ทำยังไง เราถึงจะมีประเทศ ที่ไปโดยไม่ต้องใช้วีซ่าเพิ่มครับ?

อยากรู้ว่าเมื่อก่อนคนไทยไปประเทศไหนโดยไม่ต้องใช้วีซ่า แต่ตอนนี้ต้องใช้แล้วบ้าง ??ส่วนตัวรู้แค่ นิวซีแลนด์ แต่อยากรู้ว่าที่ไหนที่เราเคยงดเว้นวีซ่าบ้าง

ส่วนตัวอยู่ ตปท แต่ถือพาสไทย เวลาจะไปเที่ยว ตปท กับเพื่อน ๆ จะมีเราคนเดียวที่ต้องมานั่งขอวีซ่า

คือ อยากทราบว่า ในฐานะที่เราเป็นหน่วยเล็กๆ ของประเทศไทย เราจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อที่จะทำให้ไทย มีจำนวนประเทศงดเว้น วีซ่า มากขึ้น หรือ มันมีปัจจัยอะไรบ้าง ที่จะทำให้มันดีขึ้นครับ

คิดว่าต่อไป ถ้าคนไทยยังโดดวีซ่าอยู่เรื่อยๆ เกาหลี ต้องเป็นคิวต่อไปแน่ๆที่จะโดนยกเลิกการงดเว้นวีซ่า

ปล ผมยืมลอกอินคุณ ted_chen ตั้งกระทู้นะครับ

ความคิดเห็นที่ 1
New Zealand เมื่อก่อนไม่ต้อง ตอนนี้จัดหนัก


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คนไทยก็ต้องช่วยกันก่อนครับ อย่าไปโดดวีซ่า หรือไปทำอาชีพที่ผิดกฏหมายบ้านเขา


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ต้องเพิ่ม GNPต่อหัวโดย

เปิดเสรีการลงทุนให้ต่างชาติมาแข่งกับเศรษฐีไทยที่รวยอยู่ไม่กี่ตระกูล
กีดกันการทำงานของต่างชาติ เพื่อเพิ่มค่าจ้างของคนไทย
การเปิดบ่อนถูกกฎหมาย
สร้างรถไฟฟ้าอีก 500 สถานี

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
"ส่วนตัวอยู่ ตปท แต่ถือพาสไทย เวลาจะไปเที่ยว ตปท กับเพื่อนๆ จะมีเราคนเดียวที่ต้องมานั่งขอวีซ่า"

^^^^^
^^^^^
ดิฉันขออนุญาต Quote ประโยคของคุณ จขกท. มาตอบคำถามนะคะ ดิฉันเห็นด้วยกับคำตอบของคุณ
Giuseppe คห. 2 แต่อยากจะเรียนคุณเจ้าของกระทู้ว่า ดิฉันเองถือพาสปอร์ตไทย ดิฉันเดินทางมา
ไม่น้อย และเดินทางมาหลายสิบปีแล้ว และสามารถบอกคุณเจ้าของกระทู้ได้เลยว่า สิ่งสำคัญในการเดินทาง
มีอยู่ด้วยกัน 2 อย่างหลักๆ คือ

"เงิน และ เวลา" ค่ะ

ส่วนเรื่องพาสปอร์ตไทย หรือเรื่องที่จะต้องขอวีซ่าดิฉันไม่เคยมีปัญหากับสองสิ่งนี้ค่ะ ขอให้คุณแค่แพลน
การเดินทางให้ดีเท่านั้นเอง เรื่องขอวีซ่าไม่เป็นอุปสรรคค่ะ ดิฉันเดินทางออกนอกประเทศไทยอย่างน้อย
เดือนละ 2 หนค่ะ ส่วนเดือนนี้มีคิวเดินทาง 3 ทริปค่ะ และในแต่ละปีดิฉันเดินทางเข้า-ออกประเทศที่
คนที่ถือพาสปอร์ตไทยต้องขอวีซ่าหลายประเทศค่ะ และคู่หูเพื่อนเดินทางของดิฉันถือพาสปอร์ตของประเทศ
ร่ำรวยค่ะ แต่ดิฉันไม่เคยมีปัญหาเวลาเดินทางกับคนที่ไม่ต้องขอวีซ่าเลยค่ะ

เรื่องคนไทยต้องขอวีซ่ามีหลายปัจจัยค่ะ ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เรื่องยาเสพย์ติด
เรื่องการค้ามนุษย์ (ทั้งคนไทยเอง และของประเทศอื่นๆ ที่ใช้เมืองไทยเป็นเส้นทางผ่านในการค้ามนุษย์
ทั้งในด้านขายแรงงาน และทางด้านขายบริการทางเพศ)

เรื่องมันยาวนะคะคุณ และไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขกันง่ายๆ แต่ดิฉันอยากจะบอกว่าดิฉันไม่เคยมีปัญหา
ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบคิดกันไปเองนะคะ

นี่ดิฉันเพิ่งเข้าญี่ปุ่นมา และมาอยู่ญี่ปุ่นได้หลายวันแล้ว เวลาที่ ตม. ญี่ปุ่น รูดพาสปอร์ตไทยของดิฉันกับ
เครื่องคอมฯ ข้างหน้าเขา เจ้าเครื่องอัจฉริยะมันกล่าวต้อนรับดิฉันเป็นตัวหนังสือภาษาไทยค่ะ
ดิฉันอ่านภาษาอังกฤษได้ แต่คงไม่ภูมิใจหรอกค่ะถ้าเครื่องอัจฉริยะของ คม. ญี่ปุ่นกล่าวต้อนรับ
ดิฉันเป็นภาษาอังกฤษ เพราะดิฉันไม่ใช่คนที่มากจากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกค่ะ
เพราะดิฉันเป็นคนไทย มาจากประเทศที่มีภาษา มีวัฒนธรรมเป็นของตนเองเหมือนประเทศญี่ปุ่นค่ะ

//ดิฉันเข้ามาแชร์กับคุณ จขกท. นะคะ แชร์ในฐานะคนไทยที่เดินทางมานานแล้ว และรับประกันได้ว่า
เดินทางมาเยอะกว่าพลเมืองฝรั่งในหลายๆ ประเทศ พลเมืองญี่ปุ่น พลเมืองสิงคโปร์ ี่พวกเขาเหล่านั้น
แทบจะไม่ต้องขอวีซ่าเวลาไปไหนๆ ค่ะ

ขอสรุปว่าถ้ามีใจรักที่จะเดินทาง เรื่องพาสปอร์ตไม่สำคัญเท่ากับ "เงิน และ เวลา" หรอกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เข้าใจอารมณ์จขกท นะคะ
คุณBeen there, done that! คะ จขกท คงอารมณ์ว่าอยู่ ๆ ปุบปับอยากนั่งรถไฟข้ามไปฝรั่งเศสแบบคนอื่นก็๋ไม่ได้ ต้องไปขอวีซ่า (สมมุติว่าอยู่อังกฤษ)
คือเราต้องแพลนเยอะกว่าคนอื่นเค้า เสียเวลาทำให้ไปทริปกับเพื่อน ๆ ที่แพลนกันปุบปับไม่ได้
เอกสารก็ต้องไปขอ สมมุติว่าเรียนอยู่ มหาลัยก็ใช่ว่าจะออกเร็วให้หมด บางที่ออกช้า บางที่ไม่ยิมจ่าหน้าถึงสถานฑูตเฉพาะประเทศก็ต้องไปต่อรองอ้อนวอนให้เค้าทำให้
แบงค์สเตทเม้นอ้าวเดือนนี้ใช้ตังไปเยอะแล้วพ่อแม่ยังไม่ส่งมาให้ใหม่ ไปขอเงินดูน้อยต้อยมากเลยอะ ถึงขั้นเยอรมันให้วีซ่าแค่สิบวันก็เคยมาแล้วทั้ง ๆ ที่เยอรมันขึ้นชื่อเรื่องให้มัลติเพิลนาน ๆ เสียมั้ย
รูปก็ต้องไปถ่าย ห้ามซ้ำเกิน สามเดือน มีรูปทำวีซ่าเหลือซ้ำเยอะมากเนี่ยเรา
เราเคยมีเพื่อนยุโรปทั้งหลายอยู่ ๆ ก็เออไป ski trip กันเถอะ สัปดาห์หน้านะ
เราไปด้วยไม่ได้จริง ๆ นะ แค่จองวีซ่าก็ไม่ทันแล้วค่ะ

ส่วนที่ตอบคำถามของจขกท
ก็คงอย่างที่ คห บน ๆ ว่า ต้องช่วยกันไม่โดดวีซ่า ไม่ทำงานผิด กม แต่คงยาก ทุกวันนี้มีแต่กระทู้อยากไปเรียนภาษา (ทำงานเกินกำหนดที่เค้าให้ทำ) กันทั้งนั้น แถมยังมีพวกเอเจนซี่เป็นม้าแฝงมาแนะนำให้กระทู้ต่าง ๆ อีก


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณค่ะคุณ PuppyPower เราเข้าใจที่คุณ จขกท.เขียนมาค่ะ ว่าอาจจะเป็นอารมณ์นั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราอยากให้คิดบวกกันค่ะ คือให้ยอมรับความจริง และถ้าไปกับเพื่อนคนอื่นๆ ไม่ได้
ในทริปปุบปับก็ลองไปเที่ยวใน UK คนเดียวดูค่ะ แยกไปเอง แล้วทริปไหนที่แพลนกันได้ทันก็ค่อยไปค่ะ
ไม่อยากให้คิดน้อยเนื้อต่ำใจ และเราเข้าใจด้วยค่ะ ว่าคนไทยหลายๆ คนที่อยู่ต่างแดนมีความกดดัน
ตรงนี้ เพราะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ คือทั้งเปรียบเทียบกับคนไทยด้วยกันเอง และเปรียบ
เทียบกันคนจากประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าด้วย

เราแค่อยากให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในตนเอง และอยาก
ให้เลิกคิดว่าพาสปอร์ตต่างชาติของประเทศรวยๆ สามารถดลบันดาลการท่องเที่ยวให้ได้นะคะ เพราะไม่ใช่
แบบนั้นเสมอไปค่ะ ดิฉันรู้จักคนสิงคโปร์มากมาย คนญี่ปุ่นมากมาย คนประเทศฝรั่งประเทศรวยๆ มากมาย
ที่แทบจะไม่เคยไปไหน หรือเดินทางมาน้อยมาก หรือเดินทางแค่ปีละหน 2-3 ปีหนนะคะ แค่อยากจะ
นำเสนออีกมุมหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ

และขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมด้วยว่าตราบใดที่ปัญหาคอรัปชั่นในประเทศของเรายังไม่หมดไป
ยากค่ะ คอรัปชั่นคือปัญหาใหญ่ค่ะ เพราะสามารถอำนวยความสะดวกอะไรหลายๆ อย่างได้ ยกตัวอย่าง
บัตรประชาชนปลอมก็ออกได้ ออกแล้วเอาไปทำพาสปอร์ตได้ สามารถใช้เดินทางได้ เคยเป็นข่าวมาแล้ว
และอีกหลายๆ ปัญหาที่เป็นลูกโซ่กัน ทำให้ความน่าเชื่อถือของพลเมืองไทยส่วนหนึ่งมีค่าเป็นศูนย์
ในสายตาของคนต่างชาตินะคะ แต่คนเราต้องเคารพตนเองด้วยค่ะ เคารพประเทศของเราเอง เคารพสัญชาติ
ของเราเอง และเมื่อเกิดความรักความภูมิใจในชาติแล้วเราก็จะไม่คอรัปชั่น ไม่ศรีธนญชัย ไม่ซิกแซก
แล้วคนต่างชาติเขาจะเคารพเราเองค่ะ

//ไม่ได้มาว่าอะไรนะคะ แต่มาขยายความ และมาแชร์ความคิดเห็นค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องต้องทำวีซ่าหรือได้วีซ่ายากก็ไม่เจ็บใจเท่ากับคนชาติไหนมาไทยได้ฟรีๆทั้งนั้น ถามจริงๆว่ามีประืเทศไหนที่ต้องการมาเที่ยวเมืองไทย 15 วันแล้วต้องขอวีซ่าก่อนเดินทาง

การที่จะให้เข้าประเทศไหนได้ง่ายๆคงอีกนานครับ เหมือนที่ความคิดเห็นที่ 3 บอกคือ ต้องเพิ่ม GNPต่อหัว โดยวิธีไหนไม่ทราบ

ส่วนที่ว่าคนที่ไปแล้วอย่าไปโดดวีซ่า หรือไปทำอาชีพที่ผิดกฏหมายบ้านเขา ยากมากที่จะแก้ข้อนี้ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เข้าใจและขอบคุณ ทุกความเห็นครับ ผมไม่ซีเรียสครับ ดีซะอีกได้อ่านความเห็น หลายแบบ

ผมมีเพื่อนคนเวียดนามนะ ทุกคนที่มหาลัย ทำผิดกฏหมายหมดเลย แล้วคิดดูคนเวียดนามเยอะมากๆที่นี่ บางคนก็ พอหมดวีซ่า ก็โดดวีซ่ากัน แถมยังบอกอีก ไม่รวยไม่กลับ หรืออาจหาสามีที่นี่

แล้วเพื่อนคนนึง บอกเราว่า พอโดดที่นี่เสร็จ จะไปโดดต่อที่เยอรมัน เราฟังแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย ทำไมเค้าถึงไม่คิดถึงคนรุ่นหลังเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะ สามีเดินทางไปประชุมบางทีก็ไปทำงานต่างประเทศ บางครั้งไม่รู้กำหนดแน่นอนจนใกล้เวลาเดินทาง บางครั้งเราจะตามไปเที่ยวด้วย โชคดีที่ถือพลาสปอร์ตทั้งของไทยและอเมริกา เลยทำให้คล่องตัว ถ้าใช้พลาสปอร์ตไทย บางครั้งรอขอวีซ่าไม่ทันแน่ๆ อดเที่ยว


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เลิกทะเลาะกันเอง
ประชาชนมีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย
การเมืองมั่นคง ไม่ทุจริตคอรัปชั่น
เศรษฐกิจเข้มแข็ง กระจายรายได้ไปทั่วประเทศอย่างทัดเทียมหรือใกล้เคียงกัน
พัฒนาประเทศไปจนทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว

ชั่วชีวิตนี้จะได้เห็นหรือเปล่าไม่รู้ T^T


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าจำไม่ผิด เมื่อก่อน นอกจากนิวซีแลนด์แล้ว คนไทยไปเยอรมันก็ไม่ต้องขอวีซ่านะ แต่ก็อ่ะนะ มันมีคนไทยกลุ่มหนึ่งไปสร้างวีรกรรมเอาไว้จนทั้งสองประเทศต้องเปลี่ยนกฎ คนไทยรุ่นหลังๆ เลยต้องยุ่งยากกับการขอวีซ่า ซึ่งบางทีก็อยากด่าพวกที่ไปทำวีรกรรมไว้จริงๆ ว่ามันเดือดร้อนคนที่จะไปเที่ยว ไปทำธุระ ไปเรียนโดยไม่มีเจตนาแอบแฝงแล้วโดนเหมารวมไปด้วยน่ะ

อ่านกระทู้ในห้องบลูแพล็นเน็ต อย่างเกาหลีที่เขาให้สิทธิ์พิเศษคนไทยเพราะเขาให้เกียรติเรา เนื่องจากไทยเคยไปช่วยร่วมรบกับเขาในอดีต แต่ก็อย่างที่เห็น คนไทยบางกลุ่มก็ถล่มเกียรติที่เขาให้ด้วยการไปโดดวีซ่าเป็นอันดับต้นๆ ชิงความเป็นหนึ่งกับคนจีน ในห้องบลูแพล็นเน็ตนี่มีกระทู้ถามประจำกลัวไม่ผ่าน ตม เกาหลีกัน นี่ถ้าเกาหลียกเลิกสิทธิ์พิเศษนี้ได้ ก็คงยกเลิกไปแล้วล่ะ

ถ้าตุรกียกเว้นวีซ่าให้คนไทยจริง ก็กลัวเหมือนกันนะว่าจะมีบางคนไปสร้างวีรกรรมอีก

คิดว่าถ้าอยากให้เขายกเว้นวีซ่า นอกจากเศรษฐกิจบ้านเราต้องเข้มแข็ง คนไทยก็น่าจะสร้างเครดิตให้ดีกว่านี้นะ ไม่ไป abuse วีซ่าเขาน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
1. ก็ต้องให้เมืองไทยครองโลก เราก็จะออกกฏ ระเบียบปฏิบัติได้เอง
2. คนไทยช่วยกันเคารพกฏหมายเหมือนที่ประเทศที่เจริญแล้วทำ พอโพรไฟล์คนชาติไทยดี สิทธิ(สิด-ทิ)ก็มีสิทธิ(สิด)ได้ตามมา


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ผมมาสารภาพผิดครับ

เมื่อกลางปีที่แล้ว ผมได้เข้ามาตอบกระทู้หนึ่งในห้องนี้ว่า วีซ่าจีน ทำง่ายมากๆๆ
แค่กรอกแบบฟอร์ม รูปถ่าย1ใบ ให้ messenger วิ่งไปส่งเช้า... บ่ายจ่ายเงินรับวีซ่าได้เลย

หลังจากนั้นมาเพียงไม่กี่เดือน สถานทูตจีนเปลี่ยนนโยบายใหม่เลย
จากที่เคยขอแบบ multiple 1ปีได้ เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว ออกให้ได้เฉพาะ แบบ double อายุ2 เดือนเท่า
แถมยังต้องมี ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และที่อยู่หรือห้องพักของโรงแรมที่จองใว้แล้ว มาแสดงด้วย

....ยังสมน้ำหน้าตัวเองอยู่เลย....


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
http://variety.teenee.com/foodforbrain/7011.html

"กระทรวงต่างประเทศเผย คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ , อยู่ได้ 14-90 วัน
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เผยคนไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา(วีซ่า) เพื่อเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 19 ประเทศ โดยสามารถพำนักอยู่ได้ตั้งแต่14-90 วัน เอกสารเผยแพร่ ระบุว่ากรมการกงสุล ขอแจ้งสถานะล่าสุด ณ วันที่ 14 ม.ค. เกี่ยวกับการยกเว้นวีซ่า สำหรับคนไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดาว่า ปัจจุปันไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศจำนวน 19 ประเทศ
ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 90 วันได้แก่ อาร์เจนตินา , บราซิล , ชิลี , เกาหลีใต้
และเปรู
ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 30 วันได้แก่ ฮ่องกง , อินโดนีเซีย , ลาว , มาเก๊า , มอง
โกเลีย , มาเลเซีย , มัล ดีฟส์, รัสเซีย, สิงคโปร์,แอฟริกาใต้และเวียดนาม
ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 21 วันได้แก่ ฟิลิปปินส์
ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 15 วันได้แก่ บาห์เรน
ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 14 วันได้แก่ บรูไนฯ
จึงเรียนมาเพื่อรับทราบโดยทั่วกัน"

น่าจะมีประเทศเพิ่มขึ้นแล้วนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ขอบคุณครับ คุณ : Mojo-Joey แล้วมีประเทศไหนมาบ้านเรามาระยะสั้นแล้วต้องเสียค่าวีซ่าบ้างครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ขอแย้งคุณ Been There หน่อย ที่บอกว่า เรื่องพาสต์ปอร์ตไม่ใช่ปัญหา
ขอแค่มี "เงิน และ เวลา" ผมเนี่ยหล่ะ ยืนยันเลยว่าไม่จริง
ผมเคยไปขอวีซ่าประเทศหนึ่ง มีเงินมากพอ ทั้งค่าโรงแรม และค่าตั๋วเครื่องบิน มีเวลามากพอ เพราะขอล่วงหน้า 3 เดือน
แต่เค้าไม่ให้ เพราะบอกว่า "ไม่มีความน่าเชื่อถือว่าคุณเข้าไปประเทศแล้วจะกลับออกมา"


อีกกรณีหนึ่ง ขออีกประเทศหนึ่ง มีเงิน และมีเวลาเหมือนเดิม
ขอเป็น Multiple ไป แต่เค้าให้ Single มา เพราะบอกว่า ไม่รับพิจารณากรณีให้ระยะยาว
ต้องขอใหม่ทุกๆ ครั้งที่จะเดินทาง


เพราะฉะนั้น คนที่ถือพาส์ตปอร์ตไทย มีเงิน มีเวลา ก็ไม่ได้วีซ่าเสมอไป


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เงินและเวลานี่แหละ ประเด็นความยุ่งยากเลย

ถ้าจะคิดจะให้เขาอนุญาต ให้คนไทยเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า
คงพัฒนาหลายด้านมาก
ทั้งความมั่นคง
ความสัมพันธ์กับประเทศนั้นๆ ซึ่งไม่ใช่แค่การให้หมีแพนด้า หรือจับมือกันออกทีวี
เศรษฐกิจ
และพฤติกรรมของคนไทยเอง ชอบโดดวีซ่า ชอบแอบทำงาน อย่างนี้ลืมไปได้เลย
สรุปคือเป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้เวลานานค่ะ
หน่วยงานเล็กๆคงทำอะไรไม่ได้มาก


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
มีเงินมากไป โดนเช็คอีกนะ ทำไมมีเยอะ จ่ายภาษีครบรึเปล่า ฟอกเงินรึเปล่า ทำอะไรผิดกฏหมายรึเปล่า ขนเงินเข้า/ออกนอกประเทศยังไง สเตทเม้นเคลื่อนไหวยังไง ลงทุนในอะไรบ้าง ที่ไหน มีเกี่ยวข้องกับแบล็คลิสต์รึเปล่า ซวยเลย ต้องรัดกุม

ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
คุณ seabreeze_psu คะ ขอบคุณที่กรุณามาแชร์ค่ะ สำหรับดิฉันแล้วเรื่องขอวีซ่าไม่เคยมีปัญหา
และในปัจจุบันนี้ดิฉันมีวีซ่าระยะยาว สามารถเข้าออกได้อย่างน้อย 3 ประเทศแบบมัลติเพิ่ลมานานแล้ว
และตั้งแต่เดินทางมาหลายสิบปี ไม่เคยโดนสถานทูตของประเทศไหนปฏิเสธวีซ่า ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าเพื่อ
ไปเรียน หรือเพื่อไปท่องเที่ยว เพราะดิฉันจะแพลนเรื่องเอกสารรัดกุมมากๆ และ ตอบทุกอย่างตามจริง
หรือเขียนจดหมายอธิบายความเป็นไปให้สถานทูตทราบค่ะ

และขอยืนยันค่ะว่า เงิน (ที่จะต้องนำมาใช้ในการเดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่ายานพาหนะ
ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง) และ เวลา (เวลาว่างที่จะเอาไปใช้ในการเดินทาง) สำคัญที่สุดค่ะ

หลายๆ ทริปที่อยากไปดิฉันไม่สามารถไปได้ เพราะไม่มีเวลาไป หาคิวลงไม่ได้ หรือเมื่อหาเวลาไปได้
แต่สภาพภูมิอากาศของปลายทางนั้นๆ ไม่เหมาะสมต่อการไปท่องเที่ยวก็มีบ่อยๆ ค่ะ หรือ หลายๆ ที่
กว่าจะหาเวลาไปได้ แต่สถานที่นั้นๆ มีอันเป็นไปแล้วก็มีค่ะ

และขอยืนยันว่าดิฉันเห็นมามากสำหรับคนที่ถือพาสปอร์ตประเทศฝรั่ง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ที่สามารถเดินทาง
ไปไหนๆ ได้มากมายโดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าแต่ไม่เคยไปไหนเลย หรือนานๆ ทีปีหนเดินทางออกไปดูโลก
ภายนอกทีนึงค่ะ แบบนั้นหน่ะมีไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

มีคนไทยในประเทศไทยมากมายที่เขาต้องขอวีซ่าไปหลายๆ ประเทศแต่เขาเดินทางกันเป็นว่าเล่นค่ะ
ขึ้นเครื่องบินเหมือนขึ้นรถเมล์ไปไหนๆ หรือ คนในประเทศฝรั่ง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ที่ไม่เคยไปไหนเลยที่ไม่มี
พาสปอร์ตเลยก็มีนะคะ หรือ ยกตัวอย่างคนอเมริกัน ไม่ใช่ว่าพลเมืองอเมริกันทุกคนจะมีพาสปอร์ต
หรืออย่างนางซาร่าห์ เพ-ลิน นักการเมืองอเมริกัน ที่ลงแข่งขันชิงตำแหน่งรอง ปธน. ตอนหาเสียง
เห็นมีข่าวออกมาว่าเธอไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลย ทั้วๆ ที่ตอนนั้นเธอมีอายุ 40 ต้นๆ แล้ว

สำหรับดิฉันแล้ว การขอวีซ่าถือเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางค่ะ และการผจญภัยในทริปต่างๆ ของดิฉัน
ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่การหาข้อมูลยื่นวีซ่า การเตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่า และการไปขอวีซ่าค่ะ
ดิฉันชอบไปแผนกวีซ่าของสถานทูตต่างๆ ไปสังเกตการณ์ค่ะ และหลายๆ ครั้งได้เรียนรู้จากตรงนั้น
เยอะมากๆ เช่นว่าประเทศไหนป็อบปูล่าแค่ไหน เจ้าหน้าที่ของสถานทูตไหนทำงานกันอย่างไร
ขั้นตอนของสถานทูตไหนสะท้อนถึงวัฒนธรรมและเมนทาลิตี้ของคนชาตินั้นๆ อย่างไร
หรือมีคนไทยประเภทไหนบ้างที่ไปขอวีซ่า ขอประเภทไหน ได้ง่ายหรือไม่ หรือโดนปฏิเสธเพราะอะไร

สนุกค่ะ และการเดินทางของดิฉันเริ่มตั้งแต่ยังไม่ออกนอกประเทศเลย เพราะได้ออกไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ
ที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน และดิฉันชอบคิดบวกค่ะ จึงสามารถมองเห็นอะไรหลายๆ อย่าง
ที่คนอื่นเห็นว่าเป็นอุปสรรค หรือเป็นเรื่องน่าน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ดิฉันเอามันมาพลิกกลับให้เป็นการเรียนรู้

//ดิฉันเข้ามาแชร์นะคะ ไม่ได้เข้ามาว่าอะไร แต่แค่แชร์ในมุมของตนเองค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
คุณ Been there, done that! ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจอะไรเลยค่ะ แค่สื่อว่าเข้าใจอารมณ์จขกท เท่านั้นเอง
ส่วนตัวก็ไม่เคยโดนปฏิเสธวีซ่าที่ไหนเหมือนกัน และก็แพลนวีซ่ารัดกุมเหมือนกัน
แค่บางอารมณ์ที่รู้สึกอยากทำอะไร spontaneous กระโดดขึ้นรถไฟปารีสไปเดินสวย ๆ กิน macaron แล้วกลับนี่ทำไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเป็นกระโดดขึ้นรถไฟไป scotland แทน


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ขอแชร์เพิ่มเติมว่า บ่อยๆ ครั้งที่ดิฉันเดินทาง ดิฉันเห็นคนไทยที่ถือพาสปอร์ตของประเทศร่ำรวยอื่นๆ ด้วย
ถือพาสปอร์ตไทยด้วย เวลาต่อคิว ต.ม. ทั้งที่ๆ สนามบินในประเทศไทย และ ท่่สนามบินประเทศอื่นๆ
ชอบถือสองพาสปอร์ตคู่กัน โดยที่เอาพาสปอร์ตอื่น (เช่นที่เคยเห็นมา คือ พาสปอร์ตอังกฤษ, อเมริกัน,
เยอรมนี, ญี่ปุ่น_แต่ที่พบบ่อยมากๆ คือคนไทยที่ถือพาสปอร์ตอเมริกัน และ อังกฤษ) คนพวกนี้ชอบถือ
สองเล่มซ้อนกัน และเอาเล่มของประเทศรวยๆ ไว้บน ทับพาสปอร์ไทยเอาพาสปอร์ตไทยไว้ล่างค่ะ
ถือไม่ถือเปล่าเฉยๆ แต่คนพวกนี้มักจะชอบมองไปรอบๆ ด้วยว่าจะมีคนอื่นเห็นหรือเปล่าว่าเขาถือ
พาสปอร์ตสองเล่มนะ บางคนที่ดิฉันเห็นมาทำกิริยาหยาบคายเอาเท้าเขียกระเป๋าเวลาเข้าคิวด้วยค่ะ
คือไม่ถือกระเป๋าแต่เอาวางไว้บนพื้น แล้วเวลาที่คิวเลื่อน เขาก็เอาเท้าเขี่ยกระเป๋าทำเท่ห์ค่ะ เหมือนว่า
ตัวเองคูลมากๆ ถือพาสปอร์ตสองเล่มสองสัญชาติแล้วเอาเท้าเขี่ยของไปด้วย

ซึ่งการเข้า-ออกประเทศต่างๆ นั้น ยื่นแค่เล่มเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ นอกเสียจากว่าคุณจะถือพาสปอร์ต
ของสัญชาติเดียวกันเกิน 1 เล่มเนื่องจากว่ามีวีซ่าเก่าอยู่ในเล่มเดิมที่ยังไม่หมดอายุซึ่งต้องให้ ต.ม.
ประเทศนั้นๆ ดูนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
เอ่อ ขอโทษนะครับ ไม่ใช่จะอะไรกับคุณนะครับ แต่ท่ีคุณยกมาว่ามีหลายคนท่ีถือพาสปอร์ตประเทศรวยๆ แต่ไม่เคยใช้เลย คือ อันนี้ ผมว่า มันคนละประเด็นอ่ะครับ เพราะทุกประเทศมันก็ต้องมีคนท่ีไม่มีพาสปอร์ท หรือไม่เคยเดินทางไป ตปท อยู่แล้ว แต่ท่ีผมยกมาน่ี เปรียบเทียบเฉพาะกับคนท่ีมีพาส และได้ใช้อ่ะครับ

แล้วท่ีคุณบอกว่า คุณถือพาสไทย แต่ไม่เคยมีปัญหา อันนี้อาจจะเป็นเพราะ คุณมีพร้อมทุกอย่างแล้วไงครับ แล้วคุณคิดว่า คนท่ีถือพาสไทยแล้วไม่มีปัญหาแบบคุณน่ีเป็น ส่วนน้อย หรือ ส่วนใหญ่ของคนท่ีถือพาสไทยครับ คนท่ีเค้าไม่ได้รำ่รวยท่ีทำงานเพ่ือเก็บเงินไปเท่ียวยังมีอีกมาก ครับ อันนี้ ไม่ได้ต่อต้านคุณนะครับ แค่แสดงความเห็นเฉยๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
คุณ PuppyPower คะ กระโดดขึ้นรถไฟยูโรสตาร์จากลอนดอน ข้ามไปกิน Macaron อร่อยๆ ทั้งที่
ปารีส และ ที่บรัสเซลส์ดิฉันทำมาแล้วค่ะ และถือพาสปอร์ตไทยนี่แหละค่ะ แต่มีวีซ่าขอล่วงหน้านะคะ
ถ้าคุณอยากทำแบบนั้นต้องแพลนค่ะ คือต้องเข้าใจสถานะพาสปอร์ตของตนเอง

ถ้าคุณ PuppyPower อยากทำอะไรที่ Spontaneous แบบนั้น คุณสามารถกลับมาทำได้ที่เมืองไทย
ทุกเมื่อค่ะ ดิฉันขึ้นเครื่องบินไปซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนที่เวียตนามซิ่งไปหาเฝออร่อยๆ กินกันค่ะ

หรือขึ้นเครื่องไปสิงคโปร์ไปดูคอนเสิร์ทดีๆ ดูโชว์ดีๆ หรือแค่ขึ้นเครื่องไปฮ่องกงแค่เอาเสื้อ
Shanghai Tang ไปส่งซ่อม หรือแค่ขึ้นเครื่องไปกัวลาลัมเปอร์เพื่อไปตามหาซีดีของ
Shanghai Tang ที่ๆ สาขาอื่นๆ หมดแล้วแต่มีเหลือที่ KL ค่ะ

หรือบ่อยๆ ที่ดิฉันอาจจะแค่ขึ้นเครื่องไปเวียงจันท์ หรือไปจาการ์ต้า เพื่อไปแค่นั่งทอดหุ่ยนั่งไถไอแพด
ดื่มกาแฟที่ร้าน Joma หรือไปกินซี่โครงแกะทอดของร้านคริสตัลเจดซึ่งมีขายแต่ที่สาขาจาการ์ต้า
เพราะที่สาขาในประเทศอื่นๆ แถบเอเชียมีแต่ซี่โครงหมูค่ะ แต่ที่จาการ์ต้า เป็นเมืองมุสลิม เขาจึงใช้
ซี่โครงแกะแทนซี่โครงหมู มันเป็นซี่โครงแกะแบบมุสลิมผสมจีนฮ่องกงที่อร่อยมากๆ เอาซี่โครงแกะ
ออสเตรเลี่ยนมาแลกดิฉันก็ไม่ยอมค่ะ

ดิฉันเข้าใจ คุณ PuppyPower เข้าใจคุณ จขกท. ค่ะ แต่อยากจะบอกว่าประเทศในโลกนี้มีเกิน 200
ประเทศ และยังมีอีกหลายประเทศที่คนไทยไม่ตองขอวีซ่าค่ะ และสถานที่เที่ยวดีๆ มีของอร่อยๆ
มีโรงแรมหรูหรา มิได้มีแต่ประเทศในยุโรปตะวันตก หรือประเทศร่ำรวยค่ะ

ดิฉันจะบอกว่าประเทศอินเดียที่คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าจนๆ สกปรกหน่ะ ดิฉันไปทีไรกลับมาจนทุกทีค่ะ
หรือก่อนจะไปก็ต้องให้แน่ใจว่าตัวเองมีเงินพอที่จะจ่ายค่าโรงแรมดีๆ ค่าอาหารดีๆ ค่าช้อปปิ้งของสวยๆ
เริ่ดๆ ค่ะ ดิฉันไปเที่ยวอินเดียแต่ละทริปเนี่ยค่าใช้จ่ายน้องๆ ทริปยุโรป หรือทริปญี่ปุ่นค่ะ

ประเทศทุกประเทศในโลกนี้มีคุณค่าเท่ากัน และ พลเมืองทุกสัญชาติในโลกนี้มีคุณค่าเท่ากันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
คุณ btdt จะบอกว่าเคยเห็นเหมือนกันท่ีถือพาสสองเล่ม แล้วโชว์พาส ท่ีไม่ใช่พาสไทยให้คนเห็น แล้วมองว่าจะมีคนมองมั้ย ผมว่าไม่เห็นจะเท่เลย ดูแล้วตลกอ่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
คุณ ted_chen ยินดี และ ขอบคุณค่ะ ดิฉันขอบคุณที่เข้ามาแชร์กันค่ะไม่ได้เห็นว่าต่อต้านเลย
แต่เห็นว่าแต่ละคนมีมุมมองมีความคิดในเรื่องเดียวกันคนละแบบตามแต่ประสบการณ์ค่ะ
หลากหลายดี และ เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านค่ะ อะไรก็แล้วแต่ที่มีหลากหลายความคิดเห็น ดีกว่า
ความคิดเห็นเดียวค่ะ

ส่วนเรื่องถือสองพาสปอร์ตไว้ในมือ แล้วโชว์พาสปอร์ตอื่นทับพาสปอร์ตไทย ดิฉันก็เห็นว่าไม่เท่ห์เช่นกันค่ะ
แต่มองว่าคนที่ทำแบบนั้นเขามี Self-Esteem ไม่สูงค่ะ ถึงต้องหาเรื่องมาเสริมเซลฟ์
เพราะเขาคิดไปเองว่าถ้าทำแบบนั้น Self-Esteem คงสูงขึ้น แต่จริงๆ แล้วไม่เลย เพราะคนที่เขาดูออก
เขามองว่าไม่เท่ห์จริงๆ ค่ะ

ปูลู เห็นชื่อคุณ ted_chen ทีไรแล้ว นึกถึงดาราลูกครึ่งฮ่องกง-แคนาเดี้ยน "เฉินกว้านซี่" ที่คนไทย
เรียกว่า "เทพเฉิน" tep_chen ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
เอาหล่ะ ไหนๆ ก็มีคนเข้ามาคุยกันเยอะ ขอเล่าแบ่งบันกับสิ่งที่เจอมานะครับ
ถือพาสต์ปอร์ตไทย ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย แต่บางทีมันก็เจอเรื่องที่ขำไม่ออกนะ

ผมเคยไปประชุมที่ต่างประเทศกับหัวหน้า บินออกจากไทยพร้อมกัน ไฟลท์เดียวกันนี่แหล่ะ
หัวหน้าผมเป็นคนอังกฤษ ไปโดยที่ไม่ต้องใช้วีซ่า ส่วนผมขอ Business Visa ถูกต้องเรียบร้อย
พอบินไปถึงสนามบินปลายทาง หัวหน้าเดินเข้าช่องตม. ยื่นหนังสือ ปั้มเสร็จเดินออกเลย
ส่วนผมคนไทย เดินเข้าไป ตม. เอาวีซ่าไปส่องคล้ายๆ แสงยูวี
แล้วถามว่าผมมาทำอะไร พอบอกว่าประชุม เจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารการประชุม ขอดูจมเชิญ ถามว่าพักที่ไหน ขอดูหลักฐานที่พัก ฯลฯ
กว่าจะผ่านตม.มาได้ หัวหน้าฝรั่งรออยู่ตั้งนาน จนเค้ารับกระเป๋ากันแล้ว
หัวหน้าฝรั่งถามว่า ทำไมของคุณรอนานจัง ผมก็พูดไม่ออก ได้แต่ยิ้ม


อีกครั้งหนึ่ง ผมแบกเป้เที่ยวคนเดียว จากกรุงเทพ ไปหาดใหญ่ มาเลเซีย แล้วก็เข้าสิงคโปร์ นั่งรถทัวร์ไป
ตอนที่นั่งรถจากมาเลเซียไปสิงคโปร์ มีคนมาเลย์ จีน คนไทย วัยรุ่นอังกฤษ 3-4 คน และออสเตรเลียอีก นิดหน่อย
พอไปถึงด่านสิงคโปร์ มีคนจีนโดนกักตัว เพราะคาดว่าแอบมาทำงาน
ส่วนผมคนไทยคนเดียว โดนกักตัวเหมือนกัน โดนค้นยาเสพติด รื้อกระเป๋าเทของออกมาทั้งหมด
แล้วเอากระดาษมาป้ายตามตัวตามมือ และกระเป๋า เพื่อตรวจหายาเสพติด


ส่วนคนฝรั่งและมาเลย์ ที่อยู่บนรถไม่มีใครโดนตรวจเลย
ทุกคนยื่นหนังสือเดินทางแล้วก็เดินข้ามชายแดนไปขึ้นรถได้เลย
แน่นอนว่า ผมไม่มียาเสพติด ไม่ได้ค้ายา ไปเที่ยวแบบบริสุทธิ์ใจ
แต่ทำไมผมต้องโดนตรวจขนาดนี้ ??? ทั้งๆ ที่ฝรั่งชาติอื่นๆ ก็มีค้าการยาเสพติดเหมือนๆ กับไทย
ถ้าผมถือพาสต์ปอร์ตประเทศอื่น ผมจะเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ย ???


คุณ Been There มันเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ กับการเปรียบเทียบกับประเทศที่เค้าดีกว่าเรา
แล้วทำให้เกิดอาการเซ็ง น้อยใจ ฯลฯ เพราะมันมีความต่างกันมากจริงๆ กับการถือพาสต์ปอร์ตไทยกับพาสต์ปอร์ตอังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น หรือประเทศที่พัฒนาแล้วหน่ะ

ที่คุณบอกว่า คนประเทศพวกนั้นมีเยอะไป ที่เค้ามีสิทธิ์ แต่ไม่เคยไปไหนเลย
อืม.... นั่นหมายถึง "ประชาชนประเทศเค้ามีสิทธิ์" ที่จะไปเทียว ไปทำธุรกิจที่ไหนก็ได้
แต่เค้าเลือกเองที่จะไม่ไปต่างหากครับ ไม่ไปเพราะไม่มีเงิน ไม่มีเวลา ฯลฯ


แต่ของไทยหน่ะมันตรงกันข้ามครับ
ประชาชนมีเงิน มีเวลา มีตั๋วเครื่องบิน "แต่คนไทย ไม่มีสิทธิ์" ที่จะไปไหน จะไปต้องขออนุญาตจากสถานทูตก่อน


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
อีกอย่างหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ผมคิดว่าสำคัญนะ
ประเทศพัฒนาแล้ว ฐานะก็ดีกว่าประเทศไทย ไปไหนไม่ต้องขอวีซ่า ประหยัดเงินค่า Visa Fee ไปได้ตั้งเยอะ


คนไทย และเอเชียประเทศอื่นๆ ต้องขอวีซ่าทุกครั้ง แถมค่าวีซ่าแต่ละครั้งก็ไม่ใช่ถูกๆ นะ
อย่าง Schegen ขอครั้งหนึ่งก็ 60 ยูโร บางสถานทูตไม่รับยื่นที่สถานทูต
ต้องยื่นผ่าน Agent โดนบวกค่า Administration Fee เข้าไปอีก รวมๆ แล้วเกือบ 100 ยูโร


นี่ยังไม่รวมค่าโทรศัพท์นัดเวลา ค่ารถไฟไปกลับตอนไปยื่นเอกสาร ค่าส่งไปรษณีย์
และที่สำคัญ ขอได้เป็น Single ด้วยนะ ถ้าปีนั้นมีธุระต้องเดินทาง 3 ครั้ง ค่าใช้จ่ายก็คูณ 3 เข้าไปอีก
บางทียังคิดเลยว่า ค่า Visa Fee บางทีแพงกว่าค่าเดินทาง ค่าโรงแรมอีก


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
แวะมาฟังคุณ seabreeze_psu เล่าค่ะ สิ่งที่คุณเคยเจอมาคนไทยหลายๆ คนก็เคยเจอค่ะ
ดิฉันเองเคยมีประสบการณ์เหล่านี้ เช่น

1. ออกจากฮ่องกง โดน ต.ม. ฮ่องกง กวักมือเรียกให้มาเคาน์เตอร์เหมือนหมูเหมือนหมา ทำหน้า
เหมือนปวดอึใส่ พอสแตมป์พาสปอร์ตไทยของดิฉันเสร็จ โยนกระแทกลงเคาน์เตอร์คืนให้ดิฉัน ทำกิริยา
หยาบคายมากๆ แต่ดิฉันก็ Say Hello, Say Thank You ให้มันค่ะ

จากนั้นจึงยืนรอสังเกตการณ์เมื่อผ่านออกมายืนข้างหลังเคาน์เตอร์ ต.ม. คนนั้นแล้ว เพราะเผอิญมีฝรั่ง
ถือพาสปอร์ตของประเทศพญาอินทรีย์ ต่ออยู่ข้าวหลังดิฉันพอดี ไอ่เจ้า ต.ม.ฮ่องกงคนนั้นมันทักฝรั่งค่ะ
แสตมป์พาสปอร์ตให้อย่างดี และวางคืนให้อย่างดี ไม่ได้โยนลงเคาน์เตอร์เหมือนที่มันทำกับดิฉัน

ที่ดิฉันทักและขอบคุณ ต.ม.คนนั้นที่ทำกิริยาหยาบกับดิฉัน เพราะดิฉันไม่ได้มีปัญหากับเขาค่ะ
และดิฉันถือว่าดิฉันเป็นคนท่่มาจากประเทศที่มีวัฒนธรรม และดิฉันเป็นคนที่มีการศึกษาและผ่่านโลก
มาพอสมควร เจอคนมาไม่น้อย เพราะฉนั้นไม่มีเหตุอันใดที่ดิฉันต้องไปหงุดหงิด หรือเอากิริยาเหล่านั้น
มาใส่ใจกับ ต.ม. โลกแคบค่ะ

2. เคยเจอ ต.ม. เกาหลีใต้ พูดจาด้วยเหมือนจะจับผิด ทำหน้าเยาะเย้ย พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันใส่
ดิฉันจึงตอบกลับเป็นสำเนียงผู้ประกาศข่าวบีบีซีเวิลด์ได้ทุกคำถาม พอ ต.ม. คนนั้นเปิดพาสปอร์ตดิฉัน
ออกมา หน้าว่างที่จะให้หล่อนสแตมป์แทบจะหาที่ลงไม่ได้ เพราะมันเต็มไปหมด ถึงแม้ว่าจะเป็น
พาสปอร์ตไทยชนิดที่แทรกเล่มเป็นกระดาษยาวๆ พับๆ หลายๆ แผ่นซ้อนกันหลายุดแล้วก็ตาม
ต.ม. เกาหลีก็ทำหน้าเจื่อนๆ ไปเลย

คือบางครั้งหน่ะ เราไม่ต้องไปลดตัวทำกิริยาี่ไม่ดีที่คนอื่นทำกับเราหรือคิดกับเรา ป่วยการค่ะ
ปล่อยให้สิ่งที่เห็นๆ ได้มันอธิบายแทนไปดีกว่า

3. ส่วนในการเข้าออก ออสเตรเลีย และในยุโรปแผ่นดินใหญ่หลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะตามประเทศ
ที่มีคนไทยไปอาศัยอยู่เยอะๆ ไปทำผิดกันเยอะๆ ดิฉันก็โดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษค่ะ ต.ม.บางประเทศ
มองดิฉันเหมือน้ป็นตัวอะไรก็ไม่ทราบ และทำหน้าเหมือนปวดท้องอึ ทำหน้าเหมือนสุนัขป่วยเวลามอง
หรือสมัยที่เด็กๆ กว่านี้ โดน ต.ม.พูดจาแบบกระลิ้มกระเหลี่ย หรือพูดภาษาไทยแบบโง่แบบคนไม่มีการ
ศึกษาใส่ก็มีค่ะ

แต่ดิฉันเตรียมตัวและ เตรียมใจไปเป็นอย่างดีไงคะ เอกสารต่างๆ แบบเดียวกับที่เอาไปขอวีซ่าใส่แฟ้ม
เตรียมพร้อมค่ะ และนอกจากจะพูดภาษาอังกฤษได้หลายสำเนียงแล้ว การรู้ภาษาอื่นๆ ทั้งของทางประเทศ
ในแถบเอเชีย และ ในยุโรปอย่างละนิดอย่างละหน่อย มันทำให้สถานะการณ์ไม่ได้เลวร้ายค่ะ

ดิฉันไม่เคยหงุดหงิดกับสิ่งเหล่านั้น และไม่โกรธ ต.ม. ด้วยค่ะ เพราะเขาทำตามหน้าที่ และเขามีหน้าที่
ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศของเขาค่ะ และ วีรกรรมของคนไทยในต่างแดน ดิฉันได้ยินมาเยอะมากๆ
ถ้าดิฉันเป็น ต.ม. ประเทศไหนๆ ก็แล้วแต่ ถ้าเจอคนไทยดิฉันก็จะเพ่งเล็งค่ะ เพราะเขาไม่ได้มารู้จักเรา
ไงคะ

ส่วนเรื่องมารยาท เรื่องกิริยาของ ต.ม. อันนั้นเป็นปัญหาของเขาค่ะ

ต.ม. ดีๆ หน่ะ มีค่ะ หลายประเทศด้วย ต.ม. ดีๆ ที่ดิฉันเคยเจอมา คือ ต.ม. อังกฤษ, ญี่ปุ่น,
ออสเตรเลีย และ สิงคโปร์

ฮ่าๆ แล้วขอเม้าท์หน่อยว่า ปกติแล้วหน่ะ ที่สิงคโปร์หาคนหล่อและคนสวยทำยายากมากๆ โดยเฉพาะ
ถ้าเป็นเชื้อสายจีน คนจีนที่สิงคโปร์หน้าตาไม่ดี บุคลิกภาพก็ไม่ดี แต่ดิฉันเคยเจอ ต.ม. สิงคโปร์คนนึง
เป็นคนสิงค์เชื้อสายจีน โอ้วแม่เจ้า หล่อและบุคลิกภาพดีมากค่ะ และพูดภาษาอังกฤษแบบ
Proper English สำเนียงดีด้วย เขาเตือนดิฉันว่า พาสปอร์ตใกล้หมดอายุแล้ว ให้ไปทำใหม่ได้แล้ว
แม่เจ้า และนั่นเป็นผู้ชายสิงคโปร์ที่เพอร์เฟ็คที่สุดที่ดิฉันเคยเจอมา นอกนั้นมีแต่เงือกกับปลาสลิดค่ะ


หลักๆ เลยนะคะคุณ เราต้องมองโลกในแง่บวก มองถึงหลักความจริง และต้องอยู่กับมันอย่างมีความสุขค่ะ

ส่วนคุณ ted_chen ที่บอกว่าดิฉันอาจจะมีพร้อมแล้วทุกอย่าง จริงๆ แล้วไม่นะคะ ไม่มีใครในโลกนี้ที่มี
พร้อมทุกอย่างหรอกค่ะ รวมทั้งดิฉันด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ชอบความคิดเห็นคุณ BTDT จัง

ตามประสบการณ์ผม เรื่องขอวีซ่าผมก็แอบเซงอยู่เหมือนกันน่ะครับ อย่างอีกสองเดือนจะไป trip ที่อังกฤษสามอาทิตย์ แล้วจะข้ามไปฝั่งเชงเก้น พาสปอร์ตไทยต้องมานั่งขอวีซ่าล่วงหน้าเยอะเเยะไปหมด เเต่เพื่อนสิงคโปร์ มาเล เกาหลี ญี่ปุ่น ไม่ต้องเตรียมตัวไรเลย ประเด็นคือ เสียเงิน กับ เสียเวลาอ่ะครับ -_-

เเต่ผมว่า พาสปอร์ตไทยก็ไม่ได้เเย่ไปซะทีเดียว คนอินเดีย จีนแผ่นดินใหญ่ เวียดนาม ศรีลังกา อินโด อะไรลำบากกว่าเราเยอะ ขอมากกว่าไทยอีก เค้าก็บ่นเหมือนเราเนี่ยเเหละว่า ถ้าเปลี่ยนสัญชาติได้ เค้าเปลี่ยนเเน่นอน


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ถ้าเราเป็นคุณ seabreeze_psu และ คุณ prun poa เราจะภูมิใจในตัวเองมากๆ ที่ได้ทำงาน
เคียงบ่าเคียงไหล่คนจากประเทศที่พัฒนาแล้ว และ เวลาที่เจ้านายไปเมืองนอก หรือเวลาที่บริษัท
ส่งคนไปประชุมหรือไปดูงานที่เมืองนอก แล้วเขาเลือกคุณไปหน่ะ บริษัทเขามองข้ามเรื่องขอวีซ่าไปด้วย
และบริษัทให้คัณลางานไปขอวีซ่า ถ้าไปทำงานบริษัทก็ออกค่าวีซ่าให้ด้วย ทำงานออฟฟิส แล้วได้มีโอกาส
เดินทางไปหลายๆ ประเทศกับงานหน่ะ เหนื่อยค่ะ เหนื่อยมากๆ แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับคุ้มค่ามากมาย
มหาศาลค่ะ

เพราะถ้าคุณไม่สามารถใช้ภาษาต่างประเทศได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้ภาษาอังกฤษ 1 ภาษาเป็นพืันฐานเลย
หรืออาจจะรู้ภาษาที่ 2, 3 ด้วย เราอ่านดูแล้วเราว่าพ่อหนุ่มสองคนนี้เก่งอ่ะ และ ไม่ต้องควรจะมีเรื่องขอ
วีซ่ามาให้น้อยใจเลย เชื่อยายเถอะค่ะคุณๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ประเทศทุกประเทศอาจจะมีค่าเท่ากันแต่ความชอบของคนไม่เหมือนกันค่ะ ^^
สถาปัตยกรรม อาหาร ทัศนียภาพ ของพวกนี้ที่คนเลือกที่จะไปมัน subjective ค่ะ
เอามาวัดคนทุกคนไม่ได้
อินเดีย เวียดนาม จีน เป็นอะไรที่เราไม่ได้อยากไปเลย ไม่เกี่ยวว่ามันไม่แพงไม่ไป แต่เกี่ยวที่ว่าสิ่งที่ประเทศเหล่านี้สามารถจะ offer ได้มันต่างกัน เราอาจจะไม่เคยไปประเทศเหล่านี้แต่เราเลือกที่จะเอาเงินไปเที่ยวประเทศที่เราชอบหลาย ๆ ครั้งแทน แต่ว่าแย่หน่อยที่ต้องขอวีซ่า แต่ก็ไม่เป็นไร เราก็ยอมรับกติกามาตั้งนานแล้วไม่เคยตีอกชกตัวนะคะ แค่เคยคิดว่า ถ้าทำแบบนี้ได้ก็คงดี

ตอนนี้ก็อยู่เมืองไทยค่ะเรียนจบแล้ว กลับมาทำงานแล้ว
เวลาเที่ยวเรื่อยเปื่อยแบบสมัยนักเรียนน้อยลงเพราะว่างานรัดตัวมาก แต่ก็challenging ไปอีกแบบ
ก็มีเวลา plan trip ได้เป็นขั้นเป็นตอนเมื่อได้หยุด วีซ่าไม่ขัดข้องไม่ลำบากเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ค่ะ คุณ PuppyPower ขอบคุณที่มาแชร์กันอีกครั้งค่ะ ความชอบของคนเราไม่เหมือนกันจริงๆ ค่ะ
ดิฉันเองไปยุโรปแผ่นดินใหญ่มาหลายครั้งหลายเมืองแล้ว และไปยูเคมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ดิฉันเฉยๆ
กับยุโรปค่ะ ยุโรปสำหรับดิฉันไม่ว่าจะไปทางไหนก็คล้ายๆ กันหมด มีต้นไม้ ภูเขา มีโบสถ์ฝรั่ง
ตามเมืองฮิตๆ ก็มีแต่คน มีแต่นักท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่ช้อปปิ้งก็คล้ายๆ กันหมด หรือเมืองแต่ละเมือง
ในยูเคก็มีรูปแบบเหมือนกันหมด คือมีโบสถ์ มีที่จอดรถระยะสั้น ระยะยาว หรือมี Park and Ride
นอกเมือง จากนั้นก็มีไฮ สตรีท และร้านค้าที่ไฮ สตรีท ก็คล้ายๆ กันทั่วประเทศ หรือไม่ว่าจะขับรถไปเมือง
ไหน รูปแบบของร้านข้างทางที่พักข้างทางคล้ายๆ กันหมด

ยุโรปสำหรับดิฉันหน่ะ ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ ไม่มีวิญญาณค่ะ เพราะหลายๆ อย่างเป็นอะไรที่คาดเดาได้หมด

ดิฉันเองเลือกที่จะเสียเงินไปในที่ๆ น่าสนใจต่างๆ ในเอเชีย เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เนปาล ภูฏาณ
เวียตนาม ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ศรีลังกา พม่า ลาว ซึ่งมีความหลากหลายทางด้านชนเผ่า
ทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร มากกว่าค่ะ และหลายๆ ที่ในเอเชียแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่สามารถคาดเดาได้เลย

แต่ Don't get me wrong ค่ะ ดิฉันยังคงไปยุโรปอยู่ทุกปี ไปยุโรปมาราวๆ ยี่สิบปีเห็นจะได้แล้ว
ปีไหนอย่างไม่ไปเลยคือไป 1 หนเท่านั้น

ไปยุโรปไปกิน ไปช้อปปิ้ง และ ไปทำธุระส่วนตัวค่ะ ดิฉันชอบไปลอนดอน ปารีส ไปกิน ไปช้อป ไปดู
นิทรรศการ ดูหนัง ดูละคร ส่วนประเทศใน ยุโรปที่ดิฉันชอบและเห็นว่าน่ารักมาก คือ โปรตุเกสค่ะ ส่วน
หลายๆ ประเทศในยุโรปแล้วไม่คิดจะกลับไปอีกค่ะ เพราะเห็นว่าน่าเบื่อ ขาดจิตวิญญาณของความเป็นเมือง
ค่ะ ดิฉันชอบความวุ่นวายชอบชีวิตจริงๆ แบบเอเชียค่ะ และรากฐานของดิฉันอยู่ที่เอเชีย และมีความสุขมากเวลาท่องเที่ยวในเอเชีย เพราะได้เจอพี่ เจอเพื่อน เจอน้อง เจอญาติห่างๆ ทางสายเลือด ศิลปะ วัฒนธรรม และการกินอยู่


ตอบกลับความเห็นที่ 32