ทางขึ้น เขาใหญ่ กับ เขาค้อ ภูทับเบิก อันไหนชันกว่า ขับง่ายกว่ากันค่ะ

ทางขึ้น เขาใหญ่ กับ เขาค้อ ภูทับเบิก อันไหนชันกว่า ขับง่ายกว่ากันค่ะ


จะขับ รถ1600 cc อายุ12ปี ไปเพชรบูรณ์ อยากทราบว่า ถ้าเทียบกับ เขาใหญ่ ที่ไหนชันกว่า ขับยากง่าย กว่ากันค่ะ เนื่องจากเคยขับขึ้นเขาใหญ่ทางโคราช ขึ้นไปเหวสุวัตแล้ว รู้สึกว่าขึ้นไม่ค่อยไหวค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ภูทับเบิก ชันกว่า แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ผมว่า ความชันน่าจะใกล้เคียงกัน แต่ทับเบิก จะเป็นแบบ ชันและโค้งเป็นระยะทางยาว ๆ ราว ๆ สัก 10 กิโลเมตร ถ้าขับขึ้นเขาไม่ชำนาญ ลองชวนคนที่ชำนาญไปด้วย จะดีมาก ๆ แต่คิดว่า สามารถขึ้นได้ (ถ้าจะขับเอง แนะนำพักก่อนขึ้นทางชัน ให้เบรคได้หายร้อนสักหน่อย)


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ทับเบิกยากสุดนะฮ้า เขาใหญ่ง่ายสุด


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ทับเบิก เขาค้อ และเขาใหญ่ ไล่มาตามลำดับค่ะ
แต่เราขับ CITY อายุเกือบ 10 ปี ไปเขาค้อมาไม่มีปัญหาอะไรนะ ก่อนไปเช็คสภาพรถให้ดี และอาศัยใจล้วนๆ ค่ะ อย่าประมาท


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ไปเขาใหญ่ ลองไปซ้อมมือ ขึ้นไปจุดชมวิวที่ฐานเรดาร์ดูครับ
จะชัน กว่า ขึ้นเขาใหญ่โดยปกติ และ ไกล้เคียงกับที่จะพบที่ภูทับเบิก


ทางขันแค่ไหน ถ้ารถยนต์ สภาพดี สมบูรณ์ ขึ้น ไม่ยาก ลง จะ อันตรายกว่าครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เราเพิ่งไปทับเบิกมาค่ะ ขึ้นฝั่งหล่มสัก ชันมากกว่าเขาใหญ่ และเขาค้อเยอะพอควรค่ะ และระยะทางขึ้นเขายาวเลยค่ะ ขับมาร์ชไปลุ้นตัวโก่งเลยค่ะ เพราะที่ตามมาและสวนลงมามีแต่ระกระบะทั้งนั้นค่ะ แต่ก็ประทับใจนะคะ ที่รถคันนิดเดียวสามารถพาขึ้นไปได้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
จะพาอัลเมร่า ไปเขาค้อ ยังกังวล อยุ่เลยค่ะ กลัวขึ้นไม่ไหว -*-


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
อย่าไปกลัวครับ
ผมเคยเจอรถ Mira เคร่ือง 800CC.
สภาพเก่า ยังสามารถขึ้นได้
ขอเพียงคนพร้อม รถพร้อม . . ลุยเลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เอามาฝากครับสำหรับมือใหม่

เทคนิคการขับรถขึ้นเขา

การขับรถขึ้นเขา
เช่นบนเขาค้อ เป็นพื้นที่ราบบนภูเขา สูงกว่าระดับน้ำทะเล 800-1000 เมตร ซึ่งอาจใช้รถยนต์
ที่มีกำลังเครื่องยนต์มากกว่า 1500 ซีซี ขึ้นไปก็เพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวอย่างสบายๆ

แต่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญบางแห่งที่มีความสูงมากขึ้น โดยเฉพาะ 3 จุดหลัก คือ
1. อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
2.พระตำหนักเขาค้อ
3. ภูทับเบิก
อาจต้องใช้กำลังของเครื่องยนต์มากขึ้น และต้องการผู้ขับขี่ที่มีความชำนาญพอสมควร
จึงควรศึกษาหลักการคร่าวๆ สำหรับการขับรถขึ้น-ลง พื้นที่ลาดชัน เพื่อป้องกันความผิดพลาด
และเพื่อเป็นการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ของรถท่านเอง

หลักการขับรถขึ้นเขาคร่าวๆ พอสรุปได้ดังนี้ครับ

ควรใช้เกียร์ต่ำ ปรับเปลี่ยนเกียร์เมื่อรถเสียกำลังอย่าลากเกียร์จนหมดแรงส่ง
ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ให้ใช้เกียร์ 2 ในการขับขึ้นเขาลงเขา และเปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง
เมื่อรถอยู่ในทางราบ การขับให้ใช้เกียร์ช่วยตลอดทางเกียร์อัตโนมัติไม่พังง่ายๆ

เมื่อขับลงเขาที่ลาดชันมากและยาวไกล ก่อนเข้าโค้งให้เปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่ง D มา 2
ถ้า 2 ยังเอาไม่อยู่ให้เปลี่ยนมา L แต่อย่าเปลี่ยนเกียร์ขณะฝนตกทางลื่นรถจะเสียการทรงตัว
การใช้เกียร์แต่ละเกียร์ควรดูสภาพทางเป็นหลักในการพิจารณา ส่วนเกียร์ธรรมดาการทำงานจะ
ง่ายกว่า มีเกียร์ให้เล่น 5 ตำแหน่ง และมีคลัทช์ช่วยในการส่งกำลังไปยังล้อตามที่เราต้องการ
ได้ทุกขณะ แต่เกียร์อัตโนมัติบางรุ่นจะทำงานไม่ได้อย่างที่เราต้องการ
เพราะฉะนั้น ควรประเมินสภาพทางก่อนใช้เกียร์ดีที่สุด

การขับเข้าโค้งธรรมดาหรือบนภูเขา ควรมองให้ไกลให้ลึกและให้คนนั่งข้างช่วยดูสภาพทางด้วย
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาให้ใช้วิธีตัดโค้งวิธีนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดี,เข้าโค้งได้เร็ว,รถไม่ใช้กำลัง
มาก ลูกปืนล้อมไม่ทำงานหนัก,ยางก็ไม่ล้มตัวมาก หน้ายางจะสัมผัสผิวถนนได้มากตามไปด้วย
แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมา

สมมุติจะเข้าโค้งขวาก่อนเข้าโค้งให้ถอนคันเร่งลง หัดพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดหนึ่ง
แล้วหักพวงมาลัยมาทางขวาเพื่อทำโค้งให้กว้างขึ้น ใช้พื้นที่ถนนทุกตารางนิ้ว
ถ้ารถจะเลี้ยวซ้ายก็ให้เลี้ยวทางขวานิดหนึ่งแล้วเลี้ยวซ้าย การฝึกใหม่จะรู้สึกฝืนความรู้สึกบ้าง
ถ้าขับชำนาญแล้วก็จะชินไปเอง

การขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S มองให้ไกล มองให้ลึก เมื่อแน่ใจว่าทางว่าง
ไม่มีรถสวนมาให้ถอนคันเร่งลง แล้วเสียบตัดโค้งในแนวการขับเป็นเส้นตรงที่สุด
ง่ายไหม? ...ครับ แต่การขับรถลักษณะนี้ถ้าไม่แน่ใจเส้นทางข้างหน้าหรือทัศนวิสัยไม่ดี
ควรขับเข้าทางโค้งธรรมดา อยู่ในทางของเราเอง

การขับรถเข้าโค้งหักศอกขึ้นเขารูปฟันปลา
การขับแบบนี้ต้องให้ผู้ช่วยดูรถด้านซ้ายด้วยโดยมองถนนด้านบนก่อนว่าไม่มีรถสวนลงมา
กดแตรรถก่อนจะขับขึ้นไป หลักการขับก็เหมือนเข้าโค้งธรรมดา จะเลี้ยวซ้ายก็หักพวงมาลัยไป
ทางขวาก่อน แล้วหักพวงมาลัยไปทางซ้ายเข้าโค้งเมื่อรถเข้าโค้งล้อหน้าจะเกิดแรงต้าน
รถต้องใช้กำลังมาก ทำให้รถรถขับขึ้นได้ช้า ควรคืนพวงมาลัยกลับมาบ้าง และเร่งเครื่อง
ทำแบบนี้เป็นจังหวะไปมาจนพ้นโค้ง การขับลงโค้งแบบนี้อย่าใช้ความเร็ว ควรลงช้าๆ
ใช้เบรกช่วยชะลอความเร็วแต่อย่าเหยียบแรง ท้ายรถจะปัด ยิ่งหน้าฝนท้ารถจะปัดได้ง่าย
ถ้าท้ายรถปัดรถจะเสียการทรงตัว ให้หักพวงมาลัยไปทิศทางท้ายรถ เช่น เลี้ยวซ้ายท้ายรถปัด
ไปทางขวาก็ให้หักพวงมาลัยไปทางขวา เมื่อรถทรงตัวได้แล้วบังคับให้บังคับรถไปในทิศทางที่
ต้องการ ถ้าเอาไม่อยู่ให้เลือกทางภูเขาไว้ก่อน อย่าเลือกทางหน้าผาก็แล้วกัน

การเพิ่มระยะทางการเบรก การเบรกรถกะทันหัน รถเราอาจไปชนรถข้างหน้า
ควรเลี้ยวรถดึงพวงมาลัยไปทางไหล่ทาง หรือมีพื้นที่เพื่อเพิ่มระยะทางการเบรก

การขับรถบนภูเขาที่มีทางคดเคี้ยวไปมาเป็นเวลานานๆ เมื่อถึงทางตรงลงเขายาวไกล
อย่าขับเร็วเด็ดขาด คนขับส่วนมากจะขับเร็วรถมาก อันตรายมากนะครับทางแบบนี้
น้ำหนักรถ ความเร็ว ระยะทางถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น มีรถ,คน,ฯลฯ ขึ้นจากข้างทางหักหลบ
ไม่พ้นแน่ ถึงจะหักหลบได้แต่รถต้องเกิดอะไรแน่นอน ไม่พลิกคว่ำ แหกข้างทางเข้าป่า
หรือไม่ก็ชนรถที่วิ่งสวนมา

การขับในทัศนวิสัยไม่ดี ทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา
ต้องบีบแตรส่งสัญญาณทุกครั้งก่อนจะเข้าโค้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา
เนื่องจากคนที่ขับรถเจ้าถิ่นบนภูเขาเป็นประจำจะขับรถตัดโค้ง

ทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอย ทางแบบนี้ถือได้ว่าเป็นทางปราบเซียน กลิ้งกันมาหลายคันครับ
การที่ล้อรถลอยตัวขณะวิ่งเข้าโค้งเราไม่สามารถบังคับได้อย่างที่ต้องการ
และการที่เราไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมาก่อนก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็ว


ข้อควรระวัง
1.ขณะขับรถขึ้นทางชันหรือขึ้นเขา ควรเร่งความเร็วให้สม่ำเสมอ
เพิ่มกำลังเครื่องยนต์อย่างนุ่มนวล แต่อย่าเบิ้ลอย่างรุนแรงนะครับ เพราะนอกจากความเร็วจะไม่
เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน ไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกด้วย

2. อย่าใช้เกียร์ว่างในขณะลงเนินชัน หรือลงเขาโดยเด็ดขาด!!
เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์
อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรใช้เกียร์ต่ำ ค่อยๆปล่อยรถให้ไหลลงเนินตาม
รอบเครื่องยนต์ และอย่าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ ด้วยนะครับ

3. ควรใช้เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2 ในขณะขับรถขึ้นเขา
เพราะถ้าใช้เกียร์ที่สูง อย่างเช่นเกียร์ 3,4หรือ 5 จะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง
และแรงฉุดมากพอที่จะเคลื่อนที่ขึ้นเนินเขา นอกจากนี้ยังทำให้ผลาญน้ำมันโดยไม่จำเป็นอีกด้วย


ที่มา http://www.khaoko.com


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าอัลเมร่า ขึ้นไม่ไหว ขายทิ้งถูกๆให้ผมเถอะครับ รถเก๋งผม 15 ปีแล้วยังไปได้ทุกที่เลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เขาค้อน่ากลัวตอนลงมากกว่า ครับ
ตอนลงจาก อนุสรณ์สถานน่ะครับ
มันชันมาก....
ต้องทำความเข้าใจกับการใช้เกียร์ให้ดี ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
^^ สบายๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ไปทุกที่ ที่มีทาง


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
Swift Eco ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ทางที่ ผมคิดว่าชันมากๆ คือ ม่อนแจ่ม ^^ สุดยอดแห่งความชัน


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
^^ บิ้ว จขกท


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
มามะ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
น่าจะไม่มีปัญหาอะไรน่ะครับ ตรวจเช็ครถให้เรียบร้อย อย่าประมาท อ่านคำแน่ะนำกระทู้ด้านบน ผมว่าไปได้น่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
อ้าวรูปไม่ติดซะอย่างนั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
PAX 125I ยังขึ้นได้เลย
ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
"ทางขึ้น เขาใหญ่ กับ เขาค้อ ภูทับเบิก อันไหนชันกว่า ขับง่ายกว่ากันค่ะ


จะขับ รถ1600 cc อายุ12ปี ไปเพชรบูรณ์ อยากทราบว่า ถ้าเทียบกับ เขาใหญ่ ที่ไหนชันกว่า ขับยากง่าย กว่ากันค่ะ เนื่องจากเคยขับขึ้นเขาใหญ่ทางโคราช ขึ้นไปเหวสุวัตแล้ว รู้สึกว่าขึ้นไม่ค่อยไหวค่ะ

"


กลัวอะไรครับ บนเขา เขาใช้มอไซค์กันครับ สบายๆครับ โนวา เทน่า เก่าๆของผมยังเคย ผ่านเขาค้อไปจนถึงพิษณุโลกเลย รถใหญ่ ไใ่ต้องห่วงหรอกครับ ขอแค่คนขับไม่ประมาทก็พอ
ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
## ความเห็นนี้ถูกลบ ##
ตอบกลับความเห็นที่ 22