[CR] - ลากกระเป๋าไป Penang ตามดูวัฒธรรมของชาวมาเลย์

สวัสดีค่ะเพื่อนชาว BP วันนี้หลอกตัวเองว่าว่างเพื่อจะมารีวิวประสบการณ์ไปเที่ยวปีนังมาแบ่งปันกันหลังจากดองมาได้ครบ 1 อาทิตย์แล้ว -.,-"

ทริปนี้เป็นการไปปีนังและมาเลเซียเป็นครั้งแรกของเราค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีการเตรียมแผนการเที่ยวไว้มากนัก ดูเพียงคร่าวๆ hi-light ของปีนังนั้นต้องไปที่ไหนบ้าง

ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนชาวมาเลย์ที่ช่วยแนะนำสถานที่แที่ยว อาหารที่ต้องลอง รวมทั้ง brochure ต่างๆ มาให้ค่ะ และ review ของชาว BP ด้วยค่ะ

พอดีว่าเรามีไปงานแต่งงานที่หาดใหญ่แล้วเสร็จงานเรียบร้อยก็แพลนมาเที่ยวที่ปีนังต่อ ดังนั้น จุดเริ่มต้นการเดินทางของเราจะอยู่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เดินทางด้วยรถตู้

เพื่อที่จะไปที่เกาะปีนัง เราใช้บริการรถตู้ของ KST ซึ่งก็ได้จากรีวิวของเพื่อนที่ห้องนี้เลยค่า

เมื่อไปที่ KST แล้วก็จ่ายเงินค่ารถตู้, แจ้งสถานที่พัก ตรวจสอบที่รับและส่งที่ปีนัง, กรอกใบ immigration, แลกเงินริงกิต ก็เตรียมรอออกเดินทางตอน 09:30am กันเลยยยย,,

ความคิดเห็นที่ 1
ในระหว่างการเดินทางเราจะต้องลงผ่านที่ตม. ตรงชายแดนก่อนที่ด่านสะเดา เพื่อประทับตราขาออกประเทศ และลงจากรถอีกครั้งที่ด่านขาเข้าของมาเลเซีย ณ ที่ด่านนี้

เราต้องแบกสัมภาระทั้งหมดลงด้วยเพื่อทำการ scan กระเป๋าก่อนเข้าประเทศค่ะ เปรียบเทียบสภาพของด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทยและมาเลเซียนี้ ของบ้านเค้าดูดีกว่าเยอะเลยอะ

จากนั้นเราก็นั่งรถวิ่งยาวไปจากเมือง Butterworth สู่เกาะปีนัง โดยจะวิ่งผ่านสะพานข้ามเกาะ ระหว่างวิ่งบนสะพานเราก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเล และท่าเรือที่ปีนังด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
นี่เป็นภาพในเมืองจอร์จทาวน์ค่ะ การจราจรรที่นี่จะเป็นถนน one-way รถค่อนข้างเยอะนะคะ เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ซะส่วนใหญ่


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
และแล้วก็มาถึงโรงแรมที่เราเข้าพักค่ะ เราพักกันที่โรงแรม Sentral Georgetown อยู่เส้นถนน Lorong Kinta ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Komtar มากนัก แถมฝั่งตรงแยกปากซอย

เส้นถนน Jalan Macalister จะมีตลาดกลางคืนเล็กๆ อยู่ อาหารอร่อยมากค่ะ แล้วก็ยังมีร้านขายบักกุเต๋ชื่อว่า Yi Xiang ร้านนี้ก็อร่อยมากๆ เช่นกันค่า ฮี่ๆ บรรยากาศห้องพักค่ะ....


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
สะพานปีนัง 2 สร้างเกือบเสร็จแล้ว ปีหน้าเริ่มเปิดใช้งาน ห่างจากสะพานปีนัง 1 ไปหลายกิโลเหมือนกันครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
Plan เที่ยวของเราวันแรกถึงจอร์จทาวน์ตอนบ่ายๆ ก็เดินเที่ยวและหาของกิน buffer zone ส่วนวันที่สองไป Penang Hill, Kek Lok Si Temple แล้วกลับมาเดินเล่นที่ Georgetown ค่ะ
แผนที่ที่ตั้งโรงแรมค่ะ....


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
@marathonman ตอนไปก็เห็นกำลังสร้างอยู่เลยค่ะ สภาพก็ใกล้เชื่อมต่อกันแล้วอีกนิดเดียวเองค่ะ ^_^

check-in เรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหาอะไรทานกันที่โซนตึก Komtar ที่ตึก 1st Avenue Mall พร้อมกับซื้อปลั๊กไฟที่ใช้ที่มาเลเซีย
ถ้าใครลืมเอามา ก็หาซื้อที่ Komtar ได้นะคะ เราซื้อมา 19.90 RM ซึ่งมีหลายหัว ใช้กับที่ญี่ปุ่นได้ด้วยรวมกันในอันเดียว แต่ลืมถ่ายรูปมาไว้ให้ดูอ่าค่า >< เราแนบรูปปลั๊กไฟของมาเลเซียมาให้ด้วย
credit: เวปพันทิพย์ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ลืมรูปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
จากนั้นก็เดินหาอะไรทานแถวโซนตึก Komtar จนสุดท้ายก็ต้องเดินกลับมา ณ ตึกเดิม (1st Avenue Mall) ที่เรามาซื้อปลั๊กไฟเลยค่า จบที่ Subway ให้ผักน้อยไปนิดนะคะ สู้ที่พารากอนมิได้เลย แห่ะๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
จากนั้นเราก็เดินทะลุจาก Komtar ไปสู่ถนน JLN. DR. LIM CHWEE LEONG เพื่อที่จะไปเดินเล่นใน Buffer Zone เริ่มกันที่ Campbell Strell (หมายเลข 29)
นี่เป็นแผนที่เส้นทางการเดินทางใน buffer zone ของเราค่ะ ตอนที่เราเดินจริงๆ ก็ไม่ได้มีแผนตายตัวอะไร ก็เดินเรื่อยเปื่อยดูแผนที่ไปเรื่อยค่ะว่าจะไปแต่ละที่นั้นยังไง

การเดินเที่ยวในเมืองจอร์จทาวน์สำหรับเรานั้นไม่ยากนะคะ เพราะว่าเดินเชื่อมกันได้ ทะลุกันได้หมดอ่ะค่ะ ถึงแม้จะเดินหลงไปบ้างก็ถือว่าสนุกไปอีกแบบนะคะ ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
Campbell Street ถูกสร้างในปี 1900 และเป็นถนนที่โด่งดังในเรื่องร้านยาแบบโบราณของจีน ร้านขายของต่างๆ ทั้งแบบจีนและอินเดีย


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ระหว่างการเดินเที่ยวเมืองจอร์จทาวน์ไปเรื่อยๆ ก็เจอเจ้าเสานี้เต็มถนน เราเคยดูในทีวีมาแต่ก็จำไม่ได้ว่า เจ้าเสานี้จริงๆ แล้วเรียกว่าอะไร มีไว้ทำอะไร และมีการใช้งานยังไง เพื่อนๆ คนไหนทราบช่วยบอกทีนะคะ ,, ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
จากนั้นเราก็เดินตามเส้น Jalan Penang แล้วเลี้ยวเข้าเส้น Lebuh Chulia เพื่อไปยังมัสยิด Benggali (หมายเลข 27) และวัด Hainan (หมายเลข 28) แล้วก็จะเดินทะลุไปถึงแมนชั่นโบราณชื่อ Cheong Fatt TZE Mansion สังเกตุไม่ยากค่ะเป็นบ้านตึกสีม่วงๆ น้ำเงินๆ หน่อย

มัสยิด Benggali ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1803 เรายืนถ่ายรูปจากข้างนอกค่ะ ไม่กล้าเข้าไป,,


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
วัด Hainan หลังจากเดินผ่านมัสยิส Benggali แล้วเดินตรงไปเจอทางแยก ก็ให้ไปทางขวามือวัดจะตั้งอยู่บนถนน LBH.MUNTRI ด้านขวามือค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1866 เพื่อบูชาเทพเจ้า Mar Chor และอาคารหลังนี้สร้างขึ้นในปี 1895, การบูรณะในปี 1995 เวลาเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 8am - 8pm
ปล. อย่าลืมตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดก่อนไปเยี่ยมชมด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
จากนั้นเราก็เดินไปต่อไปยัง Cheong Fatt TZE Mansion เป็นสถานที่สำคัญที่หนึ่งที่ใช้ในการถ่ายทำรายการทีวีและละครซีรี่ส์ต่างๆ เปิดทำการทุกวันเวลา 11am-3pm
เสียค่าเข้าด้วยนะคะ หรือจะให้มีไกด์นำเที่ยวก็มีค่ะ ตอนเราไปถึงก็เลยเวลาทำการไปแล้ว จึงเดินดูรอบๆ รั้วแล้วก็เดินกลับค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เราก็เดินกลับมาหาร้านทานอิสลามกันบ้างดีกว่า เราแวะทาน Roti Canai ที่ร้าน Sub Hameed อยู่ริมถนนเส้น Jalan Penang เลยค่ะ หน้าตาของ Roti Canai เป็นแบบนี้เลยค่ะ ทานแล้วอร่อยดีค่ะ (จำราคาไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แห่ะๆ) แต่ถ้าหากให้อยู่ที่มาเลเซียนานๆ คงมีหวังจะอ้วนได้เลยนะคะ ถ้าไม่ออกกำลังกายด้วย เพราะอาหารส่วนใหญ่เป็นแป้งทั้งนั้นเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อาหารที่แนะนำของที่มาเลเซียก็จะมีเจ้าห่อข้าวอันนี้ด้วยค่ะ เป็นข้าวห่อที่มีไก่แล้วก็ใส่เครื่องเทศ แกะออกมาแล้วดูน่าทานมากๆ แต่ว่าเราไม่ได้ลองทานค่ะ เพราะเก็บท้องไว้กินหลายอย่างตอนมื้อเย็นกัน ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ตกเย็นท้องก็หิวเราก็ออกมาหาอะไรทานที่ night bazar แนะนำให้ทานหมูสะเต๊ะเลยค่ะ อร่อยมากๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ฮกเกี้ยนหมี่ อันนี้เราคลุกไปแล้ว อร่อยเหมือนกันค่าา


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ขนมหวาน Candol เหมือนน้ำแข็งใสบ้านเราเลยค่ะ จะใส่ถั่วแดงบด ลอดช่อง กะทิ แล้วก็น้ำหวานรสชาติแปลกๆ หน่อย แต่ก็อร่อยมากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
วันที่สอง ตื่นมาก็เตรียมไป Penang Hill กัน กว่าจะได้ออกก็เกือบสิบโมงค่ะ ><"
ออกจากโรงแรมเดินตรงไปยังตึก Komtar เพื่อไปขึ้นรถเมล์สาย 204 เพื่อไปลงที่ Penang Hill ที่สถานี "Buki Bendera" ค่ะ
ที่ Komtar จะเป็น Bus Terminal สามารถมาขึ้นรถเมล์เพื่อไปยังจุดต่างๆ ได้ที่นี่นะคะ จากนั้นก็นั่งรอที่ชานชลาที่ 2 ค่ะเพื่อรอรถเมล์มา ราคาก็คนละ 2RM
ย้ำ!! กรุณาเตรียมเงินไปพอดีเพื่อขึ้นรถเมล์นะคะ เพราะว่ากระเป๋าไม่ทอนตังค์ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
แล้วก็มาถึงที่ Penang Hill ต่อคิวเพื่อซื้อตั๋วกันเลยค่ะ คนละ 30RM สภาพรถ tram ดูดีมากเลยค่ะ อุ่นใจไว้ใจกันได้ ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็ถึงด้านบนแล้ว ก็ยืนเลือกที่นั่งกันตามอัศยาศรัย เมื่อถึงด้านบนก็เดินชมวิวกันได้เลยค่ะ ด้านบนก็จะมีทั้งวัด มัสยิด พิพิธภัณฑ์นกฮูก (ค่าเข้าคนละ 10RM) ค่ะ เราก็เดินเล่น เดินถ่ายรูปจนกว่าจะพอใจ แล้วถึงลงจากเขาเพื่อไปวัด Kek Lok Si กันต่อ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ภาพมุมกว้างมองมาที่เมืองปีนังค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
เอารูปที่เราเพ้นท์ Mehndi มาฝากด้วยค่ะ เราทำในราคา 15RM ทำไวมากๆ 1 นาทีก็เสร็จและ แต่ว่าอยู่ติดแค่ 3-4 วันเองค่ะ จากที่บอกว่า 2 อาทิตย์ T-T


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
หลังจากลงมาจากเขาแล้วก็มารอรถเมล์ 204 ที่หน้า Penang Hill ค่ะ เพื่อที่จะลงไปวัด Kek Lok Si รอนานมากค่ะกว่ารถจะมา ถ้าเดินไปเองก็คงถึงแล้ว พอเดินไปได้ไม่ไกลมากค่ะ จุดที่เราลงจะเป็นตลาด แล้วเดินต่อเข้าไปอีกหน่อยเพื่อเดินขึ้นไปวัดค่ะ วันที่ไปก็ค่อนข้างร้อนค่ะ จากที่ทางเดินไปวัดก็ร้อนอยู่แล้ว ยังต้องเดินขึ้้นเข้าอีกร้อนมากกันไปเลย เหงื่อซกไปตามๆ กันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
อีกรูปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
แล้วก็มาไหว้เทพเจ้าพร้อมกับทำบุญค่ะ 1 Ribbon = 1RM ค่ะ เลือกริ้บบินตามพรที่ปรารถนาแล้วก็เขียนชื่อเราจากนั้นก็เอาไปแขวนไว้ที่ต้นไม้เลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
จากนั้นก็ขึ้นกระเช้าไป-กลับเพื่อไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม คนละ 4RM ถ้าหากอยากเดินเองก็ได้นะคะเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร (อย่าลืมนะคะว่าเป็นทางขึ้นเขา อิอิ)


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมค่ะ ใหญ่โต สวยงามมากค่ะ ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
หลังจากเดินเที่ยวชมวัดกันเรียบร้อยแล้วก็เดินลงเขามาแล้วออกมาที่ถนนด้านนอก ณ จุดที่เราลงจากรถเมล์ที่มาจาก Penang Hill เลยคะ ก็ขึ้นสาย 204 กลับไปลงที่ Komtar เหมือนเดิม คนละ 1.4RM ค่ะ

พอถึง Komtar แล้วก็เปลี่ยนรถเมล์ขึ้นสาย 101 เพื่อจะไปวัดไทยและวัดพม่าค่ะ ตอนเราขึ้นรถก็บอกคนขับรถไปแล้วว่า จะไปวัดชัยมังคลาราม เป็นวัดไทยในปีนัง แล้วก็จะมีวัดพม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเลยค่ะ ตั้งอยู่เส้นถนน Jalan Burmah เราก็เอารูปเปิดให้ดู ทั้งจิ้มรูป ทั้งปากบอก คนขับก็โอเคๆ เราก็จ่ายไปคน 1.4RM นั่งเรียบร้อย

ปรากฏว่า พอนั่งรถออกจาก Komtar ได้สักพักคนขับรถก็บอกให้เราลงพร้อมพยักหน้าบอก นี่แหล่ะๆ เราก็เดินลงมาด้วยความงุนงงเล็กน้อยเพราะว่า ถึงแล้วหรอ? ไวมาก ก็มองรอบตัว ก็ไม่เห็นมีวัดไทย วัดพม่าเลย ก็เลยเดินไปถามคุณป้าตรงที่ลงรถเมล์พอดี จากนั้นเค้าก็บอกทางเราว่าต้องไปยังไง แล้วเค้าก็ย้ำเราว่า วัดจะปิดแล้วนะต้องรีบไปแล้วหล่ะ

ตอนนั้นก็จะห้าโมงเย็นแล้ว เราก็ต้องรีบเดินจ้ำๆ แต่เดินยังไงก็ยังไม่เจอทางตามที่ป้าบอก จนต้องถามทางอีกครั้ง สาวเจ้าก็บอกเราอีกว่า ไกลนะจะเดินไปหรอ แต่เราก็ไม่มีทางเลือกเพราะว่าเดินมาถึงขนาดนี้แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไกลอีกขนาดไหน จนเดินหลงไปในโซนย่านคนมีฐานะหน่อย
เราก็ตั้งหน้าเดินไป คุยไปเรื่อยๆ จนเดินผ่านหน้าตึก Gurney Plaza เราเริ่มรู้สึกว่า น่าจะหลงมากกว่าเดิมแล้วหรือป่าว จนต้องแวะถามทางอีกครั้งค่ะ จากนั้นก็ตั้งหน้าเดินต่อไป ในที่สุดเราก็เจอวัดไทย แทบอยากจะกรี๊ดมากค่ะ

ในที่สุดก็เจอแถมวัดก็กำลังจะปิดแล้วอีกด้วย เลยต้องรีบเข้าไปถ่ายรูป แล้วก็ไปไหว้พระนอนค่ะ
พระนอนองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 นำมาถวายที่วัดนี้ค่ะ ช่างโชคดีจริงๆ ค่ะที่มาทันได้ไหว้ ได้ชมก่อนวัดจะปิดพอดี ดีใจจริงๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
อีกรูปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
จากนั้นก็มาเดินชมที่วัดพม่าค่ะ พระพุทธรูปสวยงามไม่แพ้กันค่ะ แล้วแบตกล้องเราก็หมดที่วัดพม่านี้พอดี เง่อออ,,


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
และแล้วฝนก็ตกค่่ะ เราเลยรอให้ฝนเบาลงกว่านี้ก่อนแล้วค่อยหาทางขึ้นรถกลับไปที่ Komtar ก็เลยเดินออกมาเดินกลับอีกทางเพื่อขึ้นรถเมล์กลับค่ะ ก็ถามทางกลับเหมือนเดิม ปรากฏว่า เจอรถเมล์สาย 101 วิ่งกลับมา ด้วยความแค้นเราทราบว่า คันนี้กลับไปที่ Komtar เหมือนกันเลยรีบกระโดดขึ้นรถกันเลยค่ะ,,

ระหว่างนั่งรถกลับไปก็มองวิวทิวทัศน์ไปบ่นไปกับรถเมล์สาย 101 นี้ว่า ทิ้งเราที่ต้นทางนี่หน่าทั้งๆ ที่ถ้านั่งต่อมาเรื่อยๆ มันก็จอดตรงทางแยกที่เราขึ้นรถเมล์กลับจากวัดไทยเลยนี่ แค้นมากก หลอกให้เดินอ้อมเป็นเวลานาน
อีกทั้งมารู้ตัวว่า จ่ายค่ารถเมล์เกินไป 1RM แค้นหนักเข้าไปอีก เพราะว่าเจอรถเมล์สายนี้กินตังเรียบค่าาา ทั้งขาไปและขากลับ T-T

ขากลับก็นั่งรถไปฝนก็ตกไป ก็แอบเสียดายที่ตั้งใจว่าจะไปเดินดูสถานที่ต่างๆ ในจอร์จทาวน์ต่อ สุดท้ายก็ตัดสินใจลงจากรถค่ะแล้วก็เดินเที่ยวตากฝนไปเรื่อยๆ จนฝนหยุด เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำกันไปเลยตอนเดินกลับก็ผ่านจุดไหนก็เอามือถือถ่ายมาเก็บไว้

เราก็เดินกลับตามถนน JLN. Mas Jid Kapitan Keling เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Lebuh Farquhar เพื่อเข้าตามเส้น Jalan Penang เดินกลับเข้าสู่ Komtar แล้วไปที่พักค่ะ เป็นการเดินทางกลับที่สนุกไปอีกแบบค่ะ เดินตากฝนไปดูสถานที่ท่องเที่ยวไป (ชะโงกทัวร์เอานะคะ ฮาๆ) ถ่ายรูปไป ฝนก็ตกไป เดินเปียกมะหล่อกกลับกัน

ST. GEORGE’S CHURCH ค่ะ ถูกสร้างในระหว่างปี 1817 และ 1818 โดยเชื่อกันว่า เป็นโบสถ์คริสต์ของชาวอังกฤษที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
PENANG STATE MUSEUM


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
CATHEDRAL OF THE ASSUMPTION ถูกก่อตั้งโดยบาทหลวง Garmault. ค่ะ ตอนเดินผ่านกำลังร้องเพลงในโบสถ์กันอย่างไพเราะทีเดียวค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
จากนี้เราก็เดินดุ่ยๆ กลับตามเส้น Jalan Penang แล้วทานข้าวเย็นแถวที่โรงแรมค่ะ เย็นนี้จัดเต็มไปเลยค่า buk kut teh ที่ Yi Xiang ที่ปากซอยกันเลยค่ะ ขอบอกว่า อร่อยมากๆ ค่ะร้านนี้ เนื้อนุ่ม ละลายในปากได้เลยค่า ถ้าเพื่อนๆ คนไหนผ่านมาก็ลองแวะทานดูได้นะคะ ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
พอรุ่งเช้าวันถัดมาก็นั่งรถตู้กลับหาดใหญ่ เพื่อนั่งเครื่องบินกลับกทม. กันเลยค่ะ ถ้าใครนั่งรถตู้เพื่อกลับด้วยการเดินทางแบบอื่นต่อก็อย่าลืมคำนวณเรื่องเวลาให้ดีๆ นะคะ เผื่อไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ จะได้ไม่รีบและลนค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามการเดินทางของเรานะคะ หวังว่า เพื่อนๆ BP จะเพลินเพลินกับการเดินทางของเรา และข้อมูลที่เรานำมา share ก็เป็นประโยชน์ของท่านอื่นๆ ด้วยเช่นกันนะคะ โอกาสหน้าถ้าได้ไปที่ไหนอีกจะนำประสบการณ์ดีๆ มาแบ่งปันกับทุกท่านเหมือนกับที่ท่านๆ แบ่งปันมาให้กับเราเช่นกันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
เยี่ยมไปเลย คะมะ ให้ผ่านครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
อยากไปปีนังเหมือนกันครับ กำลังจัดแผนอยู่พอดี ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
ตามมาเที่ยวด้วยคน ปีหน้าจะตามรอยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
ขอบคุณค่าคุณ @คะมะ , @chiji09, @Acacia ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
ขอบคุณค่า อยากไปเที่ยวบ้างจัง


ตอบกลับความเห็นที่ 42