แอพพลิเคชั่น ไลน์ ช่วยสาวไทย..พ้นซ่องเกาหลี

http://www.oknation.net/blog/Sp-Report/2012/07/12/entry-1


ส่วนหนึ่งของการสนทนาไลน์ (แอพพลิเคชั่นไลน์) ผ่านสมาร์ทโฟนกับสาวไทย

วัย 27 ปี หลังจากถูกลวงไปทำงานที่ร้านสปาแฝงค้ากามที่เมืองอินชอน

ประเทศเกาหลีใต้ การเอาชีวิตรอดในต่างแดนเพียงลำพัง ทำให้เธอนึกถึง

พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ซึ่งในอดีตเธอเคยเดินทาง

มาติดต่องานเกี่ยวกับการวางระบบคอมพิวเตอร์ที่ บก.สตม.

จึงตัดสินใจพยายามหาสัญญาณอินเ?อร์เน็ต แล้วใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ติดต่อ

ขอความช่วยเหลือจนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือและ

เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้

สุภาพสตรีวัย 27 ปีรายนี้ เรียนจบปริญญาตรี เคยทำงานเป็นพนักงานของ

บริษัทเกี่ยวกับ

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง จำเป็นต้องลาออกเพื่อดูแลพ่อแม่ที่เจ็บป่วย

แต่การดำรงชีวิตจำเป็นต้องใช้เงินจึงถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกให้ไปทำงาน

ร้าน สปา ในประเทศเกาหลี แล้วถูกบังคับให้ค้าประเวณี

หลังจากเดินทางออกนอกประเทศไทยครั้งแรก

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่เมื่อไปถึงที่หมายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

เพราะร้านสปาเป็นร้านนวด เธอนวดไม่เป็น แต่ถูกเจ้าของบังคับทำงาน

ให้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญถูกยึดหนังสือเดินทาง


ตลอด เวลาที่อยู่ที่นั่น เธอพยายามอดทนนวดให้ลูกค้าแบบจำใจฝืนทน

และในที่สุดก็ถูกบังคับให้ค้าประเวณี แต่เธอไม่ยินยอมโดยลูกค้าพยายามขืนใจ

และแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายด้วยการใช้มือช่วยสำเร็จความใคร่ให้เท่านั้น



V
V
V
V
"เป็น ความร่วมมือในการทำงานทางตำรวจประจำสถานทูตเกาหลีใต้ให้ความร่วมมือดีมาก

เร่งรัดตรวจสอบแล้วให้ความช่วยเหลือ

เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ให้แก่สุภาพสตรี
ที่อาจถูกหลอกไปทำงานใน ต่างประเทศ

ส่วนกรณีของสุภาพสตรีคนนี้ เมื่อเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยจะขอสอบปากคำ

เพื่อดำเนินการกับขบวนการค้ามนุษย์" พ.ต.อ.อิทธิพลกล่าว


ความคิดเห็นที่ 1
ดิฉันเห็นต่างในกรณีนี้นะคะ เพราะรู้ทั้งรู้ว่าจะต้องไปทำงานในร้านสปา แต่ตัวเองนวดไม่เป็น ก็น่าจะรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเขาจะจ้างไปทำอะไร มาเปลี่ยนใจทีหลังมากกว่า

งานนวดเป็นอาชีพที่ต้องมีไลเซ่นส์ในแทบทุกประเทศ ดังนั้นถ้ามีคนมาเสนอจ้างงานแล้วบอกว่า ไม่มีไลเซ่นส์ไม่เป็นไร ทำได้เลย.... อย่างนี้ให้สัณนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่าเป็นงานนวดแฝง หลังฉากคือการค้าประเวณี ซึ่งถ้าถูกจับจะถูกยกเลิกวีซ่า ถูกดำเนินคดี ถูกส่งกลับ และมีผลกับการขอวีซ่าประเทศอื่นๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
รู้จักรุ่นน้องที่เป็นคนไทยในเมกา มาวีซ่านักเรียน แต่เรียนนวดแผนโบราณจากไทยก่อนมาเมกา ทำงานนวด(ตอนเย็น)ส่งตัวเองเรียน ไม่มีไลเซ่น

ในร้านมีแต่ม่านกั้นระหว่างเตียง ฉนั้นนวดอย่างเดียวไม่มีอย่างอื่นแน่นอน ลูกค้าส่วนมากจะเป็นผู้หญิง

สรุปไม่ใช่ทุกคนจะต้องนวดแฝงหรือมีนาบหลังฉาก เด็กคนนี้เรียนโทอยู่และจวนจบแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
งานนวดที่โดนหลอกกันก็คนไทยหลอกกันเองแหละคะ มักอ้างว่านวดไม่เป็น สอนให้ฝึกสัก 1-2อาทิตย์ก็ให้ทำงานได้แล้ว แค่จำท่าให้ได้ก็พอ
แล้วมักจะบอกว่ารายได้ดีมาก โดนเฉพาะเกาหลี คูเวต บางคนอยากทำงานแบบสุจริตเพราะอยากได้เงินเยอะ บางทีถามแล้วไม่มีแฝงนะพอไปถึงโดนยึดพาสปอร์ตพวกนี้ทำเป็นอาชีพคะ โดนหลอกกันเยอะแต่ไม่เห็นโดนจับลงโพสในเน็ตเยอะแยะ แล้วไลเซ่นอย่าหวังหมอนวดจะสอบได้เพราะต้องเรียนใหม่ สอบให้ได้ของแต่ละประเทศนั้น ใช้เวลาเป็นปีแล้วภาษาอังกฤษ ก็ต้องเป็นพวกจบตรีที่พอเรียนรู้เรื่อง จะมีกี่คน พวกไปต่างประเทศก็ต้องหลบเลี่ยงหมดแหละคะ แอบแฝง หรือไม่แอบเพราะสอบยากค่าเรียนแพง แล้วทำไมไม่ทำงานในไทย ในไทยยิ่งกว่าแรงงานทาสคะ เริ่มงาน 11โมง เลิก 5ทุ่ม-เที่ยงคืน กี่ชม.คะ บางโรงแรมถ้าไม่มีลูกค้าวันนั้นไม่ได้เงิน ลองไปถามพนักงานนวดตามโรงแรมได้ว่าทำกันกี่ชม. ที่รวยนะโรงแรม ชม.250 พนักงานได้ 80 บาท ถ้ามีลูกค้าคนเดียว ทำงาน 12 ชม ได้ 80 บาท ยิ่งกว่าแรงงานขั้นต่ำอีก ถึงหวังน้ำบ่อหน้า ยอมเสียดวงกันไปเพราะไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยหรอกคะ ลองบอกว่าทำอาชีพหมอนวด ก็ดูถูกกันแล้วหละคะ ญี่ปุ่น ฝรั่งต่างชาติมาเรียนกันเยอะ กลับไปเปิดร้านที่ประเทศเค้ากันหมดแล้ว บางทีต่างชาติมาเปิดร้านกรุงเทพ ภูเก็ต พัทยา จ้างพนักงานคนไทย รายได้มหาศาลธุรกิจนวดสปา ต่างชาติเอาไปหมดคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ที่ประเทศสวิส แม่บ้านชาวไทย นิยมไปเรียนนวดจากวัดโพธิ์ แต่มารับนวดกันเอง กดราคากันเอง

มีหลายท่านยอมรับว่าลูกค้าชายต้องการให้นวดจุดนั้นเพื่อผ่อนคลาย

นักนวดไทยที่ประเทศสวิส ไม่เป็นที่รับรองของทางการ แต่เป็นที่รับรองของทางกามมากทีเดียว


การที่จะมีประกาศนียบัตรนักกายภาพบำบัดที่สวิสนั้น จะต้องเลือกเรียนมาตั้งแต่เริ่มฝึกอาชีพทีเดียว (อยู่ระหว่างการศึกษาปีที่สิบจนถึงปีที่สิบหกเป็นอย่างน้อย ) และต้องเรียนเกี่ยวกับอนาโตมี จนถึงการบำบัดเมื่อร่างกายทุพพลภาพ

นี่คือสาเหตุหนึ่งที่การนวดแผนโบราณของไทย ล้าสมัย และไม่เข้าข่ายการบำบัดที่ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ของร่างกายอย่างแท้จริง

เพราะการนวดของไทย คือการเน้นที่การกดเส้น ซึ่งต่างจากหลักกายภาคศาสตร์ทั่วๆไป

ยอมรับว่าการนวดไทยนั้นมีส่วนในการผ่อนคลายจริง แต่แม่บ้านไทยที่มานวดนั้น แม้จะมีประสบการณ์มากเท่าใด ก็ยังไม่มีคุณวุฒิตามหลักสากลศาสตร์และเป็นที่น่าเชื่อถือ และเป็นที่รับรองอย่างแท้จริง

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแม่บ้านไทยที่รับนวดนั้นเป็นค่านิยม เพื่อให้มีรายได้เป็นอาชีพเสริม

หากต้องการให้เป็นทีรับรอง ก็ต้องมาเรียน และสอบเอาใบคุณวุฒิรับรอง ซึ่่งก็ยากมากทีเดียว ทั้งในด้านภาษาและในด้านสรีระศาสตร์ และต้องเข้าคอร์สอัพเดททุกๆปี ทำให้แม่บ้านไทยในสวิสไม่สามารถทำตามกฏเหล่านี้ได้

ต่างจากนักกายภาพบำบัดที่สวิส ที่มาเสียค่าเล่าเรียนไม่กี่พันบาทที่ประเทศไทย ก็สามารถเอาความรู้ที่ได้ ไปประกาศตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีความรู้เพิ่มจากการนวดไทยมาแล้ว พร้อมๆกับที่บริษัทประกันสุขภาพ ยินดีพร้อมรับรองแลพคืนเงินส่วนหนึ่ง ให้แก่ลูกค้าที่มารับบริการ


วัดโพธิ์ประสบความสำเร็จในการสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก มีคนแห่มาเรียนทั่วสารทิศทั่วทุกมุมโลก แต่ที่ได้เต็มๆคือชาวต่างชาติ ที่จ่ายความรู้ได้ราคาถูกสุดๆ แต่นักนวดไทยในต่างแดนอยู่ในมุมอับ ได้เหงื่อแทนน้ำเงิน


ตอบกลับความเห็นที่ 4