ทำไมหลายคนต้องอยากสัญชาติอเมริกา

คือสงสัยว่าทำไมหลายคนถึงอยากได้สัญชาติอเมริกาด้วยมันดียังไงบางคนยอมแม้กระทั่งไปรบแล้วรอดกลับมาเพื่อให้ได้สัญชาติไม่เข้าใจจริงๆครับ

ความคิดเห็นที่ 1
ไม่เข้าใจเหมือนกัน

green card ก็เหมือนกัน สมมติว่าเรามีก็ไม่รู็จะเอาไปทำประโยชน์อะไร งานก็ทำไม่เป็น ไปอยู่ก็อยู่ไม่ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ดิฉันพึ่งกลับมาจากท่องเที่ยวจากอเมริกาไปอยู้ 1 เดือน เมืองไทยของเราดีที่สุดคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
สำหรับดิฉันจำเป็นต่อการสมัครงานในอนาคต


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
คำตอบง่ายๆมันก็เหมือนกับ คนที่ได้หูฟังของหมอมาไว้ในครอบครองทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้มีอาชีพเป็นหมอ แล้วจะเอาไปทำประโยชน์อะไรได้ สัญชาติหรือใบเขียวก็เช่นกัน ผู้ที่ต้องการเขาก็มีประโยชน์ในการใช้ของเขา เปรียบให้ดูอีกก็ได้ บางคนมีทุกสิ่งทุอย่าง (เกินพอด้วย) แต่ด้วยต้องการอำนาจยอมเสียแม้กระทั่งโอกาสที่จะได้อยู่เสวยสุขในบ้านเกิดของตนเอง ต้องระแหเร่ร่อนเป็น Fugutive (ไม่ได้เจาะจงแค่ท่าน แต่มีหลายท่านด้วย)


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
บางคนเค้าอยากได้เพราะเค้าต้องการใช้ ไม่ได้สัญชาติ แต่ต้องต่อ GC ไปเรื่อยๆไม่สนุกนะ
บางคนได้โดยไม่ได้อยาก ก็ไม่รู้จะมีทำไม
บางคนไม่ได้จำเป็นต้องมี แต่ก็ขวนขวายมีเพราะความอยาก
แล้วจะไปอยากรู้เรื่องของคนอื่นทำไมเนี่ย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
หลายคนที่คุณว่า ก็เพราะเขาได้ประโยชน์ หรือมองเห็นประโยชน์ที่เขาจะได้จากการเป็นคนสัญชาตินั้น

คนที่ไม่อยากได้ ก็คือ คนที่ไม่มีผลประโยชน์ หรือมองไม่เห็นผลประโยชน์ใดๆ ที่จะได้กับชีวิต เช่น จขกท.และ คห.1 นั่นแล


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
คห 1

โปรดอย่าได้สมมุติ เพราะความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ ที่เป็นไปไม่ได้คือ ท่านจะมีใบเขียวได้จากอะไร ถ้าไม่มีเจตนาและผู้ที่จะยื่นขอให้ท่าน ไม่ใช่อยู่ดีๆไท่นเดินไปแถวสยามสแคว์แล้วสามารถเก็บจากพื้นขึ้นมาได้ ท่านต้องยื่นเจตจำนงค์ในการขอ และก็ขอบอกด้วยว่า ใบเขียวหรือ "กรีนการ์ด" นี้ไม่ใช่ได้กันมาง่ายๆ ต้องผ่านขั้นตอนการยื่น การตรวจสอบมากมาย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเหตุผลที่จะขอ เค้าไม่ให้ค่ะ มันไม่ได้ขอกันง่ายๆเด้อค่ะ การทำเอกสารมีหลายขั้นตอน ยุ่งยากซับซ้อนมากทุกอย่างมีการตรวจสอบและขอสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ เค้าต้องแน่ใจว่าคุณเข้าใจภาษา รู้กฎหมาย ข้อห้าม และดำรงชีวิตอยู่ได้ไม่เป็นภาระของประเทศเขา

ซึ่งแน่นอนคนที่ยอมเดินเรื่องตั้งมากมายนั้นเค้ามีจุดประสงค์ที่จะลงหลักปักฐานที่อเมริกาค่ะ บางคนมีครอบครัวลูกหลานที่นี่ ญาติพี่น้องในเมืองไทยไม่มีแล้ว หรือทำงาน+เสียภาษีมาหลายปีจนมีสวัสดิการเลี้ยงตัวจะให้ไปเริ่มต้นหางานใหม่ที่ไทยทำไม ฯลฯ เหตุผลมากมายค่ะ ถ้าตัดสินใจลงหลักที่เมกาแน่นอนแล้วก็ไม่แปลกที่จะขอเปลี่ยนสัญชาติเพื่อประโยชน์และสิทธิที่รัฐมอบให้พลเมืองของเขา ส่วนคนที่คิดจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายในไทยเค้าก็จะไม่เปลี่ยนสัญชาติ แค่ทำGreen card ให้อยู่และทำงานได้อย่างถูกกฎหมายค่ะ

ไปอยู่บ้านเมืองไหนก็ต้องทำให้ถูกกฎของเค้าอันนี้เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับฝรั่งที่ย้ายมาตั้งรกรากในไทย ก็ต้องทำตามขั้นตอนมากมายเหมือนกันจ้า

แก้ไขคำผิดค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ตอบความคิดเห็นที่ 7

ที่ใช้คำว่าสมมติไปตามคุณสมบัติตัวเอง สำหรับความคิดเห็นที่ 1 ก็คือ
1 การแต่งงาน
2 การลงทุน

ขอบคุณคะ

ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
งานบางอย่างต้องเช็คประวัติและสัญชาติเมกันเท่านั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
มันต้องมีประโยชน์สิค่ะ หลายๆคนถึงอยากได้ อยากถือกัน

สำหรับดิฉันคงไม่มีโอกาสเพราะสามีมิใช่อเมริกัน

แต่ถ้าวันนึงนึกครึ้มอยากเปลี่ยนสัญชาติขึ้นมา (อันนี้ก็ไม่ง่ายค่ะ กฎมากมาย และต้องสอบด้วยค่ะ)

ก็คงเพราะเอื้อเวลาไปเที่ยวหลายๆประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ (ปัจจุบันพำนักอยู่ในเชงเก้นค่ะ)

และเพื่อสิทธิ์ประโยชน์เวลาเกษียณแล้วเท่านั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
คห 9หากเป็นการสมมุติตามที่อ้างว่า 1.การแต่งงาน 2.การลงทุนแล้วไซร้ หากไม่ประสงค์จะได้ใบเขียว ก็ไม่ต้องยื่นขอก็ได้ ไม่ผิดกฏกติกาใดๆ แต่งแล้วก็ไม่ต้องมีใบเขียว ก็กลับไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมของตน การลงทุนก็เช่นกัน ก็ต่อวีซ่าการลงทุนไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่เลิกลงทุนก็กลับภูมิลำเนาเช่นกัน
แต่ไม่ใช่มาพูดว่า "ใบเขียวถ้าตนมีก็ไม่รู้จะไปทำอะไร ฯลฯ" เลยเป็นที่มาของการตอบกลับว่า ใบเขียวไม่ใช่ได้มาง่ายๆ เรื่องสัญชาติก็เช่นกัน คงมีคนหมั่นไส้เลยถามว่า ทำไมถึงอยากได้กันนัก ขนาดยอมเสี่ยงไปรบรอดกลับมาเพื่อให้ได้รับใบเขียว ผู้พูดคงพูดโดยไม่รู้สึกว่า ที่ตั้งเป็นคำถามนั้น คำตอบมันอยู่ในตัวผู้ถามเองอยู่แล้ว นั่นคือ ชื่อ (จขกท) "สักวันต้องเป็นวันของเรา"


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เพื่อการหางานทำ(งานบางอย่างระบุว่าต้องมีสัญชาติอเมริกัน โดยเฉพาะงานที่ต้องมี Security Clearance) และอีกเหตุผลนึงคืออยากมีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ไม่ค่อยเข้าใจความเห็นที่ 4 ประเด็นที่สอง มันเหมือนจับแพะชนแกะ
หลังปฎิวัติ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญและพระมหากษัตริย์ก็ต้องระแหแร่ร่อนกันหลายพระองค์ ถ้าจะเทียบกับความคิดของคุณก็หมายความว่าพวกท่าน "ต้องการอำนาจยอมเสียแม้กระทั่งโอกาสที่จะได้อยู่เสวยสุขในบ้านเกิดของตนเอง" มันแปลกๆมั้ยครับ ลองคิดดู


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
^
^
ไม่เข้าใจประเด็นที่ 2 มันจับแพะชนแกะเกี่ยวไปถึง พระบรมวงศานุวงศ์และพระมหากษัติย์ต้องระแหเร่ร่อนกันหลายพระองค์ยังไง? ตรงไหนที่กล่าวอ้างถึง? อ่านและตีความให้เข้าใจ ที่เปรียบนี่เปรียบกับ จขกท ที่โพสไว้ว่า บางคนถึงกับยอมไปรบเพื่อรอดกลับมาได้กรีนการ์ด ซึ่งก็ได้เปรียบว่าบางคนยอมเสียแม้กระทั่งโอกาสในการเสยสุขในบ้านเกิดตนเอง เพราะอยากได้อำนาจ เกี่ยวตรงไหนกับที่คุณอ้างถึงหลังปฏิวัติฯ รึ?


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
หลายคนอย่างที่คุณว่า อาจมีความประสงค์อย่างนั้น
แต่บางคนอาจมีมุมมองว่า ไร้สาระและน่าขัน ก็มีเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เพราะอาศัยอยู่ที่นี่และคงอยู่ไปอีกนาน ลูกและสามีก็เป็นอเมริกันซิติเซ่นกันหมด

เดือนๆจ่าย social security taxไปไม่น้อย ถ้าเป็นซิติเซ่น ถึงเวลาได้ social security อยู่ที่ไหนในโลกก็ได้ตังค์ค่ะ ถ้ามี green card ต้องอยู่ในอเมริกาเท่านั้น

อีกอย่างเราก็ต้องการมีส่วนในการเลือกผู้นำในประเทศที่เราอาศัยอยู่ค่ะ ไม่เกี่ยวกับการไม่จงรักภักดีต่อประเทศไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ถ้าเช่นนั้นต้องขอโทษคุณ Rapier จริงๆครับที่เข้าใจผิด
นึกว่าคนโยงไปเรื่องการเมือง และไม่ค่อยเห็นใครใช้คำว่าอำนาจในบริบทอื่นนอกจากการเมือง ถึงแม้ว่าว่าอำนาจในความหมายใหม่จะกล่าวว่ามีในทุกความสัมพันธ์แต่ก็ยังไม่ค่อยเห็นใครใช้เท่าไหร่

ที่เข้าใจเช่นนี้เพระาเห็นคนตรรกะป่วยบ่อยๆ ที่ชอบพูดว่าคนนั้นชั่ว คนนี้เลว ทำให้ไม่มีแผ่นดินกลบหน้า ไม่ตายดี ก็เห็นเป็นกันทั้งสองฝ่าย ทั้งเจ้าและสามัญชน มันสรุปเหมารวมอย่างนี้ไม่ถูก

ขอโทษเจ้าของกระทู้และคุณ Rapier อีกครั้งหนึ่งครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
รักเมืองไทยไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ โชคดีที่เกิดบนแผ่นดินไทย ได้รับการอบรม มารยาท และ การกตัญญูกตเวที ต่อพ่อ แม่ เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่า เราต้องเลี้ยงดู แต่ที่อเมริกา ตรงกันข้ามหมดทุกอย่างค่ะ คนแก่ที่นี่น่าสงสารมากๆๆๆ......


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
จริง ๆ การได้สัญชาติเพิ่มอีกจากสัญชาติไทยนั้น ก็ไม่ได้มีผลกับเรื่องความรักที่มีให้กับบ้านเกิดเมืองนอนนะคะ มันก็เป็นเพียงแค่การได้สิทธิ์ในประเทศที่ตัวเองอาศัยอยู่เพิ่มขึ้นแบบเต็มตัว ยิ่งปัจจุบันนี่เรื่องการถือสัญชาติมากกว่าหนึ่งสัญชาติกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ยิ่งคนที่อยู่อเมริกานี่บางคนอาจจะถือมากกว่าสองสัญชาติด้วยซ้ำไปมั๊ง เพราะผู้คนย้ายมาจากประเทศอื่น ๆ หลากหลายประเทศเหลือเกิน คิดว่าคงมาจากทุกมุมโลกน่ะแหละ ส่วนเรื่องความรักความกตัญญูที่มีให้กับพ่อแม่นั้น มันไม่ได้ลดน้อยลงเลยจากการได้สัญชาติเพิ่ม หลาย ๆ คนอาจจะไม่มีโอกาสได้ดูแลพ่อแม่ตรง ๆ แต่ก็ยังรับผิดชอบช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่าย อาจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเอาอะไรประมาณนี้น่ะ

ส่วนที่อเมริกานี่บางคนอาจจะมองว่าทำไมลูกไม่ดูแลพ่อแม่ตอนแก่ แต่จริง ๆ แล้วเพราะเค้ามีหน่วยงานดูแลคนสูงอายุที่พร้อมอยู่แล้ว และส่วนหนึ่งอาจจะเพราะความคิดของพ่อแม่ไม่ได้คิดว่าลูกเป็นหนี้บุญคุณกับพ่อแม่ พ่อแม่เลือกที่จะมีลูกเอง ลูกไม่ได้เลือกที่จะมาเกิดกับพ่อแม่ ลูกจึงไม่ใช่เครื่องมือที่พ่อแม่จะเอามาใช้ในการตอบสนองความต้องการของตัวเอง และส่วนใหญ่พ่อแม่เองน่ะแหละที่เลือกที่จะอยู่แบบเป็นส่วนตัวกันเอง แบบดูแลตัวเองไม่ยอมทำตัวเป็นภาระของลูกน่ะ เพราะพ่อแม่ก็คิดว่าลูกก็ควรจะมีชีวิตของเค้าเอง

ปล. ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ลูกมาดูแลตอนแก่นะ เพราะความตั้งใจที่จะมีลูกนั้นเราพ่อแม่เลือกที่จะมีลูกเองเพื่อเติมเต็มความเป็นครอบครัว จึงไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระของลูกเช่นกัน สิ่งที่คาดหวังคือแค่ขอให้ลูกมีชีวิตที่ดี สามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ไม่ทำตัวเป็นภาระให้กับใครและสังคม มีความสุขกับเส้นทางชีวิตของเค้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ที่อยากได้คือ ใช้เดินทางเข้าแต่ละประเทศสะดวก เพราะไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า ( ยกเว้น จีน ) ( สำหรับเดินทางระยะสั้น ) เหมาะสำหรับคนที่เดินทางออกนอกประเทศบ่อยๆ หรือแม้แต่คนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศเอง ของเราต้องลงทุนย้ายครอบครัวจากญี่ปุ่นมาอยู่ที่นี่ เพื่อจะได้ขอสัญชาติ และเรียนที่นี่ เพราะมันจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ แต่ต้องมาเสียเวลานั่งลุ้นว่า วีซ่าจะผ่านไม่ผ่าน

ส่วนการอยากได้สัญชาติของเมกา ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความพอใจของบุคคลนั้นๆ แค่เปลี่ยนสัญชาติ ใช่ว่าจะไม่รัก และ เคารพบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง โดยส่วนตัวเรา มันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ก็แล้วแต่ว่ามันเป็นประโยชน์มากหรือน้อยในชีวิตแค่นั้นเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
คนไทยหลายคนมักจะคิดเอาเองว่าฝรั่งสูงอายุน่าสงสารเพราะไม่ได้อยู่กับลูกหลาน
โดยการมองจากภายนอก ไม่ได้มาสัมผัสชีวิตและมุมมองของเค้าว่าเป็นอย่างไร

เราเห็นคนแก่หลายคนยังดูแลตัวเองได้ดี ไปไหนมาไหนเอง ออกกำลังกาย
มีกิจกรรมทำ ไม่มานั่งคอยลูกหลานดูแล เค้าอยู่กันเองสองคนมีความสุขดีเพราะเค้าต้องการแบบนั้น

ส่วนเรื่องกรีนการ์ดคนที่เค้าอยากได้เพราะเค้าอยากอยู่ อยากอาศัยที่อเมริกา
เค้าย่อมมีหนทางอยู่รอดของเค้า มันไม่ใช่ธุระอะไรของเราที่จะไปวิพากวิจารณ์
เราไม่ได้ไปรู้ตื้นลึกหนาบางชีวิตเค้า เค้าอยู่เมืองไทยอาจไม่มีความสุข รู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง เหตุผลร้อยแปดที่เราไม่รู้


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
คุณ vanessa-eva คะ ดิฉันเห็นมาหลายกระทู้แล้ว และเคยไปช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องเอาไว้แล้วนะคะ
ว่าการเข้าหลายๆ ประเทศด้วยพาสปอร์ตอเมริกันต้องขอวีซ่าค่ะ เช่นจีน อินเดีย ภูฏาณ เนปาล
เวียตนาม รัสเซีย พม่า อิหร่าน เป็นต้นนะคะ หรือหลายๆ ประเทศต้องไปขอวีซ่าออน อไรวั่ล ที่ ต.ม. ค่ะ
และการขอวีซ่าออน อไรวั่ล หรือการขอวีซ่าล่วงหน้า หรือแม้แต่การที่จะไม่ต้องขอวีซ่า ก็ไม่ได้หมายความ
ว่าถือพาสปอร์ตอเมริกันแล้ว ทาง ต.ม. ของประเทศต่างๆ จะให้เข้าประเทศของเขาโดยอัตโนมัตินะคะ

//ดิฉันเองเดินทางบ่อยมาก เดินทางมาอย่างน้อยๆ เลยก็ยี่สิบปี ดิฉันถือพาสปอร์ตไทยค่ะ
และไม่เคยมีอุปสรรคใดๆ ในการขอวีซ่า หรือการเข้า
ประเทศใดๆ ทั้งสิ้น มีศักดิ์ศรี และสิทธิในการเข้าประเทศต่างๆ เทียบเท่าพาสปอร์ตของหลายๆ ประเทศ
ในโลกนี้ค่ะ

แค่มาเรียนให้คุณทราบนะคะ ไม่ได้มาว่าอะไร และเพื่อที่ท่านอื่นๆ ที่มาอ่านจะได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องค่ะ

//แวะมาอ่าน แต่ขอนุยาดไม่ตอบกระทู้นี้นะคะ และแวะมาเห็นด้วยกับ คห. 5, 6, 22 ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
สำหรับตัวเองไม่เคยอยากได้ เพราะกรีนการ์ดก็หางานได้ ที่จำใจต้องสมัครเพราะมีลูกเล็กๆ และทะเลาะกับสามีเป็นประจำ กลัวกลับไทยแล้วกลับมาหาลูกลำบาก เลยจำใจสมัคร


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ในประเด็นที่ไปรบเพื่อให้ได้สัญชาตินั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนนะคะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ใครบางคนอยากได้สัญชาติอเมริกัน
คนๆนั้นคงต้องมีเหตุผลส่วนตัวของเขา ซึ่งเราไม่สามารถที่จะเข้าไปรับรู้ได้...

ข้อดีและข้อเสียนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสัญชาติอะไร
มันขึ้นอยู่กับชีวิตของแต่ละบุคคลอยากเลือกใช้ชีวิตแบบไหนคะ

ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
เป็นสัญชาติอเมริกันเพราะต้องการเอาน้องๆมา
น้องคนแรกมาประมาณ 35 ปีแล้ว ตอนทำเรื่องรอแค่
ปีเดียว คนที่สองมา 30 ปีแล้ว รอคิวประมาณ 3 ปี

บอกไม่ถูกว่ารักชาติ(อเมริกัน)หรือเปล่า คิดแต่ว่าเป็นที่ๆ
พักอาศัยค่ะ แต่เมื่อดูโอลิมปิก ก็อยากให้พวกนักกีฬาชนะ
ได้เหรียญทอง ตอนเขาขึ้นแท่นรับเหรียญ ก็มีความรู้สึกทีดีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
สำหรับเรามีแต่ประโยชน์ค่ะ สามีเราเดินทางไปหลายประเทศ. หลายครั้งรู้ตัวล่วงหน้าแค่อาทิตย์เดียว บางครั้งคิดว่าจะไป มีตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ก่อนเดินทางไม่นานยกเลิกทริป หรือ
เมีโปรเจคใหม่เข้ามาเปลี่ยนไปอีกประเทศนึงก็เคย เราชอบเดินทางไปเที่ยวตอนที่สามีไปทำงาน ชอบไปเที่ยวคนเดียวดูวิถีชีวิตของคนประเทศนั้นๆช่วงที่สามีประชุม พอสามีเลิกงานก็ไปเที่ยวด้วยกันตอนเย็นหรือวันหยุดหรืออยู่เที่ยวต่อสักสองสามวัน

และประเทศที่ชอบไปส่วนใหญ่ถ้าถือหนังสือเดินทางไทย ต้องขอวีซ่าบางทีมันก็ไม่ทันค่ะ หรือถ้าทริปนั้นยกเลิกก็เท่ากับว่าเราเสียเวลาและเงินค่าขอวีซ่าไปฟรีๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
หลายๆคนที่ดิ้นรน หรือ ปรารถนา ที่จะได้ กรีนการ์ด สัญชาติอเมริกัน
หรือขอแค่ให้ได้ วีซ่า มาเที่ยว มาเรียน เข้ามาในประเทศสหรัฐ ก็พอ

เขาก็มีเหตุผลที่ไม่ได้ซับช้อน อะไรมากมาย ก็เพียงเพราะ ความชอบ ความปรารถนา ส่วนบุคคล
ที่อยากจะมาพักอาศัย มาเที่ยว มาเรียน ที่อเมริกา ก็เท่านั้นเองค่ะ

ถ้า คนไม่อยากมา ไม่อยากมี แล้วจะไปดิ้นรน เสียเวลา เตรียมเอกสาร
เสียเงินค่าธรรมเนียมไปทำไมนะคะ เหตุผล ก็ออกจะชัดเจน ว่า อยากมาอยู่ที่อเมริกา

คงไม่มีใคร ไปเสียเงิน เสียเวลา ทำเรื่องขอวีซ่า ขอกรีนการ์ด ขอสัญชาติ กันเล่นๆ
ชิวๆ ไม่คิดไรมาก แบบไม่ได้แคร์ กับสถานะทางกฏหมาย ในการอาศัยในอเมริกาหรอกค่ะ

ถึงได้สามี ภรรยาเป็นคนอเมริกัน แต่ไม่ได้อยากมาเที่ยว มาอยู่ แต่งก็แต่ง ไป
ไม่ต้องไปขอวีซ่า ขอกรีนการ์ด ให้เสียเงิน เสียเวลาก็ได้หรอกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
เรื่องใบเขียวเอย สัญชาติเมกันเอย รู้สึกจะเป็นที่กล่าวขานกันด้วยความหมั่นไส้กลายๆ ความจริงแล้วคนที่เขาขอใบเขียวหรือได้สัญชาติเมกันก็เป็นเรื่องส่วนตัวเขา ทุกคนก็มีเหตุมีผลของตนเอง ไม่ได้ไปเดือดร้อนรบกวนใคร
ในที่นี้ ก็อยากจะขอถามกลับด้วยความหมั่นไส้เช่นกันว่า แล้วหากท่านได้มีโอกาสได้ใบเขียวและได้สัญชาติเมกันกับเขาบ้าง ท่านจะปฏิเสธหรือไม่? และจะปฏิเสธดังเหตุผลที่ท่านได้อ้างอิงกล่าวไว้ตามนั้นหรือ?


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
คุณ Rapier คะ ถ้าในกรณีหมั่นไส้ไม่ต้องไปถามให้เสียเวลาหรอกค่ะ รู้แล้วว่าจะตอบยังไง

เหตุผลง่ายๆ.. ไม่มีใครยอมเหนื่อยเรื่องที่ไม่มีประโยชน์กับตัวเองอยู่แล้ว

ปล. ฝรั่งสูงอายุที่นี่น่าสงสารยังไง มีสวัสดิ์การหลังเกษียร ที่ลูกหลานไม่ให้เงินเพราะพ่อแม่รวยกว่าอีกนะคะ

คนไทยรักและเลี้ยงดูพ่อแม่ทุกคน แต่ทำไมยังมีขอทานแก่ๆ นอนตามข้างถนนให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ

เฮ้อ.. พูดมากเดี๋ยวโดนด่าว่าไม่รักชาติอีก


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
you wont understand if you are not in the situation you need it. Please do not compare, all Thai prople love Thailand more than every other countries in the world. TRUST ME!


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ง่ายๆ สั้นๆ. ได้สัญชาติอเมริกันแล้วชีวิตมันสะดวกขึ้นครับ


เช่น จะไปเที่ยวยุโรป ก็หาซื้อตั๋วแล้วก็ไปเลย.

หางานก็กว้างกว่า บางงานรับเฉพาะคนอเมริกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
รู้จักคนไทยหลายคนอยู่ที่มาเกือบสามสิบ สี่สิบปีที่แล้ว (สมัยสงครามเวียดฯ) ที่ไม่ขอสัญชาติ ก็ใช้ใบเขียวไปต่อสิบปีต่อครั้ง ทำงานไป ปลดเกษียณแล้วก็มี ก็รับเงินโซเซียลไป ก็เหมือนพลเมืองทั่วไป แต่ที่จะเสียประโยชน์ก็คงจะขอสงเคราะห์ไม่ได้ แต่เขาเหล่านั้นก็รู้ว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะขอได้อยู่แล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
จะขอเพิ่มในข้อที่ยังไม่ได้กล่าวถึงนะค่ะคือ เรื่องการเรียนฟรี ทางรัฐบาลจัดให้เรียนฟรีตั้งแต่ ป1 ถึง ม6 ทั้งหมด 12 ปี นอกจากนั้นแล้วถ้าทางบ้านฐานะยากจนทางโรงเรียนยังมีอาหารฟรีให้อีกคือมื้อเช้าและมื้อกลางวัน มีบริการรถโรงเรียน และหนังสือเรียน
อีกอย่างคือเรื่องประกันสุขภาพ เด็ก(คิดว่าก่อน 18)สามารถมีประกันสุขภาพฟรีสำหรับ citizen แต่สำหรับผู้ถือ green card เค้าเลิกโครงการนั้นไป (แต่ก่อนมี)

พอเข้ามหาวิทยาลัย พวกทุนการศึกษาต่างๆจะให้เฉพาะคนที่เป็น citizen หรือ ผู้ที่ถือ green card โดยคนที่ถือวีซ่านักเรียนจะไม่ค่อยทุนให้(มันก็มีบ้างแต่น้อยมากๆ) แล้วสำหรับมหาวิทยาลัยของรัฐ ค่าเรียนของ citizen หรือผู้ที่ถือ green card จะถูกกว่ามาก (คิดว่ามากกว่าครึ่ง)

สำหรับเราแล้วเราได้ประโยชน์จากการเป็น green card holder และ US citizen มากเพราะฐานะทางบ้านไม่ดี แม่เป็น single mom และเป็น head of household ทำให้ใน tax return มี income น้อยซึ่งมันก็เป้นความจริง เราจึงได้เรียนฟรีตั้งแต่เกรดสิบ(ม สี่) จนจบปริญญาตรี ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเราก็สมัครทุน scholarship และ grant ทุกอันที่เราสมัครได้และมันทำให้เงินเหล่านั้นมาจ่ายเป็นค่าศึกษา(tuition) ค่าหนังสือ มิหนำซ้ำเงินที่ได้มันมากกว่าค่าเรียนทางมหาวิทยาลัยจึงเขียนเช็คยอดต่างมาให้อีก ซึ่งถือว่าเราโชคดีมากที่สามารถเอาเวลามาตั้งใจเรียนโดยที่ไม่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยลำบากเหมือนคนอื่นๆที่ทำกัน(ทั้งคนไทยและคนอเมริกันเหมือนกัน)เราไม่ได้ขอเงินแม่ตั้งแต่อายุ 16 จนถึงทุกวันนี้เพราะช่วงตอนโฮสกูลเราก็ทำงานพาร์ทไทมนิดๆหน่อยๆ ซึ่งเราคิดว่าถ้าเราอยู่เมืองไทยเราคงต้องขอเงินแม่ไปจนจบ ป ตรีเพราะงานที่เมืองไทยหายากและเงินก็น้อยคงไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละวัน

สรุปคือ ณ ประเทศอเมริกามันมีโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การลงทุน การศึกษา แต่โอกาสนั้นก็ค่อนข้างที่จะเปิดเฉพาะสำหรับคนที่เค้าอนุญาตเท่านั้น เรามองว่าการที่คนไทย หรือชาติอื่นเช่นเม็กซิโก เวียดนาม อินเดีย ที่เค้าอยากได้ก็เพราะโอกาสพวกนี้ซึ่งในประเทศของเค้าเองมันน้อยหรือไม่มี แต่มันก็ไม่ได้เป็นการดูถูกประเทศตัวเองแต่อย่างใด เท่าที่เราสัมผัสพวกคนที่เค้ามาจากประเทศอื่นแล้วมาทำงานที่เมกา เค้าก็อยากมาทำงานๆๆทำเงินแล้วกลับไปปลดเกษียณที่บ้านเกิดกันทั้งนั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 34