อยู่ต่างแดนเคยมีเพื่อนแบบนี้กันไหม

เรามีเพื่อนคนไทยอยู่คนหนึ่ง เค้าดีกับเรามาก ชอบเป็นห่วงเป็นใย เอาโน่นเอานี่มาฝาก บางครั้งเราเกรงใจเราก็บอกไม่เอา แต่เค้าก็ยังเอามาให้เราถึงบ้าน เราก็เลยปฏิเสธไม่ได้ แต่...เค้ากลับเอาเราไปนินทาลับหลังโง้นงี้ เช่น บอกว่าไม่เอาแต่เอาไปให้ก็เอาอยู่ดี (ก็มาถึงบ้าน จะปฏิเสธยังไงฟะ) จนมีเพื่อนคนไทยสงสัยมาถามเราว่า มีคนถามว่าเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไง เพื่อนเราเค้าเกลียดเราจะตาย เอาเราไปว่าลับหลังตลอดเวลา เราก็บอกว่าเค้าก็ดีนะ ถ้าเค้ากล้าว่าเราทำไมเค้ายังสู้หน้าเราได้อีก เพื่อนก็บอกว่า เธอนี่ไม่ทันคนจริง ๆ (เราเป็นคนโลกสวย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "โง่") เราก็ตอบว่า ถ้าเค้าเกลียดเรา แล้วเค้ามาทำดีกับเราทำไม แล้วเพื่อนก็ถามกลับว่า แล้วเค้าว่า ๆ คนอื่นแล้วเค้าทำดีกับคนอื่นทำไม มาถึงตรงนี้ทำเราอึ้งเลยอะ เพราะว่าเราสนิทกันจริง เค้าชอบโทรมาคุยกับเราทีเป็นชั่วโมง ๆ แต่เค้าก็ว่าเพื่อนคนไทยทุกคน คือไม่มีใครดีในสายตาเค้าเลย แต่เค้าทำดีกับทุกคน และทุกคนก็ชอบเค้านะ แต่ทำแล้วก็เอามานินทาให้เราฟัง คือมันมีคนแบบนี้จริง ๆ เหรอ แล้วเค้าทำไปเพื่ออะไร คือเราไม่เข้าใจ เพราะเราถ้าเราไม่ชอบเราก็ไม่ทำ ถ้าทำแล้วต้องเอามานินทานี่ไม่ทำเลย ถ้าเป็นเพื่อนด้วยแล้วนี่เราจะไม่ว่าเลยเพราะเค้าคือเพื่อน และไม่ยอมให้คนอื่นว่าเพื่อนเราด้วย เราเลยอยากรู้ว่าเค้าเห็นเราเป็นเพื่อนหรือเปล่า แล้วมาทำดีกับเราทำไม "เศร้า" คนไทยยิ่งมีน้อย ๆ อยู่

ความคิดเห็นที่ 1
ไม่ทราบว่าคุณเจ้าของกระทู้ อยู่มานานหรือยังคะ ดิฉันอยู่ทีนี่มานานพอควร ตั้งแต่ 2004 เจอคนไทยหลายรูปแบบค่ะ หน้าอย่างหลังอย่าง หน้าไหว้หลังหลอก ดีกะเราแล้วก็เราเรื่องเราไปนินทา ไปว่าไป กระจายต่อ เยอะไปค่ะ แต่คนไทยดี ๆ ก็มีนะคะ แต่หายาก แบบใจจริง จริงใจ ขอบอกหายากพอ ๆ กะเดินไปเจอ แบงค์ $100 เหรียญตกบนพื้นนะคะ บางครั้งก็มีเพื่อนแต่เค้ากลับทำให้เรารู้สึกแย่ และเสียใจ จะมีไปทำไมค่ะ อยู่คนเดียวซะดีกว่า

บอกได้แต่ว่า คยคนแต่ผิวเผินจะดีค่ะ มากคนมากความ เรื่องส่วนตัวหรือภายในครอบครัวไม่ออกไปนอกบ้าน และไม่รับเรื่องนอกบ้านเรื่องคนอื่นมาในครอบครัวเป็นดีค่ะ ทำแบบนี้แล้วจะสบายใจ ไว้เจอกันก็ไหว้ทักทายกันดีกว่า ไม่รับ ไม่รู้ อะไร รับรองจะสบายใจเหมือนดิฉัน


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ 2009 คะ แรก ๆ ก็แปลกใจทำไมคนไทยที่อยู่นาน ๆ เค้าถึงไม่อยากคบ ไม่อยากเจอคนไทยด้วยกันเอง ตอนนี้ก็ถึงบางอ้อซะที แต่อยู่คนเดียวมันก็เหงานะคะ จริง ๆ พยายามตีตัวออกห่างแล้ว แต่เค้ายังโทรตามอยู่ เกลียดตัวเองเหมือนกันชอบใจอ่อน รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก (ประมาณนี้อะคะ)


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
มันก็แบบนี้แหละค่ะ เจอคนดีก็ดีไป เจอคนไม่ดีมันก็น่าเบื่อไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย

อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันหมดค่ะ อยู่เมืองไทยก็ใช่ว่าจะไม่มีใครมานินทาเรา


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เราเคยคิดว่าที่เมืองไทยน่ากลัวแล้ว มาเจอที่นี่ เมืองไทยนี่จิ๊บ ๆ ไปเลยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
การนินทามีอยู่ทั่วไปค่ะ แต่อยู่เมืองนอกมันดูเยอะเพราะว่าสังคมมันแคบ รู้จักกันไม่กี่คน คนนั้นนินทาคนนี้ คนนี้ก็เอาไปเล่าให้คนนั้น เพราะไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง พอคนที่โดนนินทารู้ตัว มันก็เลยรู้สึกไม่ดี เจ็บบบบ แต่อยู่เมืองไทยก็โดนเหมือนกัน เพียงแต่เราไม่รู้ สังคมมันกว้างกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเพื่อนนะคะ เพื่อนคือคนดี ๆ ที่เราฝากความลับไว้ด้วยได้ มีสุขมีทุกข์ร่วมกันได้ค่ะ


คือมันมีคนแบบนี้จริง ๆ เหรอ แล้วเค้าทำไปเพื่ออะไร คือเราไม่เข้าใจ...

ไม่ได้กวนนาค๊า อยู่ต่างบ้านต่างเมืองเลือกคบ ๆ หน่อยดีกว่าค่ะ คนดี ๆ ถึงมีน้อยคบน้อยสบายใจ ที่เหลือ ๆ เกินบรรยายก็ปล่อยไปตามกรรมค่ะ อยู่ห่าง ๆ เสียเวลาจะไปเข้าใจทำไมค๊า ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
วันหลังถ้าเค้าเอามาให้ถึงบ้านอีกก็ไม่ต้องรับ บอกให้เอากลับไปเสีย ถ้าไม่เอากลับไปก็บอกไปเลยว่าถ้าทิ้งไว้ที่นี่เดี่ยวเราจะเอาทิ้งเพราะบอกแล้วว่าไม่เอา

มีเพื่อนแล้วปวดหัว อยู่กับครอบครัวดีกว่า ก็แค่เพื่อน แค่เพื่อนค่ะ ไม่มีผลอะไรกับชีวิต

ไม่รู้สิ เราคิดแบบนั้นนะ เราก็เบื่อเพื่อนขี้คุย มีที่ดิน มีบ้าน นู่นนั่นนี่ เราก็รำคาญ คือจะมีไม่มีอะไรจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเอามาอวด รักจะคบกันเป็นเพื่อน ให้ใจกับใจมาก็พอแล้ว กินไหนเฮนั่นกันก็พอ ส่วนเรื่องทรัพยืสินเงินทอง ใครจะมีเป็นร้อยล้านพันล้านก็ไม่อยากรับรู้ น่าเบื่อค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ใช่ว่าคนไทยเท่านั้นที่เป็น...มันเป็นไปทั้งโลกละครับ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเรา หรือว่าเกี่ยว แต่เราไม่รู้
เราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเพราะไม่ใช่สังคมของเรา หรือว่าเป็นภาษาที่เราคุ้นเคย ได้ยินเขาพูดแล้วยิ้มก็เลย
ไม่ได้คิดว่าเขานินทาเรา เพราะฟังไม่ออก แถมยิ้มให้ซะอีก...นึกว่าเขาชมไปโน่น

ร้านผมเป็นร้านอาหารที่มีคนต่างชาติมาใช้บริการมาก เพราะบรรยากาศมันให้ (คล้ายร้านอาหารต่างประเทศ)
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำลูกค้าผู้หญิงชอบไปด้วยกันเป็นกลุ่ม มีฝรั่งล้วน ฝรั่งผสมไทย ไปดื่ม ไปกินข้าว แล้ว
ก็นินทาชาวบ้านกัน ทั้งไทยแล้วก็พวกตนเอง ครั้งต่อไปอาจจะขาดบางคนในกลุ่มไป ก็จะได้ยินเขานินทาคนนั้นกัน
ครั้งต่อมาคนที่ถูกนินทามาด้วย แต่มีคนอื่นขาดไป เขาก็จะนินทากันถึงคนที่ขาดไปนั้นกัน มันเป็นอย่างนี้ละครับ

ผมไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เคยแต่ยกตัวอย่างไปถามลูกค้าที่สนิท (นี่ก็เข้าข่ายนินทานะ) สิ่งที่เขาตอบมามัน
เป็นคำถาม ที่ทำให้ผมประหลาดใจมาก...เขาถามว่า "ผู้หญิงไทยเป็นอย่างนี้กันบ้างไหม?" เขายังบอกว่าผู้หญิง
ที่ประเทศเขามีเวลาว่างไม่ได้ ต้องซุบซิบนินทากันลับหลัง แต่เวลาเจอหน้ากัน ก็เป็นยังกับเพื่อนซี้กันซะงั้น...


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
อยู่มาหกปีกว่า ในปีแรกๆก็คบคนไทยในเวลานอกคลาสเรียนเจอคล้ายกันคือต่อหน้าอย่างดีมาก เหมือนเป็นรุ่นพี่ที่สนิท มีไรคุยกันตลอด ไปไหนไปกัน ลับหลังพูดถึงเราในทางเสียหาย คอยแทงข้างหลังให้คนอื่นดูเราไม่ดี ปีต่อมาก็เลยค่อยๆเลิกคบคนไทยหมด มาเจอแฟนคนพื้นที่พาเข้ากลุ่มเพื่อนๆฝรั่งเลยเหมือนเปิดโลกทัศน์ใหม่ เป็นอะไรที่ดีมากๆ ส่วนกลุ่มคนไทยน่ะแค่รู้จักผิวเผินพอแล้วสนิทกันมากๆเกิดวงแตกทะเลาะกันทุกที เพราะคนไทยมักมีนิสัยตัวติดกันตลอดไปไหนมาไหนเลยทะเลาะกันง่าย อิจฉาริษยา และไม่มีช่องว่างส่วนตัว


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
สังเกตุดู สังคมไทยแค่รู้จักไม่สนิท ก็เรียกว่า เพื่อน ไปหมด
ผิดกับฝรั่ง ต้องคบกันสนิทจริงๆ ถึงเรียกว่าเพื่อน
และเป็นเพื่อนจริงใจทั้งยามทุกข์และสุข


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ ยังไม่ทราบเลยค่ะ ว่าคุณ จขกท. อยู่ต่างประเทศนอกประเทศไทย ที่ประเทศไหนเอ่ยคะเนี่ย?

หวังว่าคงจะไม่ใช่ประเทศที่ดิฉันคิดเอาไว้ในใจนะคะ เพราะเคยเจอมาเหมือนกันค่ะ ขอบอกว่าส่วนใหญ่แล้วน่ากลัวมากๆ
ดิฉันเองก็เคยพบคนไทยมาหลายประเทศแล้ว แต่ประเทศที่ดิฉันคิดเอาไว้ในใจ และ อีกสี่-ห้าประเทศอื่นๆ น่ากลัวสุดค่ะ

ดิฉันคบทั้งคนไทย และ คนต่างชาติทุกชาติค่ะ แต่ชอบคนแต่คนที่สามารถไปกันได้ สติปัญญาระดับเดียวกัน
รสนิยมคล้ายๆ กัน ความชอบคล้ายๆ กัน ทัศนะคติในด้านต่างๆ หลายๆ ด้านคล้ายๆ กันค่ะ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่คบให้เสียเวลาค่ะ
และ เพราะดิฉันอยู่ไม่ค่อยเป็นที่เป็นทาง และ มีโลกส่วนตัวสูงมากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
คนเราหน่ะ ถ้าจะเป็นเพื่อนกันได้ จะคบกันได้ ศีลต้องเสมอกัน Value ต่างๆ ในชีวิตก็ต้องเสมอกันด้วยค่ะ
และ ต้องไม่อิจฉาริษยากันทั้งต่อหน้าและลับหลัง เวลาที่เพื่อนทำอะไรให้ก็ต้องสำเหนียกจริงๆ สำนึกจริงๆ
และ ต้องแสดงตัวตนออกมา ไม่ใช่เม้มเก็บเอาไว้ หรือ แอ๊บเอาไว้ค่ะ หรือ ไม่ใช่เอาเพื่อนๆ ทุกคนไปนินทาลับหลัง
หรือนินทาคนโน้นให้คนนี้ฟัง นินทาคนนี้ให้คนโน้นฟังค่ะ

คุณ จขกท. จำไว้ประโยคหนึ่ง ประโยคนี้ จำไว้ให้ดีนะคะ "มากคน ก็มากความค่ะ"


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ไม่เคยคบคนแบบนี้คะ และคิดว่าถ้าเจอ ก็จะปลีกตัวออกห่างทันที จะไม่คบหาสมาคมให้เสียเวลา

อยู่เมืองนอกมันเหงา ก็ให้หาอะไรทำแก้เหงา หาคอร์สเรียน หาทำงานอดิเรกอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคนๆ นั้น เรื่องคบเพื่อนนี่ก็อีก คนดีมีเยอะแยะไปทั้งไทยและเทศ แต่เราต้องรู้จักเลือกคบคนค่ะ คนไหนไม่ดี ก็ให้คัดออกไปซะ อย่ามัวไปเสียเวลาให้ความสำคัญกับคนที่ไม่จริงใจกับคุณเลยค่ะ

รู้ว่าเค้าหลอกก็อย่าปล่อยให้เค้าหลอกสิคะ คุณต้องรู้จักรักษาดูแลตัวเองบ้าง อย่ามัวแต่ไปเกรงใจคนอื่นที่ไม่เกรงใจคุณอยู่อีกเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คนแบบนี้มีทุกสังคมแหละ ทำใจให้สบาย เป็นตัวของตัวเอง และเป็นที่พึ่งของตัวเองดีที่สุด ตอนเราอยู่ต่างประเทศ ก้อ/ม่มีเพื่อนไทยเลย ไม่ได้เลือกคบ แต่ลองแล้วมันไปไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เจอสเปค 55 เราว่าถ้าตัดสัญชาติออกไป คบกันด้วยนิสัยที่เข้ากันได้ ชาติไหนก็ได้ เราเจอคนแบบที่ จขกท เจอ แต่เค้าอยู่ในไทยนี่หละ คนแบบนี้วิเคราะห์แล้วเค้าเป็นพวกไม่จริงใจ แต่ไม่กล้าไม่คบใคร เพราะหวังว่าอาจต่องพึ่งพาคนรอบตัวเค้าในวันข้างหน้า ชอบเสนอ เอาอกเอาใจ ลับหลังก็พูดว่า ไม่ได้อยากทำแต่ปฏิเสธไม่ได้ ทั้งๆที่เราก้อไม่ได้ขอซะหน่อย เธอเสนอตัวเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
บางคนคบคนไว้เป็นวัตถุดิบสำหรับเอาไปนินทากับคนอื่น
มีจริงๆนะคนแบบนี้ รู้จักคนเยอะ ก้มีเรื่องคุยเยอะ เรื่องของคนอื่นทั้งนั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ม้ทุกสังคมค่ะ ดิฉันอยู่กับสังคมฝรั่งมากกว่าคนไทยก็ได้ยินเขานินทาคนในกลุ่มตลอด แต่ความเกรงใจและลิมิตในการาินทา


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
พิมพ์ไม่จบกดส่งไปเสียก่อน คุยต่อ ลิมิตการนินทาของฝรั่งเขามีค่ะ เช่นวันก่อนคนในกลุ่มเขามานินทา เพื่อนในกลุ่มที่กำลังจะแต่งงานให้ฟังว่าครั้งที่เท่าไหร่ พอเห็นเราเฉยและเงียบเขาก็รู้ว่าเราไม่ชอบฟังก็เปลี่ยนเรื่อง เจอกลุ่มคนไทยที่เม้าท์กันให้เราฟัง เราเฉยเขาก็ยังคุยอยู่นั่นแหล่ะ อยากพูดก็ปล่อยให้พูดแต่ไม่เป็นขุนพลอยพยักกับเขา ถ้าทำงานอยู่ก็ทำงานของเราไปด้วยไม่ตอบโต้ เดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเขาอยากคุยอะไรให้ฟัง เพราะเล่าอะไรให้เราฟังก็เหมือนเล่าให้ก้อนหิน ไม่มีปฎิกิริยาตอบโต้ เหนื่อยเขาปล่าว อีกอย่างไม่ค่อยได้เข้ากลุ่มคนไทยเยอะด้วย เพราะงานยุ่งค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
เรื่องนินทาว่าร้ายน่ะ มันมีทุกชาติทุกภาษาแหละค่ะ ตราบใดที่มนุษย์เรายังมีกิเลสอยู่
เวลาใครเค้ามานินทาอะไรให้ฟัง ก็ทำเฉย ๆ ค่ะ ไม่ผสมโรงไปด้วย คนนินทาก็ไม่มัน ก็จบไปตรงนั้น ก็ต้องไปหาคนอื่นที่คอเดียวกันมานินทาต่อไป


ไม่ต้องไปเข้าใจหรอกค่ะ ว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนั้น เลิกคบ สั้น ๆ จบ ตัดอะไรที่ไร้สาระออกไปจากชีวิต จะทำให้รู้สึกดีขึ้นทันทีค่ะ

มีเพื่อนน้อยแต่ดี ดีกว่ามีเพื่อนมากแต่ว่าร้ายนะคะ เลือกคบคนที่คุณภาพค่ะ ซึ่งบางทีก็ต้องดูกันนาน ๆ กว่าตัวตนจริง ๆ จะออก เพราะส่วนใหญ่แรก ๆ คบกัน ก็ดีต่อกันทั้งนั้นแหละ นาน ๆ ไปจึงจะค่อยรู้ว่าใครเป็นอย่างไร


คนที่ดีก็มักจะตกเป็นเหยื่อของคนที่ร้ายกว่า หรือว่าอย่างที่คุณจขกท. เรียกตัวเองว่าคุณเป็นคน "โลกสวย" นั่นแหละค่ะ ไม่เป็นไร เมื่อรู้ตัวแล้วก็พยายามอย่าโลกสวยกับคนที่ร้ายกับคุณนะคะ ไม่งั้นก็จะเสียใจเอง

คนไทยคบกันในต่างประเทศเนี่ย หาที่จะเข้ากัน คบกันเป็นเพื่อนจริง ๆ ได้ยากค่ะ ก็ระวังตัวนิดนึงแล้วกัน ประเภทยกตนข่มท่าน คุยโวโอ้อวด นินทาว่าร้ายชาวบ้านไปทั่ว รวมทั้งพวกศีลธรรมเสื่อมเนี่ย อย่าได้เสียเวลาไปคบค่ะ โบราณท่านว่า "คบคนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล" ยังใช้ได้อยู่เสมอ ไม่เคยล้าสมัยค่ะ เพียงแต่ว่ากว่าจะรู้ว่าใครเป็นคนพาล ใครเป็นบัณฑิต มันก็เสียเวลา เสียใจ และเสียความรู้สึกอะไรต่าง ๆ ไปบ้าง แต่ว่าอย่าได้แคร์ค่ะ ถ้าคนดีเราถึงใส่ใจ คนไม่ดีก็ต้องสนใจค่ะ ต่างคนต่างอยู่ จบ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ผมมาอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่ปี 2001 ก็ได้เจอกับคนไทยที่นี่หลายคน และมีสนิทกับรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งอยู่ที่นี่มานาน ก็คบกันนานนะครับ เกือบๆสิบปี แต่อยู่ดีๆก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์และหายหน้าไปเลย ก็ทำนองเดียวกันกับ จขกท นั่นแหละครับ ดีกับเราแต่ข้างนอกแต่ลึกๆไม่ และผมก็รู้ด้วยว่าเขาและหลายๆคนนินทาผมลับหลัง แต่ก็นั่นแหละครับผมไม่ใส่ใจถ้าอะไรที่เขาพูดมันไม่จริง หลังจากนั้นผมก็ตัดหางปล่อยวัดเลยครับ คือไม่คบแบบสนิทสนมอีกแล้ว ก็พบกันบ้างบางครั้ง ตามที่ต่างๆ ก็ทักทายตามปกติ เพราะผมไม่มีอคติกับใคร ตอนนี้ก็ไม่มีเพื่อนที่เรียกว่าสนิท ที่เป็นคนไทยเลยครับ และก็ไม่อยากมี ถ้ามีแล้วปวดหัว และไม่มีเรื่องสร้างสรรค์ นอกเสียจาก คอยแต่เอาเรื่องของคนโน้นคนนี้มาวิจารณ์ เสียๆหายๆ ทั้งๆที่ไม่รู้จริง ผมก็ยิ่งไม่ชอบเรื่องอะไรอย่างนี้ด้วย ผมไม่ได้พูดเหมารวมไปทั้งหมดนะครับ ผมเชื่อว่ามีคนที่ นิสัยดีๆเยอะ แต่เพียงว่าเราอาจจะเจอแต่คนประเภทที่เรียกว่า รู้แต่หน้าไม่รู้ใจ ก็เลิกคบก็แค่นั้นครับ ถามว่าเหงามั๊ย ก็แน่นอนครับเพราะบางทีอยู่ใกลบ้านก็อยากมีคนหรือเพื่อนที่คุยกันได้รู้เรื่อง แต่ถ้ามาแบบซุกมีดซุกขวานไว้ข้างหลัง คบแบบใส่หน้ากากผมก็ขอ อยู่เป็นเพื่อนตัวเองดีกว่าครับ ตอนนี้ก็มีเพื่อนแต่เป็นฝรั่ง รู้สึกว่าเขาคบแบบจริงใจกว่า และข้อดีก็คือได้ฝึกภาษาไปในตัวอีกด้วย ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ รวมทั้ง จขกท ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
eileenza สงสัยจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

gift is a present คือเราเองก็ไม่เข้าใจว่าเค้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร "งง"

แม่น้องเบนส์ เค้าก็ไม่ได้เป็นคนขี้คุยเท่าไหร่

tnu โอ้ววว เราเข้าใจโลกมากขึ้นบ้างแล้วคะ

ผ่านมา กลุ่มเราก็คล้าย ๆ แบบนี้ ตอนนี้เริ่มแยกกลุ่มแล้ว

บอนเนอร์ โดนใจคะ สามีเราก็เคยถามว่า ทำไมเรียกเค้าว่าเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน 555


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
Been there, done that! จขกท อยู่ที่ อเมริกาคะ ขอบคุณที่มาเตือนนะคะ
เคยมีคนเตือนหลาย ๆ ครั้ง แ่ต่ไม่เคยจำ

Smilla ความเกรงใจนี่ติดเป็นนิสัย กลัวเสียมารยาทด้วยอะคะ ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากเดินหนี

RoriM ประมาณนี้แหละคะ

Febie สงสัยจะคบไว้ประดับบารมี อิอิ

Rinta เราก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็ไม่ใครคอยเล่าอะไรให้ฟัง เพราะเราบอกไปแล้วว่า
เราไม่อยากให้ใครมาว่าเพื่อนเรา ดีไม่ดีเค้าก็คือเพื่อนของเรา

Amber n the Gang ต่อไปจะอยู่คนเดียวให้ได้คะ

เด็กดอย ถ้าได้งานทำ คงจะมีเพื่อนฝรั่งเหมือนคุณบ้างนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ใครเตือนก็ไม่เท่าเราเตือนตัวเองและรู้เท่าทันคนพวกนี้
คบได้แต่อย่าสนิทมากต้องมีขอบเขต ไม่งั้นจะเป็นภัยแก่ตัว
เราเองเคยโหยหาเพื่อนจนโดนหลอกใช้มาเยอะ
เดี๋ยวนี้เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองไม่มีใครเราก็มีความสุขได้


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
นิสัยแบบนี้มีเยอะในทุกๆที่อะ เวลาจะคบใครต้องเลือกคบดีๆ ดูเอาไว้ ถ้าคนนึงๆมาคุยกับเรามีแต่นินทาคนอื่นให้เราฟัง ก็จำไว้ ว่าเราอาจจะเป็น 1 ในนั้น คบได้นะ แต่อย่าไปเล่าอะไรเรื่องของเราให้ใครฟังมาก เล่าเท่าที่เล่าได้พอ

เราเป็นคนที่มีเพื่อนมากนะ แต่สนิทจริงๆไม่กี่คน และในแต่ละคน ก็เล่าได้แค่บางเรื่อง มีแค่คนเดียวจริงๆที่เราเล่าได้ทุกเรื่องแบบไม่ปิดบังอะไรเลย ^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
เรากลับไม่ชอบเพื่อนที่เอาเรื่องมาบอกว่า คนนั้นคนนี้เขาว่าเรางั้นงี้มากกว่าค่ะ
คือโดนนินทาก็เรื่องนึงแล้ว และเราไม่อยากรับรู้หรอกหนักสมอง แต่มีเพื่อน
ที่ชอบเอามาบอกเราไรงี้ นี่แหละที่ไม่ชอบ เพราะเขาหวังให้เราโกรธ พอเราโกรธปุ๊บ
บางทีก็อาจจะพูดอะไรไม่ดีออกไป แล้วเพื่อนคนเดิมนี่แหละที่เอาเรื่องที่เราพูด
กลับไปบอกเพื่อนที่นินทาเราอีกที แล้วก็เลยมีปัญหากลับไปกลับมานี่แหละ คนแบบ
นกสองหัวนี่แหละที่เรากลัวมาก เคยเจอมาแล้ว และเลยไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเลย

ที่จริงไม่ใช่คนไทยเท่านั้น คนฟิลลิปินส์ก็ชอบนินทามาก อยากรู้อยากเห็นไปซะหมด
มีเพื่อนร่วมงานเป็นสาวปินส์ เธอช่างซักช่างถาม แล้วเราก็เป็นคนตรงไปตรงมา เราไม่ชอบโกหก ใครถามอะไรก็ว่าไปตามตรง แต่กลับโดนเอาไปนินทาว่าเราไปอวดเขา
อย่างบางทีว่างก็จะชอบมาถามว่า เงินเดือนเรา เราได้ใช้เองรึเปล่า เราก็บอกใช่เงินเรา
เราเก็บเอง ซึ่งมันไม่ได้มากมายเลย เพราะเราทำแค่พาร์ทไทม์และเก็บเงินไว้ให้แม่เรา เธอก็จะทำหน้าแบบ
อิจฉา (รู้ค่ะ) และบอกดีจังที่เราได้เก็บ เพราะของเธอต้องช่วยใช้จ่ายในบ้าน

บางครั้งก็มาถามเราว่าเงินเดือนแฟนเราคงเท่านั้นเท่านี้มั้ย พร้อมยกตัวเลขมาเสร็จ
เราก็พยักหน้า อืมม ใช่ เพราะเราไม่คิดอะไรจริงๆ เราเป็นคนไม่ชอบคิดอะไรมาก
เป็นคนซื่อ(บื้อ)มาก และมีอีกหลายครั้งที่คนนี้ชอบมาซักไซ้ไล่เลียง อยากรู้อยากเห็นไปหมด
พอเราบอกตามความจริงก็เอาไปว่าหาว่าเราอวดงั้นงี้ (ประหลาด แล้วจะถามทำไม) หลังๆเราเลยหลบๆไปซะ เบื่อ เพราะดูเหมือนว่าเราจะเล่าอะไรเกี่ยวกับครอบครัวแบบตรงๆไม่ได้เลย มันกลายเป็นว่าเราอวดเราดีกว่าเขาไปซะหมด เฮ้อ ทั้งๆที่เราไม่ได้คิดอะไรเล้ย แต่เขาระแวงไปเองแท้ๆ
ก็อย่างที่เขาว่ามากคนมากความนั่นแหละ เลยอยู่ห่างๆดีกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ตอนแรกเราไม่เข้าใจว่ารุ่นพี่ที่มาอยู่ที่ประเทศที่เราอยู่ก่อน ไม่ค่อยคุยกับเด็กใหม่ที่มาเลย
ตอนนี้เรารู้แล้วล่ะ หลังจากมาอยู่ได้ปีที่สอง ก็เริ่มเข้าใจ
คนเยอะ เรื่องแยะ ยิ่งเราไปรู้จักมากเท่าไหร่
ยิ่งรู้สึกอึดอัด รู้สึกแย่ เฮ้อออ เอาไว้เจอกันเฉพาะวันสำคัญที่สถานทูตละกันนะจะ
แหะๆ --"


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
เราว่า จขกท ถอยห่างมาหน่อยดีกว่าค่ะ อย่าเป็นคนขี้เกรงใจ เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ถ้าเค้าอยากมาหา ก็บอกว่าไม่ว่าง หยุดติดต่อไปสักพัก พอโทรมาก็บอกว่า เรายุ่งอยู่ต้องทำโน้น ทำนี่ก็ว่าไป เดี๋ยวเค้าก็เลิกคุยไปเอง

เราเคยเจอคนไทย ที่วัดค่ะ เพิ่งเจอครั้งแรก แถมเราเพิ่งมาอยู่ ตปท ได้แค่ 2 weeks กำลังว้าเหว่ 555 เจอใครก็ทัก ก็คุยไปเรื่อย บางคนก็คุยดี บางคนก็แบบมองเหยียด เลย เราก็เลยถึงบางอ๋อ นึกได้ว่า เพื่อนเคยเตือนเรื่องคุยกับคนไทยในต่างแดน จากนั้นก็เฉย ๆ ขนาดไม่ได้คุยกับใครมาก มีคนมาเล่าให้ฟังว่า คนที่เราเคยคุยด้วยที่วัด เค้ามานินทาว่าแฟนว่านี่แก่มาก เราก็งง อาไรหว่า เจอกันครั้งเดียว แฟนเรา 50 ส่วนแฟนเค้าไปโน้นแล้ว 70 แถมมาคุยว่าชอบซื้อเสื้อผ้าร้าน Esprit ส่วนเราก็บอกว่า เราชอบเข้าร้านมือสอง ของดีเยอะ เลือกเพลิน มีวันนึงเราไปเจอเค้าในร้านมือสองเหมือนกัน โอ๊ยอยากขำกลิ้ง เราเดินผ่านไป ไม่ทัก ทำแบบไม่รู้จักไปเลย เราเป็นคนเก็บหน้าไม่เก่ง ถ้าไม่ชอบใคร หน้าตา ท่าทางออก


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ว่างั้นนะ เรากำลังพยายามอยู่คะ

ข้าวปั้นหน้าไข่กุ้ง อิจฉาคุณจังเลยคะ อย่างน้อยก็มีหนึ่งคน

Fly away home เจอแบบเดียวกันเลยคะ แต่ของเราเป็นคนไทยกันเองนี่แหละ

SO sleep (mooyuiye) ต่อไปก็จะทำตามบ้างนะคะ

แม่มดตัวจิ๋ว โดนเหมือนกันเลยคะ หาว่าเราไม่มีความรู้ ไม่งั้นคงไม่มีแฟนแก่ เราห่างกับแฟนแค่สิบห้าปี แต่เค้าห่างกันตั้งสามสิบปี


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
อ่านแล้วเหมือนคนไทยร้าย ๆ จะไปชุมนุมกันแถวเมืองนอกเลยแฮะ 5555


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
^
^
ที่เมืองไทยเราเคยเจอมาหนักกว่านี้อีกค่ะ ทั้งเหยียบย่ำซ้ำเติมอีกต่างหาก
นินทาว่าร้ายเป็นที่หนึ่ง หลังๆมานี่ได้ข่าวว่าพวกผู้หญิงที่นินทาเราไว้พอมีลูกสาว
กลับเป็นหนักกว่าที่เขาเคยนินทาเราไว้ซะอีก อิอิ อย่าให้พูด แต่คนดีๆก็มีมากเช่นกันค่ะ

** เข้ามาแก้ไขนิดนึง ไม่ได้ว่าคนปินส์ขี้นินทาทั้งหมดนะ เรามีเพื่อนเป็นสาวปินส์สองคน นิสัยดีมากๆ คนหนึ่งมาจากเกาะมินดาเนา อีกคนเกิดและโตที่เมกา
และมีเพื่อนคนไทยที่ดี ไม่ชอบนินทาเหมือนกันอีกสามคนที่อยู่เมกา

ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ไม่มีประสบการณ์ร่วมในต่างแดนค่ะ
เพราะไม่ใส่ใจ

แต่เคยเจอในสมัยเป็นนักเรียน
วัยนั้นเป็นวัยอยากได้เพื่อน หรือที่เรียกว่า ง้อเพื่อน
ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าถูกนินทา ซื่อบื่อสุดสุด
แต่งงเหมือนกันว่าทำไม เพื่อนบางคนจึงเปลี่ยนไป
ช่วงนั้นมีทุกข์เพราะไม่เข้าใจโลก ยังเป็นเด็กมาก
พอภายหลังมีคนมาบอก เราถึงจะถึงบางอ้อ

ปัจจุบันเรียนรู้ว่า อะไรที่เราใส่ใจมาก เราจะเจ็บมาก
ถ้าเราไม่สนใจ ไม่ง้อ หรือพูดง่าย ๆ
ไม่ง้อสังคม มันจะไม่เจ็บเพราะคำพูดของคน
เพราะคนจะพูดอะไรก็ได้ ทั้งจริง ทั้งเท็จ

ปรากฎการณ์การถูกนินทา เป็นของคู่โลก
ถ้าคิดได้แบบนี้ เราจะเฉย ๆ นะคะ
เพราะอย่างน้อยก็แสดงว่า
เรามีคนสนใจ ถึงมีคนพูดถึง


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
นี่แค่เพื่อนนะ ส่วนเราคนในครอบครัว พี่น้องท้องแม่คนเดียวกันก็ยังนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลังเลยค่ะ
ตอนนี้ยอมตัดใจไม่ติดต่อ หันมาให้ความสนใจครอบครัวตัวเองไม่มีเรื่องให้หนักใจ และไม่ต้องกลัวเค้าจะเอาเรื่องของเราไปนินทา สบายกว่ากันเยอะเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ไม่เคยเจอค่ะ เพราะไม่คบใคร ^__^ ที่รู้จักกันจะโดยบังเอิญมากกว่า จากที่โรงเรียนหรือที่ทำงานค่ะ แต่ไม่ค่อยสนิทกัน เลยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
พอเราไปอยู่ต่างถิ่นเราก็คาดหวังว่าคนชาติเดียวกันจะรักและเกื้อกูลกัน แต่กลับตรงกันข้ามก็ค่อนข้างผิดหวังเหมือนกันนะ เคยเจอคนไทยที่วัดไทยในนิวยอร์คค่ะ เรายกมือไหว้แล้วก็แล้วกันค่ะไม่คิดจะติดต่อด้วยเพราะเห็นอาการคอแข็ง บอกตรงๆ ว่า ไม่ชอบเสแสร้งอ่ะค่ะ ตอนทำงานก็จะชิงดีชิงเด่นกันนิดนึง เรื่องนินทานี่เป็นกิจวัตรประจำวันกันเลยก็ว่าได้ค่ะ แต่ก็ยังดีหน่อยที่บางครั้งมีปัญหากับคนชาติอื่น คนไทยบางคนก็เข้าข้างและคอยช่วยเหลือ สรุปคือ ถ้ารู้สึกสบายใจที่คบก็คบ ไม่สบายใจก็แค่คุยผ่านๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
โดนเหมือนกันหนักด้วยตอนนี้ช้ำทั้งใจและกายสวดมนขอให้เจอคนดีดีด้วยเถิด
ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
ขอระบายนะคะเรื่องมีอยู่ว่าได้แต่งานกับสามีชึ้งเป็นชาวยุโรปและได้มาตั้งหลักปักเลนอยู่ที่เมืองกับแฟนได้เจอคนไทยพอสมควรดิฉนเป็นคนชื่อมากกถือว่ามากกใครถามอาไรก็บอกไปตามนั้นใครพานินทาอะไรก็ไปกับเขาสรุปตอนนี้เข้าตัวเองหมดทุกเรื่องตอนนี้ถือว้าคนไมีชอบขี้หน้าเราเยอะเพราะการพูดไปต่อออมันคนละเรื่องกะที่เราพูดแต่มันก็โอเราได้รู้ว่าใครเป็งยังไงส่วนคนที่ไม่ชอบเราก็สืบคะสืบทุกเรื่องรามไปถึงครอบครัวที่เมืองไทยมันไม่น่าจะทำกันขนาดนั้นส่วยคนที่คอยย้ำเติมก็คนที่พูดคุยกับเราบ่อยๆละคะตอนนี้ลาละคะอยู่กับครอบครัวเลี้ยงไอ้ตัวเล็กเลี้ยงหมาไม่ได้พูดกันเฉพาระคนไทยแต่รามไปทั้งเมืองคิดแล้วเจ็บใจไม่หายโดนข้อหาหนักหลายข้อหาสอบใบขับรถได้เธอชื้อมาเหรอ ผัวให้ของให้เงินเธอเล่นของเหรอ สอบที่โรงเรียนผ่านพูดไม่ได้ เขียนไม่ได้ผ่านได้ยังไง อยากจะบอกว่า กูมีปัญญาก็ให้กูเถาะ ได้ระบายแล้วโล่งอก ตอนนี้ไม่มีใครคบเราเลยแต่ก็สบายใจมากกกอยากให้เขาเจอแบบเราบ้างเขาจะรู้สึกยังไง
ตอบกลับความเห็นที่ 35