รู้สึกอย่างไรกับคำว่า I very disappointed ที่พูดกับเราถึง 3 ครั้ง

ทำงานที่อเมริกา มาได้ 2 ปี ก็เลยอยากเปลี่ยนงาน ลองสมัครงานใหม่ พอตกลงรับงาน

ก็เลยต้องบอกกล่าวหัวหน้า ว่าจะลาออกอีก 2 อาทิตย์ ตามกฏ
ถึงเวลาเข้าไปบอกหัวหน้า เค้าก็แสดงสีหน้าตกใจ และก็เศร้า และก็ถามว่าจะทำอย่างไร

ได้บ้างถึงจะทำให้เปลี่ยใจอยู่ต่อ เราก็เลยบอกว่า ที่ใหม่เงินเดือนค่อนข้างดี เธอก็พูดว่า

I very disappointed เราก็เฉย ๆ ก็บอกขอบคุณ อะไรไปเรื่อย หัวหน้าเธอก็พูดขึ้นอีก

สรุปรวมได้ถึง สามครั้ง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ การที่เค้าพูดถึง สามครั้งนี้

มันหมายความว่าอย่างไรแน่ ตามความเห็นของสามี เธอว่า
เจ้านาย ท่าทางจะไม่ชอบใจที่เราออก แต่ก็แสดงความใจแคบออกมา (Seffish)

มากเกินไป เพราะคนเราต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง
สามารถจะลาออกได้ ไปทำงานใหม่ได้ ที่ว่ามาทั้งหมด ก็แค่อยากระบาย

ท่านอื่นมีความคิดเห็นกับคำนี้อย่างไร I very disappointed.

ความคิดเห็นที่ 1
ถ้ามองในแง่ดีก็คือ เค้าคงเสียใจที่ จขกท ลาออกไปมั้งครับ

เพราะถ้าเค้าไม่อยากให้ จขกท อยู่ทำงานต่อเค้าคงไม่พูดแบบนี้ครับ

ถ้ามองในแง่ร้ายก็คือ เค้าผิดหวังที่ จขกท ลาออกเพราะอีกที่ให้เงินมากกว่า

แต่สำหรับผมแล้ว ทำตามที่ใจอยากดีกว่าครับ เรื่องเงินก็เป็นเรื่องที่จำเป็นด้วยนะผมว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
จริง ๆ แล้วเราก็พูดเหตุผลหลายอย่างค่ะ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงินเดือน

และก็พยายามพูด ในสิ่งที่ เค้าให้โอกาสเรา เป็นประสบการณ์ที่ดี
แต่การที่เธอพูดมา เราว่าคนที่เป็นหัวหน้า ควรจะมีคำพูดที่ดูดีกว่านี้

ตลอดระยะเวลาการทำงานสองปี เธอก็ดูรักใครเราดี
ก็เลยรู้สึกน้อยใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เธอไป disappointed อะไรเจ้าของกระทู้เหรอคะ

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
คิดว่าอธิบายเหตุในการลาออกดีแล้ว
ตัดสินใจจะไปจริงๆ แล้ว ก็ไม่เห็นต้องกังวลอะไรนี่


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
บางทีคำพูดนี้อาจจะลึกซึ้งมาก คือ ถ้าพูดถึงสามครั้ง
(ไม่ทราบเบื้องหลังของลักษณะเจ้านายคุณนะคะ)
แต่เดาว่า คงจะเป็นคนที่ sentimental หรือเปล่า
โดยเฉพาะถ้าเป็นงานแรกของคุณในอเมริกา
และเขาเป็นคนหยิบยื่นโอกาสให้คุณ
โดยหวังที่จะปั้นดินให้เป็นดาว
หรือคิดว่าให้โอกาสแรกกับคนต่างชาติ ดีกว่าให้งานแก่คนชาติเดียวกัน
แล้วคิดหวังว่าคนต่างชาติ จะมีคุณลักษณะที่รู้คุณคนมากกว่า
อันนี้ดิฉันเดาเอาล้วน ๆ จาก คำพูดที่เขาผิดหวังมาก
จากคำตอบว่าเป็นเรื่องของผลตอบแทน ล้วน ๆ
ซึ่งแสดงว่า เราพร้อมที่จะไปบริการงานที่ไหนก็ได้ ถ้าที่นั้น
ให้ค่าจ้างสูงกว่า โดยไม่ได้พิจารณาเรื่องอื่น ๆ
และสำหรับคนที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะเคยมองคุณในลักษณะคุณสมบัติอื่น ๆ
ก็จะคิดไม่ถึง จึงอุทานคำผิดหวังนี้ออกมาหลาย ๆ ครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เขาพยายามจะทำให้คุณรู้สึกผิดที่ลาออก
คาดว่าจะพูดแบบนี้กับทุกคนแหละค่ะ
จะออกก็ออกไป ไม่ต้องกังวล
ยังไงมันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
อย่าไปเศร้าตามนายจ้าง ที่อเมริกา (หรือแม้แต่ญี่ปุ่นในปัจจุบัน) ได้งานใหม่ที่ดีกว่าเขาก็ไปกันทั้งนั้น ลูกชายผมหางานไว้ก่อนแล้วเข้าไปต่อรองกับนายจ้างขอเงินเดือนขึ้น คือถ้าไม่ได้ก็ไม่ตกงาน
คำพูดแบบนั้นไม่มีความหมายอะไรจริงจัง


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คิดเช่นเดียวกันกับคุณ Febie คคห #6

คุณเห็นมีโอกาสใหม่ที่ดีกว่า คุณก็ไป อันนี้ไม่แต่คุณ ใครๆเขาก็ทำกัน อย่าไปสนใจปากฝรั่ง move on ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ต้องขอบคุณหลากหลายความคิดที่ เสนอ และแนะนำมาค่ะ
จะต้องบอกว่า สาวไทย ทำงานถวายชีวิต Do my best

ตามสไตร์คนไทย ที่ไม่เคยอู่งาน และ น้ำใจงาม ที่มีในนิสัยคนไทย
ทุกคน ดิฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยที่ทำงาน และใช้ชีวิตในต่างแดน ต้องเป็นที่
ชื่นชมและชื่นชอบ ของคนในสังคมแน่แน่ค่ะ

ครั้งนี้เป็นการก้าวหน้าไปหาสิ่งที่ดีกว่า ดิฉันเชื่อเช่นนั้น (งานที่ทำอยู่ไม่ใช่งานแรกที่อเมริกาค่ะ)

แต่ที่ทำงานให้ประสบการณ์การทำงานที่ดี และภาษาที่ดีขึ้น การเข้าสังคม
ในใจแล้ว เราเคารพและจริงใจต่องานและหัวหน้าเป็นที่สุด

คงต้องปลง กับคำพูด เพราะ ทำงานที่นี้อีกไม่กี่วัน และได้เรียนรู้ว่าการใช้คำพูดนั้น
ควรนึกถึงความรู้สึกคู่สนทนาด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
คงเป็นการเน้นว่าเขาผิดหวังในตัวคุณมากที่คุณออกแค่เพราะงานใหม่ได้เงินมากกว่า สังเกตุจากที่เขาถาม
ว่า What can we do to make you change your mind ? แต่พอเป็นเรื่องเงินก็เลยกล่าวคำนั้นออกมา
หรืออาจจะเพราะว่าไม่มี room ที่จะต่อรองเรื่องเงินเดือนได้

จขกท คงน้อยใจเพราะคาดว่าจะมีการต่อรองและขึ้นเงินให้ แต่ไม่ออกมาอย่างนั้น ถึงตอนนี้คงต้องเดิน
หน้าอย่างเดียวแล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ผมงงอะ เค้าน่าจะพูดว่า I am very disappointed มากกว่ามั้ง
เพราะ I very disappointed & I am very disappointed ความหมายมั้งต่างกันเยอะเลยนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ขอบคุณคุณ Techie จริง ๆ ก็อาจจะใช่อย่างที่คุณว่า เพราะตัวเราเองบอกเหตุผลเรื่อง
เงินเป็นเหตุผลแรก แต่ในใจจริง ๆ ไม่ใช่ พอเริ่มพูดไปเรื่อยเธอก็คงยึดกับคำพูดแรกค่ะ

เราเพียงแค่น้อยใจในคำพูดที่เธอพูดออกมา ที่ควรจะมีให้มากกว่าคำว่า I very disappointed ค่ะคุณ seabreeze_psu ไม่ได้หวังว่าจะให้เธอขึ้นเงินเดือนให้เลย เพราะได้ตัดสินใจแล้วค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เราว่าสามีคุณคิดถูกค่ะ
การเปลี่ยนงานเป็นเรื่องธรรมดามาก นายจ้างก็ต้องเข้าใจว่าลูกน้องมีข้อเสนอมายื่นให้ที่ดีกว่า เค้าก็ต้องไป พอถึงเวลานั้นนางจ้างก็ต้องเลือกระหว่างปล่อยให้เค้าไป หรือจะขึ้นเงินเดือนหรือเลื่อนขั้น
ในมุมมองของเรา มันเหมือนเวลาซื้อของแล้วร้าน price match ราคาให้ สมมตเวลาเราไปซื้อของที่ Staples แล้วเราเอาใบปลิวของ office max มาโชว์แล้วบอกว่าที่ office max เค้าขางของชิ้นนี้ถูกกว่าเราต้องการราคานี้ ทาง staples เค้าก็จะลดราคาให้เท่ากัน

เราคิดว่านายจ้างคุณทำอะไรไม่ได้ ขึ้นเงินเดือนให้คุณไม่ได้ เลือนขั้นไม่ได้ ก็มีแต่จะต้องปล่อยคุณไป แต่คุณเป็นลูกจ้างที่ดีมาก เค้าไม่อยากให้คุณไป เค้าก็เลยเล่นเกมส์ ใช้จิตวิทยาพูดให้คุณรู้สึกไม่ดีเพื่อให้คุณไม่ไป

เราเคยคุยกับเพื่อนอเมริกันเรื่องเงินเดือน มีน้อยมากที่อยู่ๆเค้าจะขึ้นเงินเดือนให้(ถึงแม้ว่าเราจะทำงานดีมากๆ มากกว่าคนอื่น) นอกเสียจากว่า 1 ตำแหน่งที่สูงกกว่าว่างแล้วเค้าก็หาคนภายในเลือนขั้นขึ้นมา 2เราไปสอบหรือได้วุฒิบัตรอะไรเพิ่มบารมี (บางคนเรียนโทไปด้วยเพื่อเพิ่มเงินเดือน) 3 สมัครเข้าบริษัทอื่น อย่างที่บอกว่าบริษัทเก่าของเราสามารถขึ้นเงินเดือนให้เราเพื่อไม่ให้เราลาออก และมีข้ออื่นๆเล็กๆที่เราจำไม่ได้

เพื่อนเราก็เคยที่จะออกไปทำที่อื่น แล้วบริษัทเก่าก็ขึ้นเงินเดือนให้ ทำให้เรามาคิดเล่นๆว่า มันน่าจะขึ้นให้ตั้งนานแล้ว ต้องให้ถามหรือเข้าไปต่อรอง รู้งี้ทำไปนานแล้ว

อีกอย่างคือเราว่าน่าจะเป็นเหตุที่เค้าไม่รู้กันว่าใครได้เงินเท่าไหร่ เรื่องเงินเดือนเค้าจะไม่บอกกัน (ไม่แน่ใจว่าเป็นกฏของบริษัทหรือเปล่า) เพราะไม่งั้นคนที่ได้เงินเดือนน้อยก็จะมาโวยวายว่าทำไมได้ไม่เท่าคนนั้นคนนี้ทั้งๆที่ทำงานระดับเดียวกัน

พูดไปเงินเดือนมันก็ขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการต่อรองกับผู้ว่าจ้างเหมือนกันนะเนี้ยะ เราว่ามันไม่ค่อยแฟร์เลย มันน่าจะขึ้นอยู่กับการทำงานและความสามารถอย่างเดียวมากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ขอกด Like ให้คุณ Pammeluff เห็นภาพเลยคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ซื้อของกับงานมันคนละเรื่องกันเลยนะครับคุณ ซื้อของคุณซื้อสินค้าตัวเดียวกันที่ไหนก็ได้ Package มา
เหมือนกันหมด ระยะประกันเหมือนกัน

JOB หรืองานมันคนละเรื่องกัน งานหนึ่งคุณเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี เจ้านายดี ไปอีกที่ไม่ใช่จะเหมือนกัน
มันคนละ Package กันเลย รวมไปถึงสวัสดิการณ์ด้วย คุณเริ่มงานใหม่ก็ต้องเริ่มจาก probation period รอ
อีก3เดือนถึงจะได้บรรจุได้ Benefit ของประกันสุขภาพและ paid Holiday พักร้อนอาจจะรอ 1ปี ฉนั้นเงิน
ไม่ใช่ปัจจัยใหญ่ นอกเสียจากว่าต่างกันมาก เศรษฐกิจตอนนี้เอางานที่มั่นคงไว้ก่อน จริงๆว่าไปผมก็เคย
ต้องการเงินขึ้นลาออกแบบไม่มีงานรออยู่ แต่กรณีนั้นผมทราบว่า Leverage อยู่ตรงไหน


ตอบกลับความเห็นที่ 15