อย่าตั้งแง่ แต่ควรตั้งตาคอย “ญี่ปุ่น”

ข่าวนี้น่าจะมีประโยชน์กับคนที่ใครสนใจภาษาที่ 3 ครับ

ส่วนตัวสนใจจะเรียนภาษาจีน (เพราะมีปมด้อยโดนก๋งด่าตอนเด็กๆ

ปัจจุบัน-ถ้าก๋งฟื้นคืนชีพมาด่า-ก้อยังไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม)

ถ้ารู้ภาษาจีนก้อข่าวข่าวจากนสพ.ญี่ปุ่นได้พอรู้เรื่องนะ

- ประสบการณ์ส่วนตัว คนญี่ปุ่น(จบปอเอก)บางคนอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษได้

แต่พูดไม่ได้ครับ



http://www.oknation.net/blog/netmom/2012/07/30/entry-3

ขณะนี้มีนักศึกษาชาวญี่ปุ่นที่สำเร็จการศึกษาจากประเทศของตัวเอง

นิยมออกไปหา งานทำในต่างประเทศ และประเทศที่นักศึกษาญี่ปุ่น

ให้ความสนใจเป็นพิเศษคือประเทศไทย

ทำให้ธุรกิจที่อยู่อาศัยทั้งแบบขายและให้เช่าในย่านบางนา

และลาดพร้าวได้รับความสนใจ แทนที่ย่านสุขุมวิทที่เคยได้ชื่อ

ว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นไป แล้ว

ตามข่าวบอกว่าชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาทำงานในไทยต้องการเช่า

ที่อยู่อาศัยราคา ประมาณ 1 ถึง 1.5 หมื่นบาท

พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและต้องปลอดภัยด้วย ว่างั้น

ผมจดประเด็นข่าวนั้นไว้ ตั้งใจว่าต้องเอามาเล่าให้ชาวบ้านร้านตลาด

ได้รับทราบอีกคำรบหนึ่ง

เพราะเรื่องทำนองนี้เคยมีบางท่านแสดงความเป็นห่วงเป็นใยว่า

หากปล่อยให้ชาวต่างชาติจะเข้ามาซื้อที่ดินหรือลงทุนในประเทศ

ไทยกันอย่างนี้ เราอาจมีอะไรเหลือพื้นที่ให้ลูกหลาน

ผมอยากบอกว่า ขออย่าได้วิตกกังวลในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยครับ

และเพราะบางคนคิดหรือรู้สึกในทำนองนั้นทำให้ช่วงหนึ่งเราเสียโอกาสดี ๆ

จากนักลงทุนต่างชาติไปอย่างน่าเสียดายจริง ๆ

เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครยกบ้านหรือควักเอาที่ดินขึ้นเครื่องบิน

หรือลงเรือไปไว้ที่อื่นได้หรอกครับ

หรืออย่างชาวญี่ปุ่นนี่ ผมได้เคยรายงานให้ทราบราวเดือนพฤษภาคม

หรือมิถุนายนปีที่แล้วว่า

รัฐบาลญี่ปุ่นหมายตาเมืองไทย เอาไว้เป็นที่อยู่และที่ทำกินของชาวญี่ปุ่นมาแล้ว

จำเหตุการณ์แผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ที่ชายฝั่งเมืองมิยางิ

เป็นเหตุให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมา

ของญี่ปุ่นระเบิดในเดือนมีนาคมได้ใช่ไหมครับ

นั่นแหละครับหลังเหตุการณ์ระทึกขวัญชาวญี่ปุ่นได้สองเดือน

ผมได้รับเชิญให้เดินทางไปดูการกำจัดและการป้องกันการแพร่กระจาย

กัมมันตรังสีนิวเคลียร์ของรัฐบาลญี่ปุ่น

แล้วนำมาบอกเล่าให้ทราบว่าทุกอย่างคืนสู่สภาพปกติสามารถเดินทาง

ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างปลอดภัย

และผมได้เขียนบอกด้วยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังมองหา“ที่อยู่ใหม่” ให้คนของเขา

เพราะรัฐบาลที่มาจากนักการเมืองที่ดีและมีความรับผิดชอบ

คงไม่ปล่อยให้คนของเขามีชีวิตหรือประกอบธุรกิจอยู่บน

ความเสี่ยงที่มาจากภัยธรรมชาติ

คือแผ่นดินไหว หรือ สึนามิ ที่เกิดบ่อย ๆ หรอกครับ

และประเทศไทยคือแผ่นดินใหญ่ที่รัฐบาลญี่ปุ่นหมายตาไว้

หลังจากนั้นไม่นานนักลงทุนชาวญี่ปุ่นได้พากันยกพลขึ้นบก

ตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ที่จังหวัดระยองกันเป็นแถบ

ส่งผลให้ราคาบ้านที่ดินในชลบุรีและระยองสูงขึ้นทันตาเห็น หมู่บ้านจัดสรร

และคอนโดมีเนียมที่อำเภอปลวกแดง สร้างไม่ทันขาย

ทั้ง ๆ ที่ราคาแพงพอ ๆ กับย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ

ผมจึงเรียนย้ำว่าอย่าตั้งแง่กับญี่ปุ่น แต่ควรตั้งตาคอยด้วยการเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นนั้น

ผมอยากรัฐบาลให้ความสนใจและสนับสนุนให้มีการเปิดสอนกัน

อย่างกว้างขวางและแพร่หลาย โดยเฉพาะในสถาบันอาชีวศึกษาที่

ต้องทำงานในโรงงานต่าง ๆ

หากสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ค่าตัวจะแพงมาก คือ

ไม่ต้องพูดเก่งเหมือนคนที่เป็นล่ามหรอก

แค่ฟังญี่ปุ่นที่เข้ามาดูแลสายการผลิตได้ ก็พอแล้วครับ.




ความคิดเห็นที่ 1
และผมได้เขียนบอกด้วยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังมองหา“ที่อยู่ใหม่” ให้คนของเขา เพราะรัฐบาลที่มาจากนักการเมืองที่ดีและมีความรับผิดชอบ ???

- คนเขียนนั่งเทียนเขียนหรือเปล่า ไม่เคยได้ยินว่าย้ายที่อยู่เพราะประเทศมีภัยธรรมชาติบ่อยๆ ถ้าต้องย้ายเพราะแบบนั้น คนญี่ปุ่นคงหนีออกนอกประเทศจนหมดเกาะ ตั้งแต่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ๆ แล้ว มีคนญี่ปุ่นหลายคนที่ไม่โอเคกับการมาอยู่เมืองไทยก็มี ทั้งความไม่ปลอดภัย การคมนาคมที่ไม่ดี ไม่ได้เอ่ยปากชมกันทุกคนหรอก

และการเมือง พรรครัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งแตกเป็นเสี่ยง เพราะทะเลาะกันเรื่องขึ้นภาษี เปลี่ยนตัวนายกกี่รอบไม่รู้กี่รอบ หาความมั่นคงไม่ได้ ไปดูการเมืองญี่ปุ่นจริงๆ นักการเมืองที่ไหนก็ไม่ต่างจากบ้านเรา เพราะงั้นเขาเลยไม่ฝากอนาคตประเทศไว้แค่ที่นักการเมืองจะดีหรือไม่ คนญี่ปุ่นไม่ไปเลือกตั้งเยอะมาก เทียบกับประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วอื่นๆ นะ

ไม่ได้ให้ตั้งแง่กับญี่ปุ่น ส่วนตัวก็เรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน และคิดว่าไม่ว่าภาษษาไหนๆ ก็ควรได้รับการส่งเสริม แต่เขียนโดยหลับตาไม่มองความจริง คิดเองเออเอง แล้วมีเจตนาเอามาเปรียบเปรยกับประเทศตัวเอง อันนี้ไม่เห็นด้วย

ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ใครจะเรียนกี่ภาษาด้วยตนเองไม่ขัดข้องและยินดีด้วย แต่ผมคิดว่ารัฐบาลควรจะส่งเสริมให้เรียนภาษาอังกฤษให้ใช้การได้จริง เพราะวิชาความรู้บนอินเตอร์เน็ตมากมหาศาล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีในภาษาอื่นนะ

คุณ : Govinda Gopala เคยพิมพ์ชื่อคุณลงไปบน Youtube ไหมครับ ผมทำบ่อยและฟังเพลินมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
อ้อ เราชอบเพลงของ Kula Shaker น่ะค่ะ ฮ่าๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 3