อยากขายของจากอังกฤษส่งลูกค้าที่ไทยผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถทำได้ไหมคะ

เราอยู่ประเทศอังกฤษค่ะ อยากเปิดร้านให้ลูกค้าที่ไทยเข้ามาสั่งสินค้า แล้วเราส่งไปให้ที่ประเทศ
สามารถทำได้รึเปล่าคะ เหมือนกับที่ไทยที่เปิดร้านค้าออนไลน์ ที่นี่สามารถทำได้รึเปล่า ผิดกฎหมายรึเปล่า
ถ้าทำได้และมีใครเคยทำแนะนำด้วยนะคะ ต้องเริ่มต้นยังไงบ้าง ควรมีทุนเท่าไหร่ พอดีมีเวลาว่างจากการทำงานปกติ
อยากหารายได้พิเศษเพิ่มค่ะ ถ้าทำไม่ได้พอจะมีงานไหนแนะนำไหมคะ ที่ทำผ่านคอมหรืออินเตอร์เน้ตได้ แต่ไม่เอาขายตรงลูกโซ่นะคะ
รบกวนผู้รู้ทุกท่านแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ทำได้ครับ แต่ว่าผู้รับอาจต้องเสียภาษีนะครับ ขึ้นกับว่าของอะไร ส่งแบบไหน และระวังของหายทางไปรษณีย์ด้วยครับ ก่อนอื่นคุณต้องคิดก่อนว่าจะขายอะไร และมีตลาดไหมครับ เริ่มจากตรงนี้ก่อน


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ตอบคุณคห.1นะคะ

เราอยากขายพวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับอะค่ะ กังวลเรื่องของหายเหมือนกัน เรายังไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก
เลยมาลองถามดูก่อน พอจะแนะนำได้บ้างไหมคะ เริ่มต้นตลาดคือกลุ่มเพื่อนที่ไทยค่ะ เพราะเพื่อนสนใจเยอะมาก
หลักๆคิดว่าจะอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงานสัก30กว่าๆ ทั้งของแบรนด์เนมและไม่แบรนด์เนมค่ะ รบกวนด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เปิดออนไลน์ ไม่ต้องใช้ทุนมากครับ แต่โอกาสที่ผู้รับเสียภาษีนำเข้านั้นมีครับ เมืองไทย ไม่เหมือนเมืองนอก ที่บอกว่าเป็น gift หรือ ของใช้แล้ว จะได้ยกเว้นภาษี หากศุลกากรสุ่มตรวจเจอ ก็จะโดนภาษีนะครับ อันนี้ต้องบอกให้ผู้รับไว้ล่วงหน้า แนะนำให้ส่งเป็นไปรษณีย์ โอกาสโดนน้อยที่สุดครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เดี๋ยวนี้ส่งไปรษณีย์ก็เจอค่ะ เพราะทางเมืองไทยเข้มงวดกับพัสดุจากต่างประเทศมากขึ้น เป็นเหตุให้เราเลิกส่งของไปทางบ้านมาหลายปีแล้ว เพราะทางบ้านสั่งไว้ เนื่องจากเมื่อก่อนเคยส่งวิตะมินไปให้แม่เรา ไม่ได้เอาไปขาย แต่ส่งไปทีละหลายขวดเพราะจะได้ไม่ต้องส่งบ่อย ทุกทีไปรษณีย์เขาจะไปส่งให้ถึงหน้าบ้านเลย แต่หลังๆ กลายเป็นกักของไว้ แล้วมีใบให้ไปรับและประเมินภาษีค่ะ แม้จะระบุว่าเป็นของขวัญก็ตาม ที่บ้านเลยบอกว่าไม่ต้องส่งไปอีก เขาขี้เกียจขับรถไปรับของกัน

เรื่องของหาย ถ้ากลัว ก็ต้องส่งเป็นพวก Fedex DHL ค่ะ ค่าส่งแพง แต่ปลอดภัยกว่า ของถึงมือผู้รับแน่นอนกว่า และเจอภาษีแน่นอน เห็นบางคนเจอแบบยืืนหมูยื่นแมวเลย คือขอให้จ่ายภาษีก่อนค่อยให้ของน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
จขกทเองนะคะ พอดีแม่จขกทสนใจเลยให้ตั้งถามให้แม่แต่เค้าพูดแล้วให้จขกทพิมพ์ให้ 5555
คืออยากรู้ว่าจะเริ่มต้นศึกษาจากไหนได้บ้างคะ
เพราะพยายามเสิร์ชหาให้แม่แล้ว แต่เจอแต่พวกที่ขายจากไทยมาเมืองนอก รายละเอียดก็ไม่ค่อยเยอะเลย

คห.3 - พอจะทราบเรื่องราคาภาษีมั้ยคะ คือตั้งใจจะส่งแบบถูกกฎหมายและไม่เลี่ยงภาษีอยู่แล้วค่ะ

คห.4 - รบกวนขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่ง ภาษีได้มั้ยคะ หลังpmก็ได้ค่ะ หรือถ้ามันเยอะ ขี้เกียจพิมพ์
ส่งลิ๊งข้อมูลอะไรแบบนี้ก็ได้ค่ะ จริงๆ จขกทเพิ่งอายุ16 ช่วงนี้ปิดเทอมซัมเมอร์อยู่ก็เลยอยากทำงานหาเงินค่ะ
เรื่องขายออนไลน์แม่เป็นคนอยากทำ เสนอไอเดียมาก่อน จขกทสนใจเลยมาแจมๆ ช่วยหาด้วยค่ะ 55555

ขอบคุณทุกคนมากนะคะทั้งที่ตอบแล้ว แล้วก็อาจจะมาตอบเพิ่มอีก อยากได้ความเห็นเรื่อยๆ ค่ะรบกวนด้วยนะคะ
ถ้าไม่สะดวกทางนี้ส่งหลังpmได้เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ อีกทีที่ช่วยวัยรุ่นอยากหาเงิน 55555 ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ให้คิดไว้ที่ 30%
วิธีคิด หาค่าภาษี 30% ก่อน
พอได้ เอามาบวกกับราคาสินค้า บวกค่าขนส่ง บวกค่า insurance
ได้เท่าไหร่ มาคิด vat 7%
จากนั้น เอา vat 7% ไปบวกกับภาษี
คือที่ต้องจ่าย


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
วิธีคิดง่ายครับ ตามหลัก CIF
C = cost หรือมูลค่าสินค้าตามอินวอย์
I = Insurance หากไม่มีคิด 1% จากราคายอดรวมของสินค้า
F= Freight ค่าขนส่ง

3 อันรวมกัน มาคิดฐานภาษี คิดที่ 30% ครับ
ได้เท่าไหร่ เอายอด CIF+ยอดภาษีจาก 30% มาคิดอีก 7% ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ได้ยอดภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้ว เอา CIF+ยอดภาษี+ยอด 7% รวมกันเป็นค่าภาษีที่จะต้องจ่ายครับ

หากหน้ากล่องไม่ระบุราคาสินค้า และมูลค่าการขนส่ง ศุลกากรจะประเมิน มูลค่าตามราคากลางซึ่งเขามีอยู่แล้ว ซึ่งอาจสูงกว่าราคาท้องตลาดจริงครับ

มาคิดๆดูแล้ว หากรวมกันหมดแล้วราคาคร่าวๆหากยังไม่สูงกว่าทุนของคุณ ก็น่าลงทุนครับ

กรณีมูลค่าสินค้ามากกว่า 20000 บาท ราคา FOB ต้องทำใบขน จะมีค่า shipping อีกต่างหากครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
มีเยอะนะคะ ลองหาตามเฟสบุคก็ได้ ในพันทิพนี่ก็มีแม่ค้าคนหนึ่ง คือ มันเปิดเป็นเรื่องราว (แบบจดทะเบียน) ยากนะคะ ต้องเป็นแนวแบบว่ารับออร์เดอร์เป็นชิ้น ๆ อะค่ะ กำไรไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ นอกจากคุณจะได้ซื้อตอนของเซลล์ อย่างแม่ค้าบางคน เขาบอกไว้เลยว่า บวกชิ้นละ 400 - 500 บาท (ถ้าเจอที่อื่นถูกกว่าก็ไปซื้อที่อื่นเลย อะไรอย่างนี้) เพราะว่าเดี๋ยวนี้ยิ่งถ้าของแบรนด์เนม คนซื้อเขาเช็คได้เลยว่า ราคาจากชอปจริงๆ เท่าไหร่ ก็ราคามันโชว์หรา อยู่หน้าเวบ ไหนจะเช็คจากเวบ ASOS อีก

เคยมีเคส คนขายกระเป๋า ในไทยนี่แหละ Longchamp แล้วโฆษณาเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ใช้โลโก้อะไรพวกนี้อะ โดนตัวแทนแต่งตั้งจาก Longchamp ฝรั่งเศสฟ้อง (ตอนแรกเขานึกว่าโดนแกล้ง เขาก็ไปตั้งกระทู้ห้องศาลา แล้วคนอื่นๆ ก็ช่วยกันหาข้อมูล ปรากฏว่าเป็นทนายจริงๆ มาจาก สนง กฏหมายจริงๆ)

เมื่อก่อนสินค้าจากอังกฤษที่มีคนสนใจซื้อกันเยอะก็แบรนด์ Cathkidston แต่เดี๋ยวนี้ ที่เมกก้า บางนา มีชอป แคท แล้วล่ะค่ะ เหอ ๆๆๆๆ ราคาใกล้เคียงกันมากเลย เพราะเราเคยไปซื้อมาแล้ว ช่วงก่อนเรานี่แหละตัวดี อัพเดทหมด ราคาของ (คือ คุณอย่าคิดว่า ลูกค้าไม่รู้ราคาต้นทุนนะคะ) กระนั้นหากจะขายของ แล้วไม่ได้กำไร จะขายไปทำไมเนี่ย นอกจากซื้อตอนเซลล์แล้วไม่ต้องบอกลูกค้า หรือบอกแฟร์ ๆ ไปเลยว่า บวกชิ้นละ 400 นะคะ อะไรอย่างนี้

กรณีถ้าส่งของไปเมืองไทย เทียบกับต้องโดนเสี่ยงภาษีแล้ว งั้นก็ซื้อที่เมืองไทยไม่ดีกว่าเหรอ อ้อ ถ้าส่งไปไทย ก็เจอเสี่ยงของหายไม่รับผิดชอบด้วยนะคะ มันก็ไม่ได้เป็นหมดทุกเคส หรอกแต่มันมีเคสของหายค่ะ หรือถ้าคุณจะส่ง Royalmail แบบประกันของหาย ค่าส่งก็คงแพงโคตร ๆๆๆ อะค่ะ ของที่จะขายบนเวบให้กับคนไทยได้ ก็น่าจะไม่เกิน 3000 บาทนะคะ ถ้าแพงเกิน คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าสั่งกับแม่ค้าอะค่ะ คือ เราเคยสั่งกระเป๋าจาก ASOS นะ ราคากระเป๋าน่ะ ถูกอยู่ แต่ภาษีไปเกือบครึ่ง (รอบสองเรายื่น appeal ด้วย) เช่นว่ามูลค่าของเรา 1500 เราโดนภาษี 700 บาท งี้อะค่ะ

แล้วคุณภาพของก็ไม่ได้ ดีมากอะ คือ อย่างยี่ห้อ street brand พวก H&M (ยกตัวอย่างนะ คนไทยค่อนข้างบ้า H&M ณ ตอนนี้) River Island เทือกนี้ มันงานฝีมือจีนชัด ๆ เทียบราคาซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมในไทยราคา 1500 - 2000 นี่ ฝีมือดีกว่าแบบฟ้ากับเหว เลยทีเดียว แม้แต่ Paul Boutique ในราคา 1500-2000 มันก็ทำจากจีนนั่นแหละ (คนที่อยู่เมืองไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยแหละ เห็นเขากำลังเห่อแบรนด์นี้กัน ก็เฮโลไปกัน เราเข้า H&M บ่อย โห อยากจะบอกจริงๆ เลยว่า รองเท้า กระเป๋านี่ ซื้อกันไปได้ไง พอบางคนได้ของแล้วดูไม่เป๊ะเหมือนเห็นหน้าเวบ ก็มาต่อว่าแม้ค้าว่าของจริง หรือของปลอมอีก) ถ้าของแบรนด์ดีหน่อย ๆ จะส่ง ปณ ก็กลัวหายอีก ก็ต้องส่งแบบมีประกัน (อีกรึเปล่า) ค่าประกันไปอีกเป็นพันน่ะสิ

เอาล่ะ เท่า ๆ ที่กล่าวมา เราว่า ซื้อของจากไทยเอาไปขายในต่างชาติ กำไรสูงกว่ามากมายค่ะ เหอ เหอ น้องที่เรารู้จักขายพวก สร้อยเครื่องประดับ คริสตัสอะค่ะ ในอีเบย์ อย่างต้นทุน 100 บาท ขาย 20 ดอลล่าร์งี้ กำไรก็ไปเยอะแล้ว คือ ขายจนเป็นรายได้หลักไปแล้ว กรณีหาย ก็ไม่เสียดายเงินมาก (ต้นทุน 100-200 บาท) ส่ง ปณ ก็น้ำหนักเบาด้วย แต่อย่าหาว่าเราขัดคอเลยนะ คนที่ขายได้เขาก็มีกันเยอะแยะอะ แต่ว่าจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน นี่ไม่รู้นะคะ คงได้มากอยู่ ร้านค้าออนไลน์มีเยอะแยะ คุณไปสิบราคาดูรึยังล่ะคะ

ที่เราร่ายยาวเนี่ย เพราะเราขายอยู่บ้าง และเคยเป็นคนซื้อ อย่างเราซื้อ Victoria Secret ตอนเซลล์ถูกสุด ๆ อะไปขาย บวกกำไร 50-80 บาทเอง ยังมีคนบอกว่า อ๋อ ซื้อจากที่อื่นถูกกว่า ได้เท่าราคาที่ อเมริกาเลย ( โห งั้นเราจะลงทุน ลงแรง ขนไป ออกเงินตัวเองไปก่อน เพื่ออะไรกัน ) ไอ้เราทั้งแบกไปทั้งต้องสำรองเงินตัวเองไปก่อน ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ หากคิดจะขายของ ไม่ได้กำไรแล้วจะขายทำไม เอาเงินไปจมอีก (นี่คือ ประสบการณ์เรานะ) หรือไม่ก็ได้เท่าทุนกำไรนิดเดียว ลงทุน 2000 กำไร 1000 งี้ โอเคมั้ยล่ะคะ เราว่าเอาเป็นว่าคุณสืบราคาจากร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ ทางเน็ทก่อนดีกว่า เพราะมีเยอะเลยค่ะ พวกรับพรีออร์เดอร์ของจากอังกฤษเนี่ย เยอะมาก

คือ ที่บ้านเราขายของด้วย ส่วนใหญ่มันจะต้องได้กำไรเกือบเท่าตัวน่ะค่ะ เราถึงได้บอกว่า ของจากไทยส่งไปขายนอกอะ กำไรดีสุด ๆ แล้ว ถ้าของจากนอกมาไทย ก็ต้องแล้วแต่ ปัจจัยอื่น ๆ ตามที่บอกด้านบนนั่นแหละ

ตอบกลับความเห็นที่ 8