ถามสาวที่อยู่สิงคโปร์ค่ะ ตอนนี้เทรนด์ Skincare ที่นั่นเป็นไงคะ

หนุ่มนิวยอร์ก ตอบให้แล้วกัน

SKIN CAVIAR LUXE CREAM คัฟฟฟฟ ทาแล้วหน้าไม่มีริ้วรอย อย่างไรก็ตามผมไม่ชอบใช้ advanced technology เพราะว่ามันแพงแสนแพง และคนส่วนมากที่อเมริกาจะไม่ใช้ของที่กำลังไปๆมาๆ นอกจากเสื้อผ้า หากว่าเป็น skincare ควรจะระวัง ไม่เช่นนั้นหน้าอาจจะพังครับ

ผมอยากใช้แนวพืชพรรณธรรมชาติมากกว่า

วันนี้อยู่สิงคโปร์พอดี แต่ไม่สาวนะคะ เป็นยายคนไทยอยู่ทั้งสิงคโปร์และเมืองไทย ตอบได้ไหม หรือ เจาะจงถามแต่สาวๆ
ยายจะได้ไม่ตอบค่ะ //ฮ่่าฮ่าฮ่า

เทรนด์สกินแคร์ หลักๆ ที่เหมือนกันทั้งโลก ที่ผู้หญิง (และ เก้บ เก้ง กวาง ที่รักสวยรักงาม) ต้องการ คือ

1. ช่วยลบเลือนริ้วรอย ชะลอการเกิดของริ้วรอย

2. ทำให้ผิวพรรณดูสะอาด อ่อนเยาว์

3. ต้องเห็นผลจริง คุ้มค่ากับเงินมากมายที่จ่ายไป สกินแคร์ตัวไหนยิ่งดัง ยิ่งมีส่วนผสมพิสดาร คิดค้นนาน
วิจัยนาน ยิ่งแพง

ส่วนเทรนด์สกินแคร์หลักๆ ในเอเชีย คือ

1. ต้องทำให้ขาว เพราะค่านิยมขาวคือรวย คือมีการศึกษา (ที่สิงคโปร์ค่านิยมก็เป็นแบบนี้ เหมือนเมืองไทย)

2. ต้องทำให้ใส เพราะใสคือสะอาด ดูรวยดูเนี๊ยบ

3. ต้องทำให้ฝ้าจาง หรือป้องกันฝ้า เพราะแดดแรง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สกินแคร์ที่วางจำหน่ายตามห้างต่างๆ ในสิงคโปร์ พวกแบรนด์ดังๆ ของโลกต่างๆ หรือ ตามร้าน Sephora
หรือ ตามร้านขายยาร้านขายของใช้ส่วนตัว เช่น วัทสัน หรือ ตามดิวตี้ฟรี หรือ สินค้าอย่างพวกบอดี้ช้อป
หรือ สกินแคร์เกาหลี หลักๆ ก็คล้ายๆ กับในเมืองไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง เป็นต้น

ก็เหมือนๆ กับหลายแห่งในโลกนี้ เพราะแบรนด์หลักๆ ก็ทำตลาดไปทั่วโลกค่ะ และ ตลาดสกินแคร์ในสิงคโปร์
ไม่ใช่แต่เฉพาะสิงคโปร์เท่านั้น แต่สำหรับคนต่างชาติทั้งคนเอเชีย และ ฝรั่งที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ด้วย ซึ่งคนต่างชาติ
ที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์มีเป็นล้านคนค่ะ และ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในเมืองช้อปปิ้งหลักของเอเชีย สนามบินชางงี้ป็นหนึ่ง
ในฮับหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะฉนั้นตลาดสกินแคร์หลากหลาย และ กว้าง มีตัวเลือกไม่น้อยหน้า
ที่ไหนๆ ในโลกนี้ค่ะ

ส่วนเรื่องการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ก็เหมือนๆ ที่อื่นในโลกค่ะ และ สกินแคร์สมัยนี้ก็มีส่วนผสม
ที่เน้นธรรมชาติทั้งนั้นโดยใช้เทคโนโลยีช่วยในการสกัดหรือแยกออกมา หรือ ทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด คือ เราเห็นว่า
ทั้งธรรมชาติและเทคโนโลยีมีความสำคัญเสมอกันในการผลิตสกินแคร์ดีๆ ค่ะ ผู้บริโภคที่ไหนๆ ก็คิดแบบนี้ค่ะ
ถ้า้ป็นผู้บริโภคที่สนใจสิทธิของตนเอง และ หาข้อมูลก่อนซื้อ หรือ หาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนใช้นะคะ

เทรนด์อะไรก็แล้วแต่ในโลกนี้ ในสมัยปัจจุบันนี้ เราว่ามันเป็นสากลค่ะ โดยเฉพาะเทรนด์ตลาดบนค่ะ
และ ยกตัวอย่างโฆษนาสกินแคร์ตามนิตยสารผู้หญิงต่างๆ ทั่วโลก ภาพโฆษนาก็ตัวเดียวกันค่ะ แต่อาจจะพิมพ์ช้าเร็ว
กว่ากัน 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือ ผลิตภัณฑ์บางตัวเปิดตัวในประเทศนึงก่อน แล้วพออีกเดือนนึง สองเดือนก็มา
เปิดตัวอีกประเทศหนึ่ง อีกทวีปหนึ่ง เรามองว่ามันเป็นสากลไปหมดแล้วค่ะ โดยเฉพาะสำหรับคนเมือง สำหรับเมือง
หลักๆ ของโลกหรือของทวีปนั้นๆ วิถีชีวิตหลักๆ และ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นโกลบ้อลแบรนด์ ไม่ต่างกันเท่าไหร่
เพราะของส่วนใหญ่เขาทำส่งขายทั่วโลกค่ะ นอกจากว่าจะเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นจริงๆ ถึงจะหาซื้อที่อื่นไม่ได้
อันนี้พูดถึงสกินแคร์ และ อื่นๆ ด้วยนะคะ

สิงคโปร์เป็นอีกเมืองหนึ่งในโลกนี้ หรือ ในเอเชียที่มักจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาวางขายก่อนที่อื่นๆ หรือพร้อมที่อื่นๆ เสมอ
และมักจะมีตัวเลือกหลากหลาย เพราะมีคนอยู่หลายเชื้อชาติ มีคนเดินทางผ่านมากมาย และ เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ
ของโลกค่ะ และ เป็นเมืองที่มีเศรษฐีจากทั่วโลกมาอยู่มากมายโดยเฉพาะเศรษฐีใหม่จากจีน
หรือ พวกคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานค่ะ สิงคโปร์เป็นเมืองที่คนมากมายมีกำลังซื้อสูงค่ะ มีดีมานด์ มีซัพพลาย
ของหมุนเวียนไวค่ะ

Thanks a lot ka.

ลืมบอกไปค่ะ อีกเหตุผลหลักที่คนทั่วไปมองหาในสกินแคร์ โดยเฉพาะตัวที่ใช้สำหรับเวลากลางวันคือต้องมีกันแดด
มีกันรังสียูวีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมืองร้อน หรือ เมืองหนาว เพราะรังสียูวีมีอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะวันฝนตก วันครึ้มฟ้าครึ้มฝน
หรือ ในหน้าหนาวที่มีหิมะแต่มีแดดจัด

อย่างในสิงคโปร์นี่ ฝนแปด แดดสี่ อากาศคล้ายๆ ทางภาคใต้ของไทย และ อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมาก
วันไหนที่แดดจัดๆ ร้อนมากค่ะ ต้องทาครีมที่มีส่วนผสมของสารกันแดด

สาวๆ สิงคโปร์ถ้าเป็นคนเชื้อจีน ไม่นิยมแต่งหน้าเลย หรือ แต่งอ่อนมากๆ แต่จะเน้นบำรุงผิว เน้นกันแดด
หรือ สาวๆ รุ่นใหม่นิยมผิวสองสี ชอบตากแดดให้ผิวแทนก็มีค่ะ แต่น้อย

ส่วนสาวๆ สิงคโปร์ที่เป็นมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ชอบแต่งหน้าค่ะ

สาวๆ สิงคโปร์เชื้อสายอินเดียก็ชอบแต่งหน้า

สกินแคร์แนวพืชพรรณธรรมชาติในสิงคโปร์มีขายตามร้านผลิตภัณฑ์สปา แต่มีไม่มาก ไม่หลากหลายเท่าเมืองไทย
ราคาก็สูงกว่า

สกินแคร์แนวสปา แนวพืชพรรณธรรมชาติ ของเมืองไทยหน่ะ เริ่ดสุดแล้วค่ะ ไม่ว่าจะของยี่ห้อ อัญญาดาหรุ,
คาร์มาคาร์เม็ท(การ์มาการ์เม็ด), เอิบ, หาญ, ธัญญ์/ธันน์, ดิวาน่า ฯลฯ ล้านเจ็ดพันเก้ายี่ห้อ และ ไหนจะสกินแคร์
ของยี่ห้อสบายอารมณ์ที่มีขายตามร้านบู๊ทส์อีก เริ่ดสุดๆ ค่ะ โดยเฉพาะพวกกลิ่นดอกไม้ไทย ผลไม้ไทย สมุนไพรไทย
และ ที่สิงคโปร์ เขาต้องนำเข้าของพวกนี้มาค่ะ เพราะวัฒนธรรมของเขาไม่มีพวกเครื่องหอม เครื่องสปาแบบบ้านเรา

อย่าลืมว่าสิงคโปร์เป็นเมืองเศรษฐกิจ บรรพบุรุษของเขาส่วนใหญ่เป็นคนอพยพใช้แรงงาน วัฒนธรรมของเขาในเรื่อง
ของการกินดีอยู่ดี ไม่รุ่งเรืองไม่เฟื่องฟูและไม่ละเมียดละมัยเหมือนของคนไทยค่ะ วัฒนธรรมของเขาเป็นวัฒนธรรมใหม่
ที่มีรากไม่ลึก ไม่เหมือนของคนไทยนะคะ คนสิงคโปร์ทำงานละเอียดพวกงานฝีมือไม่เก่งค่ะ เพราะวัฒนธรรมในเรื่อง
งานหัตถกรรม งานศิลปะของเขาไม่มีนะคะ หลายๆ อย่างในประเทศเขาเป็นสิ่งเกิดใหม่ หรือสิ่งที่เขาพยายามเอาวัฒนธรรม
ของประเทศอื่นที่เขารับมามาโปรโมท หรือ นำมาทำให้ดีขึ้นค่ะ และ เขานำเสนอเก่ง จุดขายดี เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศ
ที่ร่ำรวยมหาศาล ทุนหนา ค้าขายเก่ง และ สามารถจ้างฝรั่ง จ้างคนต่างชาติเก่งๆ มาช่วยคิดให้ด้วยค่ะ
นอกจากจะมีคนระดับหัวกะทิของประเทศตัวเองบ้างแล้ว