ถ้าจะไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วจะพักที่บ้านเพื่อน แบบนี้เวลาขอวีซ่าต้องเอาเอกสารอะไรจากเพื่อนบ้างอะค่ะ

ถ้าจะไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วจะพักที่บ้านเพื่อน แบบนี้เวลาขอวีซ่าต้องเอาเอกสารอะไรจากเพื่อนบ้างอะค่ะ รบกวนผู้รู้หน่อยนะค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบไปพักบ้านเพื่อนหรือบ้านคนรู้จักของประเทศอะไรคะ? รายละเอียดหลักๆ คือ
เจ้าของบ้านต้องเขียนจดหมายเชิญคุณค่ะ เขียนถึงสถานทูตของเขาในประเทศไทย ในจดหมายต้อง
ระบุถึงความสัมพันธ์ ระบุว่ารู้จักกันอย่างไร นานแค่ไหน ทำไมจึงเชิญมาพัก จะพักตั้งแต่เมื่อไหร่
ถึงเมื่อไหร่ และเจ้าบ้านจะรับผิดชอบในการดูแลให้ที่หลับที่นอนหรือซัพพอร์ทในเรื่องอื่นๆ เช่นอาหาร
เรื่องพาเที่ยว ก็เขียนลงไปค่ะ ต้องระบุชื่อคุณ สัญชาติ เบอร์พาสปอร์ต ระบุที่อยู่ที่จะไปพักโดยละเอียด
รายละเอียดในการติดต่อของเจ้าของที่พักโดยละเอียด

เจ้าของที่พักต้องแนบสำเนาพาสปอร์ตมากับจดหมาย หลักๆ ก็มีเท่านี้ค่ะ แต่ถ้าปลีกย่อยลงไปอีก
แล้วแต่ว่าจะเป็นของสถานทูตไหนประเทศไหน ก็คือเจ้าบ้านต้องแสดงเอกสารเพิ่มเติมเช่น

บัญชีธนาคาร หลักฐานในการประกอบสัมมาอาชีพ
หรือในหลายๆ ประเทศเจ้าบ้านจะต้องไปขอใบอนุญาตจากทางการท้องถิ่น หรือขอเอกสารจากสถานีตำรวจ
ท้องถิ่นเอามาให้คุณเพื่อเอาไปเป็นเอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่าด้วยค่ะ หลักๆ ก็มีเท่านี้ ส่วนรายละเอียด
ก็แล้วแต่ประเทศค่ะ ซึ่งคุณสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซท์ของสถานทูตนั้นๆ เลยค่ะ ว่าต้องใช้อะไรบ้าง

วีซ่าท่องเที่ยวแบบพักบ้านเพื่อนของประเทศไหน อังกฤษ สเปน อินเดีย จีน ญี่ปุ่น ภูฏาณ เป็นต้น ไม่ทราบ
ว่าคุณ จขกท. จะไปประเทศไหนนะคะ

ถามมากว้างๆ ไม่ระบุประเทศก็ช่วยแนะนำให้ได้กว้างๆ แค่นี้นะคะ หรือกรุณารอ คห. ถัดไปมาช่วยดูให้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ที่ UK ค่ะ

แล้วถ้าขอเป็นวีซ่าท่องเที่ยวล่ะค่ะ ประมานว่า มีทั้งพักที่โรงแรมและ และพักบ้านเพื่อนบางคืนอะค่ะ แบบนี้ต้องส่งเอกสารของเพื่อนมั้ยค่ะ หรือกรอกแค่ที่อยู่พอ?? ขอบคุณมากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
พักบ้านเพื่อนกี่วันโรงแรมกี่วััน ถ้าให้ดีต้องระบุจะดีกว่าค่ะ
พักโรงแรมจากวันที่นี้ถึงวันที่นี้ มีใบจองพร้อม
และพักบ้่านเพื่อนกี่วันจากวันไหนถึงวันไหน
ต้องมีใบเชิญเหมือนคหหนึ่งบอกมาค่ะ
แต่ขอเราฝรั่งเศล. มีต้องมีรับรองจากอำเภอด้วย
โดยที่คนเชิญไปขอมา พร้อมจดหมายเชิญ
ระบุความส้มพันธ์
สำเนาพาสพร้อมลายเซ็นคนเชิญ
ว่ามาอยู่กี่วัน วันไหนถึงวันไหน
แต่เรายัง ข้องใจอยู่เหมือนกันว่าต้องไปรายงานกับอำเภอหรือเปล่า
ว่าเรามาแล้วนะอยู่นี้จริงๆนะ >_<
แอบสงสัย

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ต้องส่งเอกสารของเพื่อนคุณที่จะไปพักด้วยค่ะ
-ให้เขาเขียนเป็นจดหมายเชิญมานะค่ะ ว่าจะรับรองเรื่องที่อยู่กีวันก็บอกไปตามที่คุณจะไปอยู่ตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน
-สำเนาพาสปอร์ต
-Council Tax bill หรือบิลค่าน้ำ ค่าแก๊ส ค่าไฟ มาอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อยื่นยันที่อยู่ค่ะ

เอกสารต่างๆตามลิงค์ค่ะ
http://www.ukthaivisa.com/uk-visa/visitortourist-visa


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
แต่ถ้าที่ถามนี่เป็นไปการไปขอวีซ่าเมกาละก้อ การที่บอกว่าจะไปพักบ้านเพื่อน ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารอะไรจากเพื่อน เพราะเอกสารกงสุลเขาไม่ถือเป็น Issue แต่ต้องตอบคำถามดังต่อไปนี้

1.เพื่อนที่ว่าจะไปพักด้วยนี้ป็นใคร ทำอะไรในเมกา อยู่ในสถานะอะไร?
2.บ้านเพื่อนอยู่ที่ไหน และไปพักกับเขาแล้วจะเที่ยวกันที่ไหนอย่างไร?

ข้างต้นนี้เป็นคำถามหลักๆ ถามกว้างๆดูไม่มีอะไรมาก แต่จริงแล้วการตัดสินใจของกงสุลอยู่ที่คำตอบของคำถามเหล่านี้ ที่เขาว่ากันว่าอย่าได้อ้างว่ามีคนรู้จักันและไปพักกับเขา ก็คือจะหลีกคำถามพวกนี้ เพราะคำตอบมันมีความคมในตัวของมัน ที่อาจจะเชือดเฉือนตัวเราได้ ระวังคำตอบให้ดีด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
อะไรจะขนาดนั้น เป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ
ต่อไปนอกจากสูติบัตรแล้ว อาจจะต้องบอกชื่อหมอตำแยด้วยไหม


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
คุณ อิสวาสุ

คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่า การที่จะไปเที่ยวเมกาเนี่ย ต้องอ้างว่ามีคนรู้จักและเชิญมาเพื่อไปอยู่กับเขา เพราะไม่รู้จะอ้างว่าไปพักอยู่ที่ใด ตาม โรงแรมเรอะ ก็อ้างชื่อที่อยู่ไม่ถูก เพราะโดยความจริงแล้ว คนมาเมกาประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ มาโดดๆคนเดียวคงแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทีนี้จุดที่มีการออกจดหมายเชิญเอย การอ้างอิงถึงญาติหรือเพื่อนที่อยู่เมกาอยู่แล้วเอย ก็จะเป็นจุดที่กงสุลเขายิงคำถามเพื่อล้วงลึกลงไปในคำตอบว่า สมควรจะให้วีซ่าหรือไม่?


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คุณ : Rapier จริงๆแล้วคุณคิดว่าการที่มีคนเชิญมาจะช่วยให้ผ่านวีซ่าง่ายขึ้นหรือเปล่า ผมยังไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้ คือไม่เชื่อว่าจะช่วยได้ ผมอาจจะผิดก็ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ตอบคุณ อิสวาสุ

ผมว่าการที่ไปยื่นจดหมายเชิญอาจจะทำให้ไม่ได้รับวีซ่า หากตอบคำถามได้ไม่เคลียร์พอ ทางที่ดีคือระบุ รร เป็นที่พัก จัดการแผนการท่องเที่ยวเป็นวันๆให้ละเอียด แสดงความผูกพันที่มีในเมืองไทยให้แน่นหนา หากถูกถามว่ามีคนรู้จัดที่ๆจะไปไหม ถ้ามีก็ตอบว่ามี แต่คงไม่ได้ไปพักอยู่กับเขา เพราะไม่อยากจะไปรบกวนเขา เป็นต้น เพราะอันนึงที่สำคัญคือหากบอกว่าไปพักอยู่กับเพื่อน ก็แสดงว่าผู้ขอวีซ่ามีความตั้งใจที่จะไปอยู่ (กับเพื่อน) ซึ่งจะอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ เดี๋ยวก็ไปทำงานตามเพื่อนอีก เลยโดนปฏิเสธซะเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน จเหมายเชิญทั่วๆไปจะไม่มีน้ำหนัก


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ถึงหนู Leo จขกท. จาก คห. 1 นะคะ ขอบคุณที่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมใน คห. 2
จากที่อ่านกระทู้ดู และอ่าน คห. 2 ดูแล้ว อยากจะสอบถามเพิ่มเติมว่า

1. ที่ว่าเพื่อนเนี่ย เพื่อนต่างเพศ ใช่ไหมคะ
2. เคยเจอตัวจริงกันมาก่อนไหม
3. รู้จักกันทางไหน อินเทอร์เน็ท? ทำงานด้วยกัน? รู้จักกันเองตัวเป็นๆ?
4. สนิทกันแค่ไหน ผิวเผิน?
5. เพื่อนมีอาชีพหรือไม่

คือถ้าเป็นเพื่อนต่างเพศ ไม่สนิทกัน รู้จักกันทางเน็ทเฉยๆ ไม่เคยเจอกันมาก่อน และถ้าเพื่อนไม่มีอาชีพ
เป็นหลักแหล่ง แบบนี้หน่ะ ไม่ต้องใส่ที่อยู่เลยนะคะว่าจะไปพักกับเขา จดหมายจากเพื่อนไม่ต้องขอค่ะ
เพราะถ้าขอ เพราะถ้าใส่ที่อยู่ คุณจะถูกปฏิเสธวีซ่าค่ะ

ถ้าคุณจะไปเที่ยว และไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ในอังกฤษ คุณต้องใช้โพรไฟล์ของตัวเองในการขอวีซ่าค่ะ
หลักๆ คือคุณต้องทำงานเป็นเรื่องเป็นราว ต้องมีใบลางานจากบริษัทระบุวันลาที่แน่ชัด และระบุวันที่
ต้องกลับมาทำงาน ต้องมีหลักฐานทางด้านการเงินที่จะสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทริปของตนเองได้
ทั้งค่ากิน ค่าโรงแรม ค่าเครื่องบิน และค่ายานพาหนะต่างๆ ระหว่างพำนักในอังกฤษ ต้องมีหลักฐาน
ในการรับเงินเดือน ถ้าคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้ คุณขอวีซ่าเองค่ะ และจองโรงแรมไปก่อน เพื่อที่จะเอา
ที่อยู่ไปใส่

วีซ่าท่องเที่ยวของอังกฤษ ไม่ขอดูใบจองโรงแรม ไม่ขอใบคอนเฟิร์มเมชั่นในการจองตั๋วเครื่องบิน
ไม่ต้องแสดงตั๋วเครื่องบินไป-กลับที่ออกตั๋วแล้วและจ่ายเงินแล้ว ไม่ขอประกันการเดินทางและประกันสุขภาพ

วีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษโดยทั่วไป ถ้าออกให้ จะออกขั้นต่ำระยะเวลา 6 เดือน ในแบบมัลติเพิ่ลใช้เข้า-ออก
ได้หลายครั้ง ยกเว้นในกรณีพิเศษจริงๆ อาจจะออกให้แค่ 15 วัน, 1 เดือน, 2 เดือน

เมื่อได้วีซ่าแล้วสามารถแคนเซิ่ลโรงแรมทร่พักบางคืนได้ เปลี่ยนที่พักได้ แต่ถ้าทำจะทำให้คุณไม่มั่นใจ
และต้องโกหก ต.ม. ที่สนามบินเวลาที่คุณต้องตอบคำถาม เพราะเรื่องที่พำนักถือเป็นเรื่องที่ ต.ม. อังกฤษ
จะถามเป็นคำถามพื้นฐานเลย และคุณจะต้องกรอกที่อยู่ของที่พักลงในใบขาเข้าด้วย

คำถามหลักๆ ที่ ต.ม. อังกฤษจะถามเสมอ สำหรับคนที่ถือวีซ่าท่องเที่ยว ถามก่อนพิจารณาสแตมป์
พาสปอร์ตอนุญาตให้เข้าประเทศคือ

1. มาทำอะไรที่อังกฤษ
2. รู้จักใครที่อังกฤษไหม
3. จะไปพักที่ไหน
4. จะอยู่นานกี่วัน นานแค่ไหน
5. จะออกจากอังกฤษเมื่อไหร่
6. ออกจากอังกฤษแล้วไปไหนต่อ
7. มีตั๋วขากลับแล้วหรือไม่
8. ใครออกค่าใช้จ่ายให้
9. บินมาจากไหน สายการบินอะไร

คำถามหลักๆ จะวนเวียนอยู่แนวๆ นี้ และถ้าคุณไปครั้งแรก คุณจะเจอถามแน่ๆ เกินครึ่งที่เราลิสท์มา
หรือเจอทั้งหมดเลย

คำถามง่ายๆ นี่แหละ แต่มันคือคำถามเดียวกับคำถามบางส่วนในคำร้องขอวีซ่า หลักๆ คือ ทาง ต.ม.
จะจับพิรุธของคุณ จะดูบอดี้ แลงเกวจทุกอย่าง จะดูความฉาดฉานในการตอบคำถาม และทุกๆ อย่าง
ที่เขาถามคุณหน่ะ เขามีคำตอบหมดแล้ว อยู่หน้าจอข้างหน้าเขา เมื่อรูดพาสปอร์ตของคุณไป มันจะขึ้น
มาหมด

และ ต.ม. อังกฤษเนี่ย เขาไม่ได้มีแต่คนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์คนเดียวเท่านั้นที่ดูคุณ แต่บางครั้งอาจจะมี
ต.ม. คนอื่นมายืนข้างๆ ด้วย หรือมี ต.ม. ที่ซีเนียร์ กว่านั้นดูอยู่ทางกล้องวงจรปิดนะ

//ได้โปรดอย่าถามว่าทำไมเราพิมพ์แนะนำได้เยอะขนาดนี้ แต่ขอให้เอาสิ่งที่เราเขียนไปพิจารณาถึง
คุณสมบัติในการขอวีซ่าของตนเอง และพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเพื่อนก่อน แล้วค่อยคิด
ถึงเรื่องทำการนัดหมายขอวีซ่า และรวบรวมเอกสารในการขอวีซ่านะ

ถ้าอยากไปเมืองนอกมาก และยังไม่พร้อมที่จะไปอังกฤษ ไปเที่ยวสิงคโปร์ก่อนก็ได้นะคะ หรือนัดเพื่อน
ชาวอังกฤษของคุณไปเจอที่ฮ่องกง สิงคโปร์ อินเดีย เวียตนาม ก่อนก็ได้ เมืองนอกเหมือนกัน
หรือไปตุรกี ไปเจอกันที่อิสตันบูลก็ได้จ่ะ พบกับเพื่อนของคุณครึ่งทางนะคะ เพราะตอนนี้คนไทย
พาสปอร์ตไทยเข้าตุรกีไม่ต้องขอวีซ่าแล้วค่ะ

มีคำแนะนำเท่านี้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
คุณดีดีที บอกว่า "ต.ม. อังกฤษเนี่ย เขาไม่ได้มีแต่คนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์คนเดียวเท่านั้นที่ดูคุณ แต่บางครั้งอาจจะมีต.ม. คนอื่นมายืนข้างๆ ด้วย หรือมี ต.ม. ที่ซีเนียร์ กว่านั้นดูอยู่ทางกล้องวงจรปิดนะ"
ผมบอกว่าของอเมริกาก็เหมือนกัน มีซุปคอยจ้องอยู่เสมอและมีเจ้าหน้าที่ถูกเด้งมาแล้ว(ที่เมืองจีน)


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
คุณอิสวาสุ ของออสเตรเลีย ของสิงคโปร์ก็มีแบบนี้ค่ะ แต่ของสิงคโปร์จะนั่งเป็นที่เป็นทาง มีเคาน์เตอร์
ต่างหากด้านข้าง ของออสเตรเลียส่วนใหญ่จะมี ต.ม. อีกชุดหนึ่งเป็นชุดแบ็คอัพ นั่งอยู่ด้านหลังๆ
เคาน์เตอร์ด่านแรก ต.ม. ชุดสองของออสเตรเลียจะเป็นชุดที่เข้ามารับช่วงต่อถ้าหากว่า ผดส. มีปัญหา
กับชุดแรกค่ะ ไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ชุดสองจะเป็นคนดีลกับ ผดส.

ส่วนของเชงเก้นเท่าที่เคยเจอมา พวกซีเนียร์เขาจะนั่งในห้องมิดชิดค่ะ กว่าจะไปถึงตัว อย่างกับไป
เขาวงกตแหน่ะค่ะ
(ที่รู้ว่ามิดชิด เพราะเคยต้องไปติดต่อกับ ต.ม. ของเยอรมนี ซึ่งนอกจาก
จะไม่ค่อยให้เกียรติคนไทยแล้ว ยังสแตมป์วันบนพาสปอร์ตให้ดิฉันผิดด้วยค่ะ ดิฉันจึงต้องกลับไปติดต่อ
ให้เขาแก้ไขให้ถูกต้อง ต.ม. เยอรมันที่ซีเนียร์ พูดภาษาอังกฤษเก่ง คุยกันรู้เรื่องดี แต่พวกจูเนียร์ไม่ไหวค่ะ
มีเล่นกันที่เคาน์เตอร์ คุยหยอกเย้าหัวเราะกันด้วยค่ะ ดิฉันไม่ประทับใจเลย)

//เอามาแชร์ให้คนอ่านที่สนใจฟัง จากประสบการณ์ล้วนๆ และจากการสังเกตการณ์ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เอ เราว่า คห ข้างต้นสองสาม คห นี่ ถกกันผิดประเด็นหรือเปล่า? จขกท เขาถามว่าจะไปขอวีซ่า แล้วต้องให้เพื่อออกจดหมายเชิญอย่างไร? ยังไม่เกี่ยวกับ ตม หรือ Immigration เลย เมื่อ จขกท ได้รับวีซ่าเข้าเมืองแล้วจึงจะมาถึง ตม ที่เป็น Port of Entry เพื่อตรวจลงตราวีซ่า ถึงตอนนี้เขาไม่มาสัมภาษณ์เป็นหนที่สองหรอก เขาก็ถามคำถามสั้รๆง่ายๆว่า มาทำอะไร? จะอยู่นานแค่ไหน? อยู่ที่ใด? ถ้าเรากรอกในแบบฟอร์มเข้าเมืองว่า Hotels ก็จบ เขาไม่มาคัดค้านว่าอยู่ รร ไหน นะ ขอโอเพ่นไว้ก่อน ไว้เข้าเมืองแล้วค่อยไปหาที่พัก ซึ่งไม่ได้เป็นการผิดกฏกติกาการเข้าเมืองแต่อย่างไร?


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ที่จริงไม่อยากมายุ่งด้วยเลย แต่ขอถามหน่อยผิดประเด็นตรงไหน? ในเมื่อสิทธิ์ขาดในการให้เข้า
ประเทศหรือไม่ให้เข้าประเทศของแต่ละประเทศ อยู่ที่ ต.ม. เท่านั้น

ต่อให้ถือพาสปอร์ตที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่า
หรือ ถือพาสปอร์ตที่มีแผ่นวีซ่าแปะในเล่มแล้ว แต่ถัา ต.ม. ไม่ให้ผ่านก็คือเขาไม่ให้เข้าประเทศ

ในเมื่อน้องเจ้าของกระทู้ถามมาแบบนี้ น้องเขาถามเหมือนกับว่ายังจับทิศทางอะไรไม่ค่อยถูก
เราถือเป็นหน้าที่ที่จะให้ข้อมูล ไม่ใช่แนะนำแต่เรื่องวีซ่า แต่แนะนำให้น้องคิดไกลๆ ไปถึงเรื่อง ต.ม.
โน่นเลย เพราะบางครั้งหลักฐานในการขอวีซ้าอาจจะพร้อม พร้อมทางด้านเอกสาร แต่จริงๆ แล้ว
อาจจะไปทำอย่างอื่น

เราถือเป็นหน้าที่ด้วย ที่จะช่วยไม่ให้น้องไปตกระกำลำบากในต่างแดน ถ้าหากว่าเขาจะไปหาเพื่อน
ที่ไม่ได้รู้จักกันดีพอเนี่ย หรือน้องเขาจะได้ไม่เสียเที่ยว หรือไม่ต้องหวังมาก หรือ อาจจะพิจารณา
เปลี่ยนแผนไปที่อื่นแทน ไปเจอเพื่อนที่ประเทศอื่นๆ แทนที่สามารถไปได้ง่ายกว่า

แนะนำเยอะๆ ไม่ผิดนะ และที่แน่ๆ ไม่ได้มีน้องเจ้าของกระทู้มาอ่านคนเดียว แต่อาจจะมีคนอื่นๆ
ท่่เข้ามาอ่านแล้วได้ผลประโยชน์ไปด้วย

คนเขียน คห. นี้ ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการเดินทางจริง ไม่มีประสบการณ์ในการขอวีซ่ามาหลายประเทศ
แล้วจริงๆ คงไม่กล้ามาแนะนำหรอก และ อ้อ ไม่เคยโดนสถานทูตไหนปฏิเสธวีซ่าด้วย บอกให้ทราบเอาไว้
เพราะเคยเห็นมาทิ้งคอมเม้นท์สบประมาทเอาไว้นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
แม้นว่าวีซ่าเป็นใบนำทางเข้าประเทศได้ แต่ ตม ที่ด่านเป็นผู้มีสิทะในการตัดสินจะให้เข้าหรือไม่ให้เข้าเมืองได้ ก็จริง แต่... การนี้มันต้องเป็นเรื่อง Specific related matter that seriously concerns an inadmiisible for entry. ไม่มี ตม ประเทศไหนมาตั้งตั้งตาถามคำถาม Low profile พวกนี้หรอก ว่าจะอยู่กับใคร นานแค่ไหน ไปเที่ยวที่ใดบ้างอย่างไร? อย่าลืมว่า หากคนที่จะขอเข้าเมืองซึ่งต่อคิวกันยาวเหยีดนี้ แต่ละคนใช้เวลาในการสัมภาษณ์รอบสองคนละกี่นาที ตม ไม่ต้อง หยุดต้องเบรคกันเลยรึ? ตม ไม่มาเสียเวลาถามหาคำตอบจากผู้เดินทางเข้าเมืองแบบนี้ คนที่ถูก ตม เข้าเมืองนำตัวไปสอบสวน เพราะมีข้อมูลในเรคคอร์ดหรือไปตอบคถำมเฟอะฟะทำให้เป็นที่ต้องสงสัย ความสงสัยนี้นำไปสู่การนำตัวไปสอบลึกเพื่อเค้นข้อเท็จจริง

โปรดจำไว้ว่า Port of Entry ของแต่ละประเทศเป็นประตูใหญ่สู่ทางเข้าประเทศของตน ไม่มีประเทศไหนหรอกที่จะทำให้มันยุ่งยาก เขี้ยวจนเป็นที่โจทย์ขานไปทั่งโลก

การให้ความรู้แก่ผู้ที่ไม่รู้และผู้ที่ต้องการรู้เป็นสิ่งที่ดี ควรที่จะส่งเสริมในทุกวิถีทาง แต่ทั้งนี้ควรจะยืนอยู่บนพื้นฐานแห่งข้อเท็จจริง บางเรื่องบางราวเกิดเหตุระดับ 1 แต่ไปขยายความเป็น 2-3-4-5 ทำให้ผู้ที่มาข้างหลังแตกตื่ต กลัว ตม กัน ***ขึ้นสมอง การเดินทางโดยมีวีซ่าถูกต้อง ไม่เคยมีประวัติทำผิดกฏหมายเข้าเมืองของประเทศนั้นๆ มีตั๋วเครื่องบินไปกลับ มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอต่อการอยู่ในประเทศที่เดินทางถึง แค่นี้แล้ว ไม่มี ตม ประเทศไหน เขาจะมาห้ามเข้าเมืองหรอกครับ

เราเองก็เชื่อว่า คอหอข้างบน นี้สั่งสมไปด้วยประสพการเดินทางเข้าออกประเทศไทยปีละ ไม่ต่ำกว่า 24 ครั้ง แต่ผู้ที่เข้ามาถามในห้องนี้ส่วนมากจะถามถึง ตม ในประเทศที่ออกวีซ่ายากๆ เช่น อังกฤษ อเมริกา ออสเตเรีย เป็นต้น จึงไม่อยากให้ผู้ที่เข้ามาถามมาอ่านเกิดความตื่นตระหนกกับ ตม ประเทศเหล่านี้จนเกินเหตุ ที่เราพูดนี่เพราะว่าลูกสาวเราเป็น ตม คนหนึ่งนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อตรวจลงตราวีซ่าอยู่เกือบทุกวัน ที่สนามบินนาๆชาติแห่งนึงในเมกา


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เฮ้อ ให้คนอ่านตัดสินดีกว่านะ โดยเฉพาะคนที่เคยเข้าอังกฤษ เข้าออสเตรเลีย บ่อยๆ หน่ะ
ทั้งเข้าไปเที่ยวและเข้าไปเรียนเลย ต.ม. อังกฤษ ต.ม. ออสเตรเลีย ถามแบบนี้จริงๆ

บอกให้นิดนึงก็ได้ว่า คนเขียน คห. นี้หน่ะ มีความผูกพันกับ 3 ประเทศนี้ คือ ออสเตรเลีย อังกฤษ
และสิงคโปร์ มานานหลายสิบปี เข้า-ออก 3 ประเทศนี้บ่อยๆ และถือ 3 ประเทศนี้เป็นบ้านที่ 2
รองจากเมืองไทยที่เป็นบ้านแรก

ต.ม. ที่นั่งอยู่กับโต๊ะ ของประเทศไหนๆ ก็ทำงานให้กับประเทศนั้นๆ
ต.ม. ที่นั่งกับโต๊ะ หรือ คนที่นั่งอยู่แต่บ้านหรือแต่ในออฟฟิสส่วนใหญ่
หรือคนที่ไม่ค่อยได้เดินทาง จะเอาประสบการณ์ในการเดินทาง หรือประสบการณ์ในการขอวีซ่าที่ไหน
มาตอบ

ถามหน่อยเหอะ คนที่มาว่าเนี่ย เคยเข้าด่าน ต.ม. ของอังกฤษ และ ต.ม. ออสเตรเลีย ไหม
เพราะเขาถามแบบนี้จริงๆ ต.ม. ประเทศกลุ่มเชงเก้นก็ถามแบบนี้ แต่ถามน้อยกว่า ต.ม. อังกฤษ และ
ต.ม. ออสเตรเลีย


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ปอลอ ถ้าเชื่อว่าเดินทางจริงก็ดีแล้ว ขอบคุณมาก จะได้ไม่ต้องมาสบประมาทกันอีก

ขอทีเถอะ อย่ามาทะเลาะได้ไหม มาช่วยๆ กันตอบกระทู้เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านดีกว่าเถอะ
เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาแต่งเรื่องโกหกว่าเดินทางจริง ว่าไปขอวีซ่ามาจริงๆ
เราแค่อยากมาใช้ประสบการณ์ช่วยคนอื่นแค่นั้นเอง ชือเสียงและหัวโขนในเว็บบอร์ดหน่ะ มันไม่จีรัง
ยั่งยืนหรอก อย่าให้คีย์บอร์ดครอบงำ ตอบกระทู้เพื่อมุ่งช่วยเหลือคนอื่นหน่ะ มันเขียนแล้วไหลไปได้เรื่อยๆ
เพราะเอาประสบการณ์จริงมาตอบ ถ้าไม่เคยทำ ไม่เคยไปมาก่อน ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เคยพบมาก่อน
จะไปเอาข้อมูลที่ไหนมาเขียนกัน

คนสมัยนี้หน่ะเขาเดินทางกันเป็นว่าเล่น เดินทางกันบ่อยๆ เป็นเรื่องธรรมดามากนะ

//ถ้าคุณ NunMc99 และ น้อง PuppyPower เข้ามาอ่าน หรือท่านไหนก็ได้ที่เพิ่งเข้าไปเที่ยว
หรือไปเรียนที่ออสเตรเลีย หรืออังกฤษ เข้ามาอ่าน เราขอรบกวนเวลาท่านเข้ามาช่วยพิมพ์ยืนยันให้ด้วย
ว่า ต.ม. อังกฤษ และ ต.ม. ออสเตรเลีย ถามคำถามแบบที่เราลิสท์มา อย่างน้อยๆ 9 ข้อ ใน คห. 11
จริงไหม ขอความกรุณาเข้ามาช่วยยืนยันให้ด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณยิ่ง


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ไม่เป็นไรถือเสียว่าสอบตก ตอบผิดคำถามไปนิดหน่อย นอกลู่นอกทางไปบ้าง ขออภัย ถ้าเกิดเสียหายอย่างใด"ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว" แต่ที่ตอบนั้นรับรองว่าเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่เล่าให้ฟังโดยตรงจากปากคือทูตพาณิชย์สหรัฐ เขาคงไม่มาโกหกผมเล่น ที่บอกว่าซุปเปอร์คอยจ้องอยู่นั้นเขาไม่ได้บอกว่าจ้องอย่างไร ใช้กล้องหรือว่ายืนดูให้เห็นๆ หากอันใดที่ยังประโยชน์ก็คิดเสียว่าเคยได้ยินจากพันทิปก็แล้วกัน

ที่ คุณ : Rapier บอกนั้นถูกแล้ว ที่เจ้าหน้าที่ที่เขาเข้มงวดมากมายนั้นเขามีสูตรที่จะสงสัยอยู่แล้วว่าคนไหนควรตรวจสอบเป็นพิเศษ คนที่เดินทางตามปกติถูกต้องตามกระบวนการหรือเด็กๆก็ไม่ควรจะกลัวจนเสียเส้น


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
9 If you are paying for your trip, you will need to provide evidence of your finance, e.g. 6-month bank passbooks/ bank statements. (Original and a photocopy). Credit cards are not acceptable as evidence of available funds

10 If you are applying to visit family/boyfriend/girlfriend/partners in UK please provide evidence of contact to show subsisting contact of evidence of your relationship e.g. copy of their passport showing visits to Thailand/Emails/letters/ phone bills etc

ทำตามเค้าบอกแหละค่ะ ชัดเจน ถ้าคุณ support ตัวเอง ส่วนไหนที่ไม่มีจองโรงแรมก็ใส่เป็นที่อยู่บ้านเพื่อนไป
แต่ถ้าขึ้เกียจเรื่องมากก็จองโรงแรมไปให้หมดแล้วค่อยแคนเซิลเอา


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ตอบคุณ Been there, done that!ค่ะ
ขอตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวนะค่ะ
จากที่จำได้คร่าวๆตอนเข้ามาอังกฤษครั้งแรกด้วยวีซ่าท่องเที่ยว
คำถามที่ทางเจ้าหน้าที่ถามคร่าวๆที่จำได้ก็คือ

1.มาทำอะไรที่อังกฤษ
2.จะไปพักที่ไหน
3.จะอยู่นานแค่ไหน
4.มีตั๋วเครื่องบินไป-กลับไหม
5.ใครออกค่าใช้จ่ายให้ (ตอนที่ขอเข้ามาสามีเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด)
ส่วนคำถามอื่นๆนั้นอาจจะมีมาอีกแล้วแต่กรณีค่ะ จำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรอีกมั้งเพราะตอนนั้นหูอื้อมากไม่ค่อยได้ยินแถมตื่นเต้นอีกต่างหาก 5555+)

รอบ 2 มาด้วยวีซ่าติดตามสามี
คำถาม
1.ตอนนี้สามีคุณอยู่ที่ไหน
2.แต่งงานมากี่ปี
3.สามีคุณชื่ออะไร หรือวันเดือนปีเกิดสามี (อันนี้ไม่แน่ใจว่าเขาถามคำถามอันไหน)

รอบ 3
1.ตอนนี้สามีคุณอยู่ที่ไหน
2.แต่งงานมากี่ปี
3.กลับไทยไปทำอะไรที่ไทย

อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆค่ะ ท่านอื่นอาจจะโดนคำถามไม่เหมือนกันแล้วแต่กรณีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
คุณ Been there, done that (or whatever name)

โปรดอย่าได้กินปูนร้อนท้อง ผมไม่ได้ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องคุณเดินทางบินไปบินมาทั่วโลก (No doubt at all) แต่ที่แย้งไปเพียงเพราะว่า จขกท ตั้งกระทู้ไว้เพราะแกกลัวว่า การเข้าเมืองผ่าน ตม เป็นสิ่งที่น่ากลัว ดังที่มีบางคนเข้ามาโพสว่าเดินทางเข้าเมกา พกเมนูอาหารว่าจะไปทำกับข้าวกินเอง โดน ตม ตรวจเจอ ไม่ให้เข้าเมืองเพราะกลัวว่าจะไปทำงานร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว ตม ไม่มีหน้าที่ตรวจดูว่าผู้เดินทางพกอะไรเข้ามา มีแต่ ศุลกากร เท่านั้นที่จะขอเปิดดูสิ่งที่นำติดตัวมาด้วย ก็อย่างที่บอก ไม่ได้ว่าด่าน ตม ออสเตเรียหรืออังกฤษ ไม่ถามคำถามใดๆ ถามครับ แต่ถามเป็นคำถาม Routine ที่จำเป็น ไม่ได้มาซักกันยาวเฟื้อยเป็นสิบคำถาม-คำตอบ ไม่งั้น จนท ไม่ต้องกลับบ้านกลับช่องกันพอดี

ถึงคุณ อิสวาสุ

ด่าน ตม ในเมกาเขามี Surveillance unit จากกล้องวงจรปิดตัวเล็กๆที่ซ่อนไว้ทุกมุมห้องโถงที่คนเดินทางเข้าแถวกันเพื่อตรวจลงตรา ถ้าคุณอิสวาสุ เคยชมภาพย์ยนต์ที่ Tom Hank เล่นชือ อะไรจำไม่ได้แล้ว ที่มีพวกชาวจีนมาเป็นทัวร์กรุ๊ปใส่หมวกมิกกี้เม้าท์ห้อยกล้องถ่ายรูป แล้วโดยซุปเปอร์ไวเซอร์พบ สั่งให้ไปกวาดจับในสนามบิน เจเอฟเค นะแหละ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
คุณ : Rapier ที่เขาเล่าให้ฟังในคราวนั้นก็เรื่องในเมืองจีนนี่แหละครับเพราะตอนนั้นเขาอยู่จีน

นอกเรื่อง ผมไม่แน่ใจว่าประทับใจมาจากไหนว่าคุณมีความรู้เรื่องทองแบบ First Hand มากกว่าคนทั่วไปมาก ว่างๆ มีอะไรเกี่ยวทองที่คนทั่วไปน่าจะรู้ เล่าให้ฟังบ้างก็ไม่เลวนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ขอบคุณมากๆ นะคะ คุณ NunMc99 ที่ให้ความกรุณาสละเวลาเข้ามาพิมพ์ คห. 21 ค่ะ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่เอาประสบการณ์จริงของคนเดินทางจริงมาแชร์กัน

ฮ่าๆ และตรงนี้ขอนอกเรื่องหน่อยค่ะ เอามาเล่าให้คุณหนู จขกท. ฟังด้วย เพราะคุณมีเพื่อนคนอังกฤษ
และอยากจะเรียนถามคุณ NunMc99 ด้วยว่า คุณชอบดูซีรี่ส์ตลกของอังกฤษชุด
Come Fly with Me ไหมคะ ที่เกี่ยวกับเรื่องในสนามบินอังกฤษ ล้อเลียนคนเดินทาง ล้อเลียน
จนท. อิมมิเกรชั่น ล้อเลียนคนทำงานในสนามบินแผนกต่างๆ ล้อเลียนแอร์เฟิสท์คลาส กัปตัน นักบิน
ซีรี่ส์นี้ แสดงและเขียนบทโดยทีมเดียวกับ Little Britain ค่ะ เพราะฉนั้นรับประกันความฮา
คนที่ไม่คุ้นเคยกับสังคมของอังกฤษโดยเฉพาะในเรื่องของการเดินทาง เรื่องของฮอลิเดย์ต่างๆ
เรื่องของแพ็คเก็จทัวร์ เรื่องของพนักงานสนามบิน ถ้าไม่คุ้นกับตรงนี้ของสังคมอังกฤษ ดูแล้วจะไม่ขำนะคะ
แต่ถ้าคุ้นเคยกับสังคมอังกฤษ และคนอังกฤษในส่วนนี้ดีจะขำมากค่ะ

ทักทายท่านอิสวาสุ คห. 19 ด้วยค่ะ ท่านมาตรวจการบ้านเหรอคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ไปอังกฤษมาสามสี่ครั้งไม่เคยโดนถามเรื่องตั๋วเครื่องบิน

ถามว่ามาทำอะไรแค่นั้นจบ

ของพวกนี้ไม่มีอะไรตายตัว บางทีเค้าก็สุ่ม บางทีก็แล้วแต่อารมณ์ (ทั้งคนถามคนตอบ)


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
Silent of a lamb ! ดูหนังเรื่องนี้หรือยังครับ?


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
เคยดูแต่ Crouching Tiger ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
เคยเดินทางไปอังกฤษ แล้วก็เยอรมันหลายทีเหมือนกัน ไม่เห็นจะโดนเช็คอะไรมากมาย ของทั้ง 2 ประเทศ ก็โดน ตม. ก็ถามง่ายๆ ไม่ได้ unfriendly อะไรซักหน่อย ก็ไม่ได้โดนเช็คอะไรมากมายด้วย ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลยซักนิดเหมือนกันกับ ตม. ของทั้งคู่

อย่างที่ คห.25 ว่า นั่นแหละ มันโดนสุ่ม หรือไม่ก็เลือกคนที่ดูน่าสงสัย จะมาตีว่าประเทศไหนๆ ตม. แย่ หรือขู่ให้กลัวก็ใช่เรื่อง เพราะที่โดนมันก็แค่คนเดียว คนไม่โดนก็เยอะแยะไป บางทีก็รู้สึกกันไปเองด้วยแหละ เค้าก็แค่ทำหน้าที่เค้านิ บางคนก็ sensitive ไปเอง ร้อนตัวไปเองด้วย ประสบการณ์คนๆเดียวมานั่งเป็นตัววัดอะไรไม่ได้หรอกว่า ตม. ที่ไหนดีไม่ดี แถมเวลาเจอก็ใช่ว่า จะเจอคนเดียวกันตลอดก็เปล่านิ บางคนก็ชอบตอบเหมือนขู่ให้คนถามฝ่อไป จขกท ไม่ต้องคิดมากหรอก ถามอะไรก็ตอบตามจริงไป ถ้าวีซ่าผ่านตั้งแต่แรก เวลาเข้า ตม. ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ปกติเค้าก็ถามคำถาม simple ง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ขอบคุณอีกสอง คห. อีกสองท่านที่มาช่วยคอนเฟิร์มว่า ต.ม. อังกฤษมีการถามคำถามง่ายๆ จริงๆ
แบบที่ คห. 11 ลิสท์มาจริงๆ อย่างน้อยๆ 9 ข้อ เขาถามไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่งหรือถามหมดเลย
บรรยากาศของ ต.ม.อังกฤษไม่ได้ตึงเครียด เขาไม่ได้สอบปากคำ แค่ถามเฉยๆ พอเป็นพิธี แต่ถามไป
ดูไปด้วยว่าคนตอบมั่นใจแค่ไหน ฉาดฉานแค่ไหน ขอบคุณมากค่ะที่กรุณามาช่วยให้ความรู้แก่ผูัอ่านที่ยังไม่
ทราบ

//คนเขียน คห. นี้ เข้า-ออกอังกฤษมาแล้วเกิน 20 ครั้ง แต่ 20 ที่เท่าไหร่ไม่ทราบเพราะขี้เกียจ
ไปเปิดพาสปอร์ตทั้งเล่มปัจจุบันและเล่มเก่าๆ นับดูว่ามีสแตมป์ ต.ม. ของอังกฤษขาเข้ากี่ครั้ง กี่พอร์ทบ้าง
และบางเล่มต้องค้นนานกว่าปกติด้วย เพราะพาสปอร์ตเป็นแบบเพิ่มหน้ามีเป็นพับๆ ยาวๆ และเต็มเกือบ
ทุกหนัา ต้องหานานค่ะ

ในบรรดา ต.ม. ที่เคยเจอมาหลายสิบประเทศ ประทับใจ ต.ม. อยู่ 4 ประเทศ เพราะสุภาพ
ทำงานดี มีหลักการเป็นเรื่องเป็นราว รวมทั้งสถานทูตด้วยที่ทำงานดี ยุติธรรม มีวิจารณญาณดี
ให้เกียรติคนไทย คือ ต.ม. อังกฤษ, ต.ม. ออสเตรเลีย, ต.ม. ญี่ปุ่น และ ต.ม. สิงคโปร์

ส่วนสถานทูตที่น่ารัก คือสถานทูตอังกฤษ สถานทูตออสเตรเลีย สถานทูตญี่ปุ่น ทั้งในและนอกประเทศไทย
(เผอิญในบางช่วงที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศสามารถขอวีซ่านอกประเทศไทยได้ ตามเรสซิเดนซี่ในขณะนั้นๆ)

//ฮ่าๆๆ คุณอิสวาสุ ท่านดู Crouching Tiger เหรอคะ ถ้างั้นดิฉันดู Hidden Dragon นะคะ
เพราะไม่งั้นเดี๋ยวไม่จบเรื่องค่ะ เพราะต้องมาคู่กัน ดู Crouching Tiger, Hidden Dragon
จบแล้ว ต้องดู Kung Fu Panda ต่อ ถ้ายังไม่พอต้องดู The Lion King หรือ Madargascar
ด้วยค่ะ Pink Panther ก็ดีนะคะ จะได้มากันทั้งซาฟารีเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
เคยผ่าน ตม อังกฤษ 2 ครั้ง ออสเตรเลีย 2 ครั้ง สิงคโปร์ 4 ครั้ง และประเทศอื่นๆอีกหลายครั้งอยู่ ไม่เคยโดนถามอะไรเยอะๆเลยค่ะ ไม่รู้ว่าหน้าตาเราดูจริงจังกับการอยากตอบหรือป่าว เค้าเลยไม่ถาม ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
เราผ่านมา ยังอ่าน ข้อความยาวๆนั่นซะจนจบเลย
เราว่ามีประโยชน์เยอะนะ ขอบคุณด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
พูดเรื่อง ต.ม. ก็ขอแชร์

เดินทางมาทั่วโลกเจอต.ม.หลายสิบประเทศ

เคยเจอ ต.ม.ทำตัวน่ารังเกียจจนต้องทะเลาะด้วยแค่ครั้งเดียว

เป็น ต.ม.สุภาพสตรี ชื่อคุณเปรมอะไรสักอย่าง

อยู่เมืองไทยนี่เอง


สรุปง่ายๆว่า อย่าไปกลัวเลย ต.ม.ต่างชาติ (ฮา)


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
สวัสดีค่ะ

ขอรบกวนสอบถามวีซ่าของเยอรมันค่ะ คือจะไปเที่ยวยุโรป แต่จะแวะเยี่ยม Host family ที่เยอรมัน ไม่สามารถว่ากรณีนี้สามารถขอเป็นวีซ่า 'ท่องเที่ยว' โดยให้ทาง Host family เขียนจดหมายเชิญ โดยไม่ต้องขอแบบฟอร์มจากอำเภอได้หรือไม่คะ

ขอบคุณค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
ขอวีซ่าอินเดียโดยพักบ้านแฟนคะ1เดือนต้องทำอย่างไงคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 34