ช็อก! ชายเบลเยียมเพิ่งรู้ภรรยาเป็นสาวประเภทสอง หลังแต่ง 19 ปี

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า ชายเบลเยียมช็อก เพิ่งรู้ภรรยาเป็นสาวประเภทสอง หลังใช้ชีวิตด้วยกันมานานถึง 19 ปี


เรื่องราวสุดอึ้งนี้เกิดขึ้นกับชายชาวเบลเยียมวัย 64 ปี รายหนึ่ง ผู้ซึ่งถูกระบุชื่อสั้น ๆ ว่า ชาน เขาได้พบรักกับโมนิกา หญิงชาวอินโดนีเซีย เมื่อปี 1993 (ปัจจุบันเธออายุ 48 ปี) และชานได้พาเธอกลับมาใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาอยู่ในเบลเยียมนับแต่นั้น และทั้งคู่ตัดสินใจที่จะไม่มีลูก เพราะชานมีลูก 2 คนแล้วจากภรรยาคนก่อน โมนิกาจึงสวมบทเป็นแม่คนที่สองของเด็ก ๆ เรื่อยมา


แต่เมื่อช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ชานเริ่มได้รับข่าวลือที่ลือกันอย่างหนาหูว่า โมนิกานั้นเป็นสาวประเภทสอง จึงนำมาซึ่งการสืบเสาะหาความจริง และสุดท้ายก็ได้พบว่า โมนิกาเป็นสาวประเภทสองจริง ทำให้เขาแทบหัวใจสลาย


โดยชาน ได้เปิดเผยว่า "ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอกมาตลอด ผมพาโมนิกามาอยู่ในเบลเยียม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ เพราะเธอเป็นคนอินโดนีเซีย ผมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้เธอเป็นชาวเบลเยียม แต่ศาลก็ใช้เวลานานหลายปีมาก กว่าจะอนุญาตให้เธออยู่ในฐานะสมาชิกครอบครัวของผม เพราะข้องใจเรื่องประวัติของเธอ ส่วนผมก็คิดมาตลอดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แสนมีเสน่ห์ และใช้ชีวิตอยู่กับเธอเรื่อยมา ไม่เคยรู้สึกเอะใจอะไรเลยแม้กระทั่งตอนมีเซ็กส์ ก็ไม่ได้สังเกตความผิดปกติใด ๆ จนวันหนึ่งเพื่อนผมและลูกชายก็เริ่มมาบอกผมว่า โมนิกาเป็นสาวประเภทสอง ผมเลยสืบเสาะหาความจริงจนรู้ว่าเธอเป็นอย่างนั้นจริง ๆ จากนั้นผมเลยไปเค้นเธอ โดยบอกเธอว่าผมรู้ความจริงแล้ว คุณเป็นผู้ชายใช่ไหม ซึ่งโมนิกาก็ยอมรับว่า เธอเกิดมาเป็นผู้ชาย และผ่านการผ่าตัดแปลงเพศ ผ่านมีดหมอมาหลายครั้งจนกลายเป็นเหมือนผู้หญิงสวยคนหนึ่งแล้ว จึงไม่อยากจะพูดถึงอดีตของเธอ ให้ตายเถอะ ความจริงข้อนี้มันทำให้โลกของผมพังทลายลงในพริบตา"


อย่างไรก็ดี หลังรู้ความจริงทั้งหมด ชานถูกนำตัวไปเข้ารับการบำบัดทางจิต เพื่อเยียวยาความเจ็บปวดในครั้งนี้ และฟ้องร้องต่อศาลให้การแต่งงานของเขาและโมนิกาเป็นโมฆะ ขณะที่ลูก ๆ ของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน เมื่อได้รู้ความจริงว่า แม่คนที่สองซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พวกเขายังเด็ก ๆ นั้น แท้จริงแล้วเป็นผู้ชายนั่นเอง

ข่าวจาก : ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5EQXdORFkwTVE9PQ==§ionid=

ความคิดเห็นที่ 1
อื้อหือ ดูท่าจะทำใจยาก - ___________-
แต่ถ้ารักจริงๆ ก็น่าจะพอทำใจได้อยู่น๊ะะ แต่อาจจะนานนิดนึง. #อาเมน


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
สงสัยจังว่าคนแต่งงานกัน รักกัน ไม่เคยคุยเรื่องชีวิตอนเด็กๆ เอารูปตอนเด็กมาแบ่งกันดูบ้างเลยหรอ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
หมอเก่งจริงๆ ยอมรับ ถึงขั้นผ่าตัดให้เหมือนหญิงทุกอย่าง แม้กระทัง อวัยวะเพศ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เราว่ามันแปลก ตรงที่ตอนขอวีช่าและตอนการันตีตอนมาเบลเยี่ยม ตรงคำนำหน้า มิสเตอร์ก็ต้องโชว์อยู่แล้ว ใบเกิดแก้คำนำหน้าไม่ได้ไม่ใช่รึ ปัญญาอ่อนรึเปล่าที่ไม่รู้เรื่องตอนทำวีช่าเอามาอยู่ด้วย ไม่ใช่ลูกหรือญาติจับได้แล้วอายเลยหาเรื่องว่าไม่รู้

ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
กระเทยที่แปลงเพศแล้วมาอยู่ที่เบลเยี่ยมสามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามเป็นหญิงได้ แต่เราว่า19ปีก่อนคงยังไม่มีกฎหมายเปลี่ยนคำนำหน้าน่ะ( แต่ต้องทำวีช่ามาอยู่เบลเยียมให้ได้ก่อน) ตอนทำวีช่า และตอนการันตรีชื่อตอนมาอีกหละ คนการันตรีมามันก็ต้องรู้แต่แรกแล้วว่าเอานายมาไม่ใช่มิสมา มันก็ต้องระบุอยู่แล้วว่านาย

ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
นีแหล่ะปัญหาของการเปลี่ยนคำนำหน้าเพศ ที่น่ากลัว

ทำไมหลายคนจึงไม่เห็นด้วย เพราะน้อยรายที่จะยอมรับเพศกำเนิดของตนได้ พอได้ร่างที่สมปรารถนามาแล้วก็พร้อมจะลืมความจริงในอดีต

อ้างว่า เพื่อสะดวกในการทำธุรกรรม การเดินทาง อันนี้เป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้
เพราะเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนน้อย แต่สามารถสร้างปัญหาสังคมได้มากมาย
แต่คิดว่าส่วนใหญ่ทำเพื่อจะได้หลอกตัวเองโดยสมบูรณ์

ถ้าอยากให้เปลี่ยนคำนำหน้าได้ตามเพศภายนอก *ก็ต้องระบุสัญลักษณ์ของเพศกำเนิดไว้ด้วย แล้วจะใช้อะไรก็ตามใจ แต่ข้อมูลในบัตรต้องระบุความจริง
ให้เป้นสากล ไม่งั้นก็จะมีการหลอกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

กฎหมายการสมรสในคนเพศเดียวกันยังน่าส่งเสริมมากกว่าอีก

หลอกกันขนาดนี้ อย่างเรียกว่ารักเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
บางประเทศ สาวประเภทสองใช้คำนำหน้าว่า Miss ได้ค่ะ เคยเจอสาวประเภทสองชาวลาว (ยังไม่แปลงเพศแต่แต่งหญิง) ก็ใช้ Miss ในพาสปอร์ตได้ จะว่าไปมันก็เป็นปัญหาเหมือนกันนะเนี่ย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
แล้วไงล่ะ จะประเภทไหนก็ มนุษย์เหมือนกันแหละ
เราว่าที่เธอไม่บอก เธอก็ต้องมีเหตุผลของเธอ
เข้าใจนะ ว่าผชเมื่อรู้ว่าถูกหลอกนานขนาดนั้น ก็ต้องช้อคแหละนะ
พูดยากอ่ะเรื่องแบบนี้
เป็นกำลังใจให้แล้วกันค่ะ
ปล. แต่ถ้าเป็นเรา เราจะส่งจดหมายน้อยไปบอก เราเชื่อว่า ถ้าเขาจะสานต่อความสัมพันธ์ เขาก็ต้องติดต่อกลับมา
แต่ถ้าไม่ ก็ let it be ค่ะ
เราว่า คุณจขกท เป็นคนเข้มแข็งคนนึง(เท่าที่อ่านมา) ผชดีๆ ที่ไม่ยึดติดยังมีอยู่ค่ะ รอเวลาฟ้าเปิดนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ก่อนนี้มีความพยามจากสาวประเภทสอง ที่จะขอใช้คำนำหน้านามแบบผู้หญิง
นี่ก็เป็นตัวอย่างปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่สามารถแยกออกว่าคนไหนผู้หญิงโดยกำเนิด คนไหนเป็นผู้หญิงเพราะดัดแปลงเพศ
คุณอยากจะเป็นผู้หญิง คุณทำได้ ไม่มีใครห้ามไม่มีใครจับคุณไปทรมาน หรือประหารชีวิตแบบอิหร่านแต่อย่าลืมว่าคุณไม่มีวัน "ทดแทน" ผู้หญิงจริงๆได้ความจริงตามธรรมชาติข้อนี้ไม่มีวันเปลี่ยนได้
ดังนั้นการเรียกร้องใดๆของผู้หญิงข้ามเพศทั้งหลายจะต้องเป็นการเรียกร้องที่ "พยามจะอยู่กับความจริงข้อนี้"และ"อย่าพยามที่จะเอาชนะความจริงข้อนี้" เมื่อคุณเอาชนะธรรมชาติไม่ได้ ก็จะมาโทษสังคมว่ากีดกันสิทธิของคุณ ซึ่งมันไม่ใช่




ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
อีกหน่อยก็ข้ามเพศแบบปกปิด มาแข่งกีฬา นางงาม แข่งหญิงจริง กรรมการจะสืบถึงก่อนหน้านี้จะยุ่งแบบนี้หรือเปล่าละนี่

จะเปลี่ยนทำไมให้คนอื่นเค้าวุ้นวาย

แค่แต่งงานจดทะเบียนกันเองก็ไม่เดือดร้อนใคร ทำไปเถอะ

แค่ระบุเพศกำเนิดไม่ไปหลอกชาวบ้านมันจะ ได้หาความจริงใจ จากคนที่ยอมรับได้มันไม่ดีตรงใหน


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
19 ปี ไม่มีความผูกพันธ์เลยหรอค่ะ น่าสงสารแหะ รู้ว่าหลอก แต่ก็เห็นใจ เขาไม่ได้อยากเกิดมาเป็นผู้ชายนิค่ะ อีกอย่างนะ 64 ปีแล้ว ปลงเถอะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เอ่อ......ไม่รู้ทราบหรือยัง ประเทศไทยก็ให้เปลี่ยนคำหน้าจากนายเป็นนางสาวแล้วเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เมื่อไหร่!!!!!!! กฎหมายออกแล้วเหรอ
ผ่านรัฐสภาเมื่อไหร่ อนุมัตแล้วหรือ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย!!!!!!!!!!


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เคสนั้นเค้ามีสองเพศในตัวคนเดียวนี่
ในร่างกายมีอวัยวะเพศทั้งของชายและหยิง
แต่หญิงจะแสดงมากกว่าชาย เค้าจึงเลือกเป็นหฯิง ก็สามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามได้

แต่กระเทยทั่วไปอ่ะ เป็นชายแล้วผ่าตัดแปลงเพศเป็นหญิง แบบนั้นยังขอเปลี่ยนคำนำหน้านามไม่ได้อ่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
#12นั่นมันคนสองเพศครับ มีอาการอวัยวะเพศกำกวมซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้ว ถึงสามารถเปลี่ยนได้เป็นเพศใดเพศหนึ่ง
แต่กับกระเทยแปลงเพศยังไม่สามารถทำได้ครับ เป็นแค่การร่างกฎหมายเฉยๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
อะไรคือ แทนผู้หญิงแท้ๆไม่ได้ เพียงแค่มีมดลูกเท่านั้นหรอ
ถ้าเช่นนั้นกรณีที่ผู้หญิงมีลุูกไม่ได้ ตัดมดลูกทิ้ง ก็ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆสิ หรือผู้หญิงที่เลือกจะไม่มีลูกมันต่างอะไรกับกะเทยอะ
แล้วพวกผู้หญิงที่แต่งหน้า ศัลยกรรม นี่ก็เป็นการเอาชนะธรรมชาติหรือเปล่า
เรื่องข้อกฎหมายมันมีปัญหาจริงๆนะลองไปถามพวกผู้หญิงข้ามเพศดู

แนะนำควรทำแบบจดทะเบียนคือให้เช็คได้ที่อำเภอ เขียนไว้ว่าเพศโดยกำเหนิดคืออะไรแค่นี้พอ ไม่ต้องไปเขียนไว้บนบัตรประชาชน จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อจะจดทะเบียนสมรสแล้วเท่านั้น เหมือนปัจจุบันที่ผุ้ชายไม่เปลี่ยนคำนำหน้านามแล้วเที่ยวหลอกผู้หญิงไปทั่ว ก็ไม่เห็นมีใครเรียกร้องให้เขียนว่าแต่งงานบนบัตรประจำตัวเลย ทั้งที่ปัญหาก็ไม่ต่างกัน

ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ความคิดเห็นที่ 16

ผู้หญิงแท้ เขามีสิทธิในความเป็นผู้หญิงตั้งแต่กำเนิด ถึงแม้เขาจะมีสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ยังไงก็แล้วแต่ เขาย่อมมีสิทธิในความเป็นผู้หญิงนั้นไปจนถึงวันตาย

ส่วนผู้หญิงที่มาจากการแปลงเพศ เขามีสิทธิ์ชอบธรรมในการเป็นผู้ชายอยู่แล้ว แต่ต้องการสิทธิ์ในการเป็นผู้หญิง มันคนกรณีกันครับ

ส่วนข้ออ้างที่ว่าผู้ชายไม่เปลี่ยนคำนำหน้านามแล้วเที่ยวหลอกผู้หญิงไปทั่วนั้น แล้วทำไมคุณไม่ไปเรียกร้องให้มีกฏหมาย เปลี่ยนคำนำหน้าผู้ชาย อย่างเช่น นายหนุ่ม แต่งงานแล้วค่อยเป็น นาย แทนที่จะเรียกร้องให้เปลี่ยนคำนำหน้าผู้หญิงที่มาจากการแปลงเพศ เพื่อที่ผู้หญิงที่มาจากการแปลงเพศบางคนจะได้มีสิทธิในการไปหลอกผู้ชายบ้างหน่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
สิทธิที่คุณว่ามันคืออะไร ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดไอ้สิทธิที่คุณว่ามันคือสิทธิทางสังคมไม่ใช่หรอ แล้วที่ผมอยากจะถามคือมันต่างกันตรงไหน ถ้าคุณจะนิยามว่ามีลูกได้คือผู้หญิง คนที่มีลูกไม่ได้ทำยังไงอะ นิยามผู้หญิงของคุณคืออะไร คนเรามีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงไหม

ผมไม่ได้บอกว่าให้เปลี่ยนแล้วไปหลอกคนอื่นหนิ คุณตั้งประเด็นมาอย่างนี้มันก็เกิดอคติแล้ว ผมยกตัวอย่างมาให้ดูก็เพื่อจะบอกว่าถ้าคนจะหลอกลวงมันก็มีหนทางที่จะทำได้ แต่เราควรโฟกัสไปที่ไหนละ คนที่ได้ประโยชน์ได้สิทธิทางสังคมหรือคนที่จ้องจะทำผิด อีกอย่างผมไม่ได้เป็นนักรณรงค์ ผมแค่ชี้ให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น การเป็นนาย นาง นางสาว เด็กชาย เด็กหญิง ล้วนแต่เป็นเรื่องทางสังคมทั้งนั้น

อ้อแล้วที่บอกว่าเปลี่ยนเพื่อไปหลอกผู้ชาย ทำไมถึงคิดอย่างนี้ก็ไม่รู้ คนเรามีหลายปัจจัยที่จะเปลี่ยน ไม่ใช่เพื่อไปหลอกคนอื่นอย่างเดียวหลอก อย่าพึ่งมั่นหนังหน้าตัวเองนักเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
คห.16 มันไม่ใช่แค่เรื่องมดลูกอย่างเดียวหรอกนะ แต่หมายถึงทุกอณูร่างกายของการเป็นหญิงอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้ชาย แม้ชายจะพยายามเปลี่ยนเป็นหญิง ต่อให้สวยขนาดน้องปอย แต่ภายในระบบร่างกาย ไม่สามารถเปลี่ยนได้หรอก นับตั้งแต่มัดกล้ามเนื้อ ระบบเส้นประสาทต่างๆ เม็ดเลือด ฮอร์โมน ฯลฯ โดยเฉพาะจิตใจที่รับผิดชอบความเป็นผู้หญิงในตัวเอง มันทดแทนกันไม่ได้หรอก

เหมือนที่ คห.10 พูดก็มีส่วนถูก
คุณต้องการเปลี่ยนเฉพาะกลุ่มคุน แต่ควรจะคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดสังคมด้วย รวมไปถึงอาชญากรรมที่จะเกิดในอนาคตที่จะตามมา มองมุมกว้าง อย่ามองมุมตัวเองอย่างเดียว
การระบุในเอกสารอย่างเดียว ทำให้กลุ่มคุณพอใจ แต่ปัญหาสังคมที่ตามมา มันมีเยอะ ถามว่าหน่วยงานรัฐไทยถกเรื่องนี้ไหม ตอบได้เลยว่าถก แต่ด้วยเหตุด้วยผลก็ต้องยอมรับว่า ผลเสียมีมากกว่าผลดี ดังนั้น อย่าทำให้เป็นประเด็นเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
กฎหมายอย่างเงี้ยน่ากลัวจะตาย ต่อไปมันจะไปโยงอย่างอื่นเข้าไปอีก
การส่งเสริมสิทธิหรือการช่วยเหลือคนอื่น มันต้องไม่ไปสร้างปัญหาส่วนอื่นอีก
ต่อไปเรื่องกฎหมาย การสืบวงศ์ DNA มรดก อาชญากรรมต่าง ๆ ไม่น่ากลัวหนัก
อีกเหรอ ประเภทกะเทยไปโกงเงินชาวบ้าน โกงเงินเสร็จเอาเงินไปแปลงเพศต่อ
แล้วไปหลอกแต่งงานหนีข้ามไปอีกประเทศนึง สุดท้ายใช้สิทธิสตรีในคราบบุรุษ
ตักตวงผลประโยชน์อื่น ๆ ต่อในการทำงาน เช่น ใช้สิทธิสตรีแต่ยีนส์เป็นชายได้อีก

สุดยอด

เรื่องดูกันออกไม่ออกนี่เดี๋ยวนี้ก็ดูยาก ไม่ต้องมาก เอาแค่ดูทีวีกันทุกวันนี้ ดาราชาย
หล่อล่ำ เป็นเกย์ไม่เป็นเกย์ยังดูกันไม่ออกเลย ไม่ใช่แค่คนดูนะที่ดูกันไม่ออก เกย์ด้วย
กันบางคนมันยังดูกันเองไม่ออกเลย จนกระทั่งไปเจอกันที่ซาวน่าเกย์อะไรแบบเนี้ย


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ใช้สิทธิสตรีแต่ยีนส์เป็นชายได้อีก

เช่น บริษัทให้โควต้า ผู้ชายเป็นตัวแทนบริษัทภารกิจสักอย่าง 1 คน กระเทยแปลงร่าง
ใช้สิทธิผู้หญิงได้ (จริง ๆ ไม่ควรได้เพราะเป็นผู้ชาย)

จัดแข่งกีฬา วิ่งแข่ง ยกน้ำหนัก เป็นผู้ชายแปลงเพศ ไปแข่งมันก็ชนะอีก (ไม่แฟร์แต่ได้
เงิน)

ถ้าจะให้เปลี่ยนคำนำหน้า ไม่อยากได้นาย ใช้คำว่า คุณ ก็พอแล้ว เนี่ยสุดยอดแห่งความ
ใจดีแล้ว ไม่งั้นเละเทะแน่นอน


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ที่ช็อคคงเพราะโดนหลอกมากกว่า ถ้าบอกตั้งแต่แรกว่าเป็นสาวข้ามเพศ
ด้วยความรัก ด้วยนิสัยใจคอที่ดูคบหากันมา เชื่อว่ารับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เรื่องของเรื่องคือโดนหลอก ไม่มีใครอยากโดนหลอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
จากคนที่ตัวเองรัก


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
อีตานี่ก็ทิ้งเมียตัวเองมาแต่งกับพี่เลี้ยงเด็ก
อยากได้สาวเอ๊าะๆ จนตัวสั่นแล้วอ้างว่ารัก
อายุปูนนี้ตัณหากลับก็สมควรโดนบ้าง


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
นอกจากต้องระวัง ผู้หญิงเทียม แล้ว

ก็ต้องระวังผู้หญิงจริง ๆ ใช้คำนำหน้าว่า นางสาว

แต่มี สามี และ ลูก แล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
คนที่ตั้งใจหลอกเขา

หลอกใครต่อใครมาตั้งแต่ต้นนี้


น่าเห็นใจ เนอะ




ไหนล่ะความจริงใจ ตลอด 19 ปี


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
แค้น อ่ะหลอกชัดๆๆ แม่เจ้าดูไม่ออกเหรอ แต่แสดงว่าเล้กมาก ดูไม่ออก ฮ่าๆๆๆ เพระาสมัยก่นเค้าจะทำไม่ลึกมาก เหมือนแบบใหม่ ดูทีวีอ่ะเค้าบอกมา


ตอบกลับความเห็นที่ 26