โดนใบขาว ยื่นวีซ่า CR1 กากบาทตรง Other

วันนี้ มีนัดสัมภาษณ์ตอน 7โมงเช้าที่สถานฑูตฯ อเมริกาค่ะ
ก็เตรียมเอกสารไปทุกอย่างตามที่ได้เข้ามาอ่านในฟอรั่มของพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้องๆ ทุกคน
ที่มีประสบการณ์มา

เอกสารที่เตรียมไปก็มีดังนี้
1. แฟ้มประวัติของเราเอง
2. แฟ้มประวัติของแฟนของเรา
3. แฟ้มเกี่ยวกับการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแฟนและเรา ซึ่งตรงนี้มีปัญหา เพราะ
เท่าที่อ่านในฟอรั่ม ต่างบอกกันว่า ไม่ต้องใส่แฟ้มให้เอาคลิปดำหนีบ ๆ เพราะเดี๋ยวจะมี
ปัญหาตอนยื่นเอกสารในช่องที่ 5
เอกสารที่อยู่ในแฟ้มก็มีดังนี้ค่ะ
a. รูปถ่ายอันน้อยนิดที่ถ่ายสมัยไปเที่ยวกัมพูชา กับตอนที่ไปอยู่ที่เกาหลี
b. เอกสารทางไปรษณีย์ที่ทางแฟนส่งมาให้ แล้วทางเราส่งไปซึ่งเพิ่งจะได้ส่งกันเอาตอนสิงหา กันยา นี่เอง
c. การ์ดวันวาเลนไทน์ปีนี้ค่ะ
d. จดหมายแสดงความสัมพันธ์ระหว่างที่อยู่ในประเทศเกาหลี ซึ่งมีเพื่อน (คนเกาหลี) รับรองว่า
และ
จดหมายแสดงความสัมพันธ์ระหว่างที่อยู่เกาหลีโดยมีเพื่อนเป็นคนไทยที่ไปเรียนอยู่ที่นั่นรับรองว่า
ในระยะเวลา 2 ปี คือ 2009-2011 นั้น ทั้งเราและแฟน ต่างมีความสัมพันธ์กันฉันแฟน (ตัวจริง)
e. พาสปอร์ตเล่มเก่าของเราซึ่งมีแสตมป์การเดินทางเข้าออกเกาหลีเป็นระยะ ๆ รวมทั้งสำเนาพาสปอร์ตของ
แฟนซึ่งทำงานอยู่ที่เกาหลีเหมือนกัน ในระยะเวลา 2009-2011
f. เอกสารที่แฟนเขียนถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ประเทศเกาหลี เพื่อแสดงว่า ในช่วงเวลาที่เราเข้ามา
พำนักพักพิงที่ประเทศเกาหลีใต้นั้น เราได้อาศัยอยู่กับแฟน พร้อมด้วยสำเนาพาสปอร์ตของแฟน แนบท้าย
g. สำเนาจดทะเบียนที่ประเทศเกาหลี พร้อมแปลภาษาอังกฤษ รวมทั้งสำเนาที่ลงในหนังสือพิมพ์ที่รัฐ Kentucky
ว่า เรากับแฟนเราได้จดทะเบียนที่ประเทศเกาหลีใต้ ณ เมือง Changwon City วันที่ 19 ธ.ค 2011
h. หนังสือพิมพ์ฉบับจริง ที่รัฐ Kentucky มีรูปเราและแฟนโชว์ขึ้นหราที่หน้า B-7 ลงวันที่ 12/8/28
หนังสือพิมพ์ของ Leader-News พร้อมด้วยสำเนาที่ลงในหนังสือพิมพ์
i. หน้าใน Facebook ที่แสดงว่า ทั้งเราและแฟนแต่งงานกันที่ เกาหลีใต้ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2011
รวมทั้งหน้าที่เราพูดคุยกับญาติพี่น้องทางแฟนของเรา อีกทั้งการตอบรับการเป็นเพื่อนของเรากํบแฟนของเรา
ใน Facebook ซึ่งแฟนส่งสำเนารูปของเรากับแฟนของเราที่อยู่ใน Facebook มาด้วย
j. Payable on Death ของแฟน ซึ่งถ้าแฟนของเราเสียชีวิต เราจะเป็นผู้ได้รับมรดก 2 ธนาคาร
k. เอกสาร insurance ซึ่งมีทั้งชื่อเราและชื่อของแฟนอยู่ในเอกสารนั้นด้วย
l. เอกสาร e-mail ที่ส่งถึงกัน แต่มีเพียงแค่หัวเรื่อง คือ Subject เท่านั้น ว่า แฟนเราส่งหัวเรื่องมาว่าอะไร
และเราได้ส่งหัวเรื่องกลับว่าอะไร แต่ไม่มีรายละเอียดข้างในว่า ได้เขียนอะไรข้างใน โดยเริ่มตั้งแต่
09/1/11 ที่เราเริ่มคุยกันทาง e-mail
m. เอกสาร e-ticket Itinerary ลงวันที่ 10/5/25 เพื่อเดินทางไปเกาหลี ด้วยสายการบิน Korea air ส่งไปให้แฟน
n. เอกสารการโอนเงินจาก Western Union ลงวันที่ 09/8/23
o. Corporate One น่าจะเป็นเอกสารการโอนเงิน ระหว่างแบงค์ของแฟนกะแบงค์ของเรา เมื่อ 12/3/19
q. Wire Transfer Request เป็นเอกสารการโอนเงินอีกเช่นเคย มีประมาณ 3-4 แผ่น รวมทั้ง กระดาษแผ่นเล็ก ๆ
สีเหลือง ซึ่งแฟนบอกว่า น่าจะเป็นเอกสารการโอนเงินและยอดคงเหลือ
r. E- ticket ในการเดินทางไปหาแฟนเมื่อวันที่ 10/1/9
s. เอกสารการแชท ใน MSN เมื่อ 09/12/10.. และเอกสารการแชททางสไกด์ตั้งแต่วันที่ 12/3/19-12/9/19

ลำดับแรก เราก็เข้าไปแลกบัตรโดยนำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ข้างนอก นอกนั้นเอาเข้าไปในสถานฑูตฯ หมด

ลำดับต่อไป ได้ไปยื่นเอกสารที่ช่อง 6 ยื่นเอกสารแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแฟน และ บัตรประชาชนตัวจริงอีกทั้ง ทะเบียนบ้านตัวจริงด้วย

จากนั้นก็นั่นรอ

จนช่องที่ 5 เรียกคือเราเป็นคนแรก เป็นผู้ชายฝรั่ง ถามว่า

ฝรั่ง : คุณรู้จักกันครั้งแรกที่ไหน
นกยูง : ได้ยินไม่ถนัด เลยขอให้บอกอีกครั้ง
ฝรั่ง: คุณรู้จักกันครั้งแรกที่ไหน
นกยูง : ในอินเตอร์เน้ตค่ะ ในเว็บไซต์ Tagged.com
ฝรั่ง : แล้วคุณเจอเค้าครั่งแรกเมื่อไหร่
นกยูง : 27 พค. 2009 ค่ะ
ฝรั่ง : ตอนที่คุณรู้จักเค้า เค้าอยู่ที่ไหน
นกยูง : เคนตัํกกี้ ค่ะ
ฝรั่ง : แล้วทำไมเค้าต้องไปทำงานที่เกาหลี
นกยูง : เค้าไปเป็นอาจารย์สอนที่มหาลัย Changwon University ค่ะ
ฝรั่ง : ไหนขอดูใบเกิดตัวจริงคุณหน่อน
นกยูง ยื่นให้้ แต่เมื่อตอนยื่นเอกสารทาง NVC นกยูงได้ไปคัดลอกสำเนาสุติบัตรที่เขตปทุมวัน
ทำให้ตอนนั้น (เมื่อ 30 ปี ปี่แล้ว) ชื่อ มันมีแค่คำว่า ดญ. ...... ไม่มีชื่อ
พอยื่นตัวจริงไปให้ มันมีชื่อว่า "ดญ. อลิสรา" เท่านั้นแหละ
ฝรั่งก้โทรเรียกผู้ช่วยให้มาเปรียบเทียบเอกสารว่า มันใช่ตัวจริงหรือไม่ พร้อมผุ้ช่วยยัง
นำเอกสารตัวจริงที่มีชื่อเราไปถ่่ายเอกสารเก็บไว้
ฝรั่ง : ตอนคุณอยู่เกาหลี คุณได้ทำงานหรือเปล่า
นกยูง : เปล่าค่ะ ไม่ได้ทำงาน เพราะถือวีซ่าเป็นนักท่องเที่ยว ไม่สามารถทำงานใด ๆ ได้อยู่แล้ว

จากนั้น ฝรั่ง ก็ดู เอกสารทะเบียนสมรสที่เกาหลีพร้อมถามว่า "เนี่ย ตัวจริง หรือสำเนา"
นกยูง : ตัวจริงค่ะ พร้อมยื่นสำเนาให้ดู

จากนั้น ฝรั่งก็พิจารณาแกรมกระดาษ พร้อมเรียกผู้ช่วยมาช่วยดูอีกทีในการตรวจสอบแกรมของกระดาษ
ได้ยินว่า จะนำไปแสกน

ฝรั่ง : แฟนคุณอยู่เกาหลีปีอะไรบ้าง
นกยูง : ปี 2009-2011 ค่ะ
ฝรั่ง : แล้้วตอนนี้เค้าอยู่ไหน
นกยูง : อยู่เคนตั็กกี้ค่ะ
ฝรั่ง : แฟนกลับอเมริกาตั้งแต่เมื่อไร
นกยูง : ปี 2012
ฝรั่ง :แฟนทำงานอะไร
นกยูง : เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษให้เด็กนักเรียน ในหลักสูตร ESL ที่ Western Kentucky University
พร้อมยื่นเอกสารให้ฝรั่งคนนั้นดู
ฝรั่ง: คุณมีเพื่อนไทยที่เกาหลีใช่ไหม
นกยูง : ใช่ ค่ะ เรียน post doctorate

จากนั้นฝรั่งก็เขียนอะไร ๆ เยอะแยะไปหมด พร้อมทั้งยื่นเอกสารคืน
อีกทั้งยังยื่นใบกระดาษสีขาว ซึ่งติ๊กตรงคำว่า "OTHER" นั่นคือ
เอกสารอื่น ๆ ทั้งด้านความสัมพันธ์ หรืออะไร ๆ ก็แล้วแต่ ไม่ใช่เลย

ฝรั่งถามว่าเข้าใจมั้ย
นกยูงตอบว่า เข้าใจว่าไม่ผ่านวีซ่า แต่ไม่เข้าใจว่าำทำไม ในเมื่อเอกสารทุกอย่างครบหมด
หลักฐานแสดงความสัมพันธ์มี 7 files มี Tax return ที่เค้าต้องการ

นกยูงเดินมานั่งที่นั่งได้สักพัก เพราะยังงง ๆ กับกระดาษสีขาวที่บอกว่า ขาดคุณสมบัติ 221 (g)
แต่ไม่มีอะไรติ๊ก นอกจากคำว่า "Other"

นกยูงก็เดินไปถามฝรั่งคนเดิมว่า ที่ไม่วีซ่าไม่ผ่านเพราะต้องการเอกสารเพิ่มรึเปล่า
ฝรั่งคนนั้นกลับบอกว่า ไม่ต้องการ ผมมีหมดแล้ว เหลือแต่ผมเช็คเอกสาร กับสืบสวนเอกสาร

นกยูงก็ยังถามว่า เมื่อไหร่จะทราบผล
ฝรั่งตอบว่า เดี๋ยวทางสถานฑุตฯ จะโทรไป พร้อมกับถามว่า จะเอาพาสปอร์ตคืนหรือเปล่า
นกยูง ในสภาพที่เบาหวิว ณ ขณะนั้น ตอบไปว่า ไม่เอาค่ะ รอจนกว่าจะทราบผล

ที่พิมพ์มา เพราะต้องการว่า เอกสารสีขาวที่ได้รับ และที่กากบาท (ขีด)ตรงคำว่า "Other" มันคืออะไรค่ะ???

แล้วที่บอกว่าต้องรอสืบสวนก่อนคืออะไร???

หรือเพราะว่า นกยูงกับแฟนไม่ได้แต่งงานที่เมืองไทย เอกสารแต่งงานเป็นของประเทศเกาหลี เลยต้องมีการเช็คว่าได้แต่งงานจริงหรือไม่??
หรือเพราะนกยูง หลังจากแต่งงานแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลตามสามี ซึ่ง ในประเทศไทยไม่ได้มีกฏหมายกำหนดว่า
ผุ้หญิงที่แต่งงานแล้วจะต้องใช้นามสกุลสามีนี่คะ

แล้วอย่างนี้จะมีโอกาสผ่านหรือได้วีซ่า กี่เปอร์เซ์นต์ หรือ มีโอกาสที่จะไม่ได้วีซ่า กี่เปอร์เซ็น จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจคร่ำครวญแบบนี้
เพราะตอนนี้ fail มาก เนื่องจากจัดเอกสาร มา 3 อาทิตย์ แถมคิดว่าเอกสารแน่นมากพอดู

พอจะมีคำแนะนำบ้่างมั้ยคะ กับกระดาษสีขาว เพราะฝรั่งไม่ได้ขอเอกสารเพิ่มเติมอะไรเลยค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
เขาไม่ได้บอกปฏิเสธ ก็ยังมีสิทธิ์


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ก็เป็นไป ตามที่เจ้าหน้าที่บอกว่า ขอตรวจความถูกต้องของเอกสารก่อน คือเอกสารของเกาหลีว่า ถูกต้อง ของจริงหรือเปล่า เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่เกาหลี หรือคนเกาหลี ทำงานในสถานทูตอเมริกา คงต้องขอตรวจสอบก่อน เพราะเขาคงสงสัย ทำไมไม่จดทะเบียนที่ สถานทูตไทย หรือสถานทูตอเมริกา ทำไมไปจดกับเจ้าหน้าที่/สำนักงานของท้องถิ่น/ราชการของเกาหลีแทน ก็เลยต้องสืบสวนกันหน่อย กลัวแต่งงานปลอมหรือจ้างแต่งงานครับ

ใจเย็นๆๆ ครับ ถ้าเอกสารถูกต้อง และไม่เคยมีเคสตัวอย่างดังที่ว่า( False document/flake marriage) ก้คงผ่าน

ขอให้โชคดี ได้ไปเห็นฟาร์มไก่ ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าเค้ายังไม่คืนพาสปอร์ตจริงให้ น่าจะมีโอกาสเยอะ ถ้าถูกปฏิเสธ เค้าจะคืนให้หมดทุกอย่างที่เรายื่น เค้าคงต้องตรวจสอบไปที่เกาหลีก่อน รอหน่อยนะคะ เป็นกำลังใจให้ผ่านค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
221 g US visa refusal : จขกท ก็คงต้องทำใจละ ที่โดนอันนี้เพราะมันเป็นอำนาจของกงสุลที่มีความสงสัยไม่แน่ใจในเอกสารที่ยื่น แม้ว่าทาง USCIS จะทำการตรวจสอบและอนุมัติเบื้องต้นไปแล้วก็ตาม กฏข้อนี้สถานกงสุลเมกันในอินเดียใช้กับผู้ยื่นขอ K visa ในการพิจารณาเป็นเดือนๆแล้วจึงปฏิเสธ ก็ต้องบอกว่า จขกท ต้องทำใจเคสนี้โอกาสที่จะถูกปฏิเสธค่อนข้างสูง ทางกงสุลไม่ได้ทำการตรวจสอบเองหรอก แต่จะส่งเรื่องกลับไปยัง USCIS ให้ทำการตรวจสอบใหม่

กรณีนี้ระยะหลังเกิดบ่อยมาก เพราะมีการจ้างแต่งงานหรือแต่งงานหลอกเพื่อให้ได้ใบเขียวกันเยอะ ทั้งในและต่างประเทศเมกา


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ตอนนี้แฟนได้คุยกับทนาย ซึ่งบอกว่า ในเคสของเรา ไม่ได้ติด 221(g) เพราะเอกสารครบ ถูกต้องเรียบร้อยทุกอย่าง

เพียงแต่อาจจะสงสัยเรื่องว่า เอกสารทะเบียนสมรสของประเทศเกาหลี มันเป็นของจริงหรือของปลอม

เนื่องจากถ้าเราสัมผัสผิวกระดาษ ก็จะเหมือนกระดาษแกรม บ้านเราทั่วไป เพียงแต่มีรอยสแตมป์ปีแดง
และตัวหมึกที่เหมือนจะเขียนด้วยพู่กันจีน หน่ะค่ะ

ตอนนี้เลยพยายามทำใจรอ เพราะหลาย ๆ คนบอกว่า ให้รอ เจ้าหน้าที่ทางสถานฑูตฯ อเมริกา ที่ไทย
ติดต่อไปยัง สถานฑูตฯ อเมริกาที่เกาหลี หรืออาจจะติดต่อไปยังที่สำนักงานเขต เพราะมีเลขที่ จำนวน คนที่ไปจดทะเบียน ณ วันนั้นด้วย

แต่ที่คุณ คุณ : Rapier -- ส่วนใหญ่ จะไม่ผ่านหรอค่ะ??? แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี จะต้องเริ่มทำใหม่ทั้ง process เลยรีเปล่าคะ
ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า "ทั้งบ้านแฟน เพื่อนแฟน ญาติ ๆ แฟน เครียดกว่า บ้านของเราอีก เพราะทางโน้นเค้าหวังว่า
เราจะได้วีซ่า อีกทั้ง สิ้นปีนี้ แฟนจะบินมารับเราด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ก็คงต้องรอจนกว่าทางกงสุลเขาจะมีคำตอบมา เพราะถ้าเขา Request เอกสารเพิ่มโดยเขียนในช่อง Other แล้วตามด้วยเอกสารหรืออะไรที่ต้องการก็จะเป็นการขอเพิ่มเติม ซึ่งโดยมากแล้วผู้ยื่นเมื่อจัดเตรียมไปเพิ่มเติมแล้วก็ผ่าน แต่ในกรณี จขกท เขาไม่ขอเพิ่มแต่เป็นการตีเรื่องกลับคืนไปทาง USCIS ทำการตรวจสอบ

ในกรณีนี้ คิดว่าคงจะเป็นที่หลักฐานอันเป็นเอกสาร Original document ตัวทะเบียนสมรส/ระยะเวลาที่ได้พบปะอยู่ด้วยกัน/วิธีการที่ทำให้รู้จักกัน/พยานที่เป็นสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่นรูปถ่าย ถ่ายเมื่อไหร่ ระยะเวลาที่ถ่ายมนรูปแต่ละภาพ เป็นต้น เหล่านี้เป็นการสนับสนุนช่วยให้การพิจารณาของกงสุล ที่จะมั่นใจได้ว่า นี่เป็นการแต่งจริง เพราะพักหลังนี้ มีผู้ยื่นขอใบเขียวจากการแต่งงานปลอม มีผู้ใช้วีซ่าชั่วคราวผิดปะเภท เช่นวีซ่าท่องเที่ยวแต่หลบไปทำงาน เรียนหนังสือ ไม่ได้ไปเที่ยวจริง เลยทำให้เขาพิจารณาเข้มงวดขึ้นๆทุกๆวัน

จขกท รอคำตอบจากทางกงสุล หากถูกปฏิเสธก็ทำการ Appeal โดยต้องให้แฟนเป็นคนยื่น ขอให้โชคดีสมหวังครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
อ้อ ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณ Rapier... แต่ตรงที่เรายื่นไป ก็มีเอกสารเป็นจดหมายแสดงถึงความสัมพันธ์
ของเราทั้งสองคน โดย 1. คือ เพื่อนของแฟน ซึ่งเป็นคนเกาหลี ทำงานร่วมกันตั้งแต่ปี 2009-2011
และ 2. คือ เพื่อนคนไทย ที่เราไปรู้จักที่นั่น เพราะเค้าไปเรียน post doctorate เป็นหลักฐานว่าเรา กับ สามีเราคบกัน ตั้งแต่ปี 2009-2011 ด้วยค่ะ

เอกสารตรงนี้ ทางสามีได้ส่งไปให้ทาง USCIS แล้วก็ผ่านไปทาง NVC เรียบร้อย... ส่วนตรงที่เรามี
ก็จะเป็นเอกสารที่เป็นสำเนาไว้ยื่นเผื่อทางเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ถามค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
หลักฐานพยานบุคคลที่เป็นเพื่อนเกาหลี หรือเพื่อนคนไทย กงสุลคงไม่ได้ถือเป็น Solid evidence ไม่เหมือนพวกรูปถ่ายที่ถ่ายในแต่ละช่วงเวลา หรือหลักฐานการติดต่ออื่นๆ ที่ไม่สามารถทำขึ้นมาย้อนหลังได้ แต่จดหมายจากเพื่อนนี่จะทำขึ้นมายังไงก็ได้ เขาถึงไม่ถือเป็นหลักฐานสำคัญ เคยมีเคสนึง เขาก็โดนแบบเดียวกัน ผู้ยื่นต้องไปหาหลักฐานที่เป็นรูปถ่ายไปถ่ายในงานเพื่อนๆและโชคดีที่เพื่อนยังเก็บไว้ได้อยู่ เท่าที่ดูรู้สึกว่า ที่สำคัญต้องสามารถชี้แจงให้ได้ว่า ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันจริงๆนั้น อยู่กันที่ไหน อยู่กันนานอย่างไร ? อันนี้มั๊งที่กงสุลเขากังขา


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
กำลังจะแต่งงานเหมือนกันคะไม่ทราบว่าผลเป็นไงบ้าง รบกวนถามอีกหน่อยค่ะว่าเขาเช็คหน้าfacebookเราด้วยเหรอคะ ขอบคุณล่วงหน้าคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
พอดีหนูไปสัมภาษณ์มาแล้ว แต่ทางกงสุลให้ยื่นเอกสารเพิ่ม และหนูก็ส่งไปแล้ว ถึงวันที่ 3 กันยายน หนูจะต้องรออีกนานแค่ไหนค่ะ หนูจะได้รับพาสปอร์ตกับวืซ่าค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 10