันยังไมมีมาตรฐานอะไรเลยครับ

แล้วทีนี้ ! จะให้ตลาดน้ำแบบบ้านๆ เช่นนี้ ให้มันมีมาตรฐานได้อย่างไร

คือ..ตรงนี้ ผมไม่ได้อยากจะมาเถี่ยงกับคนที่อยากให้ติดนะ เพราะผมเองก็ไม่ได้ค้านอะไร แต่จะพูดถึงในแง่ของความนึกคิดของคนขาย คนๆ นั้น มากกว่า

ตลาดน้ำทุกแห่ง ! มันย่อมมีคนคอยจัดการ-บริหาร-ดูแล

ทำไม...คนกลุ่มนี้ถึงไม่สามารถมีกฏ-ข้อบังคับให้กับพ่อค้า-แม่ค้า...ซะละ

ต่อให้มีนะ....ยังไงๆ แล้ว เค้าก็เบื่อหน่ายกับการต้องไปตรวจการ กับการต้องไปพูด ไงครับ

คือ..จะไปโทษคนที่ไม่ติดซะด้านเดียว มันก็โทษไม่ได้ ขนาดคนคุมยังไม่อยากจะอะไรมากเลย

อโยธยา..อีก ! มีสินค้าเยอะแยะไปหมด ที่เค้าไม่ติดราคาบอก

หากผมมี คคห. ว่า....มันควรต้องติด ! แล้วทีนี้ เค้าจะติดกันหรอ

อันนี้ไม่ใช่ตลาดน้ำนะ....แต่เป็นตลาดที่ดังที่สุดใน กทม.

จตุจักร !!!!

ผมขอถามว่า.....เค้าติดราคากันทุกร้านมั้ย ?

คือ...อยากให้หลายๆ คนในนี้ ทำความเข้าใจว่า...ผมไม่ได้ไปเข้าข้าง หรือไปเห็นด้วยกับสิ่งที่เค้าไม่คิดติดราคานะ

แต่....จะทำอย่างไรต่างหาก ที่จะให้เค้าติดราคา !!! นี้คือ เมนๆ หลักๆ ของผม

และ..เพราะอะไร ทำไมเค้าถึงไม่อยากติด !!!

จตุจักร ! มันก็จะมีชาวต่างชาติ....ทั้งโลกละครับ ที่อยากจะมาเดินเที่ยว ซื้อของ มันจะยิ่งใหญ่ตระการตามากกว่าตลาดน้ำ ไม่รู้จะกี่เท่าตัว

แล้วทีนี้....จะให้ตลาดต่างๆ มันมีมาตรฐานได้อย่างไร ในเมือคนเราที่ค้าขาย ต่างก็คิดกันตามอำเภอใจ..กันทั้งนั้น

ติดราคา กับไม่ติดราคา ! มันยังไม่สำคัญนะ

สิ่งที่สำคัญมากกว่า มันน่าจะเป็นเรื่องแบบนี้นะ....

น้ำดื่ม ! ทำไม มันหามาตรฐานเดียวกันไม่ได้ละ ว่า มันน่าจะขวดละ (10 บาท ยกตัวอย่างนะ)

รถเข็นบางคัน.....12 บาทบ้าง ,อีกคัน 15 บาทบ้าง

ที่ผ่านมา..ปีไหนก็ไม่รู้ ! รัฐบาลเคยประกาศว่า....น้ำดื่มขวดเล็ก ให้ขายในราคา 7 บาท (หวังว่า น่าจะพอจำกันได้)

แล้วไงครับ ผ่านไปซักระยะ ในห้างตามฟู๊ดเซ็นเตอร์ ไหงถึงมาขาย 10 บาท ซะละ

แล้วทีนี้ ! จะไปขจัดราคากับตามตลาดนัดต่างๆ ให้มันมีมาตรฐานเดียวกัน...ได้อย่างไร

อย่าหาว่าผมยังโน้น ยังงี้เลยนะครับ ถึงได้เขียนยาวเหยียด หรือเขียนแบบเรื่อยเปื่อย

เอาแค่...ราคาอาหาร-การกิน กันดีกว่า

ขนาดทางรัฐ คิดจะควบคุมราคาอาหารตามท้องตลาด หรือจำพวกอาหารตามสั่ง

ทางรัฐฯ ยังไม่สามารถไปควบคุม ไปสั่งการอะไรๆ ให้กับทางชาวบ้านได้เลยครับ

แล้วทีนี้...คนเราในนี้ จะไปหวังอยากจะให้มันมี...มาตรฐาร ได้อย่างไรกันครับ

ขนาด...ราคาก๊าซหุงต้มในบ้าน...ร้านแต่ละร้าน มันยังไม่เท่ากันเลย ทำไมคนเราถึงไม่ฉุกคิดตรงนี้บ้าง

เพราะ..ถ้าจะให้เปรียบเทียบเรื่องของราคาที่ไม่เท่ากัน ผมคิดว่า..มันใหญ่โตมากกว่าเรื่องที่เค้าจะติดราคา หรือไม่ติด นะครับ

เรื่องราคาไม่เท่ากัน ทำไมคนเราจะไม่ค่อยสนใจ

แต่เรื่องที่เค้าไม่ติดราคา กลับกลายมาเป็นเรื่องใหญ่

มันเหมือนกับว่า...เรื่องที่น่าคิด แต่ดันไม่สน มีเงินจ่ายซะอย่าง

แต่เรื่องที่ไม่อยากซื้อ เพราะดันไปแย้งกับตรงที่เค้าไม่เขียนราคาบอก

ทั้งหมด-ทั้งปวง ผมไม่ได้มีเจตนาจะมาเบรคใคร ต่อใครในนี้นะ แต่อยากจะให้มองภาพรวมให้ได้มากกว่า หรือได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับราคาที่ไม่เท่าๆ กัน มาพูดคุยกัน

เห็นมั้ยครับ ! มันเยอะแยะเต็มเมืองไปซะหมด กับสินค้าวัตถุดิบ หรือของกิน ที่ทำไมมันถึงไม่มีมาตรฐานเดียวกัน

เอาละ...เดี่ยวก็จะต้องมีคนมาบอกว่า...แต่ละร้าน แต่ละที่ มันอาจจะมีค่าขนส่งที่ไม่เท่ากัน ซึ่งอาจจะมีคนคิดแบบนี้ก็ได้ ผมก็เลยดักคอไว้ก่อน เพราะมันก็เป็นเพียงแค่..ข้ออ้างอย่างหนึ่ง

เอามันแบบง่ายๆ นี่แหระ ! เอาแค่ในจตุจักรนี่แหระ ราคาน้ำดื่มมันยังไม่เท่ากันเล้ยยยย แต่กลับกลายเป็นว่า...คนเราจะไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องแบบนี้...ไงครับ

ยิ่งจำพวกโค๊กใส่ถุงใส่น้ำแข็ง.....5555 ลองไปหาซื้อดูซิ และเปรียบเทียบดู รับรองมันไม่มีเท่ากันหรอก

และผมคิดว่า...พ่อค้า-แม่ค้า ที่คิดหวังผลกำไรที่มากเกินควร ตรงนี้แหระ มันเหมือนกับว่า...เราโดนปล้นชนิดที่ว่า...เราเลี่ยงไม่ได้ เพราะคนเราจำยอมที่อยากจะซื้อกินไง แต่ขาดการเปรียบเทียบ...ไง

ถ้างั้น....ก็จงกลุ้ม หรือซีเรียสเรื่องที่เค้าไม่ติดราคา..ต่อไปละกัน เพราะว่าตรงนี้มันก็ห้ามความนึกคิดของแต่ละคนไม่ได้หรอก

- กลุ้มเรื่องนี้ต่อไป

- สนใจเรื่องของราคา...ที่มันไม่เท่าเทียมกัน

เป็นคุณ...คุณจะเลือกเอาข้อไหน ?


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เมื่อวานนี้ไปซื้อของชะโงกหน้าเข้าถามราคาแล้ว แพงอ่ะแต่ก็ซื้อเพราะเกรงใจ ได้แต่ของแพงมาทั้งนั้ยเลย ไข่ปลาหมึกไม้ละ40 ข้าวโพดคลุกมะพร้าว ถุงละ20 ยำกล่องละ 80 ฯลฯ เดินแป็บเดียวหมด พันกว่า อือ อยากให้ติดป้ายราคาน่ะจะได้ไม่ต้องซื้อเพราะเกรงใจอ่ะ
ปล.ค่าเช่าที่อยากให้ลดราคาลงมาหน่อยสินค้าจะได้ถูกลงมาบ้าง สักหน่อยก็ยังดี นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เห็นด้วยว่าควรติดราคา และควรทำให้เป็นมาตรฐาน


ตอบกลับความเห็นที่ 15