รถชนที่อเมริกา ตอนนี้คู่กรณีส่งสัญญาประณีประนอมมาให้ จะเอายังไงดี?

รถชนที่อเมริกา ตอนนี้คู่กรณีส่งสัญญาประณีประนอมมาให้ จะเอายังไงดี?
เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้3เดือน รถก็เพิ่งซื้อใหม่ (ยังผ่อนไม่หมดเลย)
สามีขับไปส่งลูกชายที่เดย์แคร์ (เราไม่ได้ไปด้วย)
ฝ่ายตรงข้ามพุ่งมาชนล้อหลังรถเราบิดไปเลย เลยต้องเอารถเข้าอู่ทันที ขับต่อไม่ได้
พอสามีกับลูกกลับมาถึงบ้าน (พี่ชายสามีไปรับที่อู่) เย็นวันนั้นก็ให้สามีกับลูกไปหาหมอที่คลีนิกเช็คดูอาการ (ห่วงลูกมาก เพราะเด็กเล็ก บอกอาการตัวเองยังไม่ค่อยได้) แต่ตรวจดูแล้วหมอก็ยังไม่เห็นความผิดปกติเลยให้กลับบ้านกันมาสังเกตุการณ์เองต่อ (ค่าหมอก็ออกเองกันไปก่อนอีก)
ตอนนี้ ทางฝ่ายโน้น ส่งสัญญาประณีประนอมจากทางประกันมาให้สามี
ประมาณว่าจะจ่ายค่าซ่อมรถตามจริง ค่าหมอ เท่านี้ เท่านี้ ต่อคน แต่หลังจากนั้นคือจบ ไม่มีการจ่ายอีกในอนาคต และจบกัน
สามีลังเลยังไม่อยากเซ็นสัญญา อยากลองคุยกับทนาย
เรา ได้ยินแต่แง่มุมว่าทนายที่นี่แพง หน้าเงิน สุดท้าย เราจะทั้งเสียเวลา ทั้งเสียเงินให้ทนาย
แต่ เราก็ห่วงลูกที่สุด กลัวว่าถ้ามีอะไรเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพลูกในอนาคต ค่าหมอค่ายา ในอนาคต (เครียด) (สามีก็ห่วงอยู่แต่เค้าเป็นผู่ใหญ่เจ็บตรงไหนอะไรยังไง น่าจะบอกอาการได้ ทันเวลา)
สรุป คือ เราควรจะทำยังไงดี ตกลงกับสัญญานี้ เรื่องก็จบ
หรือ คุยกับทนาย (แต่เราจะได้อะไรหลังจากนั้น กลัวจะหมดตัวค่าทนายมากกว่า)
ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
เสียใจด้วยครับ
การที่คิดเลี่ยงทนายผมไม่คิดว่าจะทำให้คุณได้เงินค่าเสียหายมากขึ้น บริษัทประกันเขากันไว้ให้ทนายแล้ว คุณจะจัดการเองเขาก็ไม่ให้เพิ่ม หรือคุณจะลองดูก่อน เรียกให้มากๆเข้าไว้ ในกรณีย์แบบนี้ผมคิดว่าควรให้ทนายจัดการ ทนายจะคิดราว 33% จากรายได้ทั้งหมด คุณไม่ต้องออกเงินก่อน


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
น่าจะให้ทนายจัดการดีที่สุด เพราะในอนาคต เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แรกๆอาจจะยังไม่มีอะไร แต่ในอนาคตอาจจะมีได้ ถ้าเป็นกับเด้กเล็ก ๆ ดิฉันก็เป็นห่วงอย่างยิ่งค่ะ ขนาดผุ้ใหญ่แบบเรายังเป็นเลย วันนี้อาจจะยังไม่เป้น แต่วันหน้าไม่แน่ค่ะ



เอาประสบการณ์จากตัวเองเป็นหลัก ถนนมีสองเลนสวนกัน ไม่มีเกาะกลาง ดิฉันก้อจอดรถชะลอพร้อมเปิดไฟเลี้ยวซ้าย กะว่ารอให้รถเลนตรงข้ามหมดก่อน ค่อนเลี้ยวซ้าย มีรถคันนึง วิ่งมาชนท้ายรถดิฉันอย่างแรง รถดิฉันกระเด็นไป 5-6 ฟุต รถก็ขับต่อไม่ได้ รถค้นหลังก็ขับไม่ได้เช่นกัน แล้วที่เกิดเหตุ เป็นเขตโรงเรียนที่รถทุกคันต้องชะลอความเร็ว


พอโดนชน ก็มีรถของดับเพลิงมาช่วย ดันเอารถจอดข้างทางให้ แล้วดิฉันก็ยังไม่รู้สึกอะไร มัวแต่ห่วงลูก จะรอ ตอนนั้นยังไม่เจ็บอะไร นึกว่าตัวเองคงไม่เป็นอะไรมากนักหรอก ระหว่างนั้นก็โทรหาแฟน หาบริษัทลากรถมาลากรถเข้าอู่ให้ พอนั่งไปได้สักแป๊บ ก็รุ้สึกเจ็บหลัง เจ็บแบบตุงๆ จุกๆ ข้างใน ก็เลยบอกรถของดับเพลิงพาไปโรงพยาบาล ก็ตรวจเช็ค เอ็กซเรย์ทุกอย่างปกติ หมอก็ให้ยาแก้ปวดมาทาน

ส่วนรถคู่กรณีก็ลากเข้าอู่ไปซ่อมให้ และก็เช่ารถให้ขับระหว่างที่รอรถซ่อมเสร็จ 2-3 วันต่อมา ทางบริษัทคู่กรณีก็โทรมาให้เรายอมความ เราก็เห็นว่า ไม่เป็นอะไรมาก เค้าก็ให้ค่าทำขวัญ 500 ดอลล์ อาทิตย์กว่าๆ ได้รถมาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

หลังจากนั้นก็ลืมๆเรื่องปวดหลังไป ต่อมาอีกราวสัก 4-5 เดือน ย่างเข้าฤดูหนาว หลังดิฉันเริ่มปวดขึ้นมาทันที จนเดี๊ยวนี้ หลังก็ยังปวดอยู่ มันไม่หายสักที แบบว่าเป็นๆหายๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ต้องติดต่อทนาย ชม.ละสามร้อย แต่คุ้ม อะไรที่จ่ายได้ควรจ่าย เพราะมันเป็นผลประโยชน์ในระยะยาวของคุณเอง ชม. ละ 300 โดยประมาณ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ อันนี้ประกันเค้าจ่ายอยู่แล้ว โดยที่เราติดต่อผ่านประกันของเรา แต่ถ้าเราต้องการเรียกค่าเสียหายอื่นๆเราต้องฟ้องเค้าก็ต้องให้ทนายจัดการ เคสแบบนี้เราไม่ต้องเสียเงินอะไรเลย เพราะปรกติทนายจะคิดค่าทนายด้วยการหักเงินจากค่าเสียหายที่เราจะได้รับ ทั่วๆไปแล้วเค้าหักไปหนึ่งในสาม หรือ 33%
สำนักงานทนายแบบนี้ เค้าเรียกกันว่า ambulance chaser เค้ารับ sue เรียกร้องค่าเสียหายโดยเฉพาะ เพราะงั้นอย่าเซ็นสัญญาอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้คุยกับทนายความก่อน
ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
อย่างที่หลายๆความเห็นบอกค่ะ จะมีทนายที่รับทำเรื่องอุบัติเหตุโดยเฉพาะค่ะ เราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย เค้าจะหักเรา 30% กรณีที่ตกลงกันได้ แต่จะหัก 40% กรณีที่มีการขึ้นศาลนะคะ ยิ่งถ้าเราเป็นฝ่ายถูก เผลอๆจะมีติดต่อเข้ามาเองเลยละค่ะ เพราะเค้าจะได้เงินจากฝ่ายผิดแน่ๆ ถ้ารถคุณมีประกันลองปรึกษากับประกันดูนะคะ เราอาจจะไม่ต้องหาทนายเอง ถ้ากรณีอุบัติเหตุทั่วไปแล้วต่างฝ่ายต่างมีประกัน ประกันเค้าก็จะเคลียร์กันเอง จ่ายตามจริงทุกอย่างทั้งค่าหมอ ค่าซ่อมรถ แต่ถ้าต้องการเรียกค่าเสียหาย ค่าทำขวัญอันนี้ต้องมีทนายแล้วค่ะ

ถือว่ายังโชคดีที่มีประกันนะคะ กรณีของดิฉันไม่มีประกันทั้งคู่ (ประกันขาดพอดี) ตอนนี้ทนายยังฟ้องร้องอยู่เลยค่ะ 2ปี จะ3ปีแล้ว...เฮ้อ..


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
รีบไปหาทนาย ควรใช้ทนาย ที่เราจะไม่เสียอะไรเลย ค่าซ่อมรถก็จะได้เต็ม หลังจากหัก Deductible ตามที่ประกันไว้ ค่าหมอก็ไม่ต้องเสียเลย ทนายเขาจะได้เงิน จากค่าทำขวัญจากการบาดเจ็บ ประมาณ ๓๐ ปซ แล้วแต่จะตกลงกันนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
จากประสบการณ์ตรงนะคะ ใช้ทนายเลยค่ะ ทนายที่เราใช้เป็นทนายที่ทำเรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุโดยตรง เราไม่เสียค่าจ้างทนายเลยค่ะ เพราะทนายหักจากเงินที่เราได้รับจากประกันของคู่กรณี


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ตอนรถชนกัน ตำรวจมาหรือเปล่า ถ้าฝ่ายตรงข้ามชนหลังเรา เค้าน่าจะเป็นฝ่ายผิด
เพราะขับโดยประมาท ขับใกล้ไปแล้วเบคไม่ทัน ตำรวจคงจะเขียนรีพอร์ตถ้าเรียกมา
ถ้าฝ่ายตรงข้ามผิดแน่ๆ แล้วฝ่ายเราต้องไปหาหมอ ประกันจะตั้งคนจัดการเรื่อง
the bodily injury claim คนนี้จะจัดการเรื่องเงินที่เราเจ็บ ค่าหมอ
therapy/rehab ส่วนค่าซ่อมรถบริษัทประกันอาจจะตั้งอีกคนนึงจัดการ

คนจัดการเกื่ยวกับinjury claim พวกนี้รู้ราคาเคร่าๆแล้วเรื่องเงินสมควรจะให้เท่า
ไร เค้าเรียกค่า pain and suffering ส่วนมากพวกเจ็บคอเจ็บหลัง เค้าเรียกว่า
soft tissue injury เค้าจะตั้ง ราคาให้ 1.5 ถืง 5 เท่าของเงินที่เราไปรักษา
เค้าก็ดูหลายอย่างด้วยว่าเราเจ็บนานไหม ไปหาหมอ หรือtherapy ติดต่อกันหรือเปล่า
พวกคอและหลังเจ็บจะไช้เวลานานกว่าจะหาย เวลาประมาณ 4-10เดือน
ถึงจะตกลงกับบริษัทประกันหรือ body injury settlement แต่ถ้าไม่ตกลง
ถ้าเราจะฟ้อง แล้วแต่รัฐที่อยู่ ส่วนมากจะให้เวลาไม่เกิน 2 ปี ต้องถามทนายดู

เรื่องแบบนี้ส่วนมากจะตกลงกัน เพราะพวกทนายและบริษัทประกันก็ไม่อยากจะไปศาล
ทนายแบบนี้โฆษณาในทีวีบ่อยๆ เค้าคิด 1/3 ที่ประกันจ่ายโดยที่เราไม่เสียค่าจ้าง ถ้าเราพูด
ต่อรองเก่ง ก็จัดการเองได้ แต่ถ้าไม่อยากไปยุ่งกับคนของบริษัทประกัน ก็หาทนายดีกว่า เพราะ
พวกนี้พูดต่อรองเหมือนคนขายรถมือสองเลย

อะไรก็แล้วแต่ อย่าไปตกลงง่ายๆ เพราะให้แน่ใจก่อนว่าให้เราหายเจ็บแน่แล้ว ไปหาหมออย่าง
ต่อเนื่อง เพราะสุขภาพเราสำคัญกว่าค่ะ ที่บอกนี่เคยมีประสบการณ์มาแล้วค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คราวหน้าอย่าเพิ่งทำอะไรหรือพูดอะไร จนกว่าบริษัทประกันของคุณจะแนะนำเสียก่อน นอกจาก Emergency ในกรณีที่มีคนบาดเจ็บเท่านั้น

รถก็อย่าเพิ่งเอาไปซ่อมด้วยตนเอง จนกว่าบริษัทประกันจะได้ทำการ Estimate ความเสียหาย ให้ทำการเช่ารถไปใช้ก่อน

ควรจะติดต่อทนายตั้งแต่เริ่มต้น ใช่ว่ารอจนบริษัทประกันของฝ่ายตรงข้ามยื่นข้อเสนอมาให้แล้ว เพราะว่า หลังจากเกิดเหตุทนายมักจะให้เราไปรับการรักษาไม่ว่าจะภายในหรือนอก เพื่อความแน่ใจ หรือสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากอุบัติเหตุเป็นเวลาหลายวัน เพื่อที่ทนายจะได้รวบรวมค่าใช้จ่าย เพื่อเรียกตามเก็บ

คุณทำในสิ่งที่ไม่ควรทำไปหลายอย่างในกรณีนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
จขกท เพิ่งไปอยู่เมกาได้สามเดือนเอง ไม่เคยเจอ ไม่เคยมีประสบการณ์ กับเรื่องแบบนี้ เพราะงั้นเค้าถึงได้มาหาข้อมูล ว่ากันไม่ได้หรอก

ยังไงก็ขอให้โชคดีนะครับ ถ้ามีคราวหน้าอีก (ขออย่าให้มีละกัน) ก็รู้แล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง

ตอบกลับความเห็นที่ 10